ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KISS KISS KISS ;; MarkNior ft. 2Jae

    ลำดับตอนที่ #1 : INTRO : จูบแรก?

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 58





    INTRO : จูบแรก?

     







     

     

    ตาลาย...

    ขาสั่น

    อึดอัดหายใจไม่ออก

    ราวกับว่าร่างกายกำลังจะหลอมละลาย

    เรา...ต้องตายแน่ๆ

     






     

    พรืดดดด!!!

    ตุบ!!!

    ร่างบางในชุดนอนสีเหลืองอ่อนลายลูกเจี๊ยบหล่นตุบกระเด็นออกจากเตียงนอนไปเกือบเมตร และมันก็ทำให้เจ้าตัวรู้ว่าความรู้สึกเมื่อกี้นั้นมันแค่ฝันไป

    “เฮ้อ... ฝันถึงตอนนั้นอีกแล้วเรา...มือเล็กลูบไล้เบาๆ ที่ริมฝีปากสวยที่เผยอเล็กน้อยเหมือนกุหลาบแรกแย้ม ดวงหน้างดงามราวกับเด็กสาวแสดงออกถึงความหวั่นวิตกเล็กน้อย

    ห๊ะ! แย่จริง สายแล้วเหรอเนี่ยพอรู้ตัวว่านาฬิกาบอกเวลาแปดโมงเช้าแล้ว ร่างบางก็รีบวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำโดยไว

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตื่นสายเพราะฝันบ้าๆ น่าขนลุก ชื่อของเขาก็คือ “ปาร์คจินยอง” เด็กหนุ่มที่กำลังเหยียบย่างเข้าสู่วัย 18 ตอนนี้จินยองกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปลายปีที่ 3 เทอมสอง ในโรงเรียนนานาชาติที่ไม่ไกลจากบ้านนัก

    หลังจากชำระร่างกายเรียบร้อย จินยองก็มาอยู่ในชุดเครื่องแบบที่ผ่านการใช้งานมาแล้วหลายเดือน แต่มันก็ยังคงสภาพใหม่เอี่ยมเพราะการดูแลอย่างดี เสื้อข้างในเป็นเชิ้ตสีขาวสะอาดตา มีเนคไทสีเขียวปีกแมลงทับผูกติดอย่างเรียบร้อย ส่วนสูทมีสีกรมท่าและยังมีตราโรงเรียนที่เป็นรูปนกอินทรีซึ่งทำจากเงินแท้ติดที่กระเป๋าสูทด้านซ้าย และในตัวอีนทรีตัวนั้นยังมีตัวอักษร H ที่ย่อมาจาก ฮวารัง ชื่อของโรงเรียน ส่วนกางเกงสแล็คก็เป็นสีเดียวกับสูท

    จินยองสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้ง ร่างบางยักคิ้วหลิ่วตาให้ตัวเองที่อยู่ในกระจกบานใหญ่ 


    “วันนี้ก็หล่อ...โฮะๆๆ”

    จะเรียกว่า “หล่อ” ก็คงไม่ผิด แต่จะเรียกให้ถูกมากกว่าก็คือ “น่ารัก” หรือจะเรียกให้ถูกที่สุดก็ต้อง “สวย” เพราะแม้จะเป็นเด็กผู้ชาย แต่เครื่องหน้าของจินยองนั้นกลับงดงามและโดดเด่นกว่าเด็กหนุ่มทั่วไปมากนัก

    มีผิวขาวเนียนละเอียด โดยไม่จำเป็นต้องเสริมเติมแต่งใดๆ ใบหน้าเรียวสวยนั้นมีคิ้วโก่งเข้ารูป มีดวงตารูปหยดน้ำที่ฉายแววความสดใสเป็นประกายเจิดจ้า มีจมูกโด่งนิดๆ รับกับเรียวปากที่กำลังเผยอเหมือนดอกกุหลาบแรกแย้ม และที่น่าหลงใหลมากที่สุดก็คือรอยยิ้มพิมพ์ใจที่สามารถทำให้หัวใจคนละลายมาแล้วนับไม่ถ้วน

    ก่อนที่จะหลงตัวเองมากไปกว่านี้ จินยองรีบคว้าเอากระเป๋าเป้สีขาวลายลูกหมีพาดบ่า จากนั้นก็วิ่งตึงตังลงจากบ้านด้วยความเร็วแสง

    “ไปเรียนแล้วนะคร๊าบ”

    จินยองร้องบอกคุณแม่ที่อยู่ในครัว มือข้างถนัดคว้าห่อผ้าบรรจุกล่องข้าวอย่างรวดเร็วราวกับโจรกระชากกระเป๋า แล้วไม่ทันได้ให้คุณแม่ขานรับหรือเรียกเจ้าลูกคนนั้นมาทานมื้อเช้า เจ้าลูกชายคนนั้นก็วิ่งตัวปลิวออกไปแล้ว

     










     

     


     

    จินยอง ได้ข่าวว่านายปฏิเสธอิมแจบอมห้อง A งั้นเหรอ”

    เสียงแจ้วร้องดังขึ้นทันทีที่หมดคาบสาม หมอนั่นวิ่งตึงๆ จากหน้าห้องมาหาเขาที่นั่งอยู่มุมสุดด้านหลัง เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนสนิทร่วมห้องนามว่าชเวยองแจ

    ข่าวไวจริงๆ นะยองแจจินยองบ่นอุบ ทำหน้าเอือมโลกสุดๆ ขณะที่มือก็จัดของบนโต๊ะเข้าที่ เพราะชั่วโมงต่อไปเป็นโฮมรูม เขาต้องการนอน

    ทำไมวะ?” ยองแจยังซักต่อ “ตอนปาร์ตี้คืนนั้นก็เห็นพวกนายเข้ากันได้ดีนี่หว่า แจบอมก็ออกจะสนใจนายแบบออกนอกหน้า แล้วแจบอมเองก็เท่ซะขนาดนั้น ใครๆ ในโรงเรียนก็อยากได้ สเป็กนายด้วยไม่ใช่รึไง

    ชเวยองแจแสดงความเสียดายอย่างออกนอกหน้าซะเหลือเกิน จินยองเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ายองแจถือหางแจบอมอยู่ ชอบทำตัวเป็นพ่อสื่อทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะสองคนนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น

    เป็นความจริงที่อิมแจบอมคนนั้นทั้งหล่อทั้งเท่เรียนก็เก่ง ตรงสเป็กทุกอย่าง แต่นั่นมันก็เป็นแค่อุดมคติเท่านั้น เพราะความเป็นจริงแล้ว...

    “ว่าไงล่ะ ทำไมนายถึงปฏิเสธแจบอม รู้มั้ยหมอนั่นเสียใจมากเลยนะ” ยองแจย้ำถามเสียงเขียว

    ฉะ.. ฉัน ก็เขา...” น้ำเสียงจินยองตะกุกตะกัก “ก็ฉัน เอ่อ... ก็แจบอมตั้งท่าจะจูบฉัน... ฉัน...เท่านั้นแหละ พวงแก้มเนียนก็เริ่มร้อนฉ่า เมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันก่อน

    เรื่องนี้อีกแล้วเหรอ... ครั้งก่อนนายก็พูดแบบนี้กับใครสักคนที่มาจีบนาย เฮ้อ...เพื่อนรักถอนหายใจส่ายหน้าเอือมเต็มที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องมาทนฟังจินยองแสดงอาการบ้าๆ เวลามีใครตั้งท่าจะจูบ คนคบกันเรื่องจูบก็เป็นเรื่องธรรมดาโว้ย สมัยนี้แม้แต่เด็กอนุบาลยังจูบกันเลยเจ้างั่งเ!!

    ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ..แต่ว่าเมื่อโดนกดดันมากๆ เข้าจินยองทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้ แต่ทันใดนั้นเอง เสียงสวรรค์ก็มาช่วยไว้

    นั่งที่ได้แล้วคุณครูประจำชั้นประกาศเสียงดัง ทำให้ฝูงลิงทั้งหลายรีบกรูกันกลับเข้าที่นั่งสงบเรียบร้อย

    ที่ยืนเด่นด้วยมาดขี้เก๊กก็คือคิมยองอุน เป็นทั้งครูสอนพละ แล้วก็เป็นครูประจำชั้นห้อง 3-D แห่งนี้ด้วย แล้วที่สำคัญเป็นครูที่จินยองชอบน้อยที่สุด ส่วนเหตุผล...อย่าไปรู้มันเลยยังจะดีกว่า

    วันนี้จะแนะนำนักเรียนใหม่ให้รู้จักนะ เขามาจาก LA เลยทีเดียวครูหนุ่มกล่าวหน้ายิ้มแย้ม ก็พอดีที่มีร่างสูงเดินเข้ามาปรากฏตัวอยู่หน้าห้องแล้ว

    ที่อยู่ตรงหน้าประชากร 3-D เป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อ ที่จัดได้ว่าหล่อระดับชาติ รูปร่างผอม หุ่นกระชับมีกล้ามเนื้อ ส่วนสูงกำลังดีสมวัย แต่ที่ทำให้สาวๆ และเหล่าเคะหัวใจพองโตก็คือรอยยิ้มพิฆาตของเขานั่นเอง

    สวัสดีครับ...เขาส่งยิ้มให้แก่คนทั้งห้องแสดงความเป็นมิตรเต็มที่ แต่อาจจะมากเกินไปชนิดที่แถวบ้านเรียกว่าไอ้พวกเพลย์บอย

    เห๋..? น้ำเสียงแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ รูปร่างหน้าตาแบบนี้... หรือว่าจะเป็น??

    นาทีนี้จินยองเหมือนกับคนที่ถูกมนต์สะกดของเจ้าเด็กใหม่ ร่างบางค่อยๆ ลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปหน้าชั้นด้วยอาการเหม่อลอย

    ต้วนอี้เอิน!!!จินยองตะเบ็งเสียงลั่นคับห้อง พร้อมกับนิ้วที่ชี้ตรงไปยังหน้าหล่อๆ ของเจ้าเด็กใหม่  

    “หะ..ห๊ะ?” คนที่ถูกเรียกว่าต้วนอี้เอินชะงักงันไปชั่วขณะ เกิดอาการแผ่นสะดุดเหมือนทุกคนในห้อง รวมทั้งอาจารย์ด้วย

    ??????????????????????

    นายเป็นใคร?” หนุ่มหน้าหล่อถามหน้าตาย

    นายเป็นใคร...อย่างนั้นเหรอ?? จินยองทวนคำถามในห้วงแห่งความคิด เส้นเลือดในสมองแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะความโมโห ถามมาได้ยังไงว่าฉันเป็นใคร ทั้งที่นาย นาย... นายมัน!!

    ไอ้บ้า!!” จินยองกระแทกเสียงใส่หน้าชายหนุ่มจนหน้าเหวอ “ฉันเพื่อนร่วมชั้นของนายตอน ป.3 ชื่อปาร์คจินยองไงเล่า!!

    สิ้นคำแนะนำตัว จินยองก็ปล่อยหมัดน้อยๆ เข้าตั้นหน้านายต้วนอี้เอินเต็มแรง ถึงมันจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากนัก แต่ก็ทำให้ทุกอย่างในห้องหยุดชะงักด้วยความตกใจ

    ปาร์คจินยอง.. จินยองงั้นเหรอ?” อี้เอินทวนชื่อซ้ำๆ มือเรียวยาวดุจลำเทียนลูบเบาๆ ที่มุมปาก ใบหน้าขบคิด

    อย่าบอกนะว่านายลืมไปแล้ว หึ เพราะนายคนเดียว เพราะนาย... ฉัน...จินยองก้มหน้างุด พวงแก้มเริ่มแดงอีกระลอก

    “เพราะอะไรเล่า ก็ว่ามาดิ๊

    จินยองเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับตะโกนออกไปเต็มแรง

    “เพราะนายฉันถึงได้เป็นโรคกลัวจูบ!!!!

     

     


















     

     

    โรค กลัว จูบ

     

    โรคกลัวจูบที่เพิ่งออกมาจากปากของหนุ่มหน้าหวานนามว่าปาร์คจินยอง ทำเอาคนทั้งห้องอยู่ในอาการช็อก

    “มะ หมายความว่า...เสียงของยองแจลอยขึ้นมาในอากาศ ดูเหมือนจะเป็นคนแรกที่ในห้องที่เข้าใจ แล้วก็คงหายสงสัยว่าทำไมเพื่อนคนนี้ถึงเอาแต่แสดงอาการบ้าๆ เวลาใครตั้งท่าจะจูบ

    จินยองใช้ความนิ่งแทนคำตอบ ก่อนจะแจกแจงความเจ็บช้ำน้ำใจให้ทุกคนฟัง “วันที่หมอนี่จะย้ายไปอเมริกา เขาจูบฉันเป็นการ บอกลาแต่อาจจะเพราะว่าเป็นจูบแรกของฉันเลยทำให้รู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหว ฉันเลยหมดสติไป... ตั้งแต่นั้นมาฉันก็กลัวจนจูบใครไม่ได้อีกเลย”

    เกิดความเงียบอยู่หลายนาที ไม่มีใครกล้าหายใจแรงเลยสักคนเดียว แม้แต่ครูคิมยังได้แต่ทำปากพะงาบๆ เหมือนปลาทองในขวดโหล

    เพราะนาย!!จินยองถลาเข้าใส่ต้วนอี้เอิน พร้อมกับกระชากคอเสื้ออย่างรุนแรง เพราะนายเลยทำให้ฉันไม่มีแฟน นายจะชดใช้ยังไง!!”

     
     

    “ฮึ...อื้อ!!

     
     

     ริมฝีเร่าร้อนประทับลงที่ริมฝีปากของคนขี้โมโหอย่างรวดเร็ว มือแกร่งกดล็อคที่ท้ายทอย ส่วนอีกข้างกอดรัดที่เอวบางไม่ให้ขยับหนี

     
     

    อ๊ะ..

     

    ลิ้นร้อนแทรกลึกเข้าไปในโพลงปาก สัพยอกหยอกเย้ากับลิ้นละมุน ดูดกลืนความหวานล้ำให้หนำใจ

     

     

    ตาลาย...


    ขาสั่นเทา...

    อึดอัดหายใจไม่ออก...

    ร่างกายร้อนผ่าว ราวกับจะหลอมละลาย...

    จะตายอยู่แล้ว!!

    ความรู้สึกเดิมๆ แล่นริ้วไปทั้งร่างกายของจินยอง ผ่านสัมผัสปลายลิ้นของต้วนอี้เอิน เพียงแค่นั้นก็ทำให้เขาแทบจะสิ้นเรี่ยวแรงไปทั้งๆ ตรงนี้

    อา...จินยองครวญคราง ร่างกายอ่อนระทวยอยู่ในวงแขนแข็งแรง เสียงหัวใจดวงน้อยๆ ราวกับจะหลุดออกมาประจานความรู้สึกภายในจิตใจ ดวงหน้าร้อนผ่าวและแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู

    ต้วนอี้เอินยกยิ้มกริ่มเมื่อเห็นอาการของร่างบางในวงแขน เขาค่อยๆ โน้มเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานอีกครั้งจนปลายจมูกเชิดโด่งสัมผัสกัน เรียวปากรูปกระจับขยับอยู่แค่เซ็นเดียว

    พูดง่ายๆ ก็คือ เพราะนายเคลิบเคลิ้มกับรสจูบของฉันเหมือนเมื่อกี้...

    จินยองหลบเลี่ยงใบหน้าหนีด้วยความเขินอาย แต่ก็โดนฝ่ามือแข็งแรงนั้นเชยกลับมาเหมือนเดิม

    ก็อย่างว่าล่ะนะ จูบของฉันมันคงเร้าใจเกินไปสำหรับเด็ก 8 ขวบ

    “นาย!!ร่างบางผละจากอ้อมแขนแกร่งทันที ดวงแก้มใสยิ่งแดงก่ำเข้าไปใหญ่ ทั้งอายทั้งโมโหแทบอยากจะต่อยหน้าไอ้บ้าขี้โม้นี่อีกรอบ

    ตอนนั้นนายเองก็อายุเท่าฉันไม่ใช่รึไง” เสียงหวานหลุดรอดออกมาตามไรฟัน

    “เทคนิคไม่เกี่ยวกับอายุหรอกนะ จะบอกให้เขาบอกอย่างอารมณ์ดี แถมยังยักคิ้วใส่แสดงถึงความเป็นต่อ สำหรับจินยองแล้วมันโคตรจะน่าหมั่นไส้เลย

     
     

    “สุดยอดเลยหมอนี่...”

    “ใช้เทคนิคอะไรกันแน่วะ อยากเก่งบ้างจัง”

    “อ๊ายยย ต้วนข๋า จูบฉันบ้างสิค้า”

     

    เสียงฮือฮาเริ่มดังกระฮึ่มขึ้นมาภายในห้องเรียน จินยองนั้นแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีกลับบ้านไปเสียตอนนี้เลย ต่างจากต้วนอี้เอินที่ดูจะมีความสุขเหลือเกิน

    เจ็บใจชะมัด!! –W-

    เอาเถอะ ถ้าบอกว่าคบกับใครไม่ได้เพราะจูบของฉันเป็นสาเหตุล่ะก็...” อี้เอินยิ้มย่อง นัยน์ตาคมเริ่มฉายแววความเจ้าเล่ห์เหมือนคนที่กำลังคิดแผนชั่ว

    จินยองเลิกคิ้วสูงจ้องคนตรงหน้า นายจะทำไม?”

    ฉันจะรับผิดชอบโดยการเป็นแฟนของนาย อย่างน้อยก็จนกว่าโรคกลัวจูบจะหายไปก็แล้วกัน หึหึ”

    กึ๋ยยยย!!!

    จินยองช็อกไปแล้ว... แม้เสียงฮือฮาซุบซิบในห้องจะดังอื้ออึงสักแค่ไหน ก็ไม่เข้าโสตประสาทเขาแม้แต่น้อย ห้วงภาพและเสียงที่เขารับรู้ได้คือคำพูดของชายตรงหน้าเท่านั้น

    มะ... ไม่จริงใช่มั้ย?!

     

     

     





     

    โปรดติดตามตอนต่อไป...

     

     

    อยู่ๆ ก็อยากแต่งก็แต่งเลย 5555555 เรื่องเก่ายังไม่จบเลยนะนี่ แถมแหวกแนวเดิมของตัวเองแบบสุดๆ หวังว่าฟิคเรื่องนี้จะเป็นอีกเรื่องที่หลายคนติดตามอ่านต่อกันนะคะ (ปล. สำหรับใครที่ชอบดราม่าระดับสิบกะโหลกแบบเมียจำเป็น มาอ่านเรื่องนี้คงต้องผิดหวัง 55555555555)

     

    เม้นบ้างไรบ้างเน๊อะ เพื่อกำลังใจในการแต่งต่อไป

     

    สกรีมแท็กฟิคก็มีนะ #KISSxMARKNIOR

     

    อัพเดต 23/02/2558

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×