คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 : It begins on Christmas day
ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุขของเทศกาลคริสมัสช่วยทำให้เธอรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นบ้างเล็กน้อย หญิงสาวผมลอนเดินทอดน่องออกจากอพาร์ตเมนต์ที่เธอแอบรอนซื้อเก็บไว้ เฮอร์ไมโอนี่ยังรู้สึกโหวงคล้ายกับมีรูใหญ่ๆอยู่บนร่างของเธอ เผลอคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เธอกับรอนมีปากเสียงกันเล็กน้อยจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต เมื่อสี่วันก่อนเราทะเลาะกันเรื่องที่เธอกลับบ้านช้า เพราะมัวแต่อบขนมอยู่ที่ร้านเพื่อเตรียมขายในวันรุ่งขึ้น รอนหายตัวไปโดยไม่เเม้แต่จะลองแก้ปัญหาหรือคุยกันด้วยคำพูดดีๆเสียด้วยซ้ำ เเละในสามวันต่อมา รอนกลับมาที่บ้านด้วยอารมณ์บูดนิดๆ ในคืนคริสมัสอีฟที่ควรจะมีความสุข เราเริ่มมีปากเสียงกันอีกครั้งเพราะรอนต้องการที่จะคืนดีเเละให้เธอง้อเขา แต่เธอก็ไม่ยอม นั่นเลยทำให้รอนหายไปจากบ้านอีกเหมือนเคย
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเสียใจกับทุกๆอย่าง เธอเก็บหลายสิ่งหลายอย่างมาคิดอย่างถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับปัญหาของทั้งคู่ หรือการที่รอนเป็นปรึกษาที่ให้เธอได้ไม่ดีพอ เพราะเขาเอาแต่ใจตนเองเกินไป รู้อะไรมั้ย ในตอนที่สร้างร้านหนังสือ รอนต้องการให้ร้านของเธออยู่ใกล้กับกระทรวงให้มากที่สุด แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกอยากตั้งร้านอยู่ที่โลกมักเกิ้ล เพราะต้องการใช้ชีวิตให้อยู่ใกล้กับพ่อแม่ของเธอมากขึ้นอีกซักหน่อย แต่รอนโมโหมากเเละค้านหัวชนฝา
เราทะเลาะกันเรื่องเดิมๆอยู่เกือบเดือน
มีครั้งหนึ่งที่รอนเข้าไปอาละวาดเเละพังสิ่งก่อสร้างในร้าน ในขณะที่ร้านเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างเเล้ว เดือดร้อนเธอต้องแก้ต่างกับผู้รับเหมามักเกิ้ล ว่าคงเป็นพายุทั้งๆที่ฟ้าใสแจ๋ว
เเถมยังต้องควักเงินเพิ่มเพื่อที่จะซ่อมมันอีกครั้ง
จนในที่สุดร้านก็เสร็จสมบูรณ์ตามที่เธอต้องการ
รอนจึงต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปโดยปริยาย เเต่เขาก็ยังยกเรื่องนี้มาเเขวะเธอได้เรื่อย
เมื่อคืนหลังจากที่รอนหายไปในเตาผิง
เธอค่อนข้างที่จะเสียศูนย์นิดหน่อยกับพฤติกรรมแย่ๆของเขา อาจจะเพราะว่าความอดทนของเธอหมดลงอย่างสิ้นเชิง
ทำให้เธอพร้อมที่จะก้าวออกจากปัญหามากกว่าครั้งไหนๆ
เธอใช้เวลาทั้งคืนเก็บสัมภาระที่จำเป็น
ใส่ลงในกระเป๋าเดินทางที่เสกคาถาขยายพื้นที่เอาไว้ บ้านหลังเล็กของเธอกับรอน
อ้อ ไม่สิ ต้องเรียกว่าบ้านของรอน บ้านของรอนดูกว้างขึ้นทันตา
ไม่มีสิ่งของของเฮอร์ไมโอนี่เหลืออยู่แม้เเต่ชิ้นเดียว เธอเก็บของและทำความสะอาดบ้านหลังเล็กเป็นครั้งสุดท้าย
ยืนมองไปรอบๆบ้าน ซึมซับบรรยากาศความคุ้นเคยอยู่ซักพัก
ก่อนที่จะหายตัวไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง
ตาโตหวานของเฮอไมโอนี่ย์เหลือบมองบรรยากาศรอบตัว
ถึงเเม้ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่หนาวที่สุดของปี
เเต่ในช่วงเทศกาลนี้มักจะอบอวลไปด้วยความสุข ความอบอุ่นเเฝงอยู่ทั่วทุกมุมเมือง
ที่น่าแปลกที่สุดคือ ทุกคนก็สามารถสัมผัสความอบอุ่นนี้ได้ โดยไม่ต้องเอ่ยปากบอกกันให้เสียเวลา
เฮอร์ไมโอนี่คิดว่านี่น่าจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของช่วงเวลาเทศกาลที่เราทุกคนต่างมีความรู้สึกลึกๆร่วมกัน
บนทางเท้าเต็มไปด้วยหิมะสีขาวปุย
ต้นไม้ต่างๆที่ใบโกร๋นเเต่กลับรู้สึกสวยสง่าอย่างน่าทึ่ง
ตึกรามบ้านช่องมีไฟตกเเต่งห้อยระโยงระยาง หรือหลอดไฟขดเป็นรูปต่างๆที่มีความหมายห้อยเเขวนอยู่ทั่วเมือง ถึงเเม้จะดูรกรุงรังเเต่ก็ดูสนุกสนาน เมื่อเดินไปตามทางก็มักจะพบพวงมิสเซิสโทประดับที่ประตูเกือบทุกบาน
ราวกับเมืองทั้งเมืองถูกฉาบไปด้วยสีเขียวแดง ทั้งเสื้อผ้า
ของประดับตกแต่งในร้านขายของต่างๆ
เเถมยังมีเสียงระฆังดังกรุ๊งกริ๊งที่มักจะดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎของซานต้าครอสปลอม
เฮอร์ไมโอนี่เเอบยิ้มให้ตัวเองที่ถึงเเม้จะอายุ 23
เเต่เธอก็ยังตื่นเต้นกับวันคริสมัสเหมือนเด็กๆ
แล้วที่พิเศษที่สุด คือ
คริสมัสปีนี้เธอรู้ใจตัวเองเเละรู้สึกรักตัวมากขึ้นอย่างที่มันควรจะเป็น
รู้สึกตื่นเต้นจนเออออกับตัวเองไปเเล้วว่าวันนี้คือวันเเห่งการเริ่มต้นใหม่ในชีวิตเธอ
ตาสีเฮเซลเบิกกว้างขึ้นอย่างดีใจ
เมื่อเห็นคิวต่อแถวไม่สั้นไม่ยาวนักอยู่ที่หน้าร้านหนังสือของเธอ
ขาเรียวรีบจ้ำเข้าไปทักทายลูกค้าที่มารอร้านเปิดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ลืมความเศร้าที่กอบกุมหัวใจเธอไปเสียสนิท
เมื่อลูกค้าเห็นเจ้าของร้านแสนสวยเดินมาไขประตูเปิดร้านก็ร้องเฮกันลั่น
เพราะไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเท่าไหร่นัก กับการที่พวกเขามายืนตากลมตากหิมะในวันที่อากาศหนาวจับขั้วหัวใจเพียงเพื่อรอซื้อขนม
แต่จะให้ทำยังไงได้ ก็ขนมของร้าน Reparo หากใครได้ลองทานซักครั้งก็เหมือนโดนมนต์สะกดต้องกลับมาทานซ้ำอีกรอบ
น่าเสียดายที่ร้าน Reparo ขายขนมโฮมเมดแค่ 4 วันต่อเดือนเท่านั้นและเป็นการสุ่มเลือกวันขายเสียด้วย
" ขอบคุณที่มารอกันนะคะ หนาวแย่เลย
เข้ามากันก่อนสิคะ คริสมัสทั้งที เราอบขนมเยอะเลยค่ะ "
เฮอร์ไมโอนี่กล่าวเสียงใส ทันทีที่ประตูสีน้ำตาลประดับพวงมิสเซิสโทเปิดกว้าง
กลิ่นหอมของขนมนมเนยหลากหลายชนิดโชยออกมาราวกับเปิดก๊อก กวักมือเรียกคนที่เดินผ่านไปมาให้สนใจ บ้างก็หยุดและเดินกลับมาต่อคิวที่หน้าร้านของเธอ
ผู้คนที่รอเวลาเปิดร้านก็รีบเดินเรียงแถวเข้าไปเพื่อเลือกซื้อขนมเเละสั่งกาแฟจากร้านโปรด
เปิดร้านได้ไม่ถึง 10
นาทีดี ร้านเล็กๆของเธอก็แน่นถนัดไปด้วยผู้คน ทั้งในโซนคาเฟ่ และโซนขายหนังสือ
เฮอร์ไมโอนี่รีบสาวเท้าเข้าไปในโซนเคาท์เตอร์ของร้านเพื่อทำหน้าที่รับออเดอร์และคิดเงิน
แถมยังทำหน้าที่แจกรอยยิ้มสวยให้ลูกค้าที่เข้ามาอุดหนุนได้ชื่นใจ
จริงๆแล้วจะเรียกว่าร้านหนังสือก็ไม่ถูกเสียทีเดียว
เพราะในร้านเล็กๆของเธอมีบริเวณที่ไว้ขายขนมและทำร้านกาแฟเล็กๆ
โดยสูตรขนมและสูตรกาแฟล้วนเป็นสูตรของคุณปู่กับคุณย่าของเธอที่เคยเปิดร้านขายเบเกอร์รี่อยู่พักหนึ่ง และเฮอร์ไมโอนี่ได้นำสูตรเหล่านั้นมาปรับให้ลงตัวอีกครั้ง โดยปกติลูกค้าในแต่ละวันไม่ได้มีมากนัก และบรรยากาศมักจะเงียบสงบและผ่อนคลาย
แต่หากวันไหนที่ตัดสินใจแอบขายขนมเล็กๆน้อยๆ ร้านของเธอมักจะแน่นไปด้วยผู้แบบนี้จนกว่าขนมจะหมด
" วันนี้ผมไม่ทันสกอตติชชอตเบรดอีกแล้วสินะ
" เสียงถอนหายใจอย่างเสียดายดังมาจากชายร่างสูงหนา ที่ก้าวมาหน้าเคาท์เตอร์ ก่อนจะชะเง้อมองถาดขนมด้านหลังของเธอด้วยอาการผิดหวัง
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มขันกับท่าทางเสียดายของเขา
" นั่นเป็นขนมที่ขายดีที่สุดของร้านเราเลยค่ะ
วันนี้วันคริสมัส คุณอยากจะลอง พุดดิ้งคริสมัส หรือ บุช เดอ โนเอล แทนมั้ยคะ?
รับรองว่าอร่อยถูกปากแน่นอนค่ะ " ใบหน้าสวยยิ้มตอบ
ก่อนจะแนะนำขนมประจำเทศกาลที่เพิ่งได้ขายเป็นปีแรกกับชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม
ที่มักจะสวมสูทสีดำสนิทเป็นประจำ รวมไปถึง เสื้อเชิ้ต เนกไท กางเกงสเเลค
รองเท้าหัวแหลมมันเงา ดวงตาคม เเละผมที่มัดรวบเป็นบันเล็กๆ
สิ่งที่ว่ามาล้วนเป็นสีดำทั้งสิ้น
นั่นทำให้เธอแอบนึกถึงใครบางคนที่เธอไม่ชอบใจนักอยู่บ่อยๆ
" เห้อ ผมดันมาไม่ทันชั่วโมงวิเศษ น่าเสียดายจัง อดกินชอตเบรดเลยสินะครับ งั้นผมลอง บุช เดอ โนเอล เเล้วก็ขอ ลาเต้เพิ่มช็อต ให้ผมเหมือนเดิมครับ " หน้าเข้มบ่นเสียงเเผ่ว ก่อนจะหันมายิ้มกว้างสั่งกาแฟและขนมด้วยแววเป็นประกาย เฮอร์ไมโอนี่แอบหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยรับออเดอร์ให้ผู้ช่วยของเธอได้ยิน ปฏิเสธไม่ได้เลยชายคนนี้มีเสน่อย่างร้ายกาจ คอนเฟิร์มได้จาก ' เอลล่า ' ผู้ช่วยสาวคนสนิทของเธอที่แอบกรี๊ดหนุ่มคนนี้อยู่เงียบๆ เมื่อเฮอร์ไมโอนี่แอบทิ้งสายตาไปหาเอลล่า ก็พบกับใบหน้าแดงก่ำเหมือนผลมะเขือเทศที่หันมาค้อนเธอกะหลับกะเหลือก
ชั่วโมงวิเศษ
คือช่วงเวลาเช้าตรู่ของวันที่มีการขายขนม จะมีการแบ่งขนมออกมาขายให้กับเหล่าผู้วิเศษก่อนส่วนหนึ่ง
จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆตอน 7 ถึง 9
โมงเช้าของทุกวัน เเละจะเปิดให้บริการมักเกิ้ลในเวลา 10
โมง โดยผู้ที่จะรับรู้ถึงการเปิดชั่วโมงวิเศษ คือผู้ที่ลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับเธอไว้เท่านั้น
เธอจึงจะสามารถส่งจดหมายไปบอกวันที่จะเปิดชั่วโมงวิเศษได้
นอกจากนี้เฮอร์ไมโอนี่ได้สร้างห้องหายตัวเเละเตาผิงที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายผงฟูลไว้ด้านบนของร้าน
โดยไม่ลืมร่ายคาถาพลางตาไว้ เวลาที่มีผู้วิเศษลงมาจากชั้นบนหรือใช้บริการในช่วงชั่วโมงวิเศษ
เเละเเน่นอนว่ามีผู้วิเศษหลายคนเลยทีเดียวที่เข้ามาอุดหนุนร้านของเธอในเวลาเปิดทำการปกติ
พวกเขามักทำตัวปะปนกับมักเกิ้ลได้อย่างแนบเนียน
ทำให้มีหลายครั้งที่เธอพบเห็นมักเกิ้ลยืนพูดคุยกับผู้วิเศษอย่างออกรสออกชาติ
โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังสนทนาอยู่กับใคร
" เรียบร้อยค่ะ คุณลูกค้า เมอรี่คริสมัสแอนด์แฮปปี้นิวเยียร์นะคะ " ร่างสูงฉีกยิ้มบาง ยกมือขึ้นส่ายมือเป็นสัญลักษณ์บ๊ายบาย เเละเดินออกจากร้านเล็กๆของเธอไป
.
.
.
.
เป็นเวลา 3
ทุ่ม จึงได้เวลาปิดร้านลงเสียที ขาเรียวเดินออกจากร้านโดยไม่ลืมล็อกประตู
ขาของเธอสั่นเล็กน้อยจากการทำงาน
วันนี้เป็นคริสมัสปีแรกตั้งเเต่ที่เธอเปิดร้านมาได้ราวๆ 10 เดือน กระแสตอบรับของลูกค้าดีอย่างเหลือเชื่อ
ถึงแม้ขนมทั้งหมดที่เธอว่าเยอะจะหมดลงภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
เเต่ตลอดทั้งวันก็ยังมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านอย่างต่อเนื่อง
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกล้า เเต่ก็รู้สึกดีที่ร้านของเธอไปได้ดีเกินกว่าที่ฝัน
เธอเดินทอดน่องเอื่อยๆซึบซับบรรยากาศชวนฝันไปเรื่อยๆด้วยความอิ่มเอมในหัวใจ ลืมเรื่องปัญหาต่างเเละความรู้เเย่ที่เคยมีไปหมดสิ้น
" เฮอร์ไมโอนี่! "
เมื่อมือบางกำลังจ่อกุญแจตั้งใจจะไขกลอน ก็ต้องตกใจจนของในมือตก
เพราะประตูสีขาวห้องของเธอถูกกระชากเปิดออกอย่างเเรงพร้อมกับเสียงแหลมที่เธอคุ้นเคย
ด้วยความตกใจ มือบางเลื่อนขึ้นกุมไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในเสื้อโค้ทอย่างลืมตัว
ทันทีที่เห็นใบหน้าขาวของจินนี่ เธอก็ถูกพุ่งเข้าไปกอดทันที
" ฉันเป็นห่วงเธอมากรู้มั้ย เธอเป็นยังไงบ้าง
ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยนะ " จินนี่กอดเฮอร์ไมโอนี่เเน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่อยากจะอธิบายว่าตกใจเเค่ไหนตอนเธอไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่บ้านหลังเล็ก
เเต่ก็ไม่พบ ข้าวของต่างๆก็น้อยลงอย่างผิดปกติ
จินนี่กระวนกระวายว่าเฮอร์ไมโอนี่หายตัวไป หรือเกิดเรื่องอันตรายขึ้น
ก่อนที่เธอจะนึกได้ว่าเฮอร์ไมโอนี่แอบซื้อห้องที่อพาร์ทเมนต์ใกล้ๆกับที่ร้านหนังสือไว้
เธอจึงเดินทางโดยใช้ผงฟูลมาถึงที่นี่ เมื่อเห็นสัมภาระต่างๆก็โล่งใจ
เเละนั่นคอยเพื่อนรักกลับมา
" ฉันก็มีเรื่องที่จะคุยกับเธอเหมือนกันจินนี่
" เฮอร์ไมโอนี่ว่าเสียงอ่อย ก่อนจะคลายกอดเเละดันจินนี่เข้าไปในห้อง
" เธอจะให้ฉันพูดก่อนหรือเธอพูดก่อน "
จินนี่รีบเข้าเรื่องขณะที่ทิ้งตัวลงบนเตียงหลังใหญ่
ตาโตมองเฮอร์ไมโอนี่โดยไม่ละสายตา พยายามเพ่งหาร่อยรอยตำหนิจากน้ำมือของพี่ชายตัวดี
เเต่ก็นึกได้ว่าต่อให้มี เฮอร์ไมโอนี่ที่ฉลาดเป็นกรดคงจะกำจัดไปหมดเเล้ว
" ฉันขอพูดก่อน...ฉัน...เอ่อ...ฉันอยากจะขอหย่ากับรอน
" เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยด้วยเสียงเบาที่แฝงความประหม่าอย่างชัดเจน
ตาสีเฮเซลของเธอไม่กล้าเเเม้เเต่จะเงยขึ้นมองหน้าของเพื่อนรัก
" ฉันจะมาคุยกับเธอเรื่อง
เธอคิดจะหย่ากับรอนบ้างรึเปล่า " จินนี่พูดต่อทันทีหลังจากเฮอร์ไมโอนี่พูดจบ
ก่อนที่จะถอนหายใจเสียงดัง เเละมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความเข้าอกเข้าใจ
" โอ้...ฉัน.... "
" ฉันเข้าใจเธอเฮอร์ไมโอนี่
มันโอเคที่เธอจะมูฟออน ถ้าเธอไม่มีความสุข และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับครอบครัวฉัน
พวกเรายังรักเธอเสมอ "
จินนี่ยิ้มกว้างให้เฮอร์ไมโอนี่ที่น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะเมื่อจบประโยค
" และเเน่นอนว่าฉันยังไม่บอกเรื่องนี่กับแฮรี่
" จินนี่พูดปิดท้ายด้วยน้ำเสียงเบา เเละยกมือขึ้นปิดปากแน่น เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะทั้งน้ำตา ก่อนจะสวมกอดเพื่อนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอีกครั้ง
เธอแกล้งรัดจินนี่แน่นขึ้นคล้ายกับงูเหลือมรัด จนจินนี่ต้องร้องประท้วง
" แล้วทำไมเธอถึงมาพูดเรื่องนี้กับฉันล่ะ จินนี่
" เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
พลางลุกขึ้นไปรื้อเอาเสื้อผ้าในกระเป๋ามาเปลี่ยนเป็นชุดสบายๆ
จินนี่ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจ
ก่อนจะเล่าเรื่องในคืนวันคริสมัสอีฟที่รอนโผล่มาในเตาผิงที่บ้าน
เเละมีปากเสียงกับเธอจนถึงตอนที่หายตัวไป
เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง
ร่างกายเเข็งเกร็งเหมือนโดนเอาน้ำเย็นสาด
สิ่งเดียวที่เธอไม่อยากให้ครอบครัววิสลี่ย์รู้ คือการที่รอนทำร้ายร่างกายของเธอ
เพราะนั่นอาจจะทำให้เรื่องทั้งหมดบานปลายเเละรอนอาจจะโดนเกลียดเข้าได้ง่ายๆ
แต่ในเมื่อรอนแสดงพฤติกรรมเเบบนั้นใส่ครอบครัวของตน
นั่นก็เกือบจะเป็นคำเฉลยที่ชัดเจนพอให้ครอบครัววิสลี่ย์รู้ว่าเธอต้องทนกับอะไร
สายตาของจินนี่ที่มองเธอ เต็มไปด้วยคำถามว่าเขาทำร้ายร่างกายของเธอบ้างรึเปล่า เฮอร์ไมโอนี่จุกในลำคอ ก่อนจะเลี่ยงหลบสายตาของจินนี่ไปอีกทาง
จินนี่ถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะเอ่ยขอโทษเธอซ้ำๆ และตวาดด่ารอนด้วยคำพูดร้ายใส่อากาศด้วยน้ำตาที่เอ่อนอง เดือดร้อนเฮอร์ไมโอนี่ต้องลูบหลังปลอบอีกเป็นชั่วโมง กว่าที่พายุอารมณ์ของจินนี่จะสงบลง
.
.
.
.
" เฮอร์ไมโอนี่เธอรู้ข่าวเด็ดรึยัง " จินนี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในขณะที่ช่วยยกสลัดมาวางที่โต๊ะอาหารกลางห้อง หลังจากเหตุการณ์สงบ กระเพาะของเฮอร์ไมโอนี่ก็ร้องโครกครากจนน่าอาย จินนี่เลยชวนทำอาหารง่ายๆทานที่ห้อง จากของทีแอบลงไปซื้อมาตอนนอนรอเธอระหว่างวัน
" ที่ว่าตัวพิกซี่ไปก่อกวนโลกมักเกิ้ลน่ะหรอ
" เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยตอบอย่างไม่ได้สนใจนัก พร้อมกับยกพาสต้ามาวางที่โต๊ะและเดินกลับไปหยิบช้อนส้อมอีกครั้ง
" โถ่ ไม่ใช่! ข่าวที่ว่า เดรโก มัลฟอย
หย่าขาดกับ แอสโทเรีย มัลฟอย มาตั้ง 6 เดือนเเล้วน่ะสิ! "
จินนี่ตบโต๊ะเบาๆอย่างถูกใจ เฮอร์ไมโอนี่เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มขัน
แล้วนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกับสาวผมแดง โดนไม่ลืมยื่นช้อนส้อมให้
" หื้ม แล้วมันเด็ดตรงไหน "
" เอ้าา ก็มัลฟอยเชียวนะ! คนที่หล่อเหลือร้ายนั่นน่ะ ฉันได้ยินมาว่าหลังจบสงครามไป
มัลฟอยเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ อย่างกับฝ่าเท้าเป็นหน้ามือเลยล่ะ "
จินนี่แทบจะตกเก้าอี้เมื่อเห็นท่าทางของเฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่มีอาการสนใจหรือใส่ใจเกี่ยวกับข่าวดังนั่นซักนิด
แถมยังตั้งหน้าตั้งตาจิ้มผักสลัดกินหน้าตาเฉย
" หรอ แล้วยังไง "
" ก็ข่าวนี้จะไม่ดังเลย
ถ้าก่อนหน้านี้แอสโทเรียไม่ได้ออกมาตีข่าวเพ้อๆอย่าง พวกเขายังรักกันดี
หรือมัลฟอยซื้อแหวนเพชร 10 กระรัตให้เป็นของขวัญวันเกิด
หรือแม้แต่ประโคมข่าวว่าไปเที่ยวต่างประเทศกับมัลฟอยเป็นประจำทุกเดือน "
จินนี่ตาวาวอีกรอบ พร้อมกับเล่าข่าวที่เธอนั่งเสียเวลาติดตามมาทั้งวัน
พลางคิดว่าคราวนี้เฮอร์ไมโอนี่จะต้องสนใจเรื่องป่วยๆของเเอสโทเรียแน่
" เอ่ออ
ฉันไม่เข้าใจว่าแอสโทเรียจะออกมาพูดแบบนั้นทำไม " และก็ได้ผล!
เฮอร์ไมโอนี่ชักสีหน้าแหยะ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจกับพฤติกรรมประหลาดๆของแอสโทเรีย
" ก็นั่นน่ะซี่! ข่าวนี่มันถึงได้บูมเหมือนปล่อยตัวพิกซี่ออกจากกรงน่ะ " จินนี่ยิ้มเยาะในใจ
พลางตบเข่าฉาด สะใจปนดีใจที่เพื่อนสาวเริ่มจะสนใจข่าวดังนี่ซักที
เสียงเจื้อยแจ้วกับเสียงหัวเราะของสองสาวดังก้องไปทั่วห้องพักขนาดกลาง
แสดงถึงความผ่อนคลายและสบายใจของทั้งสอง
ค่ำคืนคริสมัสผ่านไปอย่างละมุนละม่อม
แถมยังออกจะอบอุ่นเกินไปเสียหน่อย
เพราะเมื่อเข้านอน จินนี่กอดเธอแน่นเป็นหมอนข้างเสียแทบจะหายไปไม่ออก
ไม่พอยังนอนดิ้นจนแขนฟาดเข้ากับหน้าของเฮอร์ไมโอนี่
จนเธอต้องตื่นขึ้นมาหัวเราะเเล้วจัดท่านอนให้จินนี่นอนอย่างถูกที่ถูกทาง
-----------------------
TALK TALK WITH nanypp_
สวัสดีค่าาา กลับมาเจอกันอีกครั้งเเล้วน๊าา
วันนี้จะพูดถึงร้านหนังสือของเฮอร์ซะส่วนใหญ่ เพราะเรียกได้ว่าร้านหนังสือเนี้ย เป็นสัญลักษณ์ที่เเทนหลายสิ่งหลายอย่างให้กับเฮอร์เลยค่ะ เเละจะแทนอะไรบ้างนั้นก็ขอให้ติดตามกันไปเรื่อยๆนะคะ เเละสามารถเดากันได้ตามความรู้สึกของแต่ละคนเลยค่ะะ
ท้ายตอนที่เมนชั่นถึงเดรนิดหน่อยพอเกริ่นๆ อย่าพึ่งรีบเบื่อกันน๊าา แล้วเราจะรีบมาอัพตอนต่อไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยนะคะะ
อ้อ เกือบลืมพูดถึงลูกชายของเดรโก ถูกต้องนะค้าบบ ลูกชายของเดรโกเป็นสุนัขพันธุ์เกรทเดนสีดำ 555555 เซอไพรส์ไปหน่อยเเต่ก็ทำให้เห็นอีกมุมในหัวใจของเดรโกเนอะะ 5555
สุดท้ายก็สามารถเข้ามาร่วมพูดคุยเเละให้กำลังใจกันได้ทางคอมเม้น และ twitter : nanypp_ หรือทางแท็กฟิค #bringtogetherDMHG นะคะะ มาร่วมพูดคุยเเละเป็นกำลังใจเรากันนะคะะ เรามีไฟมากๆๆๆๆๆๆเวลาที่ได้อ่านคอมเม้นของทุกคนเลยค่ะะ 5555
ขอขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคอมเม้นเลยนะคะะ
ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ :)
ความคิดเห็น