คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Episode 17 เปลี่ยน
Episode 17 เปลี่ยน
ความหนาวเย็นของยามเช้ามาพร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดลอดเข้ามายังห้องนอนโปร่ง ยองแจผู้ตื่นเช้าเป็นกิจวัตรรู้สึกตัวอย่างง่ายดาย ความรู้สึกแรกที่สัมผัสก็คือไออุ่นที่ซึมผ่านมากับแผงอกของใบหน้าที่ซบอยู่ รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นมาก่อนที่จะห้ามได้ทัน
ยองแจค่อยๆ ขยับตัวให้ออกมาจากอกนั้นให้สะเทือนคนหลับน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถอยออกมานั่งจ้องมองแจบอมในระยะไม่ห่างนัก มือขวาเอื้อมเข้าไปวัดอุณหภูมิร่างกาย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำให้ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ยองแจมองดูนาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาหกโมงเช้า ก่อนจะทอดมองออกไปยังนอกหน้าต่าง แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ ขณะที่หันกลับมามองใบหน้าของแจบอมที่เริ่มมีเลือดฝาด
“คงหมดหน้าที่แล้วล่ะ แจบอม...ฉันกลับก่อนนะ” ยองแจบอกออกไปก่อนจะขยับลงจากเตียง
แต่แล้ว... ข้อแขนนุ่มๆ ก็ถูกคว้าหมับเอาไว้จากรวดเร็ว ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากแจบอมที่ลืมตาโพลง ค่อยๆ งัวเงียขึ้นมาราวกับเพิ่งตื่น
“นายเพิ่งตื่นเหรอ!” ยองแจอุทานเป็นคำถาม ขมวดเริ่มขมวดมองเพื่อนรักอย่างสงสัยปนระแวง
“ตื่นนานแล้ว แค่ไม่อยากลืมตา” แจบอมตอบเนือยๆ มุมปากมีรอยยิ้ม
แต่ทำตอบที่ได้รับไม่อาจทำให้ยองแจยิ้มตามได้ นอกจากจะไม่ยิ้มแล้วยังจ้องกลับตาเขียว “ตื่นนานแล้วงั้นเหรอ ตื่นแล้วทำไมไม่บอกห๊า ไอ้บ้านี่!”
“ก็มันไม่อยากลุกไง คนป่วย เรี่ยวแรงมันก็ไม่ค่อยมี อยากนอนพักนานๆ”
ยองแจหรี่ตามองอย่างจับผิด แจบอมที่เขารู้จักมากว่าสิบปีไม่เคยมีกริยาท่าทางทะเล้นแบบนี้กับเขาเลย แต่ทำไม... เหมือนมีบางอย่างแปลกไป
“ถ้านายอยากพักก็นอนพักต่อไปเถอะ โรงเรียนก็ไม่ต้องไปเดี๋ยวฉันลาให้ ตอนนี้ปล่อยฉันก่อน จะรีบกลับบ้านแต่งตัวไปโรงเรียน” ยองแจบอกเสียงดุ
แต่แจบอมกลับจับแน่นกว่าเดิม “ไม่ไปไม่ได้เหรอ...”
คิ้วของยองแจยิ่งขมวดแน่นมองหน้าคนถาม “ถามอะไรแปลกๆ ฉันหมดธุระแล้วก็ต้องกลับสิวะ จะให้อยู่ที่นี่กับนายต่อรึไง”
“ก็ใช่ไง นะๆ ยองแจนะ อยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อย คนป่วยไม่อยากอยู่คนเดียว”
“อยู่เป็นเพื่อน...งั้นเหรอ?” ยองแจทวนคำน้ำเสียงเรียบ
“ไม่ได้เหรอ...”
คนถูกถามชั่งใจคิด ดวงตาที่จดจ้องมานั้นทำเอาหัวใจของยองแจสั่นไหวอย่างห้ามไม่ได้ มันน่าโมโหตัวเองจริงๆ ที่ต้องมาอยู่กับสภาพแบบนี้ สภาพแอบรักที่ไม่อาจต้านทานต่ออำนาจนี้ได้
ไม่ได้ยองแจ นายจะทำร้ายตัวเองซ้ำๆ แบบนี้ไม่ได้!!
เสียงหนึ่งย้อนขึ้นมาในใจพร้อมกับเสียงมือถือของยองแจที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มันดังอยู่โต๊ะหนังสือของเจ้าของนั้นเอง ยองแจสลัดความคิดฟุ้งซ่านแล้วรีบลงจากเตียงไปหามือถือ และรับมันโดยหันหลังให้กับเตียง
“ว่าไงแจ็คสัน โทรมาแต่เช้าเลย” ยองแจรับสาย โดยที่เจ้าตัวรู้ตัวไม่รู้เลยว่าการที่เผลอเน้นเสียงคำว่า “แจ็คสัน” ออกมานั้นส่งผลให้อีกชีวิตในห้องต้องชักสีหน้าไม่พอใจ หูก็คอยเงี่ยฟังว่าเขาพูดอะไรกันบ้าง
“ไม่ลืมๆ เอาไว้เจอกันนะ อื้ม โอเค บาย...”
ยองแจวางสายไปแล้ว วางไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ แต่พอเก็บมือถือแล้วกันกลับมาหาอีกคนในห้องเท่านั้นแหละ แววตาที่ฉายแววหงุดหงิดของแจบอมก็ทำเอาต้องชะงัก
“เดี๋ยวฉันจะลงไปอุ่นข้าวต้มให้ก่อนกลับ นายอย่าลืมลงไปกินล่ะ จะได้กินยาด้วย เจ้าแจยอนจะได้ไปโรงเรียนแบบหายห่วง”
แจบอมชักสีหน้าก่อนถาม “นายจะกลับแล้วเหรอ”
“อื้อ พอดีว่ามีนัดกับแจ็คสัน เลิกเรียนก็ต้องติวหนังสือกันต่อด้วย”
“ช่วงนี้พวกนายดูสนิทสนมกันจังเลยนะ...” คำถามที่ออกมาจากซุ่มเสียงเหมือนตัดพ้อทำเอาหัวใจอีกดวงเจ็บแปลบไม่น้อย
ยองแจนึกถึงตัวเองในเมื่อก่อนนี้ที่อยู่กับแจบอม แต่แจบอมก็มักจะพูดถึงเรื่องของจินยองอยู่ตลอด มันทั้งน้อยใจ และสังเวชตัวเอง แต่แจบอมคงไม่มีวันรู้สึกแบบนี้อย่างแน่นอน นั่นคือสิ่งที่ยองแจคิด
“นายคิดไปเองแล้วล่ะแจบอม ฉันกับแจ็คสันอยู่ต้องเดียวกันก็ต้องมีพบปะกันบ่อยเป็นธรรมดา ไม่แปลกเลย”
“งั้นเหรอ แต่ที่ฉันรู้สึกมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะ รู้ตัวรึเปล่าว่าช่วงนี้นายเอาแต่ทำตัวติดกับเจ้านั่นเป็นพิเศษ เราสองคนแทบไม่มีเวลาคุยกันตามประสาเพื่อนเลย ฉันรู้สึกว่านายเหมือนกำลังทำตัวห่างเหินออกไป”
คำพูดของแจบอมทำเอายองแจสะอึกไปชั่วขณะ เพราะมันคือความจริงล้วนๆ แต่เจ้าตัวก็ยังดึงดันฝืนหัวเราะทำเป็นเรื่องตลก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า โอ๊ย บ้าน่า นายคิดไปเองแล้ว ฉันก็เหมือนเดิม แค่ตอนนี้มีเรื่องยุ่งๆ เยอะแยะเต็มไปหมด ก็เลย...”
“มีแต่เรื่องยุ่งๆ แต่มีเวลาให้ไอ้แจ็คสันตลอด แต่ทีกับฉันที่เป็นเพื่อนนายมาตั้งแต่เด็กกลับทำห่างเหิน งั้นใช่มั้ย”
“นายเลิกย้ำคำว่าเพื่อนจะได้มั้ยวะ!!” ยองแจหลุดตวาดลั่น ดวงตาที่ลุกวาวแอบคลอไปด้วยน้ำตาที่ใกล้จะไหล อีกเสียงที่ดังก้องอยู่ในใจได้แต่ถามว่าทำไม... ทำไมต้องย้ำนักหนาว่าเป็นแค่เพื่อน เป็นเพื่อนแล้วมันยังไง
“ใช่! ฉันเพื่อนนาย” ยองแจตะคอกใส่หน้าแจบอมที่ตอนนี้ชะงักงันตามอารมณ์ไม่ทัน “ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนนายเสมอไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไปทำอย่างอื่นไม่ได้เลย ฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เจ็บเป็นเหงาเป็น เวลาที่ฉันไม่มีใครแต่นายก็เอาแต่เพ้อหาถึงแต่จินยอง แจ็คสันเป็นคนดีที่เข้ามาในช่วงเวลาที่ฉันต้องการคนสักคน แล้วผิดเหรอที่ฉันจะเปิดใจให้หมอนั่น ใช่...ตอนนี้ฉันกำลังสนิทสนมกับแจ็คสัน แล้วเราก็จะเป็นแฟนกันในไม่ช้านี้ด้วย”
สิ้นคำที่กระแทกออกไปความเงียบงันก็พลันบังเกิด แจบอมได้แต่ทำปากพะงาบๆ เหมือนปลาทองในขวดโหลแต่ก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ
ยองแจถอนหายใจอย่างแรงก่อนจะทิ้งท้าย “เพราะนายเป็นเพื่อน เพราะฉันเป็นห่วงนายจนทนไม่ไหวก็เลยมาหา มาเยี่ยม มาดูแล หน้าที่ของเพื่อนมันก็มีแค่นี้แหละ หวังว่านายจะพอใจ หึ ฉันกลับล่ะ”
แจบอมได้แต่มองตามเพื่อนคนสำคัญออกจากห้องไปด้วยสายตาละห้อย อยากจะลุกวิ่งตามไปแต่ก็ทำไม่ได้ อยากจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจก็พูดไม่ออก สิ่งเล็กๆ ที่มันอยู่ในใจขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เขาไม่ทันตั้งตัว มันเปลี่ยนแปลงไปตอนไหน จะนอนนั่ง ตอนนอน ตอนเรียนหนังสือ ตอนเล่นบาส หรือตอนไหนๆ เขาไม่มั่นใจ แต่สิ่งเดียวที่มั่นใจก็คือ...
แค่คำว่าเพื่อนมันคงไม่เพียงพอกับหัวใจดวงนี้อีกต่อไปแล้ว
ข่าวลือการเลิกรากันระหว่างมาร์คกับจินยองเพิ่งโหมกระพือกันไปไม่เท่าไหร่ ก็มีข่าวการคบกันระหว่างมาร์คและแบมแบมคบกันมาตอกย้ำว่ามาร์คกับจินยองได้เลิกกันแล้วจริงๆ ตามบล็อกแฟนคลับของมาร์คก็มีทั้งคนที่แสดงความสมน้ำหน้าจินยองที่ถูกทิ้ง แล้วก็มีทั้งแสดงความรังเกียจก่นด่าแบมแบมที่ก้าวขึ้นมาเป็นหวานใจของมาร์ค
“คนพวกนี้คงว่างมาก ถึงได้เอาเวลามาทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้” ยองแจบ่นอย่างหงุดหงิดพร้อมกับเก็บมือถือใส่กระเป๋าก่อนจะเดินเข้าไปขนาบข้างจินยองที่เดินเหม่อไปก่อนแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียน หรือตามทางเดิน ใครๆ ก็เอาแต่พูดถึงเรื่องรักสามเส้าระหว่าง มาร์ค จินยอง และแบมแบม ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยองแจเข้าดีใจว่าตอนนี้เพื่อนตนรู้สึกอย่างไร ก็เลยชวนออกมาหลบมุมพักใจอยู่ด้านหลังตึกในยามพักเที่ยง
“ตกลงนายพอจะบอกฉันได้รึยังวะว่ามันเกิดอะไรขึ้น เห็นนายเอาแต่เงียบไม่ระบายให้ฉันฟังแบบนี้มันน่าเป็นห่วงนะเว้ย แล้วฉันก็อึดอัดด้วย” ยองแจบ่นเป็นทาง แต่จินยองก็ยังไม่สะทกสะท้าน ไม่ยอมที่จะเปิดปากง่ายๆ
สำหรับจินยองแล้วไม่ใช่ว่าไม่อยากจะเล่าให้เพื่อนรักคนนี้ฟัง ไม่ใช่ว่าไม่ยอมเปิดใจ ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะระบาย
“ขอโทษนะยองแจ ฉันขอเวลาสักหน่อย แล้วจะเล่าให้นายฟังเป็นคนแรกเลย”
“เฮ้อ... นายนี่มันน่าเบื่อจริงๆ เลยให้ตายสิ!” ยองแจยังไม่วายบ่นตามท้าย แต่มือนุ่มๆ นั้นก็เอื้อมไปแตะไหล่จินยองอย่างเข้าใจ “เอาเถอะ ฉันมีลางว่าอีกไม่ช้านี้แหละนายคงเปิดปากแน่ๆ หึ... นั่นไงล่ะ”
ไม่ทันขาดคำ คู่กรณีที่เป็นที่กล่าวถึงไม่แพ้จินยองก็เดินเข้ามาปรากฏอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกจากแบมแบม แต่ที่แปลกก็คือไร้ซึ่งเงาของมาร์คต้วน
“หวีดดีครับพี่จินยอง” แบมแบมทักทายเสียงใส แววตาเป็นประกาย รอยยิ้มเต็มแก้ม ความสุขนั้นเฉิดฉายเต็มใบหน้าโดยไม่ต้องไถ่ถามเลย
“หวัดดีแบมแบม...”
“หวัดดีแบมแบม ไหงมาเดินแถวตึกรุ่นพี่ได้ล่ะ”
“ก็แฟนผมอยู่แถวนี้ ผมจะมาเดินแถวนี้มันก็ไม่เห็นแปลกเลยนี่ฮะ” เด็กหนุ่มตอบด้วยหน้าอันใสซื่อ ซื่อเสียจนดูออกว่ามันคือจริตจกร้าน ที่ใครเห็นแล้วเป็นต้องอยากเอาของหนักๆ หวดสักตั้ง
จินยองนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว แต่ยองแจเลือกที่จะไฝว้สักยก ย่างก้าวเข้าไปเบื้องหน้าราวกับจะปกป้องเพื่อนรักก็มิปาน เขาแค่นหัวเราะในลำคอแล้วถามด้วยเสียงหมิ่นๆ ว่า “ดูจากท่าทางแล้วนายคงมีความสุขมากล่ะสิกับการทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ สันดานของนายมันเป็นแบบนี้เองเหรอ”
แบมแบมสรวลหัวเราะน้ำเสียงเยาะเย้ยแบบไม่สะทกสะท้ายอย่างที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน “มีความสุขมากๆ เลยครับ พี่มาร์คน่ารักกับผมมากเลย อยากได้อะไรก็ซื้อให้ อยากไปไหนก็พาไป คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ดีขนาดนี้แล้วทำไมผมต้องมานึกสนใจใยดีคนงี่เง่าที่ทิ้งพี่มาร์คไปได้ลงคอด้วย จริงมั้ยครับ พี่จินยอง”
รอยยิ้มมีชัยผุดขึ้นเมื่อแบมแบมหันมายังจินยองผู้ซึ่งตอนนี้ดวงหน้าแน่นิ่งราวกับรูปปั้น ไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆ ให้ได้เห็นถึงความในที่ซ่อนอยู่
ลึกลงไปในใจที่ลำพองและใบหน้าดุกร้าว ยองแจเริ่มสงสัยแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนแรกเข้าใจว่ามาร์คทิ้งจินยองแล้วไปคบกับแบมแบม แต่เท่าที่ได้ยินคือจินยองนี่เองที่เป็นฝ่ายบอกเลิกมาร์ค
คำถามคือ... ทำไม??
“ผมขอเตือนพี่เอาไว้เลยนะพี่จินยอง อย่าคิดที่จะหวนกลับไปหาพี่มาร์คอีก อย่าทำตัวเออเซาะสำออยเหมือนเมื่อคืนให้พี่มาร์คต้องปกป้อง ผมเห็นแล้วอยากจะอ้วก หวังว่าพี่จะอยู่ในที่ของพี่ เข้าใจนะครับ”
“นี่คงเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนายใช่มั้ย!” เป็นยองแจละทิ้งความงุนงงออกโรงเข้าประจันหน้าแทนเพื่อนรักเต็มขั้น ผลักร่างแบมแบมออกไปให้พ้น “เมื่อก่อนเห็นหน้าซื่อๆ แต่ไม่คิดว่าจะร้ายกาจขนาดนี้ ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆ เลยว่ามาร์คเห็นสันดานแท้ๆ ของนายรึยัง ไม่สิ... ไม่น่าถามอะไรโง่ๆ เลย ถ้ามาร์ครู้เห็นธาตุแท้ของนายก็คงไม่เลือกนายมาเป็นคู่ควงหรอก ไม่ๆ อย่างนี้เป็นได้แค่คู่ขาก็หรูเกินไปแล้ว!”
ปากขากรรไกรของยองแจร่ายยาวทำเอาอีกฝ่ายหน้าชะงักไปนานโข แต่ถึงกระนั้นแบมแบมก็ยังยิ้มได้ แม้จะไม่เต็มปากก็ตามที
“พี่อยากจะพูดอะไรก็พูดเถอะ คำพูดของเพื่อนหมาขี้แพ้ผมไม่เอามาใส่ใจหรอก แค่ตอนนี้พี่มาร์คเป็นของผม ผมก็...ฟินจะแย่แล้ว ฮะ ฮะ ฮะ” แบมแบมหัวเราะเยาะลอยหน้าหมุนตัวกลับยังทางที่เดินมา
ทิ้งไว้ให้ยองแจเดือดปุดๆ โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ในขณะที่จินยองแค่นหัวเราะอย่างสมเพช สมเพชทั้งตัวเอง แล้วก็อีกคนที่กำลังเดินจากไป
“เมื่อก่อนก็แค่สงสัยนะ แต่ตอนนี้โคตรมั่นใจเลยว่าใครมันคือต้นเหตุของความระยำตำบอนที่เกิดอยู่ในตอนนี้” จินยองพึมพำตามท้าย ก่อนจะหันหน้ามายังเพื่อนรักที่คอยท่ารอฟังเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลอยู่แล้ว
“งานนี้นายต้องช่วยฉันกระชากหน้ากากคนตีสองหน้าแล้วล่ะยองแจ”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ไม่ขอให้เข้าใจทำไมอัพช้า ขอแค่ยังรออ่านก็พอแล้วฮ้า 555555555555555 ฟิคที่สั่งๆ กันก็รอกันอีกนี๊ดดดดดดด ได้แน่นอนน้า ไม่เคยช้าขนาดนี้มาก่อนเลย แต่ได้ชัวร์ๆ เลิฟฟฟฟฟ
แท็กฟิค #ฟิคตองคิส
อัพเดต 16-2-59
ความคิดเห็น