ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KISS KISS KISS ;; MarkNior ft. 2Jae

    ลำดับตอนที่ #8 : Episode 7 กีฬาสีนี้มีอะไร

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 58


    หมายเหตุ : ปั่นสดอีกแล้วอ่ะ เดี๋ยวค่อยมาตรวจคำผิดคำพลาดนะกั๊ป อย่าโกรธนะถ้าอ่านเจอ อิอิ

     

     

     

    Episode 7 กีฬาสีนี้มีอะไร

     

     




     

    งานกีฬาสีของโรงเรียนนานาชาติฮวารังได้มาถึงแล้ว บรรยากาศนั้นเริ่มคึกคักตั้งแต่หน้าโรงเรียนจนถึงในตัวโรงเรียนตั้งแต่เช้า สนามการแข่งขันสำคัญได้เตรียมพร้อมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในตอนนี้เวลาเก้าโมงเช้า ทุกห้องก็ได้มาต่อแถวตามสีของตัวเองในโรงยิมซึ่งมีท่านผู้อำนวยการพุงพลุ้ยเป็นผู้เปิดงานตามแบบแผน

    โรงเรียนนานาชาติฮวารังมีทั้งหมด 3 ลำดับชั้นที่สอนในระดับมัธยมปลาย รวมทั้งสิ้น 15 ห้อง ชั้นปีละ 5 ห้อง และแต่ละห้องนั้นได้แยกเป็นสีชัดเจนคือ ปี 1-3 ห้อง A อยู่สีเดียวกันคือสีขาว ห้อง B อยู่สีม่วง ห้อง C อยู่สีเขียว ห้อง D อยู่สีแดง และสุดท้ายคือห้อง F อยู่สีน้ำเงิน

    เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่มีนักเรียนมากนัก กีฬาที่แข่งขันกันก็มีเพียงแค่ไม่กี่อย่าง แต่จะเน้นกิจกรรมเสริมที่เน้นถึงการร่วมแรงร่วมใจกัน โดยก่อนหน้านี้ในสามวันที่แล้วก็เริ่มมีการแข่งรอบคัดเลือกบาสเกตบอลและวอลเลย์บอลทั้งหญิงและชายจนได้ทีมที่ลงแข่งนัดชิงชนะเลิศในวันนี้แล้ว

    “และในบัดนี้ งานกีฬาสีประจำปีที่ 25 ของโรงเรียนนานาชาติฮวารังก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ขอให้นักเรียนทุกคนจงตั้งใจแข่งขัน เพื่อกำชัยชนะมาสู่ทีมของตนเอง สู้สู้!” สิ้นของของท่านผู้อำนวยการ เสียงปรบมือเกรียวกราวของคณาจารย์และนักเรียนก็ดังกระหึ่มขึ้นพร้อมกับดนตรีของวงดุริยางค์ก็เริ่มบรรเลงเปิดงานกันคึกคักสร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนจริงๆ

    “เฮ้ยมาร์ค!” แจ็คสันกระทุ้งศอกใส่สีข้างมาร์คเบาๆ แล้วหลิ่วตาให้มองไปอีกด้านของสีขาว “ฉันเห็นแจบอมมันจ้องนายตาไม่กะพริบเลยว่ะ หันไปดูสิ”

    ไม่แค่มาร์คที่หันไปแม้จินยองและยองแจที่อยู่ด้วยกันก็หันไปดูด้วย แล้วก็พบว่าแจบอมกำลังมองมาจริงๆ โดยข้างๆ มียูคยอมและทีมบาสเกตบอลทั้งหมด แน่นอนว่าฝีมือระดับนั้นย่อมได้เข้าสู่รอบชิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    มาร์คทำเป็นไม่สนใจดวงตาไม่เป็นมิตรของคู่แข่ง เขาทำเป็นจัดชุดพละแขนกุดสีแดงให้เข้าที่ด้วยมาดเก๊กๆ ใส่แจบอม แล้วหันกลับมาแล้วแย่งลูกบาสในมือแจ็คสันมาจับทุ่มอย่างไว้ท่าก่อนจะปั่นหมุนบนปลายนิ้วโชว์ให้จินยองดู

    “นายนี่มันกวนประสารทคนเก่งจริงๆ เลยนะ” จินยองเอ็ดเบาๆ แต่ก็ไม่วายเผลอยิ้มออกมาจนได้ เขาไม่มีทางรู้หรอกว่ารอยยิ้มแบบนั้นมันทำให้อีกคนเจ็บปวดแค่ไหนสำหรับคนที่ไม่ได้ครอบครองมัน

    “มองไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก” ยูคยอมเอ่ยขึ้นพลางตบหลังคนเหม่อเพื่อเรียกสติ

    แจบอมหยุดมองตามรอยยิ้มแสนน่ารักของจินยอง เขาเหลือบไปเห็นยองแจที่กำลังมองมาที่เขาเหมือนกันราวกับจะส่งกำลังใจมาให้

    “อีกไม่กี่ชั่วโมงคงได้รู้แพ้รู้ชนะกันแล้วล่ะ และแน่นอนว่าทีมเราจะต้องชนะ!” ยูคยอมบอกกับแจบอมอย่างเชื่อมั่น รอยยิ้มมีชัยผุดยิ้มและส่งมองไปยังเพื่อนร่วมทีมทั้งหมด “พวกเราล้วนเป็นตัวจริงของทีมบาสของโรงเรียน พวกเราจะต้องชนะเพื่อศักดิ์ศรีของพวกเรา!!

    “ใช่... เพื่อศักดิ์ศรีของพวกนาย แล้วก็เพื่อความสุขของฉัน!!

    แจบอมกดยิ้มอย่างมาดมั่น เขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะเอาชนะการแข่งขันครั้งนี้ได้ และเมื่อถึงตอนนั้นอะไรๆ ที่คิดไว้มันก็จะง่ายขึ้นเมื่อไม่มีมาร์คคอยเป็นเสี้ยนหนามหัวใจ

     

     


































     

    หลังจากแยะย้ายออกจากการเปิดงานในโรงยิมแล้ว แต่ละคนต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง ในช่วงเช้านี้มีแข่งวิ่งชนิดต่างๆ หนึ่งในนั้นก็มีจินยองที่ร่วมแข่งวิ่งพลัดด้วย มาร์คเองก็เหมือนกัน ส่วนอีกสองคือแบมแบมและเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ชื่อจองกุก ส่วนยองแจที่เล่นกีฬาไม่ค่อยเก่งนักไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริการของสีอยู่ที่เต็นส์ ส่วนแจ็คสันไปซ้อมกับคนอื่นๆ สำหรับบาสเกตบอลรอบชิงในช่วงบ่าย

    “อ้าว จินยองหายไปไหนซะแล้ว ฉันเผลอแป๊บเดียวก็หายไปเลย” มาร์คเริ่มบ่นพลางหันซ้ายหันขวาแต่ก็ไม่เจอ ทั้งๆ ก่อนหน้านี้ก็นั่งอยู่ด้วยกัน

    “ถ้าเป็นพี่จินยองละก็เพิ่งเดินออกไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้เองครับ ไปกับจองกุกสองคน” แบมแบมที่อยู่ตรงนั้นรีบตอบหน้าแชล่ม

    “อ่าฮะ...” เขาพยักหน้ารับพลางคิดตามอย่างระแวงหน่อยๆ แต่ก็ได้คำตอบกับตัวเองว่ามันช่างตลกสิ้นดีที่คิดอะไรบ้าบอแบบนั้น

    “พี่มาร์คนี่ท่าจะหวงพี่จินยองมากเลยนะครับ ต้องให้อยู่กับตัวตลอดเวลาเลย”

    “ก็คงอย่างนั้นแหละ” มาร์คไม่ปฏิเสธใดๆ เขาหันไปหาอีกคน “นายเองก็น่าจะรู้ดีว่ามีคนไม่ค่อยหวังดีกับจินยองไม่น้อย สาเหตุมันก็มาจากฉันล่ะนะ เพราะงั้นฉันเลยไม่อยากให้เขาอยู่ห่างไกลสายตาเท่าไหร่”

    ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มน้อยๆ ของมาร์ค น้ำเสียงที่อ่อนโยนเวลาที่เอื้อนเอ่ยถึงชื่อของจินยองนั้นมันราวกับกระแสไฟอ่อนๆ ที่แล่นริ้วเข้าไปสะกิดหัวใจของคนฟังให้ไหวสะท้าน ชั่วแวบเดียวเท่านั้นที่แบมแบมเผลอแสดงความต้องการที่จะครอบครองมัน

    “พี่มาร์ควางใจเถอะครับ จองกุกเองก็ไปด้วย โอ๊ะ นั่นไงมาโน่นแล้วครับ” แบมแบมชี้ให้อีกคนมอง

    มาร์คมองตามไปก็เห็นจินยองและจองกุกที่เป็นรุ่นน้องกำลังเดินใกล้เข้ามา เขาลุดพรวดกระโดดโหยงๆ เข้ามาตะครุบกอดร่างบางแทบจะทันที (จองกุกผู้รู้งานเรีบวิ่งถลาไปหาเพื่อนรัก)

    “อะไรกันเนี้ยมาร์ค ทำตัวอย่างกับลิง”

    “ไม่ต้องมาว่าเลยนะ นี่ๆๆๆ” มาร์คเอาจมูกโด่งๆ ไปยู่ที่แก้มเนียนๆ ของร่างบางไม่ให้ตั้งแล้วก่อนจะขยี้ผมนุ่มๆ นั้นให้ยุ่งเหยิงอย่างหมั่นเขี้ยว “โทษฐานที่ไปห้องน้ำโดยไม่บอกฉันก่อน ห้ามบ่นโอเคมั้ย”

    “ไอ้บ้า!!” เจ้าของแก้มแดงค้อนหน้ายักษ์ใส่แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะสุดท้ายตัวเองก็ต้องระเบิดยิ้มออกมาด้วยความเขินจัด

    “ถึงบ้า แต่ก็น่ารักนะ”

    “หน้าไม่อาย!!

    มาร์คและจินยองหยอกล้อกันสองคนราวกับว่าที่ตรงนั้นมีเพียงพวกเขาเท่านั้น ทั้งคู่คงไม่รู้เลยว่ามีสายตาบางคู่ที่กำลังมองมาด้วยความริษยาอันแรงกล้า

    “การแข่งขันวิ่งผลัดชายกำลังจะเริ่มในไม่ช้านี้แล้ว ขอให้นักกีฬาลงสนามได้แล้ว” เมื่อกรรมการคุมสนามประกาศผ่านไมค์ นักกีฬาแต่ละสีก็เริ่มทยอยลงไปในสนามแข่งรวมทั้งทีมของจินยอง เพื่อทำการรายงานตัวและเข้าประจำที่

    “จองกุก สู้ๆ นะเพื่อน” แบมแบมส่งกำลังใจให้เพื่อนรัก

    “ฉันจะวิ่งให้สุดกำลังเลย เชื่อใจได้” จองกุกบอกอย่างขึงขัง ตัวเขาเองก็เป็นคนวิ่งเร็วอยู่แล้ว แถมต่อไปมีคิววิ่ง 100 เมตรด้วยซ้ำ เรื่องพวกนี้ทุกคนต่างรู้ดีและมีความเชื่อมั่นให้จองกุกอย่างเต็มเปี่ยม

    แบมแบมเป็นไม้ที่สอง ส่วนมาร์คเป็นไม้ที่สาม และไม้ที่สี่เจ้าของนักวิ่งลมกรดสมัยเรียนมัธยมก็คือปาร์คจินยองอย่างแน่นอน

    “จินยองงี ฉันจะส่งไม้ให้นายไวๆ เลยนะ ถ้าชนะเดี๋ยวให้จูบฟรีๆ 5 ทีเลย”

    “ไอ้บ้า พูดจาแบบนี้อีกแล้วนะ ไปเลย รีบไปประจำที่ได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนตัดสิทธิ์หรอก” จินยองดุพลางปัดมือไล่เจ้าคนหน้าทะเล้นที่ยังเอาแต่เล่นไม่หยุด

    มาร์คทำท่าส่งจูบไปให้ก่อนจะรีบวิ่งไปประจำที่ไม้สามของตัวเอง โดยมีคนค้อนขวับหน้าร้อนผ่าวของข้างหลัง ตอนนี้จินยองมีความสุขจริงๆ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ก็ตาม

    เมื่อทั้งสี่จุดให้สัญญาณว่าพร้อมแล้ว กรรมการผู้อยู่จัดปล่อยตัวนักวิ่งไม้ที่หนึ่งก็เข้ามาประจำที่ ณ จุดเริ่มต้น

    “เอาล่ะ เข้าที่!

    เขาสั่ง นักกีฬาทั้งหน้าสีก็ปฏิบัติตามเข้ามาในเส้นสตาร์ทในท่าเตรียมพร้อม

    “ระวัง...”

    จองกุกจ้องมองไปยังเบื้องหน้ารวบรวมสมาธิให้จิตใจสงบนิ่งรอฟังเสียงจากปลายกระบอกปืนของกรรมการ

    ปัง!!!

     

     








































     

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตอนแข่งวิ่งผลัดนี่ชนะหวุดหวิดเลยนะว่ามั้ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

    มาร์คระเบิดหัวเหราะออกมาทั้งที่ยังเคี้ยวตุ้ยๆ อาหารอยู่ในปาก แต่ถึงจะทำตัวน่าตีขนาดนั้นเขาก็ยังดูดีทำให้เจ้าร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ นึกหมั่นไส้อยู่เหมือนกัน

    หลังจากหมดช่วงเช้าทั้งคู่ก็ออกมาหาที่สงบๆ กินข้าวด้วยกันสองคนที่ห้องเรียนซึ่งตอนนี้ไม่มีใครมาเป็นก้างขวางคอทั้งนั้น การแข่งขันวิ่งผลัดชนะไปอย่างหวุดหวิด ส่วนจองกุกเองก็ยังชนะวิ่ง 100 เมตรชายอีก ส่วนรายการที่เหลือก็มีได้ที่หนึ่งบ้างที่สองบ้าง ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับความสนุกและหยาดเหงื่อที่ได้จากการแข่งขัน

    “ไข่ม้วนนี่ของโปรดเลย อร่อยสุดๆ” มาร์คชมไม่ขาดปาก เคี้ยวไปก็ชมไปไม่หยุด

    “กินดีๆ สิ เดี๋ยวก็เลอะหรอก” ไม่ดุเปล่า จินยองยื่นมือน้อยๆ เข้าไปเช็ดเม็ดข้าวที่ติดอยู่มุมปากสวยๆ ของมาร์คอย่างเบามือ

    มาร์คหยุดหัวเราะไปในบัดดล แววตาคมเลื่อนมองการกระทำของร่างบางจากมือสวยๆ จนมาถึงใบหน้าหวานที่เริ่มรู้สึกว่าเพราะรู้ว่าตัวทำอะไรลงไป

    “จินยองทำแบบนี้ทำให้เราดูเหมือนผัวเมียกันเลยนะ”

    “บ้าสิ! ใครเหมือนเมียนายกันไม่ทราบ!” จินยองทำเป็นปากแข็ง ไม่หนำซ้ำยังเอานิ้มจิ้มปากพล่อยๆ นั่นซะให้เข็ด

    “ที่นายทำให้ฉันไง ยังไงฉันก็ว่าเหมือนนะจินยอง” มาร์คยกกล่องข้าวน่ารักๆ ขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา “วันนี้นายอุตส่าห์ตื่นมาแต่เช้ามาทำข้าวกล่องให้ฉันกิน แบบนี้มันจะไม่เหมือนผัวเมียได้ยังไง”

    จินยองเถียงไม่ออก ปากสวยเบ้น้อยๆ อย่างไว้ท่า ก่อนจะทำเนียนใช้ตะเกียบคีบกุ้งจากกล่องของอีกคนไปกินหน้าตาเฉย

    “นิสัยไม่ดี!” มาร์คเอ็ดกลับบ้างพร้อมกับส่งตะเกียบไปคีบเอากุ้งจากจินยองคืนมาใส่ปากของตัวเองอย่างว่องไว

    “นายมาร์ค!!

    “ถือว่าหายกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

    เสียงหัวเราะแหลมๆ ที่ผิดจากเสียงห้าวต่ำๆ ของมาร์คทำให้จินยองพลอยขำไปด้วย คนอะไรถึงได้หัวเราะเสียงตลกขนาดนั้น

    ร่างบางส่ายหน้าเอือมปนขำ แต่ก็ทำใจดีคีบทั้งกุ้งและไข้ม้วนส่วนของตัวเองให้มาร์คไปหลายชิ้น “ฉันให้นายไปเลย กินเยอะๆ จะได้มีแรงแข็งบาสนะ”

    “น่ารักที่สุด!

    “เพราะถ้านายแพ้มา ฉันจะเตะนายให้ขาเดี้ยงเลย” จินยองแยกเขี้ยวพร้อมยกขาขึ้นเป็นการขู่ แต่มีหรือว่าจะทำให้อีกคนกลัวได้ 

    “แบบนี้ก็ยังน่ารักที่สุด!!” มาร์คยังคงทะเล้นได้อีก 

    “กินๆ ไปเลยอย่าพูดมาก!

    “จ้า จ้า กินนี่ก่อนแล้วค่อยกินจินยองงีก็ได้”

    “ไอ้บ้า ไอ้ทะลึ่ง ไอ้ลามก!

    “แต่ก็ชอบใช่มั้ยล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

    เสียงหัวเราะ... จินยองหัวเราะออกมาได้ทั้งๆ ที่กำลังคุยกับคนที่เขาเอาแต่สบถด่า คนที่ชอบพูดจาบ้าๆ หลงตัวเอง จินยองหัวเราะออกมาทั้งๆ ในอีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็จะมีการแข่งขันนัดสำคัญระหว่างมาร์คกับแจบอม ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ในตอนนี้จิตใจกลับโปร่งโล่งรู้สึกดี ราวกับว่าความสัมพันธ์ที่เหมือนกับเชือกเส้นบางๆ ระหว่างเขาและมาร์คมันขึ้นเหนียวแน่นขึ้นแม้อาจมองไม่ได้ด้วยตาเปล่า

     

     

     





























     

    อีกมุมหนึ่งของโรงเรียน ณ โรงยิมเก่าที่ไม่ค่อยได้ใช้งานแล้ว แจบอมอยู่เพียงลำพังเอาแต่ฝึกอยู่อย่างไม่ลดละ ใจจดใจจ่ออยู่กับลูกบาสและห่วงกลมๆ จนไม่รู้ตัวว่าสิ่งมีชีวิตหนึ่งกำลังย่างสามขุมเข้ามาใกล้แล้ว เป็นยองแจนั่นเอง

    “พักสักหน่อยเถอะ ซ้อมไม่หยุดเดี๋ยวก็หมดแรงเอาหรอก”

    เป็นจังหวะที่ลูกบาสลอยตัวและดิ่งลงห่วงอย่างสวยงามพอดี แจบอมหยุดสนใจการซ้อมแล้วหันไปหาเพื่อนรัก เขายิ้มออกมาทันทีที่เห็นอะไรในมือคนตรงหน้า

    “มาทานมื้อเที่ยงซะก่อนนะ ดูท่าทางจะไม่ได้กินอะไรเลย” ยองแจชูห่อผ้าที่บรรจุกล่องข้าวเย็นขึ้นมาล่อ เป็นของที่ทำเองมาให้เจ้าเพื่อนคนนี้ทานเป็นประจำอยู่แล้ว

    ท่ามกลางความเงียบ ทั้งคู่ขึ้นไปนั่งทางด้วยกันที่ม้านั่งข้างสนามบ้าน แจบอมที่ชอบรสมือของยองแจอยู่แล้วก็ยัดใส่ปากกินอย่างเอร็ดอร่อยไม่พูดไม่จา โดยมียองแจคอยส่งน้ำให้เวลาอาหารติดคอ

    “ขอบใจนายมากนะ อย่างน้อยๆ ก็มีนายที่อยู่ข้างฉัน” แจบอมเอ่ยหลังจากกระเดือกน้ำอึกสุดท้ายจนหมด อาหารก็เกลี้ยงกล่อง

    “ก็นายเป็นเพื่อนฉันนี่นา ถ้าไม่อยู่ข้างนายแล้วจะให้ไปอยู่ข้างใครล่ะ” ยองแจบอมด้วยรอยยิ้มละมุน แม้จะรู้ตัวว่าเป็นได้แค่เพื่อน แม้จะรู้ว่าคนที่เขาทุ่มเทให้ไม่ใช่ตัวเองแต่ก็ยังส่งใจให้ไปอย่างไม่สิ้นสุด แม้อยากจะหยุดมันแต่ก็ทำไม่ได้ ไอ้ความรู้สึกแบบนี้นับวันมันยิ่งก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จนบางทีก็คิดว่าอาจจะมีสักวันที่ไม่อาจปกปิดมันไว้ได้เหมือนกัน

    “แจบอม...”

    “หือ?” เขาหันไปหาคนข้างๆ ยิ้มคอยท่ารอฟัง

    “สมมตินะ แค่สมมติเท่านั้น ถ้าเกิดว่านายแพ้ นายจะตัดใจจากจินยองจริงๆ มั้ย”

    คนถูกถามหุบยิ้มไปในทันที รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจจนจุกไปชั่วขณะหนึ่ง แต่สุดท้ายแจบอมก็ยิ่งยิ้มออกมาได้แม้จะไม่เต็มปาก “ฉันไม่ได้คิดเรื่องนั้นหรอก เพราะฉันมีความมั่นใจว่ายังไงก็ต้องชนะทีมของมาร์คอย่างแน่นอน ต้องชนะอย่างแน่นอนนายเข้าใจมั้ย”

    “นายชอบจินยองมากจริงๆ สินะ” ยองแจถามด้วยเสียงแผ่วเบาจนเกือบจะขาดห้วง ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าอีกคนด้วยซ้ำ หัวใจที่เต้นเร็วแรงนั้นรู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่ก็ยังอยากจะถามให้ช้ำเติมบาดแผล  

    “ใช่ ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบใครมาก่อนเลย แค่ได้เห็นหน้า ได้รับรอยยิ้ม ได้พูดคุยก็รู้สึกหัวใจพองโตจนแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาทำให้ฉันเหมือนจะเป็นบ้า ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลยนายรู้มั้ย”

    “รู้สิ ไม่งั้นฉันจะเป็นเพื่อนนายได้ยังไงล่ะ” พูดออกไปทั้งที่หัวใจปวดร้าวเกินจะทนได้ไหว ยองแจรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อช่วยยิ้มของเขานั้นไม่อาจจะทำงานได้อีกต่อไปแล้ว ในฝืนยิ้มออกไปไม่ได้ได้แล้วจริงๆ

    “งั้นฉันไม่กวนนายแล้วนะ ฉันเองก็ต้องมีซ้อมร้องเพลงปิดงานอีก” ยองแจบอกพร้อมกับเก็บกล่องข้าวใส่กระเป๋าแล้วลุกขึ้น ท่าทีแปลกๆ จนแจบอมสะดุด

    “นายเป็นอะไรไป ทำหน้าแปลกๆ เหนื่อยอะไรมารึเปล่า?”

    “ก็เปล่านี่นา ฉันไปก่อนนะ อ้อ อย่าซ้อมอีกนะเดี๋ยวไม่มีแรงแข่ง” ไม่รอให้อีกคนเริ่มสังเกตอากัปกิริยาที่ควบคุมไม่อยู่ ยองแจรีบหมุนตัวก้าวฉับๆ ไปอย่างรวดเร็ว ได้ยินแต่เสียงของแจบอมที่ลอยตามมา

    “ยองแจย่า ขอบใจมากนะสำหรับข้าวกล่อง นายคือเพื่อนรักของฉันจริงๆ ยองแจย่า!

    และแล้วน้ำตาที่เฝ้าอุตส่าห์อดกลั้นก็พรั่งพรูออกมาเป็นสายอย่างห้ามไม่ได้และไม่คิดจะห้ามอีกต่อไป ยิ่งได้ยินสิ่งที่แจบอมตะโกนมาว่าเป็น “เพื่อนรัก” มันก็ยิ่งสะเทือนหัวใจ ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมไม่เจอกันในสถานะอื่น ทำไมต้องเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ทำไม...

    “หยุดร้องไห้ให้คนแบบนั้นได้มั้ย”

    เสียงหนึ่งดังขึ้นอยู่หน้าปากทางออกของโรงยิม เสียงยองแจรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร เสียงที่ทำให้ยองแจชะงักหันขวับไปพร้อมกับปาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเมื่ออย่างไรเสียก็ปิดบังเจ้าของเสียงนั้นไม่ได้อยู่ดี

    “แจ็คสัน...ทำไมนายมาอยู่ตรงนี้” ร่างบางถามทั้งที่มือยังคงปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ให้หมด

    แจ็คสันมองเห็นน้ำตาที่ยังเปื้อนเปรอะขอบตาและพวงแก้วอวบๆ นั้นก็ยิ่งอยากจะเอื้อมมือเข้าไปช่วยประคองเช็ด แต่เขาก็รู้ดีว่ามันคงทำให้ตัวเองโดนโกรธ

    “ยองแจ ไม่เหนื่อยบ้างเหรอที่ชอบแจบอม ทำไมไม่หันมาชอบคนที่ชอบนายมากกว่า คนที่พร้อมจะทำให้นายมีความสุขมากกว่าทำให้นายร้องไห้”

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ยองแจได้ยินคำพูดเหล่านี้จากเพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อแจ็คสัน เขารู้ดีว่าแจ็คสันรู้สึกยังไงกับเขา แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ต้องยอมรับความรู้สึกนั้นและยอมคบด้วย

    เป็นอีกครั้งที่ยองแจต้องทำเป็นเฉยชาต่อให้ความรู้ของแจ็คสัน แต่ก่อนที่จะเดินจากไปก็ได้ทิ้งคำพูดหนึ่งเอาไว้ คำพูดที่ทำให้เจ็บกับทั้งสองฝ่าย

    “แล้วนายล่ะแจ็คสัน ไม่เหนื่อยบ้างรึไง??”

     

     

     


     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป....

     

     

     

    ปั่นสดค่ะ ค่อยมาย้อนตรวจคำผิดย้อนหลังก็แล้วกันนะคะ สำหรับตอนนี้เอาไปน้ำจิ้มๆ เกริ่นๆ ตอนหน้าแข่งบาสแล้วล่ะ มาดูกันว่าทีมไหนจะชนะ ใครเชียร์ใครอยู่ก็บอกกันบ้างก็ได้น้า อิอิ (ตอนหน้าจะเป็นวัน ศุกร์ หรือวันอังคาร ก็ขึ้นอยู่กับเม้นเยอะป่าว --- นิสัยป่ะ) 55555555555

     

    พรุ่งนี้วันเกิดไรท์แหละ ไม่รู้จะได้มาอัพฟิคสกายฮาเร็มมั้ย แต่จะพยายามนะ

     

    ระบายต่อได้ในแท็ก #ฟิคตองคิส

     

     

    อัพเดต 21/7/2558

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×