ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KISS KISS KISS ;; MarkNior ft. 2Jae

    ลำดับตอนที่ #15 : Episode 12 ปิดเทอมแล้วครับ

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 58



    Episode 12 ปิดเทอมแล้วครับ 100%






    หลังจากผ่านงานกีฬาสีไปได้สักพักใหญ่ก็เข้าสู่ช่วงสอบปลายภาคเรียนที่สอง (มีสามเทอม) วันเวลาผ่านไปจนถึงปิดเทอม 2 เกาหลีทั่วทุกพื้นที่เข้าสู่อากาศหนาว และนับถอยหลังสู่วันสิ้นปี ความสัมพันธ์รักระหว่างมาร์คและจินยองที่เคยมีช่วงเวลาเปราะบางได้แข็งแรงขึ้น แจบอมปลีกตัวออกไปจากวงจรของจินยองให้มากที่สุด เช่นเดียวกับยองแจที่พยายามลืมแจบอม และตั้งใจกับการเรียนและการร้องเพลงจนชนะการประกวดร้องเพลงในระดับเขตในฐานะตัวแทนของโรงเรียน ทุกสิ่งมีชีวิตยังคงดำเนินไปตามวิถีทางที่สมควรจะเป็น ตรงกันข้ามก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ต่อให้เวลาผ่านไปหรือพยายามมากเพียงใดก็มิอาจข้ามผ่านพ้นมันไปได้ ยองแจก็คือหนึ่งในนั้น

    เย็นของวันที่ 24 ธันวาคม ยองแจนอนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียง มืออีกข้างถือกล่องของขวัญสีแดงขนาดเท่ากล่องรองเท้า ในสมองมีความคิดอยู่สองอย่างที่ตีกันราวกับจะตายกันไปข้างหนึ่ง ความคิดแรกก็คือเขาควรเอากล่องของขวัญนี้ไปมอบให้แจบอมในวันเกิดที่จัดขึ้นค่ำนี้พร้อมวันศริสมาสต์อีฟ แต่อีกความคิดก็พยายามหาเหตุผลต่างๆ นาๆ มาหักล้างเพื่อไม่ให้ไป

    “เฮ้อ...แจบอม ฉันจะทำยังไงกับตัวเองดี” เสียงอันเหนื่อยอ่อนพ่นออกมาเป็นระยะๆ ขณะที่เฝ้านึกถึงเรื่องที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้น เขาและแจบอมก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลย เรียกว่าสู้หน้ากันไม่ติดจะถูกกว่า มีอยู่หลายครั้งที่แจบอมพยายามจะเข้ามาคุย แต่ก็เป็นเขาเองที่หลบเลี่ยงการสบตาอยู่ตลอด จนทำให้ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนอยู่ในขั้นอีหลักอีเหลื่ออย่างมาก

    ทันใดนั้นเอง เสียงข้อความมือถือดังขึ้น ยองแจเหลือบมองมันอยู่สักพักก่อนจะเอื้อมไปหยิบมาเปิดดู มันคือข้อความของอิมแจบอม

    -วันนี้ฉันจะรอนายที่บ้าน หวังว่านายจะมานะ-

    ยองแจจ้องดูข้อความไม่วางตา หัวใจดวงน้อยเจ็บแปลบขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันความคิดที่อยากจะไปก็ถีบตัวขึ้นสูงลิ่วจนยากจะห้ามไหว ผลสุดท้ายก็คือต้องแพ้ใจตัวเอง

    “อย่างน้อยๆ ก็ควรเอาของขวัญไปให้ และพูดกันให้เคลียร์สินะ” ยองแจบอกกับตัวเองอย่างนั้น และลุกจากเตียงแต่งตัวเพื่อไปงานเลี้ยงสำคัญ

    ขณะที่หยิบเสื้อผ้าแต่ละชิ้นออกมาจากตู้ ยองแจอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ว่าเขามีความพิถีพิถันกับชุดที่สวมใส่มากกว่าปกติหลายเท่า ที่ชนะการประกวดร้องเพลงมาใส่ เพื่อที่ว่าตัวเองจะได้ดูดีที่สุดเมื่อไปพบแจบอม มันเป็นแบบนี้มาโดยตลอดจนเกิดเป็นความเคยชินเสียแล้ว ยองแจเลือกรองเท้าบูทหนังสีดำและเสื้อโค้ดสีแดงตัวหนาที่พ่อเพิ่งซื้อให้เป็นของขวัญมาสวมใส่เป็นชิ้นสุดท้าย ในมือถือถุงที่ใส่กล่องของขวัญ

    “จะไปงานวันเกิดแจบอมเหรอลูก” เสียงของผู้เป็นแม่ร้องถามมาจากในครัว

    “ครับแม่ แต่ผมไปไม่นานก็จะกลับ” ยองแจร้องตอบ จากนั้นก็เดินออกจากบ้านเผชิญกับอากาศที่เริ่มลดต่ำลงเรื่อยๆ

    บ้านของแจบอมอยู่ในละแวกเดียวกันนี้เอง แค่เดินไปราว 20 นาทีก็ถึงแล้ว ยองแจเดินไปท่ามกลางอุณหภูมิที่ลดต่ำ แต่ความหนาวเย็นทำอะไรเขาได้เท่าไหร่เพราะเสื้อตัวอุ่นหนาปกป้องเขาอยู่ และแล้วก็มาถึงบ้านสองชั้นขนาดใหญ่พอประมาณ แต่ที่ทำให้ตกใจจนเกือบจะทำถุงหลุดมือก็คือแจบอมที่ยืนอยู่หน้าประตูเหมือนคอยอะไรบางอย่างหันมาพอดี

    แจบอมยิ้มอย่างดีใจ “ตอนแรกฉันกลัวมากว่านายจะไม่มา แต่สุดท้ายนายก็มา ขอบใจนะยองแจ” 

    ยองแจชักสีหน้านิ่วคิ้วขมวด พูดเสียงเขียว “นายมายืนตรงนี้ไม่หนาวรึไง”

    “ฉันมารอนายไง กลัวว่านายจะเดินมาถึงนี่แล้วเปลี่ยนใจไม่เข้าไป”

    “ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย”

    “ก็นายทำแบบนั้นอยู่ตลอดเลย ตอนที่อยู่โรงเรียนก็ชอบหลบหน้า” คำพูดของแจบอมทำเอายองแจชะงักกึกไปหลายวินาที น้ำเสียงที่ออกมาจากปากของเขาแฝงเร้นไว้ด้วยความน้อยใจชนิดที่ว่าปิดไม่มิดจนร่างบางสัมผัสได้

    “ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย” เสียงของยองแจเริ่มแผ่วลง แน่นอนว่าเพราะคำพูดที่อีกฝ่ายพูดมามันจี้ใจดำทั้งนั้น “ฉันก็แค่ ก็แค่มีอะไรต้องทำเยอะแยะ”

    “นั่นสินะ นายเข้าประกวดร้องเพลงด้วย ฉันดีใจที่นายชนะ”

    “อืม ขอบใจ”

    แจบอมพยายามยิ้มเพื่อสร้างบรรยากาศ แต่ยองแจก็ยังคงสีหน้าเรียบตึงและดูหม่นหมอง สภาพความอีหลักอีเหลื่อกลับมาทำร้ายช่องว่างระหว่างพวกเขาอีกครั้ง แจบอมเป็นคนทำลายมัน

    “ยองแจ.. เรามาเปิดใจคุยกันสักครั้งได้มั้ย”

    “ได้สิ ได้อยู่แล้ว”

     












     

    หลังจากนั้นยองแจก็เข้ามาในบ้านของแจบอม ได้ทักทายพ่อแม่และน้องสาวของแจบอมที่อยู่ในห้องนั่งเล่นซึ่งถูกจัดแต่งด้วยต้นคริสมาสต์และบรรยากาศของงานวันเกิดลูกชายของบ้าน และท้ายที่สุดก็เข้ามาอยู่ในห้องนอนอุ่นๆ ของอิมแจบอม ทั้งสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากันบนเตียงนุ่ม

    ก่อนจะเข้าเรื่อง ยองแจหยิบกล่องของขวัญมาแล้วยื่นมันให้กับชายหนุ่มตรงหน้า

    “รับนี่ไว้สิ สุขสันต์วันเกิดนะ”

    แจบอมรับมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาเปิดฝากล่องออกทันที และหยิบเอาสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นออกมา มันคือผ้าพันคอถักไหมพรมสีแดงเลือดนก ปลายผืนปักสีเขียวเข้มเป็นชื่อของอิมแจบอม เขาไม่รีรอเลยที่จะใช้พันคอเลยเดี๋ยวนั้น เพราะชอบของขวัญชิ้นนี้มากจริงๆ

    “นายถักเองใช่มั้ยล่ะ ขอบใจนะยองแจ”

    “ดีใจที่นายชอบ” ยองแจอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมา ยิ่งเห็นว่าคนตรงหน้าชอบสิ่งที่ตนมอบให้มันก็ยิ่งรู้สึกดี แม้ภายในจะยังไม่อาจสงบลงได้ก็ตาม

    ความเงียบก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างก็รู้แก่ใจดีว่ากำลังคิดในเรื่องเดียวกันอยู่ และมันถึงเวลาที่ควรจะพูดให้เคลียร์เสียที

    “ยองแจ นายต้องตอบฉันมาตามตรงนะ” แจบอมเริ่มเข้าเรื่อง เมื่อร่างบางพยักหน้ารับ เขาจึงพูดออกไปอย่างไม่ลังเล “ฉันกับนายคบกันมาตั้งแต่ประถม ความสัมพันธ์ของเราคือเพื่อนที่รักและเข้าใจกันมาตลอด ฉันรู้ว่าเรื่องคืนนั้นเราต่างก็พลาดลงไปแล้ว ฉันเสียใจ ส่วนนายเองยิ่งเสียใจมากกว่า แต่สิ่งที่ฉันอยากจะพูดกับนายก็คือ ฉันไม่อยากให้เรื่องนั้นมาทำให้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของเราสั่นคลอน ฉันต้องการนายอยู่เคียงข้างเหมือนเก่าไม่ใช่เอาแต่หลบหน้า ฉันพูดแบบนี้นายคิดว่ามันเห็นแก่ตัวไปมั้ย”

    ไม่เลยแจบอม... ถ้าหากว่านั่นคือความเห็นแก่ตัวของนาย ฉันคงเห็นแก่ตัวมากกว่านายหลายเท่า ฉันไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของเรา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากจะอยู่กับนายอย่างเพื่อนเหมือนกัน ฉันอยากอยู่ในสถานะที่สามารถบอกรักนายได้ อยากอยู่เคียงข้างนาย

    ความต้องการของยองแจพรั่งพรูออกมาอยู่ในห้วงแห่งความคิดและความรู้สึก มันเป็นสิ่งที่ยากจะพูดออกไปได้ สิ่งที่สามารถพูดได้ล้วนมีจำกัด เมื่อได้อีกอย่างก็ต้องสูญเสียอีกอย่าง เขาต้องเลือกแล้วว่าควรจะเดินหน้าต่อไปด้วยทิศทางไหน

    “หลังจากที่เราสองคนได้เหินห่างต่อกัน ไม่สิ ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายห่างจากนาย ฉันคิดถึงนายมากๆ เลย” ยองแจเอ่ยผ่านเสียงที่สั่นน้อยๆ แววตาจ้องมองยังแจบอม แล้วค่อยๆ ยิ้มออกมา “ฉันคิดถึงช่วงเวลาต่างๆ ที่ได้หัวเราะได้ยิ้มกับนาย มันมีความสุขมาก จนฉันก็คิดได้ว่าไม่ควรเอาเรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจมาทำลายความสัมพันธ์นี้ ถ้าพวกเราจะลืมมัน คิดซะว่าเป็นแค่ความฝัน มันก็คงจะดี แล้วก็กลับมาเล่นหัวด้วยกันแบบเดิมนะ”

    “ยองแจ ฉันรักนายที่สุดเลย!” แจบอมพุ่งเข้ามากอดยองแจอย่างรวดเร็วไม่ทันให้ตั้งตัวด้วยซ้ำ วงแขนแกร่งโอบกอดร่างน้อยๆ ของยองแจอย่างแนบแน่น เขายิ้มทั้งน้ำตาที่คลอหน่วย “ฉันมันบ้ามาก ไปวิ่งตามความรักที่มันเป็นไปไม่ได้ พอผิดหวังมาก็คิดถึงแต่นาย อยากให้นายมาปลอบฉัน ฉันคิดถึงนายมากจริงๆ ยองแจ อย่าเมินฉันอีกนะ สัญญานะ”

    น้ำตาใสๆ ไหลเอ่อออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของผู้ที่ถูกโอบกอด ร่างกายนิ่งงันไปชั่วขณะ อยู่ในภวังค์แห่งความรู้สึกของตัวเอง ถามว่าเจ็บปวดไหมก็เจ็บปวด แต่ลึกลงไปในความเจ็บมันคือประกายความสุขเล็กๆ ที่แผ่ซ่านอยู่ภายในใจดวงนี้

    “แน่นอนเพื่อน ฉันจะอยู่ตรงนี้กับนาย เป็นเพื่อนของนายเสมอ” ยองแจสวมกอดรับร่างแกร่ง ปล่อยความอัดอั้นตันใจไปพร้อมกับน้ำตา

    แจบอมเองก็เช่นเดียวกัน ความรู้สึกแย่ๆ ตลอดช่วงเวลาที่ขาดยองแจเขาปล่อยมันทิ้งไปให้หมดสิ้น ยิ่งได้กอดยองแจแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าคนๆ นี้ช่างมีค่ากับเขาจริงๆ เป็นเพื่อนที่ดีเสมอ อยากจะรักษามันเอาไว้ตลอดไป เขารู้ว่ายองแจก็ต้องคิดแบบนั้น แต่แจบอมไม่อาจล่วงรู้ว่าภายในอ้อมกอดของเขานั้นยองแจยังคงเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ในส่วนลึกเพื่อที่ว่ามันจะไม่มาทำลายมิตรภาพระหว่างเพื่อนนี้

     

     

     






    50%

















     

     

     

    วันต่อมา... บ้านของครอบครัวปาร์คว่างเปล่าเพราะหลังจากฉลองคริสมาสต์กันแล้วเช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนต่างยกโขยงไปเที่ยวจังหวัดคังวอนโดที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน เนื่องจากคุณพ่อของจินยองได้วันหยุดส่งท้ายปีหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ เลยพาภรรยาและลูกชายผู้น่ารักไปเที่ยวพักผ่อนกันข้ามปีเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมีเด็กหนุ่มชื่อมาร์คต้วนติดสอยห้อยตามไปด้วยราวกับเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว มาร์คกับพ่อของจินยองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างเหลือเชื่อ อาจจะเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทของลูกชายบวกกับเคยเห็นตอนสมัยเป็นเด็ก

    พวกเขาพักอยู่โรงแรมขนาดกลางแห่งหนึ่งซึ่งมีทั้งบ่อน้ำพุร้อนและลานหิมะสำหรับเล่นสกี มีกระเช้าลอยฟ้าชื่นชมความงดงามของเมืองและภูเขาในฤดูหนาว พ่อแม่ของจินยองพักอยู่ห้องเดียวกัน ส่วนจินยองก็นอนห้องเดียวกับมาร์คไปตามระเบียบ

    “จินยองงี ไปแช่น้ำพุร้อนกันเถอะ” เสียงอ้อนๆ ของมาร์คลอยมาก่อนที่หน้าหล่อๆ จะโผล่ออกมาจากห้องน้ำ

    จินยองที่กำลังจัดของอยู่ทำเป็นเก๊กไว้ท่าตอบไปด้วยเสียงเรียบๆ “จริงๆ แล้วฉันไม่ค่อยชอบแช่น้ำพุร้อนเท่าไหร่ นายไปคนเดียวเถอะมาร์ค”

    “ไม่เอา ไม่อยากไปคนเดียว” มาร์คเริ่มหน้าบูด

    ร่างบางชักสีหน้าเหมือนจะดุ “ทำตัวเป็นเด็กๆ อีกแล้ว ทีต่อหน้าพ่อแม่ฉันนายไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย”

    คนหล่อรีบส่ายหน้ารัวๆ “มันไม่เกี่ยวกันไง นั่นก็พ่อตาแม่ยาย ส่วนนายก็เป็นเมีย เอ๊ย แฟน จะให้เหมือนกันได้ยังไงเล่า”

    “น่าไม่อาย!” ดวงแก้วของจินยองร้อนผ่าวขึ้นมาซะดื้อๆ น้ำเสียงของมาร์ค สีหน้าของมาร์ค และคำพูดง่ายๆ ที่ออกมาจากปากมันทำให้หัวใจดวงน้อยของร่างบางเต้นแรงได้อยู่ร่ำไป

    “นะจินยองนะ นะ นะ ไปแช่ด้วยกันนะ นะคร๊าบ” เสียงอ้อนๆ ฉบับมาร์คต้วนมาอีกแล้ว มันเป็นอะไรที่ใครได้สัมผัสก็ไม่อาจปฏิเสธได้

    “อะ ก็ได้ๆ ไปก็ได้” จินยองตอบรับเสียงส่ง แต่รอยยิ้มนิดๆ นั้นทำให้อีกคนรู้ว่าที่ทำเป็นปฏิเสธไปเมื่อกี้นี้มันก็แค่การวางฟอร์มเท่านั้นเอง มาร์คกระดี้กระด๊าช่วยสุดที่รักเก็บของให้เสร็จ แล้วพวกเขาก็นุ่งชุดคลุมออกไปจากห้องเดินตรงไปยังห้องแช่น้ำพุร้อนด้วยกัน  

    ที่โรงแรมนี้มีบ่อน้ำพุร้อนหลายขนาด มีทั้งบ่อที่แช่รวมหลายคนแต่แยกหญิงชาย และบ่อที่แช่แบบครอบครัวได้สี่ห้าคน และบ่อที่แช่ส่วนตัวหรือกับคนรักก็มีให้เลือกใช้บริการ และแน่นอนว่าคนอย่างมาร์คยังไงก็เลือกที่จะแช่บ่อเดียวกับจินยองอยู่แล้ว

    “รีบถอดแล้วลงมาเลยน่า!” มาร์คร้องบอกอยู่ในบ่อเมื่อเห็นว่าเจ้าร่างบางไม่กล้าลงไปซะที ยังคงยืนกอดเสื้อคลุมอยู่ข้างบน กฎของที่นี่คือต้องชำระร่างกายและต้องเปลือยกลายร่อนจ้อนก่อนลงบ่อซะด้วย

    “เดี๋ยวนะ ขอทำใจก่อน!” ร่างบางบอก พวงแก้มยิ่งค่อยๆ แดงซ่านเรื่องๆ ด้วยความอาย ยิ่งเหลือบไปเห็นเรือนร่างของมาร์คที่อยู่ในบ่อหัวใจมันก็ยิ่งสั่นเหมือนคนดื่มกาแฟเกินขนาด

    มาร์คกดยิ้มกริ่มเข้าไปพิงขอบอ่าง สายตาเป็นประกายระยิบระยับเหมือนอ่านกินจ้องมองมายังร่างบางที่ค่อยๆ ถอดเสื้อคลุมออกจนหมด แต่มือน้อยๆ ก็ยังคงปกป้องส่วนสำคัญเอาไว้ขณะที่ค่อยๆ หย่อนขาลงแตะนำ จนลงไปหมดทั้งตัวในที่สุด

    “โธ่จินยองงี ตอนเรามีอะไรกัน อะไรๆ ก็เห็นหมดแล้วไม่รู้จะอายไปทำไม”

    “หยุดพูดเลยนะ!” จินยองร้องเสียงเขียว

    “โอเค ไม่ล้อแล้ว” มาร์คยกมือสาบาน แต่ก็ไม่วายใช้สายตาละเลียดมองเรือนร่างสวยแทนคำพูด

    ดวงหน้างดงามของจินยอง ดวงตาที่หลุบต่ำพลางหลบหนี ริมฝีปากที่เผยอด้วยความเคยชิน เรือนร่างระหงที่บิดน้อยๆ ด้วยจริตความอาย ผิวขาวเนียนละเอียดราวกับน้ำนม ทุกๆ อย่างที่อยู่ตรงหน้ามาร์คมันทำให้เขาแทบคลั่งเสียให้ได้ อยากจะดึงมาจับฟัดตอนนี้เลย แต่ถ้าทำแบบนั้นคงไม่วายโดนโกรธแน่ๆ เพราะตั้งแต่มีอะไรด้วยกันในห้องสมุดครั้งนั้น จินยองก็ไม่ยินยอมให้มาร์คทำอะไรไปมากกว่าการกอดและจูบกัน จินยองคงไม่รู้เลยว่าทุกวันนี้การที่มาร์คต้องคอยข่มความต้องการมันยากมากแค่ไหน

    “จินยองอา ขอกอดหน่อย แค่...กอดเฉยๆ”

    “ถ้าแค่กอดเฉยๆ ก็...” ร่างบางพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ ขยับเข้าไปหาเจ้าของสายตากรุ้มกริ่มนั้น เป็นตัวอันตรายจริงๆ

    มาร์คช่วยให้จินยองเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเร็วขึ้นด้วยการดึงร่างสวยมาเร็วๆ จนในตอนนี้บนโคนขาแกร่งมีบั้นท้ายแน่นๆ ของจินยองนั่งอยู่

    “ชื่นใจที่สุด” มาร์คหอมเข้าแก้มนวลฟอดใหญ่พร้อมทั้งกอดกระชับร่างบางไว้อย่างแสนรัก

    "อ๊ะ..." จินยองเผลอร้องเบาๆ เมื่อผิวสัมผัสของบั้นท้ายถูไถไปกับโคนเนื้อลื่นๆ ของมาร์ค หัวใจเต้นร่ำไม่เป็นส่ำ ทั้งอยากจะหนีไปจากตรงนี้แต่ก็อยากจะอยู่ในอ้อมกอดเร่าร้อนนี้ “ว่าจะถามก็ลืม นายชอบของขวัญคริสมาสต์ที่ให้ไปมั้ย”

    มาร์คยิ้มแฉ่งกว่าเดิมโดยอัตโนมัติเมื่อนึกถึงคืนคริสมาสต์ที่ผ่านมา มาร์คมาร่วมฉลองด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายกลับจินยองมอบของขวัญให้ไปด้วย เมื่อมาร์คมาถึงห้องตัวเองก็รีบเปิดออกดูก็พบว่าเป็นกรอบรูปไม้และรูปในนั้นก็คือเด็กวัย 8 ขวบสองคนถ่ายด้วยกันในวันงานโรงเรียน คงไม่ต้องบอกว่ามาร์คชอบของขวัญนี้มากแค่ไหน แค่จินยองได้เห็นรอยยิ้มของมาร์คก็รู้ได้แล้ว

    “นายในตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยนะจินยอง ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีๆ ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม”

    “ปากหวานจริงๆ เลยนะ” จินยองยิ้มขำๆ พลางนึกถึงวันวานที่หวนย้อนมาอย่างแจ่มชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง “ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนพวกเราเล่นซ่อนหากับเพื่อนในห้อง แล้วฉันก็พานายไปซ่อนไกลมาก จนเพื่อนเบื่อหน่ายที่จะตามหาเรา ทำแบบนี้บ่อยเข้าๆ ไปๆ มาๆ แล้วตั้งแต่นั้นมาเวลาเล่นซ่อนหาพวกนั้นก็จะไม่ชวนเราอีก คิดแล้วตลกชะมัดเลย”

    “แต่ก็ไม่เป็นไรนี่ ฉันชอบเล่นกับนายคนเดียว” มาร์คพูดขำๆ พลางกอดอ้อนคลอเคลียเจ้าร่างบาง มือไม้เลื้อยไหลไม่หยุด 

    จินยองชักสีหน้าบูดบึ้งหน่อยๆ “ถึงนายจะชอบแบบนั้น แต่ปัญหาคือ พอนายไม่อยู่แล้วฉันก็ต้องเล่นคนเดียวบ่อยๆ นะสิ ยังไม่นับเรื่องที่ทำให้ฉันเป็นโรคกลัวจูบนะ”

    “งั้นเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” มาร์คหัวเราะร่วน หาได้มีความสำนึกผิดไม่ เลยถูกหยิกที่ต้นแขนแรงๆ สองที แต่เจ็บแค่นี้มันเหมือนมดกัด

    “ยัง... ยังจะหัวเราะอีก เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว” จินยองครางขู่ลอดไรฟัน 

    “ก็ทำไมล่ะจินยองงี ฉันว่าดีออกนะ นายไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นสิดี จะได้ไม่มีใครมาเกาะแกะนายไง แล้วยิ่งเป็นโรคกลัวจูบก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะนายจะได้ไม่ต้องจูบกับใครนอกจากฉัน ลงตัวเป๊ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”  

    “ไอ้บ้านี่ พูดเอาแต่ได้แบบนี้มันน่าฟาดให้ตายจริงๆ” จินยองเงื้อมมือจะเข้าฟาดจริงๆ มาร์คที่รู้ทันรีบคว้ามือนั้นเอาไว้แล้วมาจูบเน้นๆ อย่างหน้าด้านๆ

    “ถ้าฉันตายแล้วใครจะอยู่กอดนายล่ะหื้ม?” มาร์คได้ใจยิ้มแฉ่งอย่างเปี่ยมสุข อาการหลงตัวเองขั้นสุดแบบนี้บ่อยครั้งที่ทำให้เจ้าร่างบางอยากจะจับเตะก้านคอจริงๆ

    “นายนี่มันร้ายนัก!” จินยองสบถอย่างหมั่นเขี้ยว แต่ก็หมดพลังจะเอาคืน สุดท้ายก็ค่อยๆ กลับไปอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดคนทะลึ่งอีกครั้ง ใบหน้าสวยซบลงอกแกร่งอย่างลืมอายชั่วขณะ

    เมื่อความเงียบสงบเข้าครอบคลุม ความร้อนของน้ำช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลาย ร่างบางเอ่ยขึ้นเบาๆ ราวกับเสียงกระซิบว่า “มาร์ค... นายว่าพ่อแม่จะจับสังเกตได้มั้ย เรื่องของเราน่ะ”

    คนถูกถามครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ก่อนจะคลี่ยิ้มละไม “คิดว่ายังไม่รู้มั้ง แต่ก็คงมีสงสัยบ้าง แต่ว่าสำหรับฉันแล้ว ให้รู้เร็วๆ ก็ดีเหมือนกัน”

    “พูดเป็นเล่นไป แม่นะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าพ่อรู้ต้องฆ่าฉันแน่ๆ”

    “แล้วใครจะปล่อยให้นายโดนฆ่าล่ะเจ้าเด็กโง่” ว่าแล้วมาร์คก็หอมแก้มแดงๆ ฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว “ฟังนะปาร์คจินยอง ฉันจะพานายไปอยู่ด้วยกันสองคน ถ้าหากว่าบ้านนายไม่ยอมรับเรื่องนี้”

    “พูดเป็นเล่นอีกแล้ว” จินยองพูดพลางยิ้มขำๆ ติดตลกไป แต่ว่าอีกคนกลับไม่ขำด้วยเลย

    “ฉันพูดจริงนะจินยอง” น้ำเสียงจริงจังของมาร์คกลับมาอีกครั้ง เมื่อจินยองเอี้ยวคอไปจ้องหน้าของมาร์คก็พบว่านั่นคือโหมดจริงจังอย่างที่สุด

    “แต่เชื่อเถอะนะจินยอง ยังไงซะพวกผู้ใหญ่ก็ต้องเข้าใจพวกเราแน่ๆ แต่เราอย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องพวกนั้นเลย แค่ตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกัน มีความสุขด้วยกันก็เพียงพอแล้ว”

    “นั่นสินะ แค่ตอนนี้เรามีความสุขก็ควรกอบโกยให้ถึงที่สุด” เป็นอีกครั้งที่จินยองละทิ้งความเขินอายเอนกายลงสวมกอดอีกคนแนบแน่น

    มาร์คเองก็ประคองกอดร่างจินยองไว้อย่างเอ็นดู มือซนๆ ค่อยๆ เลื้อยรัดร่างสวยแล้วไปหยุดอยู่แก่นกายนุ่มๆ ของจินยองอย่างอุกอาจ จินยองสะดุ้งตัวรีบหยิกมือซนๆ นั่นอย่างรวดเร็ว แต่มือของมาร์คกลับทนทานต่อการขัดขวาง มันยังคงลูบไล้อย่างเมามันทำเอาร่างบางเผลอครางกระเส่า

    “แค่หยอกเล่นเท่านั้นเอง ไม่ทำอะไรไปมากกว่านี้หรอกน่า เชื่อเถอะ”

    “เชื่อนาย เชื่อหมาจรจัดยังดีกว่า!

    แล้วความวุ่นวายก็พลันบังเกิดขึ้น การแช่น้ำพุร้อนอย่างสงบๆ ของจินยองก็ถูกขัดขวางอย่างต่อเนื่อง ในบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่กันแค่สองคน มือหรือที่คนเจ้าเล่ห์อย่างมาร์คต้วนจะยอมหยุดอยู่แค่กอดจูบเท่านั้น ทว่า... บางทีจินยองอาจจะตระหนักถึงความจริงข้อนี้ได้นานแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังยินยอมที่จะเข้ามาสู่อ้อมกอดของเจ้าคนทะลึ่งคนนี้

     

     


     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป

     

     

    ตอนของมาร์คเนียร์มาแบบน้อยๆ แต่ก็มีความฟิน ทั้งหมดในตอนนี้คืออยู่ในช่วงนิ่งๆ ก่อนจะถึงเรื่องราวใหม่อีกระลอก เปิดเทอมแล้วคงมีอะไรสนุกๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน อิอิ ไรท์จะพยายามมาอัพบ่อยๆ คืออย่างน้อยก็อาทิตย์ละ 1 อัพวันศุกร์หรือเสาร์ไรงี้ แต่ถ้ามีคนยังอ่านเยอะ อ่านแล้วเม้นให้กัน ไรท์ก็จะแวบมาอัพวันอังคารด้วยแหละ

     

    ฟิคยังสั่งได้เรื่อยๆ นะ

     

    แท็กฟิค #ฟิคตองคิส

     

    อัพเดต 24/10/2558

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×