ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    And we were then brought together - [ dramione ]

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 : I try my best not to get stuck into the past

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 62


    Chapter 2 
    I try my best not to get stuck into the past




         ร่างสูงผมบลอนด์ในชุดสูทสีดำสนิท นั่งทอดตัวบนเก้าอี้หรูตัวใหญ่ภายในห้องทำงานชั้นบนสุดของตึก พื้นที่กว้างราวๆหนึ่งชั้นถูกตกแต่งด้วยสไตล์โกธิคอย่างหรูหราคล้ายคฤหาสมัลฟอย โทนสีเขียวและสีดำที่ถูกนำมาใช้ตกแต่ง ทำให้ทั้งห้องดูสง่าและลึกลับอย่างน่าประหลาด เรียกได้ว่าของทุกชิ้นภายในห้องนี้ หรือแม้แต่ที่ทับกระดาษที่เจ้าของห้องเลือกใช้นั้น สามารถถ่ายถอดตัวตนและกลิ่นอายของมัลฟอยออกมาได้เป็นอย่างดี มือใหญ่ผอมกางหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตอ่านข่าวประจำวันอย่างสบายอารมณ์

     

         ปากบางยิ้มเหยียด เมื่อพลิกหนังสือพิมพ์กลับมาหน้าหนึ่ง เเล้วพบกับหัวข้อข่าวใหญ่ที่กำลังเป็นที่พูดถึงไปทั่วทั้งโลกเวทมนต์ จะเป็นข่าวอะไรไปได้ ถ้าไม่ใช่ข่าวการหย่าของเขากับแอสโทเรีย เดรโกพยักหน้าอย่างพึงพอใจเล็กๆ ในสำนวนการเขียนข่าวที่เป็นไปตามที่เขาต้องการ ก็พอจะรู้มาบ้างว่าอำนาจเหรียญทองแกลเลี่ยนสามารถกำหนดเนื้อหาข่าวได้ เเต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะได้ผลขนาดนี้

     

         อย่างน้อยยัยริต้า สกีตเตอร์ ก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง

     

         ก๊อก ก๊อก

         เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆจากหน้าประตูบานใหญ่ ร่างหนาของผู้ที่สวมใส่สูทสีดำเช่นเดียวกับเดรโก ก้าวยาวๆเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานของเขา ก่อนจะวางเอกสารสำคัญลงที่โต๊ะอย่างสุภาพ


         " เรื่องที่จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วหรอ " เสียงยานคางถามขึ้นลอยๆ เดรโกมั่นใจว่าเลขาของเขาจะจัดการได้เรียบร้อยเหมือนอย่างที่ผ่านมา มือผอมรวบหนังสือพิมพ์เก็บ ก่อนจะโยนไปกลางโต๊ะอย่างไม่อยากจะใส่ใจ

     

         " เรียบร้อยดีครับ ถึงจะจัดการยากไปหน่อยแต่ก็ราบรื่นดี ส่วนเรื่องคุณแอสโทเรีย ผมได้เข้าไปพูดคุยกับเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ " เลขาหนุ่มกล่าวตอบเจ้านายด้วยน้ำเสียงนุ่ม ' เดเมียน  ' แอบลอบยิ้มน้อยๆให้กับท่าทีพึงพอใจเล็กๆของเจ้านาย ท่าทางวันนี้คงจะเป็นวันดีของเขา ทั้งเป็นวันคริสมัส ทำให้เจ้านายพอใจ ได้ดื่มกาแฟร้านโปรดในตอนเช้า ถึงจะไม่ได้ทานสกอตติชชอตเบรดของโปรด แต่บุช เดอ โนเอลที่เจ้าของร้านคนสวยแนะนำมาก็อร่อยติดใจเขาจริงๆ

     

         " แล้วแอสโทเรียว่ายังไง " เดรโกพยักหน้าเบาๆอย่างพอใจ ก่อนจะถามคำถามต่อ  ถึงจะบอกว่าคุยกันเรียบร้อย เเต่จากประสบการณ์ประสาทที่เขาต้องสู้รบกับแอสโทเรียทุกวัน ทำให้เขารู้ว่าแอสโทเรียไม่ใช่คนที่จัดการง่ายๆด้วยวิธีนั่งคุย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหล่อนต้องมีเงื่อนไขอะไรอีกแน่ 


         " เธอว่าจะยอมอยู่เงียบๆ หากคุณไปหาเธอบ้าง " 


         คิดไว้ไม่มีผิด


         เดเมียนเอ่ยเสียงเกร็งเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าเดรโกรที่ฉายแววหงุดหงิด ตาคมตวัดสายตามาหาเขาอย่างเอาเรื่อง ภายใต้ท่าทางสุขุม ใครจะรู้ว่าใจเขาสั่นอย่างกับแผ่นดินไหว 


         " ยัยงูพิษนั่นเผลอกินขี้เล็บโทรลเข้าไปรึไง ถึงได้เอาแต่คิดอะไรประหลาดๆ " เดรโกตบโต๊ะอย่างอารมณ์เสีย มือผอมยกขึ้นเท้าคางแหลมพลางหลับตาอย่างใช้ความคิด ในหัวของเขาพยายามเฟ้นหาวิธีที่จะทำให้แอสโทเรียยอมเเพ้ในสงครามประสาทนี้ แรกๆที่แอสโทเรียเริ่มประโคมข่าว เขาไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะคิดว่าข่าวปัญญาอ่อนแบบนั้นคงจะเงียบไปเอง แต่ที่ไหนได้ เจ้าหล่อนเล่นประโคมข่าวทุกสัปดาห์ และมันจะไม่เป็นอะไรเลย หากว่ามันไม่กระทบถึงงานของเขา ด้วยหน้าที่การงานในตอนนี้ เขาจำเป็นจะต้องออกไปติดต่อลูกค้าหรือต้องไปทำธุระสำคัญบ่อยๆ ทุกที่ที่เขาไป มักจะมีนักข่าวจำนวนมากมาดักรอ นั่นทำให้การทำงานของเขาลำบากขึ้นอีกเท่าตัว เพราะต้องคอยผ่าดงนักข่าวหรือหลบหลีกสายตาเหยี่ยวของพวกนั้นจนรู้สึกรำคาณ เดรโกไม่ชอบใจนัก เพราะนั่นทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นซากศพสภาพน่าเกลียด ที่ถูกแร้งทึ้งทุกครั้งที่เขาปรากฎตัวในที่สาธารณะ

     

         หลังจากจบสงคราม ตัวเขาและครอบครัวก็ตระหนักว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไปมันผิด ทุกการกระทำของพวกเขาย้อนกลับมาทิ่มแทงตนเองจนแทบจะลุกไม่ไหว ตระกูลมัลฟอยถูกสอบสวนอยู่ 1 ปีเต็ม เป็นช่วงเวลาที่สาหัสนัก เมื่อพวกเขามักจะโดนเหยียดหยามด้วยคำว่า 'ตระกูลสับปรับ' สำหรับตระกูลสายเลือดบริสุทธิ์ที่มักจะมีบทบาทอยู่ในวงสังคมชั้นสูง นั่นเป็นเรื่องที่น่าอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี พวกเขาได้ยื่นหลักฐานทั้งหมดที่มีเพื่อต่อสู้ในชั้นศาล เดโกรพึ่งมารู้เอาทีหลังว่าพ่อและแม่ของเขาแอบคอยส่งข่าวลับบางอย่างเกี่ยวกับวอลเดอมอร์ให้กับกระทรวงมาโดยตลอด และตัวเขาเองที่รอดมาได้ก็เพราะการตัดสินใจช่วยเหลือพอตเตอร์ในตอนท้ายของสงคราม

     

         หลังจากได้พบจุดตกต่ำของครอบครัว ลูเซียสประสบกับภาวะเสียศูนย์ เนื่องจากไม่คิดไม่ฝันกับสถานการณ์ย่ำแย่ของตระกูล เป็นเวลาค่อนข้างนานเลยทีเดียวกว่าที่ลูเซียสจะหาหลักของตนเองได้ ในระหว่างนั้นพวกเขาได้เริ่มทบทวนตัวเองเสียใหม่ และพบกับความผิดพลาดในคำว่าครอบครัว เดรโกไม่คิดปฏิเสธหรอก ว่าครอบครัวของเขาน่ะผิดเพี้ยนมาแต่ไหนแต่ไร แต่ลึกๆแล้วเราต่างรู้ว่าเรารักกัน ดังนั้นการพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้น ปรับเปลี่ยนสิ่งที่ผิดให้มันเป็นถูก ก็เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในตระกูลที่แสนหยิ่งทะนง พวกเขาตั้งใจทำมันเพื่อทำให้ตระกูลของเขากลับไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม มีชื่อเสียง และมีศักดิ์ศรี

     

         การเปลี่ยนแปลงตนเองของพวกเขา เริ่มจากอะไรง่ายๆอย่าง ' การเป็นตัวของตัวเอง  ' แต่มันไม่ง่ายเลย สำหรับพวกเขาที่โดนกรอบบูดๆเบี้ยๆกดทับไว้เกือบตลอดชีวิต ต่อมาพวกเราตกลงกันว่าลดกำแพงที่มีลง พยายามพูดคุยและปรับความเข้าใจกันเสมอ ในตอนแรกน่ะมันโครตยากบัดซบ แต่เมื่อผ่านมาได้ ความรู้สึกของคำว่าครอบครัวที่ดี ก็เริ่มเข้ามาสัมผัสพวกเขาทีละน้อย นาซิสซ่าเริ่มแสดงตัวตนจริงๆของเธอออกมา จากการเริ่มเก็บรวบรวมพืชพันธุ์ไม้ต่างๆ และสั่งให้เอลฟ์ปลูกดอกไม้นานาพันธุ์ในสวนสวยรอบบ้าน ทั้งที่ตลอดมาไม่มีใครเคยเห็นเธอนิยมชมชอบสีสันฉูดฉาด หรือพืชพันธุ์ใดๆเลย

     

         เดรโกเริ่มหันไปทำธุรกิจจากความสามารถในการปรุงยาที่แสนวิเศษของเขา เขาค้นพบว่ามักเกิ้ลเป็นเผ่าพันธุ์ที่ฉลาดอย่างน่าทึ่ง เดรโกรู้จากการที่ได้ศึกษาตำรายาและสิ่งต่างๆที่มักเกิ้ลค้นพบ เดรโกตัดสินใจเปิดสาขาที่โลกมักเกิ้ล และเงินทองจากทั้งสองโลกก็แทบจะเทมาทับเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ถึงแม้ว่าทั้งหมดนั่นจะทำให้เขาเผลอนึกถึงเลือดสีโคลนผู้แสนรอบรู้อยู่บ่อยครั้ง เเต่เขาก็ไม่คิดจะใส่ใจนัก เเละปล่อยให้มันเป็นเพียงความทรงจำที่หลงเหลือจากอดีตเท่านั้น

     

         ส่วนลูเซียส เขานั้นกล้ำกลืนฝืนตนเองรับงานจากกระทรวง ทุกคนในกระทรวงต่างยอมรับในฝีมือของเขา และตกลงกันว่าหากเสียคนฝีมือดีอย่างเขาไปคงจะน่าเสียดาย แต่การจะให้ลูเซียมต้องไปนั่งจ่อมอยู่ที่กระทรวงน่ะหรือ ฝันไปเถอะ ให้ตายเขาก็ไม่มีวันจะไปทำงานแบบนั้น เขาจึงเลือกที่จะรับงานบางส่วน หากมีภารกิจใดที่รัฐมนตรีเห็นว่าสมควร ท่านก็จะเรียกเขาเข้าไปรับงานที่กระทรวงโดยตรง ต่อมาไม่นานลูเซียสขอร้องให้เดรโกทำงานเกี่ยวกับศาสตร์มืด ขอเพียงแค่เกี่ยวข้องเล็กๆน้อยๆก็เพียงพอ เนื่องจากเขารู้สึกขาวสะอาดเกินไป และรู้ตัวว่าศาสตร์มืดแทบจะเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวความภูมิใจแปลกๆของเขาไว้ได้ ถึงเเม้ตอนเเรกเดรโกจะไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมให้บริษัทยาของเขามีเบื้องหลังเป็นบริษัทจัดหาและรวบรวมสิ่งของเกี่ยวกับศาสตร์มืด

     

         ไม่มีทางเสียหรอก ที่มัลฟอยจะเถรตรงและมีคุณธรรมสูงแบบที่คนอื่นเขาเป็นกัน ยังไงซะ มัลฟอยก็ต้องเป็นตัวร้ายในโลกเวทมนต์อยู่วันยังค่ำ

     

         ปีต่อมา พ่อบังคับให้เขาแต่งงานกับ ' แอสโทเรีย กรีนกราส  ' เพื่อหวังทายาทสายเลือดบริสุทธิ์ ในตอนแรกเดรโกค้านหัวชนฝา ให้ตายเถอะ จะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่แอสโทเรีย เรื่องความร้ายกาจของพี่น้องตระกูลกรีนกราสน่ะ เขาารับรู้มาตลอดเวลาที่อยู่ฮอกวอตส์นั่นล่ะ เมื่อเขาได้พบกับแอสโทเรีย เดรโกบอกกับเธอชัดเจน ว่าเขาไม่สามารถรักเธอได้ และจะไม่มีวันรักเธอ เราแต่งงานกันเพียงเพราะเรื่องชื่อเสียงเท่านั้น และจะไม่มีอะไรลึกซึ้งไปมากกว่าการอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ในวันนั้นแอสโทเรียตอบตกลงอย่างเข้าใจ นั่นทำให้เขาตกลงแต่งงานกับเธอตามที่พ่อต้องการในวันแต่งงาน เขาสัมผัสได้ว่าแอสโทเรียดีใจจนตัวสั่นที่ได้แต่งงานกับเขา 


         หลังจบงานเดรโกไม่แม้แต่จะร่วมห้องนอนกับหญิงสาว หรือการแตะเนื้อต้องตัวฉันสามีภรรยาก็ไม่เคยมี เดรโกเอาแต่ทำงาน และง่วนอยู่กับการเปลี่ยนแปลงตนเองหรือซ่อมแซมครอบครัวของเขาให้ดีขึ้น แอสโทเรียรู้ดีกว่าใคร ว่าเดรโกเป็นสุภาพบุรุษกว่าที่เขาคิด เดรโกไม่เคยทำให้เธอต้องเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย ไม่เคยทำให้เธอต้องลำบากในการเป็นคุณนายมัลฟอย ไม่ว่าเธอต้องการอะไรเดรโกสามารถหาให้เธอได้เสมอ ไม่ว่าเธอก่อเรื่องร้ายแรงแค่ไหน เดรโกก็ไม่เคยโกรธเธอจริงจังนัก ถึงจะมีเรียกคุยกันบ้าง แต่เขาก็มักจะหลับตาข้างเดียว เเละพยายามมองว่าเป็นการเล่นตลกประสาทๆไปซะ

     

         เธอรู้ว่าเดรโกให้เกียรติเธอในฐานะภรรยามาก แต่สิ่งที่เธอต้องการคือหัวใจของเขา เดรโกไม่เคยผิดคำพูดที่เขาเคยพูดเตือนไว้กับเธอก่อนแต่งงาน เดรโกไม่เคยรักเธอ ไม่เคยมีอะไรลึกซึ้งกับเธอ นี่เป็นการแต่งงานเพื่อชื่อเสียง และเพียงแค่อยู่บ้านหลังเดียวกันเท่านั้น 


         เท่านั้นเลยจริงๆ! 


         แต่แอสโทเรียต้องการมากกว่านั้น ต้องการทั้งหมดที่เป็นเดรโก มัลฟอย ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย หัวใจ ชื่อเสียง หรือแม้แต่เงินทองของเขา เธอคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก แต่เมื่อได้เข้ามาอยู่ตรงนั้น เธอต้องยอมรับความจริงอย่างยากลำบาก เพราะความสัมพันธ์ของเธอกับเดรโกน่ะ ไม่มีแม้แต่แสงริบหรี่ที่ปลายอุโมงเสียด้วยซ้ำ! เพื่อการนี้ แอสโทเรียจึงทำทุกอย่างให้เขาสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี อย่างการดูแลเอาใจใส่ และคอยทำตัวน่ารักใส่เขา หรือเเม้แต่เรื่องเลวๆ อย่างแอบหยดน้ำยาลุ่มหลงในกาแฟ หรือแอบยักยอกเงินบริษัทไปซื้อของไร้สาระจนทำให้เดรโกเครียดจนหัวหมุน เธอก็เคยทำ แต่สำหรับเดรโกมันก็เป็นแค่เรื่องน่าปวดหัวเท่านั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลงคำพูดของเขาได้ และเขายังคงให้เกียรติเธอเหมือนอย่างเคย

     

         " ไปหาเธออีกครั้ง แค่บอกเธอว่า ถ้ายังมายุ่มย่ามกับฉัน หรือยังกล้ามาเรียกร้องอะไรประสาทๆอีก ฉันจะทำให้เธอต้องไปอยู่ในโลกมัลเกิ้ลแบบที่ไม่มีแม้แต่สติจะเสกคาถา " ร่างสูงหลุดจากความคิดก่อนจะสั่งกับเลขาร่างหนา เดเมียนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมาจากสูท เเละลงมือจดคำสั่งของเจ้านายลงไปอย่างรวดเร็ว


         ถ้าคุยกันดีๆแล้วไม่รู้เรื่อง ก็คงต้องใช้ไม้แข็งเหมือนคราวล่าสุด เดรโกพูดจริงทำจริงเสมอ หากว่าเขาได้เอ่ยเตือน นั่นถือเป็นคำขาดจากเขา  


         " อ้อ คุณมัลฟอย เมอรรี่คริสมัสนะครับ " เดเมียนเอ่ยขึ้นไม่เบานัก เรียกความสนใจจากเดรโกที่กำลังจะหันไปหยิบเอกสารมาตรวจดู

     

         " เช่นกัน " หนุ่มผมบลอนด์ชะงักไปเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปด้วยมารยาท ทำงานกันมาเกือบสี่ปี นี่เป็นครั้งแรกที่เดเมียนดูสนใจวันเทศกาลจนเอ่ยอวยพรกับเขา ไม่ว่าจะเทศกาลไหนๆ สำหรับเดรโกก็เป็นเพียงแค่วันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้น อย่างวันคริสมัสนี่ ก็เป็นเเค่วันอากาศหนาวๆที่มีเสียงดังน่ารำคาณหู และไหนจะไฟห้อยระโยงระยางรกรุงรัง

     

         " เมื่อเช้าผมไปร้านกาแฟร้านประจำมา วันนี้มีขายบุช เดอ โนเอล คุณมัลฟอยจะลองชิมมั้ยครับ อร่อยเลยทีเดียว " เดรโกเห็นแววตาเป็นประกายของเดเมียนที่พุ่งมาหาเขาอย่างมีความหวังการขมวดคิ้วอย่างสงสัย มันจะอะไรหนักหนากับไอ้กาแฟร้านประจำอะไรนี่ เขาชักจะสงสัยแล้วว่า ร้านกาแฟร้านประจำของเดเมียน ทำเครื่องดื่มและขนมได้รสชาติอร่อยจนติดใจหรือมันไปแอบปิ๊งเจ้าของร้าน แล้วพยายามจะหลอกให้เขาไปอุดหนุนฝีมือของคนที่มันชอบซะ เดเมียนแทบจะเป็นแฟนตัวยงของร้านในโลกมักเกิ้ลนั่น เพราะหลังๆมานี้ หากว่าวันไหนไม่เอ่ยถึงร้านกาแฟนั่นล่ะก็ เดรโกฟันธงได้ทันทีว่ามันเป็นตัวปลอม

     

         " ใช่แบบนายนั่งกินที่โต๊ะตอนที่ฉันเข้ามารึเปล่า " เดรโกพูดอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะคว่ำปากเหยียดเมื่อเผลอนึกถึงหน้าตาปริ่มๆของเลขาตัวโตตอนกินขนมเค้กนั่น เดเมียนน่ะ หน้าตารูปร่างน่ากลัวอย่างเสียของเปล่าๆ ทั้งหน้าคมเข้มดูดุดันเมื่อไม่ยิ้ม หรือจะเป็นร่างโตๆของเขา นั่นไม่ได้เข้ากันกับนิสัยเด็กๆของเจ้าตัวเสียเลย เดรโกลอบถอนหายใจกับตนเอง จากการทำงานด้วยกันมาตลอด 4 ปี เดเมียนเป็นคนเก่งคนหนึ่ง ถ้าเขาไม่ได้เดเมียนมาเป็นเลขา บริษัทของเขาก็อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ แต่ถ้ามีใครให้เขาอธิบายลักษณะของเดเมียน เขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะตอบว่า เดเมียนสุนัขที่ตัวใหญ่บะเอ้ก แต่ชอบทำตัวเหมือนตัวเองเป็นสุนัขตัวเล็กอย่างชิวาว่า

     

         " อ่า ครับ " เดเมียนเสียงอ่อยอย่างนึกอะไรขึ้นได้ ตัวโตค่อยๆลีบหดเพราะลูกโปร่งที่ถูกปล่อยลมออกช้าๆ

     

         " แล้วนายซื้อมาสองชิ้นรึไง " เดรโกจับสังเกตเสียงอ่อยนั่นได้อย่างข้องใจ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเข้ม ตาคมสีฟ้าซีดจ้องเขม็งไปที่เลขาอย่างคาดคั้น มือผอมยกขึ้นเท้าคางอีกครั้งอย่างรอคำตอบ

     

         " อ่า ชิ้นเดียวครับ ชิ้นนั้นนั่นแหละ " ร่างโตยิ้มแหยให้เจ้านายอย่างหมดหนทาง พลางเอ่ยเสียงเบา ตาคมสีดำสนิทเงยหน้าขึ้นสบกับตาสีฟ้าซีดที่เหมือนมีไฟลุกพรึบทันทีที่เขาพูดจบ มือไม้เดเมียนเริ่มไม่อยู่สุขทำเป็นจัดเนกไท จัดปกเสื้ออย่างแก้เก้อ

     

         ไอ้สมองโทรลนี่!

     

         " เดเมียน นายจะให้ฉันกินเค้กชิ้นที่นายใช้ช้อนจ้วงไปแล้วนะหรอ " เดรโกเอ่ยเสียงเย็นเยียบให้เลขาที่ยืนตัวลีบอยู่ที่กลางห้อง พลางเค้นยิ้มบางส่งไปให้เดเมียน พร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยคล้ายสงสัย

     

         " อ่าาา เมอรี่คริสมัสครับ " บรรยากาศในห้องเย็นเชียบ เดเมียนยิ้มซีดก่อนจะเอ่ยอวยพรเดรโก ทันทีที่จบประโยคขายาวก็รีบสาวเท้าหนีออกจากห้องประธานไปอย่างเร็ว ละทิ้งความสง่างามในตอนแรกอย่างสิ้นเชิง

     

         " เดเมียน!! " เดรโกตบโต๊ะดังปัง พร้อมตะโกนเรียกชื่อเลขาลั่นห้องไล่ตามแผ่นหลังใหญ่ๆนั่นไป เดรโกยกมือขึ้นกุมหัวคล้ายปวดประสาท ก่อนจะส่ายหน้าและยิ้มขันกับท่าทีของเดเมียนออกมาเบาๆ




    ------------------------------------

    TALK TALK WITH nanypp_ (ตอนนี้ช่วงทอล์คยาวหน่อยนะคะะ เราอยากอธิบายครอบครัวนี้เยอะซักหน่อย 555)

         สวัสดีค่าา เจอกันอีกเเล้วนะคะะ วันนี้เจอกันเร็วหน่อย 5555

         ตอนนี้พูดถึงเดรโกบ้างค่ะ รายละเอียดของครอบครัวมัลฟอยเยอะมากจริงๆค่ะะ 

         เราอยากจะอธิบายเกี่ยวกับครอบครัวมัลฟอยซักหน่อย ส่วนตัวแล้วเราคิดว่าคนหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างลูเซียส คงแทบจะเเตกสลายในตอนที่เห็นตระกูลที่ตัวเองภูมิใจนักหนา เละไม่เป็นท่าด้วยน้ำมือของตัวเอง การที่ตระกูลมัลฟอยตกต่ำถึงขนาดมีคนมีดูถูกมันคงเป็นฝันร้ายของทุกคนในตระกูลเลยล่ะค่ะ เเล้วนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ลูเซียสรู้ตัวว่าที่ผ่านมามันผิดไปหมด จนเขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ตระกูลและครอบครัวของเขากลับมามีหน้ามีตาเหมือนเดิม 

         ครอบครัวมัลฟอยเลยเป็นตัวอย่างของการมูฟออนอย่างก้าวกระโดด และพยายามสลัดสิ่งที่ผิดพลาดทั้งหมดไว้เบื้องหลัง การที่เราพยายามจะทิ้งอดีตเเย่ๆของตัวเรามันยากมากจริงๆค่ะ ถึงจะลบภาพไม่ดีไปได้หมดเเต่มันก็จะติดในใจของเราอยู่ดี ชื่อตอนที่ว่า i try my best not to get stuck into the past เลยมีความหมายกับครอบครัวมัลฟอย ที่พยายามอย่าที่สุดความสามารถ เพื่อที่จะหลุดออกจากอดีตเเย่ๆนั่น จนถึงขนาดยอมเปลี่ยนตัวเองกันซะขนาดนี้เลยน่ะค่ะะะ

        ถึงทุกคนในครอบครัวมัลฟอยจะเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร แต่เราคิดว่าความหลงไหลเกี่ยวกับศาสตร์มืดของลูเซียส เป็นสิ่งที่ลูเซียสไม่สามารถทิ้งไปได้เลยค่ะะ และศาสตร์มืดกับตระกูลมัลฟอยก็เป็นของคู่กันไปเเล้ว เราเลยเขียนให้ครอบครัวมัลฟอยเกี่ยวข้องกับศาสตร์มืดอยู่ เเละเดรโกที่ไม่ได้กังวลกับการทำงานเกี่ยวกับศาสตร์มืดมากนัก ก็อาจจะเป็นเพราะความคุ้นชินมาตั้งเเต่เด็กนั่นแหละค่ะ

          อ่อ เเล้วก็เดเมียนกับเดรโก เป็นเจ้านายลูกน้องที่ค่อนข้างที่จะสนิทกันมากเลยนะคะะ เดรโกไว้วางใจในตัวของเดเมียน เเละเดเมียนก็รักในการทำงานกับเดรโกมากเลยล่ะค่ะะ


         สุดท้ายก็อยากขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาทุกๆทางเลยๆนะคะะ ส่วนตัวเราไม่คิดว่ามันจะออกมาดีจนทุกคนชมกันเลยค่ะ ทั้งตัวพล็อต ทั้งภาษา ตอนเเรกเราไม่มั่นใจเลย แต่จากกำลังใจและคำชมของทุกคนมันทำให้เรามีแรงฮึดขึ้นเยอะเลยค่ะะ 55555 ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะะ

    สามารถเข้ามาร่วมพูดคุยและให้กำลังใจกันได้ทางคอมเม้น หรือจะเป็น twitter : nanypp_ หรือแท็กฟิค #bringtogetherDMHG ได้เลยนะคะะ มาเป็นกำลังใจให้เรากันนะคะะ ;)



    ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ :)


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×