คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Episode 16 กว่าจะรู้ใจ 100%
หมายเหตุ : ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
Episode 16 กว่าจะรู้ใจ
ทั้งๆ ที่บอกกับตัวเองเป็นร้อยๆ หนว่าไม่มาเป็นดีที่สุด แต่สุดท้ายแล้ว ณ เวลาเกือบสองทุ่ม ยองแจก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านของแจบอม ใบหน้าแหงนมองไปยังห้องชั้นสองที่ยังเปิดไฟอยู่ ทั้งบ้านแม้จะมีแสงไฟส่องสว่าง แต่เงียบเชียบเหลือเกิน นั่นก็เพราะมีประชนกรอยู่เพียงสองคน
“พี่ยองแจ!” เจ้าร่างน้อยร้องอย่างดีใจเมื่อเปิดประตูบ้านมาพบเพื่อนรักของพี่ชาย “หนูว่าแล้วว่ายังไงพี่ก็ต้องมา พี่ยองแจไม่มีทางทอดทิ้งพี่แจบอมได้ลงคอหรอก”
เธอพูดเสียงแจ้วพลางดึงมือยองแจเข้าไปใบบริเวณบ้าน ยองแจส่ายหน้าพลางยิ้มอ่อนๆ ให้กับเด็กสาว เธอน่ารักจริงๆ แม้ว่าเค้าหน้าจะคล้ายแจบอมมาก แต่นิสัยกลับต่างกันคนละขั้ว แจยอนเป็นเด็กน่ารัก สดใส ว่านอนสอนง่าย และที่สำคัญติดยองแจมากกว่าพี่ชายของตัวเองเสียอีก
“แล้วนี่พี่ชายเราเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างมั้ย” ยองแจถามขึ้นเมื่อเข้ามาในตัวบ้านและกำลังจะเดินขึ้นบันได
“ก็ยังไม่ค่อยดีขึ้นเลยค่ะ หนูก็อยากพาไปหาหมอ แต่ก็แบกไปไม่ไหว” เธอบอกเสียงหงอยๆ
“คุณลุงคุณป้ารู้รึยัง ว่ายังไงบ้าง” ยองแจซักต่อ
เด็กหญิงส่ายหน้ารัวแล้วก็ถอนหายใจยาวราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่แสดงอาการเครียดจัด “พี่แจบอมนะสิไม่ให้บอก กลัวว่าจะไปรบกวนเวลาของพ่อกับแม่ เฮ้อ...หนูละเหนื่อยใจกับพี่ชายคนนี้จริงๆ”
ยองแจพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ แต่ก็เข้าใจแจบอมด้วยเหมือนกัน
“แล้วนี่กินอะไรกันรึยังทั้งพี่ทั้งน้อง”
“หนูยกข้าวต้มขึ้นไปให้พี่แจบอมแล้วค่ะ กินได้นิดหน่อยเอง ให้กินยาป่านนี้คงหลับไปแล้ว ส่วนหนูก็ยังเลย แหะๆ”
“แบบนี้ไม่ได้นะแจยอน” ยองแจดุผ่านสีหน้าแสดงความเป็นห่วง เขายกมือขึ้นห้าวเจ้าหนูน้อยไม่ให้เดินต่อ “กลับไปกินข้าวในครัวให้เรียบร้อยซะ แล้วก็ไปจัดการทำการบ้าน แล้วก็เข้านอน เดี๋ยวพี่จะดูแลแจบอมเอง เข้าใจมั้ยครับ”
“เข้าใจค่ะ แต่ว่า...แบบนี้ก็หมายความว่าพี่ยองแจจะค้างที่นี่เหรอคะ”
ยองแจเริ่มหนักใจขึ้นมาทันทีทันใด ไม่น่าเปิดช่องให้ตัวเองตกที่นั่งลำบากเลย แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ปฏิเสธก็ดูจะใจร้ายใจดำกับสองพี่น้อง ยองแจผู้แสนดีเลยพยักหน้ารับในที่สุด
“โอเค คืนนี้พี่จะเฝ้าไข้แจบอมเอง”
“เย้ๆๆ พี่ยองแจใจดีที่สุดเล้ย อิอิ”
“เอาล่ะ งั้นรีบไปกินข้าวได้แล้ว โตแล้วนะ ไม่ต้องให้จัดการให้แล้วใช่มั้ย”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ” เธอยกมือขึ้นทำวันทยาหัตเหมือนทหารก่อนจะวิ่งตึงๆ ลงบันไดไปทางห้องครัว ยองแจยิ้มให้กับความซุกซนของเธอ ก่อนจะขึ้นบันไดไปข้างบน
ห้องแรกขวามือมีป้ายเขียนบอกชื่อเจ้าของเอาไว้ชัดเจน ยองแจเคยเห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะเข้าไปข้างในห้องด้วยหัวใจที่เต้นปกติ
“แจบอม ฉันยองแจ ขอเข้าไปหน่อยนะ” ยองแจเอ่ยขอพอเป็นพิธี ก่อนจะหมุนลูกบิดเปิดประตู ใบหน้าประหม่าสอดส่องเข้าไปก่อนตัว
แล้วก็พบเจ้าของห้องนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ยองแจถอนหายใจแผ่วเบา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงเดินเข้าไปในตัวห้องนอน ซึ่งตกแต่งไว้แบบเรียบๆ เน้นการใช้งานตามประสาห้องของเด็กผู้ชายแมนๆ มุมห้องมีชั้นโชว์โมเดลนักกีฬาบาสเกตบอลที่ชื่นชอบ และแน่นอนต้องมีลูกบาสเกตบอลคู่ใจ
ยองแจเดินเข้าไปข้างๆ เตียง ก็ได้เห็นใบหน้าคนป่วยชัดเต็มตา สภาพของแจบอมตอนนี้ต่างจากเมื่อเช้าที่เจอโดยสิ้นเชิง แต่อาจเป็นเพราะว่าหมู่นี้ไม่ค่อยได้อยู่พูดคุยกับแจบอมมากเหมือนแต่ก่อนเลยไม่ได้สังเกตก็เป็นได้
ยองแจหย่อนก้นลงนั่งขอบเตียง และยื่นหลังมือขวาไปแตะหน้าผากคนป่วยเพื่อวัดอุณหภูมิของร่างกายแล้วก็พบว่ายังร้อนรุมอยู่เลย แววตาคู่สวยจ้องมองไปยังใบหน้าของเพื่อนรักด้วยความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง ทว่าคิ้วนั้นกลับขมวดแน่น
“นายนี่มันขี้โกงจริงๆ เลยนะแจบอม ทำไมต้องทำไมต้องทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่ตลอด ทำไม!” ยองแจบ่นพร้อมกับตั้งท่าง้างหมัดจะหน่อยคนหลับ แต่ก็ค่อยๆ เอามือลงแล้วถอนหายใจราวกับยอมรับสภาพความจริง
ความจริงที่ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามตนก็ไม่สามารถโกหกหัวใจตัวเองได้ ไม่สามารถหลีกหนีหัวใจตัวเองได้ แม้จะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม
“นายมันขี้โกงที่สุด!” ปากก็ทำเป็นกระแทกเสียงใส่ แต่ยองแจก็ไม่รีรอที่จะลุกขึ้นหยิบเอาอ่างใส่น้ำกับผ้าขุนหนูเดินเข้าไปห้องน้ำ จัดการเอาน้ำอุ่นมาใหม่ แล้วก็กลับมานั่งขอบเตียงที่เดิม
มืออวบนุ่มใช้ผ้าชุบน้ำบรรจงเช็ดใบหน้าของแจบอมอย่างพิถีพิถัน เช็ดมาเรื่อยๆ จนถึงลำคอ แม้จะกระดากใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องปลดเสื้อนอนของแจบอมคลี่ออกเพื่อสามารถเช็ดตัวได้ถนัดมือ
ร่างกายร้อนผ่าวของแจบอมเมื่อได้สัมผัสกับผ้าอุ่นๆ ก็เริ่มมีปฏิกิริยาเล็กน้อย ร่างแกร่งขยับตัวเหมือนรู้สึกตัวบ้างหากแต่ยังเหมือนไม่ตื่น
ยองแจหยุดมือจากการเช็ดตัว หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจู่ๆ ในสมองก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ความคิดที่เกิดจากความรู้สึกที่ก่อตัวมานานแสนนาน
“รักนะ... รักมาตลอดทั้งๆ ที่เป็นเพื่อนกัน”
ยองแจสารภาพความในใจออกไปราวกับไร้สติยั้งคิด ราวกับว่าถ้าไม่ได้บอกออกไป ณ เวลานี้คงต้องอกแตกตายแน่ๆ แล้ว อยากระบายความในใจต่อหน้าอีกคน แม้ว่าคนๆ นั้นจะไม่ได้ยินสิ่งที่ตนพูดก็ตาม
“หึ... ตลกดีนะ ฉันรักนายไปได้ยังไงกัน เป็นเพื่อนกันมาตั้งเด็ก ทั้งๆ ที่ก็เล่นหัวกันเหมือนเด็กทั่วไปแท้ๆ แต่ทำไมรู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนแล้ว” ยองแจผุดยิ้มออกมาราวกับดื่มด่ำกับวันวานที่ทั้งสุขและเศร้าในสถานะที่เป็นอยู่ มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันตลอด แต่ก็น่าเศร้าที่ไม่อาจเป็นได้มากกว่านั้น เพราะมีคำว่า “เพื่อน” ตัวใหญ่ๆ มาค้ำคอ
“นายไม่รู้อะไรเลยว่าฉันรู้สึกยังไง ก็แน่ล่ะ นายมันซื่อบื้อจะตาย ไม่ละเอียดอ่อน แต่ว่านะ ถ้านายเป็นคนฉลาดจนมองทะลุเห็นทั้งหัวใจของฉัน เราสองคนก็คงไม่ได้อยู่ด้วยกันมาจนถึงป่านนี้หรอก ฉันยังสิ่งที่นายเคยพูดเมื่อตอนที่เราอยู่ ม.2 เป็นวันวาเลนไทน์ ตอนนั้นเจ้ายองจุนกับแชยองที่อยู่ห้องเดียวกับเราคบกันทั้งๆ ที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน นายบอกกับฉันว่าถ้าเป็นนายจะไม่เอาเพื่อนมาเป็นแฟนเด็ดขาด เพราะถ้าเลิกกันแล้วจะไม่สามารถเรียกมิตรภาพดีๆ กลับมาได้อีก หึ...นายคงไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นฉันรู้สึกแย่แค่ไหน หน้ามันชาไปหมดเลย ยังไม่ทันได้บอกความในใจก็รู้ตัวแล้วว่าต้องอกหัก แล้วฉันก็ต้องฝืนยิ้มเมื่อนายถามว่าฉันจะเอาช็อคโกแล็ตไปให้ใคร ต้องโกหกว่าตั้งใจทำไปให้คนอื่น ทั้งที่ความจริงแล้วฉันตั้งใจทำมันเพื่อให้นายคนเดียวเลยนะรู้มั้ย” น้ำเสียงของยองแจช่างแผ่วเบาก่อนเว้นวรรค รอยยิ้มน้อยๆ ยังคงอยู่ ทว่าขอบตากำลังชุ่มไปด้วยน้ำตาที่ใกล้จะทะลักออกมาอยู่มารอมมะร่อ ยองแจแค่นหัวเราะเบาๆ แล้วก็ไล่น้ำตาให้กลับไปในส่วนที่ลึกที่สุด
“ยองแจยา....” เสียงห้าวงัวเงียดังขึ้นมาทำเอาเจ้าของชื่อหลุดจากภวังค์ตัวสะดุ้ง ดวงตาเรียวกระตุกกว้างมองเขม็ง
ยองแจที่ใจหายวูบกลัวว่าจะถูกล่วงรู้ความในใจก็ค่อยๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งเพราะที่แท้แล้วแจบอมเพียงแค่ละเมอออกมาเท่านั้นเอง
“ยองแจ...ยองแจ”
“เรียกอยู่นั่นแหละ ในหัวกลวงๆ ของนายมีฉันด้วยรึไง” ยองแจกระแทกเสียงถามอย่างประชด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีอยู่ลึกๆ
“หนาว... หนาว” แจบอมเพ้อขึ้นมาอีก ยองแจถึงได้ทันรู้ตัวว่ายังไม่ได้ติดกระดุมเสื้อกลับคืนเลย มือคู่เดิมเอื้อมไปหมายจะจัดการให้เรียบร้อย แต่แล้วก็ต้องตกใจสะดุกอีกรอบ
“หนาว แม่ครับ ผมหนาวมาก” แจบอมที่ไม่รู้สึกตัวละเมอเพ้อพกคว้าร่างนุ่มนิ่มของยองแจเข้าไปกอดกลิ้งบนเตียงเสียแนบแน่น ดวงตาหลับสนิท แต่ปากก็ยังคงพร่ำซ้ำๆ “แม่ครับผมหนาว กอดผมหน่อย กอดผมแน่นๆ”
“แจบอม! ปล่อยฉันนะเว้ย ฉันไม่ใช่แม่นาย ปล่อยโว้ย!” ยองแจโวยวายยกใหญ่ ดิ้นขัดขืนในอ้อมอกร้อนผ่าวของแจบอม
“ป่วยอยู่ทำไมแรงเยอะแบบนี้วะ แจบอม! ปล่อยได้แล้ว!” ตระโกนใส่ก็แล้ว ดิ้นก็แล้ว ทั้งเอามืองัดแงะวงแขนนั้นออกไปแต่มันก็ยิ่งรัดแน่นกว่าเดิมแถมยังเหนียวแน่นเสียยิ่งกว่ากาวตราตุ๊กแก
50%
“แจบอม... แจบอม” ยองแจเรียกซ้ำๆ ทว่าเจ้าของชื่อก็ยังไม่รู้สึกตัวราวกับหลับลึกสุดหยั่ง ยองแจถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็หยุดดิ้น เมื่อหยุดดิ้น วงแขนที่เคยโอบรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายลงแค่กอดหลวมๆ
ชั่วแวบหนึ่งยองแจอดคิดไม่ได้ว่าแจบอมตื่นแต่แกล้งหลับต่อหรือเปล่า แต่ความคิดนี้ก็มลายหายไปเมื่อคิดได้อีกข้อว่า ถ้าแจบอมแกล้งหลับก็ต้องได้ยินสิ่งที่ตนสารภาพไปจนหมด แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ความเป็นไปได้ของปฏิกิริยาที่ตอบกลับมาคงเป็นลืมตาเบิกโพลงมองเพื่อนผู้แอบรักมาตลอดอย่างไม่เชื่อสายตามากกว่าแกล้งหลับแล้วดึงไปกอด
“เฮ้อ... เห็นว่าป่วยนะถึงได้ยอม ไม่งั้น...” ยองแจตั้งท่าจะต่อยเข้าให้สักทีอย่างหมั่นไส้ แต่ก็เปลี่ยนไปเป็นดีดปลายจมูกอีกคนไปหนึ่งที พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงเพราะความเขินที่ห้ามไม่ได้
ความใกล้ชิดทำให้หัวใจของยองแจเจ็บปวดแล้วก็รู้สึกดีในคราวเดียวกัน ความคิดที่ว่าจะตัดใจก็พลอยน้ำหนักเบาไปอีก
รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองต้องเจ็บปวดเมื่อทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ยองแจก็อดไม่ได้จริงๆ ร่างบางโอนเอนเข้าโอบกอดร่างร้อนผ่าว ใบหน้าซบลงซุกข้างๆ ใบหน้าของคนหลับ ปลายจมูกห่างกันเพียงแค่เส้นเชือกกันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
ก่อนที่ห้วงแห่งราตรีจะทำพาให้หลับใหล เสียงกระพริบแผ่วเบาของยองแจเอ่ยต่อริมฝีปากของแจบอมว่า “ราตรีสวัสดิ์นะ แล้วตื่นเช้ามาฉันก็จะกลับไปเป็นเพื่อนของนายเหมือนเดิม ฉันสัญญา”
ห้วงแห่งราตรี จินยองไม่อาจข่มตาหลับนอนได้ ขณะที่ทุกคนในบ้านเข้านอนกันหมดแล้ว จินยองออกมาจากบ้านเงียบๆ เดินเปล่าเปลี่ยวมาซื้อช็อคโกแล็คที่มินิมาร์ทปากซอย ในเวลาที่มีเรื่องให้คิดมาก เครียดคิดอะไรไม่ตกก็มักจะกินของหวานๆ ให้รู้สึกดีขึ้น หลังจากกินไปห่อใหญ่ จินยองก็พบว่ามันช่วยได้ไม่น้อย แต่แล้วอารมณ์ที่เริ่มจะผ่อนคลายก็ขมุกขมัวเมื่อมีชายวัยกลางคนในชุดทำงานท่าทางเมาเหล้าเข้ามาขวางอยู่หน้ามินิมาร์ท
“อยู่คนเดียวดึกๆ แบบนี้ท่าทางจะเหงา ไป...ไปกับพี่นะหนุ่มน้อย รับรองคืนนี้สนุกแน่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คนเมาเจ้าปัญหาคุกคามเข้ามาจับข้อมือจินยองแน่น
จินยองตกใจสะบัดอย่างแรงจนหลุด แถมยังผลักไปเสียแรง และนั่นยิ่งทำให้ชายผู้เมามายโมโหจัด ควักบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
จินยองหน้าตาตื่นนึกว่าเป็นมีดหรือปืน ทว่า...มันกลับเป็นฟ่อนเงินหลายใบที่ถูกยื่นมาจ่อตรงหน้า
“เงินแค่นี้พอจะทำให้หนูไปกับพี่รึยังจ๊ะ มาม๊ะ รับรองเงินพี่ถึงใจแน่”
“มันจะมากไปแล้วนะลุง!” จินยองโมโหจัด โกรธเสียยิ่งกว่าตอนถูกลวนลามในคราแรก โกรธที่ถูกไอ้แก่ขี้เมามาดูถูกด้วยเงิน เรียวปากที่ยังมีรสของช็อคโกแล็ตสั่นระริกพร้อมที่จะด่าต่อ แต่ยังไม่ได้เริ่ม ก็มีบางสิ่งบางอย่างลอยหวือข้ามไหล่เขาไปกระแทกกับมุมปากของชายขี้เมาพอดิบพอดี
มันคือรองเท้าผ้าใบสีแดงยี่ห้อดังไซส์ใหญ่พอประมาณ
“ใครวะ! ใครมันกล้า!!” คนเมาโมโหจัดตวาดหาต้นตอ แล้วก็เจอพร้อมๆ กับดวงตาของจินยองที่เห็นคนผู้นั้นเดินมาอยู่ข้างๆ ด้วยมาดกวนๆ
“ขอโทษนะลุง พอดีเท้าผมมันกระดุกอ่ะครับ กระดุกมากไปหน่อยจนรองเท้ามันหลุดไปกระแทกกับปากของลุง หึหึ”
“แก...ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกกล้าดียังไงห๊า!”
ผลั๊วะ!!!
หมัดหนักๆ ของมาร์คสวนไปอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าไม่มีใครตั้งตัว โดยเฉพาะลุงขี้เมาผู้ซึ่งตอนนี้ล้มพับลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น หมดฤทธิ์ที่จะลุกขึ้นมาอาละวาดเพราะหลับไปเสียแล้ว
“ไม่เป็นไรนะ ลุงบ้ากามนั่นยังไม่ได้ทำอะไรใช่มั้ย” มาร์คถามจริงจัง
จินยองว่ายหน้ารัวๆ ยังพูดอะไรไม่ออก เหมือนว่ามีบางอย่างติดอยู่ในใจลำคอ แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นยังคงทำให้ตกใจอยู่ แต่ภายในใจก็รู้สึกดีที่ถูกช่วยเอาไว้ หายใจปลอดโปร่งโล่งคอมากขึ้น แต่แล้ว ในฉับพลันทันทีในห้วงวินาทีต่อมาความปลอดโปร่งโล่งใจก็มลายหายไปในพริบตาเมื่อมีสิ่งมีชีวิตที่ค้นตาเดินเข้ามา...
แบมแบมเดินเข้ามาขนาบข้างมาร์ค ตัวแนบชิดกันอย่างสนิทสนมราวกับคนรักกัน ท่าทางที่แสดงออกผ่านอากัปกริยาของเด็กหนุ่มนั้นทำให้จินยองเกิดความกลัว กลัวจนไม่กล้าถามออกไปว่าทำไมทั้งสองคนถึงอยู่ด้วยกันในเวลาดึกดื่นอย่างนี้
“ค่อยยังชั่วนะครับที่พี่มาร์คมาช่วยไว้ทัน ไม่อย่างนั้นพี่จินยองต้องแย่แน่ๆ เลย” แบมแบมพูดด้วยสีหน้าวิตกก่อนจะยิ้มอย่างโล่งอก เด็กหนุ่มเปรยตามองมายังจินยอง รอยยิ้มน้อยๆ นั้นชวนให้รู้สึกแปลกอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
รอยยิ้มของผู้มีชัยอย่างนั้นหรือ?
จินยองอดคิดไม่ได้จริงๆ หรืออาจเป็นได้ว่าจิตใจของเขาคิดมากไปเพราะยังไม่อาจตัดมาร์คไปจากหัวใจได้เลยหวงก้างกับทุกคนที่อยู่ใกล้มาร์คก็เป็นได้
“แล้วนี่พี่จินยองออกมาทำอะไรดึกๆ ที่นอกบ้านครับ” แบมแบมถามต่อ ในขณะที่มาร์คยืนนิ่งเฉยทำเป็นมองไปทางอื่น
จินยองเหลือบมองมาร์คชั่วขณะก่อนจะหันมายิ้มและตอบเด็กหนุ่ม “ก็ไม่มีไรหรอก แค่ออกมาซื้อของกิน อ่านหนังสือดึกๆ มันก็หิวน่ะ แล้วนายล่ะ... ไปไหนกันมาเหรอ”
จินยองอยากจะตบปากตัวเองจริงๆ ที่ถามออกไปอย่างนั้น เพราะคำตอบที่ออกมามันอาจจะทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดก็ได้ แล้ว...มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
“ผมกับพี่มาร์คเราไปเที่ยวกันมาครับ สนุกมากๆ เลย สนุกกันจนลืมเวลาที่จะกลับบ้าน” แบมแบมสอบเสียงใส รอยยิ้มแฉ่งเต็มแก้ม “วันหลังพี่จินยองก็ไปด้วยกันนะครับ ยังไงๆ พี่จินยองก็เป็นเพื่อนของพี่มาร์คอยู่แล้ว ไปกันหลายคนสนุกดี”
จุกเสียดแน่นคงน้อยไปกับสิ่งที่จินยองต้องเจอในตอนนี้ แต่ลึกลงไปในความเจ็บปวดเสียดใจมันคือความแคลงใจกับแบมแบมที่อยู่ตรงหน้า แปลกใจที่แบมแบมไม่มีทีท่าอีหลักอีเหลื่อระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสาม แปลกใจที่แบมแบมพูดอะไรออกมาก็ได้โดยไม่สะทกสะท้านราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็พูดคำว่า “เพื่อน” ออกมาได้อย่างง่ายดาย
แล้วที่ปวดร้าวหัวใจที่สุดก็คือ มาร์คได้เลือกคนใหม่มาแทนที่เขาได้รวดเร็วเหลือเกิน...
“ไม่เป็นไร พวกนายสองคนไปกันเองเถอะ ไม่อยากไปรบกวนความสุข” จินยองเผลอเน้นคำสุดท้ายโดยไม่รู้ตัวขณะที่ดวงตาเปรยมองมาร์ค “ยังไงก็ขอบใจนะมาร์คที่อุตส่าห์เข้ามาช่วย ดึกแล้วนายรีบไปส่งแบมแบมเถอะ”
“ของมันแน่อยู่แล้ว ในเมื่อตอนนี้น้องเค้าคบกับฉันอยู่ ฉันก็ต้องคอยทำหน้าที่ดูแลเป็นพิเศษ นายคงไม่ว่าไรนะจินยอง”
ดวงหน้าคนถูกถามชาวูบ รู้สึกเหมือนลืมไปแล้วว่าวิธีการยิ้มอย่างเต็มใจนั้นทำอย่างไร แต่มันก็ยังฝืน “ฉันจะว่าไรนายได้ ก็ในเมื่อเราเลิกกันแล้ว ขอตัวละกัน!”
จินยองทนไม่ไหว ไม่อยากอยู่ตรงนั้นอีกต่อไปแล้ว ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากเห็นว่ามาร์คอยู่กับใคร ไม่อยากได้ยินน้ำเสียงที่มาร์คพูดถึงคนอื่นอย่างอ่อนโยนเหมือนที่เคยพูดกับตัวเอง ไม่ไหว... น้ำตาหยาดแรกรินไหล มือเรียวปาดมันทิ้งอย่างฉับไหวพร้อมกับหมุนตัวเดินออกไปจากตรงนั้น
มาร์คมองตามด้วยสายตาที่อ่านยาก แบมแบมมองตามเช่นกัน ผ่านไปครู่ใหญ่ที่ความเงียบเข้าครอบงำ เป็นเด็กหนุ่มที่เอ่ยขึ้น “พี่มาร์คอยากจะตามพี่จินยองไปมั้ยครับ ผมไม่เป็นไรนะ ผมกลับบ้านเองได้”
“ไม่จำเป็นหรอก ก็ตอนนี้พี่เลิกกับเขาแล้ว” มาร์คปรับสีหน้าอย่างรวดเร็วราวกับเป็นคนละคน เขายิ้มละไม มืออุ่นหนาขยี้เรือนผมเจ้าตัวเล็กอย่างเอ็นดู “อย่าพูดแบบนี้อีกนะรู้มั้ย”
“ครับผม!” แบมแบมตอบรับด้วยความดีใจ
“ไปเถอะ พี่จะไปส่ง”
แล้วมาร์คกับแบมแบมก็เดินเคียงข้างกันไป ท่ามกลางอากาศหนาวมาร์คโอบกุมมือน้อยๆ ของเด็กหนุ่มไว้ให้อบอุ่น ภาพความหวานเหล่านั้นฉายชัดอยู่ในดวงตาของอีกคนที่หลบมุมมองอยู่ คนที่ขี้ขลาดคนหนึ่ง คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าได้ตัดสินใจพลาดครั้งยิ่งใหญ่ไปเสียแล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป
เอาไปแค่นี้ก่อย ล่อให้รีดกลับมาอ่านก่อย 55555555555555 ไม่อยากลงจบไว อิอิอิ เดี๋ยววันอังคารมาอัพต่ออีก 50% แบ่งทีมทูแจ แจ็คแจ ขอบคุณให้พร้อมเลย 5555555 ยังไม่นับคู่เอกนะ รายนั้นต้องลุ้นหนักกว่าใคร แต่บอกเลยว่ามีเซอร์ไพรส์ แล้ววันศุกร์จะอัพตอนที่ 17 นะจ้ะ
ปล. แอบตกใจนะรู้ยัง ที่มีคนรออ่านอยู่ อิอิอิอิ ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกัน รีดหน้าเดิมๆ นั่นแหละ เข้ามาอ่านแล้วเม้นให้ตลอดเลย ดีใจที่สวดดดด จบเรื่องนี้ มีต่อเรื่องหน้าจ้า
อัพเดต 8-2-59
ความคิดเห็น