ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic : Reborn.} Mix; short fic ll яeborn’

    ลำดับตอนที่ #3 : 5 9 8 5 ll Da perso sonata' ท่วงทำนองที่ขาดหาย ; gokudera x bianchi

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 56


       

         


      คือบทเพลงนี้  คือความรักของฉัน



     

     

    Da perso sonata  ท่วงทำนองที่ขาดหาย


    ไม่มีตัวตน แต่คงอยู่เสมอมา

    แผ่วเบาดั่งสายลม แต่กลับหนักแน่นราวหินผา

    ไม่อาจสัมผัสแต่ขอแค่เพียงหลับตา ทุกอย่างจะกระจ่างแจ้งในจิตใจ

    …คือบทเพลงนี้  คือความรักของเขา…

     

     

    ‘เพราะจังเลยเบียงกี้ ฉันก็อยากเล่นเพลงนี้เป็นบ้าง’

    ‘อืม งั้นฉันจะสอนให้ก็ได้ แต่ว่ามีข้อแม้นะ’

    ‘…’

    ‘นายจะต้องพูดเพราะๆกับพี่ แล้วก็เรียกฉันว่าพี่ด้วย’

    ‘…’

    ‘นะฮายาโตะ’

    .

    .

    .

    ‘พี่ครับ สอนผมเล่นด้วย’

     

     

        เสียงลมพัดแผ่วเบาคลอเคล้าไปกับท่วงทำนองอ่อนไหวของเสียงเปียโน ผ้าม่านผืนขาวสะอาดพัดโบกปลิวไสวรับกับจังหวะของเพลงราวกับเป็นเครื่องประสานได้อย่างดี นิ้วเรียวยาวและขาวซีดดีดไล่ไปทีละคีย์ทีละโน้ต ดวงตาสีมรกตปรือลงช้าๆคล้ายกับว่ากำลังอินในเสียงเพลง ท่วงทำนองที่คุ้นหูสามารถเล่นได้โดยไม่ต้องดูโน้ตหรือแม้แต่กระทั่งลืมตากลับหยุดลงที่โน้ตตัวสุดท้ายซึ่งไม่ได้ถูกเล่น


    โน้ตตัวสุดท้าย… คืออะไรกัน?

    ทำไมฉันถึงจำไม่ได้เลย…


    ‘ตึงงง!

    โธ่เว้ย!’’ เสียงเปียโนที่ดังพร้อมกันหลายโน้ตเนื่องด้วยคนเล่นทุบมือแกร่งลงไปตามมาด้วยเสียงสบถอย่างหัวเสียและขัดใจตัวเอง

       เด็กหนุ่มผมสีเงินทอประกายผุดลุกจากเก้าอี้เปียโนมาพิงอยู่ที่ขอบหน้าต่าง นิ้วขาวเปลี่ยนจากการดีดโน้ตเปียโนเมื่อครู่เป็นการคีบบุหรี่มาจุดแทน

    ‘‘เฮ้อ’’ เสียงถอนหายใจลากยาวของเขาดังออกมาพร้อมควันบุหรี่ที่พวยพุ่งออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาสีมรกตเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมาย ความอ้างว้างในแววตาเริ่มปรากฏให้เห็นชัด เจ้าตัวหลับตานิ่งอีกครั้งก่อนจะคิดถึงเรื่องราวในอดีต

     

     

    ‘เพลงนี้เป็นเพลงที่คุณแม่สอนให้พี่ ดังนั้น นายเองก็ต้องเก็บรักษามันไว้ดีๆนะ ฮายาโตะ’

    ‘อื้ม!

    ‘มานั่งนี่สิฮายาโตะ’ เด็กหญิงวงหน้าขาวซึ่งใบหน้าออกไปทางฝรั่งฝั่งยุโรป เรียกเด็กชายที่ยืนอยู่ด้านล่างให้ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้เดียวกับตน

    ‘ฉันนั่งได้เหรอ… ผมนั่งได้เหรอ’

    ‘ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ’ เด็กหญิงส่งยิ้มอ่อนโยนแล้วยื่นมือให้ บรรยากาศรอบข้างที่ทั้งภายในคฤหาสน์ที่งดงาม สายลมอ่อนๆที่เป็นใจ และ ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอผู้นั้น ทำให้เด็กชายตกอยู่ในภวังค์ รอยยิ้มที่ราวกับนางฟ้าน้อยๆในเทพนิยายนั่น เขาอยากจะเก็บมันไว้ตลอดไป…

    ‘เพลงนี้น่ะนะฮายาโตะ ไม่มีโน้ตเพลงหรือเนื้อเพลง’

    ‘เอ๋?’

    ‘นายแค่ต้องใช้ตรงนี้’ กล่าวจบมือเล็กๆของเด็กหญิงก็ประทับลงที่อกของอีกฝ่าย การกระทำนั้นทำให้เด็กชายมองตาแป๋วไปยังใบหน้าของผู้เป็นพี่สาว

    ‘อืม… งั้นนายลองหลับตาลงสิฮายาโตะ’

    ‘?’ เด็กชายทำหน้าฉงนด้วยความสงสัยแต่ก็ยอมหลับตาลง ท่ามกลางความมืดมิดเสียงพลิ้วไหวของเปียโนดังกระหึ่มขึ้นในห้วงความคิดของเด็กชาย ทั้งอ่อนโยนและแข็งแกร่ง  เสียงสายลมแว่วมาราวกับจะประสานกับเสียงเปียโนได้เป็นอย่างดี ทั้งไพเราะและดึงดูดใจ อย่างไม่อาจลืมเลือน… 

      เด็กชายค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ เส้นผมพลิ้วไหวสีชมพูสวยเด่นของผู้เป็นพี่สาวปลิวมาปะทะใบหน้าขาวของเขา มือเล็กๆของเขาพยายามจะคว้าสิ่งตรงหน้าไว้ แต่เส้นผมหอมนุ่มกลับปลิวไสวไปทั่ว เมื่อไม่ได้ดั่งใจเขาจึงละความสนใจจากเส้นผมของพี่สาวมาเป็นเปียโนตัวสวยที่กำลังถูกขับกล่อมด้วยนิ้วเล็กๆของเธอแทน

    แม้บทเพลงนั้นยากเกินเข้าใจ แต่สามารถรับรู้ได้… ด้วยใจของเขาเอง

     


    จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจมันอยู่ดี

    เด็กหนุ่มดึงห้วงความคิดของตัวเองให้กลับเข้าสู่ปัจจุบัน ดวงตาสีเขียวมรกตเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย และเพียรพยายามหาคำตอบที่ว่าทำไมอะไรๆที่ญี่ปุ่นมันถึงดูไม่คุ้นตาไปเสียทุกอย่าง ที่นี่ ที่ซึ่งไม่เหมือนกับอิตาลี

    ทั้งๆที่ไม่เข้าใจแต่ทำไมถึงไม่ลืม  แล้วทำไมสิ่งที่ไม่อยากลืมกลับลืมไปจนหมดสิ้น?

    คำถามที่เขาไม่เคยตอบได้ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้แม้กระทั่งโน้ตเพลง แต่กลับจำได้ขึ้นใจ ทั้งๆที่พยายามลืมมันแต่กลับจำได้ทุกท่วงทำนอง  แต่แล้วทำไมกับสิ่งที่เขานึกอยากจะจำได้มากที่สุดในบางเวลา มันกลับหายไปไม่เหลือแม้ร่องรอยในความทรงจำ

     เด็กหนุ่มขมวดคิ้วหม่น พยายามหลับตาลงอีกครั้งแล้วนึกถึงบทเพลงที่เธอคนนั้นสอนมา


    ทำไมถึงนึกไม่ออก


    ความคิดของเขาหยุดคว้างที่โน้ตตัวสุดท้ายก่อนจบเพลง ต่อให้คิดจนหัวแทบระเบิด เขาก็นึกไม่ออกจริงๆ

    ขายาวของเด็กหนุ่มก้าวกลับไปที่เปียโนตัวสวยอีกครั้ง นิ้วยาวจัดการดับบุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่ก่อนจะจรดนิ้วกับแป้นเปียโนอีกครั้ง


    บางทีถ้าลองเล่นอาจจะนึกออกก็ได้


    ความคิดที่ดูเหมือนจะมีหวังทำให้เขาบรรเลงบทเพลงเดิมอีกครั้ง แม้จะรู้ดีว่ามันไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะเขาเองที่เคยทำเช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

      เขาหลับตาลงพลางคิดถึงวันเก่าๆในอดีตและบทเพลงที่เธอคนนั้นเคยเล่นให้ฟัง ทั้งๆที่จำเหตุการณ์ทุกอย่างในวันนั้นได้อย่างชัดเจน แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่ขาดหายไป…

     



    ‘นายแอบมองพี่เหรอฮายาโตะ’ นิ้วเล็กๆของเด็กสาวหยุดลงพร้อมกับเสียงเปียโน ใบหน้างดงามในสายตาเด็กชายหันมาอมยิ้มเล็กๆ ให้คนแอบมอง

    ‘ปะ เปล่าสักหน่อย แค่ดูวิธีการเล่น’

    ‘รู้ไหม แบบนี้น่ะเขาเรียก คนโกหก’ เด็กหญิงใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ปลายจมูกของอีกฝ่ายแล้วหัวเราะเสียงใส

    ‘ไม่ได้โกหกสักหน่อย…’ ฝ่ายคนถูกจิ้มก็ปฏิเสธเสียงอ่อย แต่ก็แอบลอบมองใบหน้ายามหัวเราะของพี่สาวพลางอมยิ้มน้อยๆ

    ‘เล่นต่อสิ เบียงกี้… เล่นต่อสิครับ พี่เบียงกี้’

    ‘นั่นสินะ อีกนิดเดียวก็จะจบเพลงแล้วนี่นา’ เด็กหญิงเตรียมบรรเลงบทเพลงอีกครั้ง แต่กลับถูกขัดด้วยการปรากฎตัวของใครบางคน


    ‘เบียงกี้ มานี่หน่อยสิลูก’ ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กล่าวเรียกผู้เป็นลูกสาว

    ‘ค่ะพ่อ เดี๋ยวมานะฮายาโตะ’ เด็กหญิงหันมาบอกลาแล้ววิ่งไปหาผู้เป็นพ่อ ฝ่ายเด็กชายที่มองตามไปสุดสายตาก็นั่งจ้องเปียโนหรูอย่างเงียบเฉียบก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้เปียโนตัวสูง เท้าน้อยๆของเขาก้าวออกนอกห้องไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพียงเพราะอยากรู้เหตุผลที่พ่อเรียกพี่สาวออกไป


    ‘นี่เธอ รู้เรื่องคุณหนูรึยัง’ เสียงซุบซิบเบาๆของเมดคนหนึ่งดังขึ้นระหว่างทางไปห้องของพ่อตน ทำให้เด็กชายเลือกที่จะหยุดฟังอยู่หลังประตูเงียบๆ

    ‘แหม ข่าวดังขนาดนี้เขารู้กันทั่วคฤหาสน์แล้วย่ะ’

    ‘ฉันก็ว่างั้นแหละ แต่จะว่าไปก็น่าสงสารคุณหนูฮายาโตะนะ ฉันก็นึกอยู่แล้วเชียวเป็นพี่น้องกันแท้ๆทำไมต้องใช้คนละนามสกุล’

    ‘นั่นสิ ถ้าเป็นฉันนะ อยู่ดีๆมารู้ว่าตัวเองเป็นลูกเมียน้อยก็คงช็อคอยู่เหมือนกัน แล้วนี่คุณหนูเขารู้รึยังเนี่ย’

    ‘รู้สึกว่าเมื่อกี้คุณผู้ชายจะเรียกคุณหนูเบียงกี้เข้าไปคุยนะ ตอนนี้ก็คงจะรู้แล้วแหละ’

    ‘ยังเด็กกันทั้งคู่อยู่เลย น่าสงสารจริงๆนะเธอ’

    ‘จริงๆด้วย น่าสงสารที่สุดเลย’

      เสียงกระซิบกระซาบซึ่งเขาไม่ได้ฟังต่อว่าคืออะไรเพราะสมองของเด็กน้อยในยามนี้มันตื๊อไปหมด เหมือนมีคนเอาหินมาทุบหัวสักร้อยทีก็ไม่ปาน มือขาวซีดของเขากำเข้าหาตัวเองแน่นก่อนจะวิ่งกลับไปทางเดิมอย่างสับสน



    ‘ฮายาโตะ ยังอยู่รึเปล่า?’ เด็กหญิงก้าวเข้ามาในห้อง ดวงตากลมโตมองไปยังเปียโนตัวใหญ่แต่กลับไม่เห็นร่างของน้องชาย เท้าเล็กๆก้าวไปทั่วห้องก่อนจะเห็นบุคคลที่กำลังตามหานั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้อง

    ‘ฮายาโตะร้องไห้หรอ?’

    ‘ฮายาโตะ ร้องไห้ทำไม!?’  เด็กสาวรีบกุลีกุจอนั่งคุกเข่าลงแล้วดูอาการน้องชายตัวเองที่บัดนี้ไม่อาจเรียกว่าน้องชายได้อย่างเต็มปาก

    ‘ฮายาโตะ เป็นอะไร บอกพี่สิ!

    ‘ฮายาโตะ!

    ‘เบียงกี้ฉัน… ไม่ใช่ลูกคุณแม่เหรอ?’ เด็กชายถามด้วยเสียงสะอื้น ทำเอาเด็กสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

    ‘ฉัน… ผมไม่ใช่น้องชายของพี่เหรอ?’ เด็กชายเขย่าตัวอีกฝ่ายแรงอย่างต้องการคำตอบ เด็กหญิงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาสับสนก่อนจะรีบคว้าตัวผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายคนละแม่มากอดแน่น

    ‘ฮายาโตะ ถึงนายจะไม่ใช่ลูกคุณแม่ แต่พี่ก็รักนายนะ’

    ‘พี่รักนายเข้าใจไหมฮายาโตะ คุณพ่อเองก็รักนาย’

    .

    .

    .

    ‘พี่รักนายนะฮายาโตะ’

     

     

    เฮอะ เผลอนึกถึงซะได้’’ เด็กหนุ่มแค่นหัวเราะก่อนรอยยิ้มเสแสร้งจะเปลี่ยนเป็นเม้มแน่น นิ้วเรียวยาวหยุดทำงานอยู่กับที่ มือขาวบัดนี้วางอยู่บนแป้นเปียโนนิ่ง

    เหตุผลที่ฉันจำโน้ตตัวสุดท้ายไม่ได้…

    ดวงตาสีมรกตของเขาพร่าเลือนไปด้วยม่านน้ำตา ก่อนที่มันจะหยดลงบนโน้ตของคีย์บอร์ด

    …เพราะเธอไม่เคยสอนฉันไงล่ะเบียงกี้

    .
     

    เพราะเธอไม่เคยรับรู้ แต่ความรู้สึกของฉันไม่เคยเปลี่ยนไป

    แม้เป็นเพียงน้องชายในสายตาเธอ แต่สำหรับฉันเธอเป็นมากกว่านั้น

    อยากขอให้เธอหลับตา แค่หลับตา…  เธอคงจะรู้สึกได้ใช่ไหม?…

    …บทเพลงนี้ และ ความรักของฉัน…

     

    _________________________________


    สวัสดีค่า ทักทายกันหน่อยเนอะ 'w'
    คือฟิคคู่พี่น้องมันดูโรแมนติกดีออกเนอะ แถมเป็นคู่นี้แล้วด้วย
    มีเปียโน อยู่อิตาลี โรแมนติกที่สุด
     >.<

    รู้สึกว่า 3 เรื่องแรกแต่งมาลงแต่คู่นอร์มอล ต่อไปจะแต่งคู่วายบ้างล่ะ 'w'
    เอาคู่อะไรดีคะ?


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×