คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : X S ll Before I die' ก่อนลมหายใจจะพรากเราจากกัน ; xanxus x squalo
...พิรุณ ไม่สามารถอยู่ได้ หากขาดนภา…
Before I die ก่อนลมหายใจจะพรากเราจากกัน
บอสผู้ยิ่งใหญ่แห่งวาเรีย…
ยิ่งใหญ่ มีอำนาจ น่าเกรงขาม
แล้วฉันล่ะ? คือใคร…?
สเปลบี สควอโล่ หรือ สวะ กันแน่…
ตอบฉันทีแซนซัส… ตอบฉันที
“อา อืม… ไอ้สวะ’’ เสียงครางทุ้มต่ำในลำคอของบอสแห่งวาเรียดังขึ้นอย่างพอใจ
สวะ?
สวะงั้นเหรอ…?
“…สเปลบี สควอโล่ อา อ๊ะ’’ เสียงหวานพึมพำเบาๆก่อนจะต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อโดนแรงกระแทกทางด้านหลังจากกิจกรรมบางอย่าง
“แกว่าอะไรนะ’’ ผู้เป็นบอสเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วหม่นแต่ยังคงทำหน้าที่ ผู้นำ ในกิจกรรมรักอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“ฉันชื่อ สเปลบี สควอโล่ เรียกฉัน สเปลบี สควอโล่!’’
“พูดมากนักไอ้สวะ!!’’
“อ๊ะ อ๊า อ๊ากกก’’
.
.
.
ไอ้สวะ….
สวะ…
สวะ…
“สควอโล่ สควอโล่’’
“สควอโล่!’’ เสียงเรียกประสานที่คุ้นเคยเรียกเจ้าของชื่อให้กลับคืนมาสู่สถานการณ์ปัจจุบันหลังจากตกอยู่ในห้วงความคิดเป็นเวลานาน ตาสวยคมตวัดมองไปยังเสียงเรียกของลุสซูเรีย เบลเฟกอล และมาม่อน ที่นั่งกันอย่างพร้อมใจบนโต๊ะอาหารของเหล่าวาเรีย
“บอสเรียกแน่ะ’’ ลุสซูเรียทำปากชี้โบ้ชี้เบ้ไปทางหัวโต๊ะที่แซนซัสนั่งเป็นสง่าอยู่ คนมีตำแหน่งเป็นบอสมองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างปกติ
“มีอะไร’’ สควอโล่ถามเสียงเย็นไม่ใช่โวยวายโผงผางแต่ก็ยังไม่วายที่จะต้องโดนตะคอกกลับมาเฉกเช่นทุกวัน
“ฉันบอกว่าให้แกไปขนของออกจากห้องฉัน หูหนวกรึไงวะ ไอ้สวะ!!’’
เก็บของออกจากห้อง…
“หมายความว่ายังไง’’ สควอโล่นึกฉุนกับคนที่พูดด้วยไม่รู้เรื่อง แม้ในใจจะแอบหวั่นกับประโยคที่อีกฝ่ายกล่าวมา
“ก็ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก มีปัญหาเหรอวะ?!’’ เสียงตะคอกดังพายุโหมของแซนซัสดังขึ้นอีกครั้งทำให้สควอโล่ต้องหลับตานิ่งเพื่อสงบใจ แล้วเลือกที่จะนิ่งเงียบแทนที่จะโวยวายเหมือนในทุกๆครั้งที่ผ่านมา
“เอ่อ บอสไม่สบายรึเปล่าฮ้า?’’ เสียงทุ้มที่ถูกดัดจนแหลมของลุสซูเรียดังขึ้นอย่างแปลกใจที่บอสของตนจะไล่คนที่ใครๆก็เข้าใจว่าอยู่ในฐานะ คนรัก ออกจากห้อง บวกกับใบหน้าที่ดูซีดเซียวและโทรมกว่าปกติของผู้เป็นบอสแล้วทำให้เขาสรุปความเอาเองว่าบอสของตนจะต้องเป็นไข้ไม่สบายจนเพ้อเจ้อแน่นอน
‘’…’’ แซนซัสนิ่งไปเมื่อเจอคำถามของลุสซูเรีย แต่ดวงตาน่ากลัวที่มีสีดั่งทะเลเลือดกลับมองตรงไปยังอีกคน
สายตาที่มีความโมโหเจืออยู่ของแซนซัสมองตรงมาที่สควอโล่แล้วหรี่ลงเล็กน้องราวกับกำลังพิจารณานักโทษ ซึ่งนั่นก็เรียกความน้อยใจให้ก่อขึ้นในใจของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
สายตานั่นมันคืออะไร?
สายตาของแกที่ไม่เคยบ่งบอกความรู้สึกที่มีให้ฉัน
ทั้งรัก ทั้งหวง ทั้งห่วง
แกเคยรู้สึกสักอย่างบ้างไหม
หรือมีแค่ฉัน… ที่รู้สึกไปเองคนเดียว
“เป็นอะไรของแก ไอ้สวะ’’ เสียงตวาดพร้องรอยยกยิ้มที่มุมปากของผู้เป็นบอสเรียกรอยยิ้มบางๆของสควอโล่ให้เผยออกมาได้… หากแต่มันไม่ใช่รอยยิ้มด้วยความยินดีเท่านั้นเอง
อยากให้มาก็สั่งให้มา อยากให้ไปก็ขับไล่ไสส่ง
แกเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่แซนซัส
คนรัก หรือ ทาส ของนาย
“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ ไอ้สวะ’’ แซนซัสพูดเสียงดังฟังชัดอย่างเน้นความหมาย ประโยคสั้นๆแต่กลับทำร้ายจิตใจได้อย่างแสนสาหัสของคนตอบทำเอาคนถามไปไม่เป็น ร่างโปร่งยืนนิ่งอึ้งอยู่ชั่วครู่ ก่อนดวงตาสวยจะมีน้ำรื้นขึ้นมา แต่เจ้าตัวกลับรีบหันหลังกลับแล้วเช็ดมันออก
“เอ่อ สควอโล่จ้ะ นั่งลงใจเย็นๆก่อนนะจ้ะ บอสก็เหมือนกัน น่าจะคุยกันดีๆ…’’ ลุสซูเรียจับแขนของสควอโล่ไว้คล้ายจะปลอบโยน แต่สายตากลับส่งแววขอร้องไปยังแซนซัส
“ถ้าฉันมีค่าแค่นั้น ต่อจากนี้แกก็ไม่ต้องมายุ่งกับคนอย่างฉันอีก!’’ เสียงก้องกังวานของสควอโล่ดังลั่น ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบเดินออกมาให้พ้นจากรัศมีของโต๊ะอาหาร แล้วรีบวิ่งออกไปจากกปราสาทวาเรียอย่างหัวเสียและไม่มีจุดหมาย
“บอสทำอะไรลงไปนะฮ้า!? สควอโล่ร้องไห้แล้วเห็นไหม’’ ลุสซูเรียรีบโวยวายกรี๊ดกร๊าด เช่นเดียวกับ เบลเฟกอล และ มาม่อน พากันพยักหน้าเห็นด้วย จะมีก็แต่เลวี่ที่นั่งเงียบไม่กล้าขัดใจบอส
“…’’ แซนซัสนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา แววตาคมเข้มฉายแววกังวลเล็กน้อยก่อนที่มันจะโดนกลืนหายไป
“บอสฮ้า! ทำไมยังไม่รีบตามสควอโล่ไปอีกละฮ้า!?’’ ลุสซูเรียทำท่าคะยั้นคะยอ ซึ่งก็มี เบลเฟกอล กับ มาม่อนพยักหน้ารับเป็นลูกคู่อีกตามเคย
''พวกแกมีสิทธิ์สั่งฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?’’ แซนซัสกล่าวเสียงเรียบก่อนจะวางมีดส้อมในมือสองข้างเสียงดังแล้วเดินกลับห้องตัวเองไปเงียบ ทิ้งให้บุคคลที่นั่งอยู่บนโต๊ะทั้งหลายพากันมองตามด้วยความไม่เข้าใจ
“โว้ยยยยยยยยยยยย!! ไอ้บอสบ้า!’’ เสียงดังแสบแก้วหูคล้ายจะกรีดร้องของใครบางคนดังขึ้นในผืนป่าทึบ เจ้าของเสียงใช้ดาบคู่กายฟาดไปที่ต้นไม้สูงใหญ่นับครั้งไม่ถ้วนเพื่อระบายอารมณ์ที่มันอัดอั้นตันใจอยู่ภายในมาเนิ่นนาน
ไร้ค่า… ใช่! ฉันมันไร้ค่า!
แล้วแกมายุ่งกับคนไร้ค่าอย่างฉันทำไม!?
“โธ่ว้อย!’’ ร่างโปร่งทึ้งผมยาวสลวยสีเงินของตนอย่างแรง
ท้องฟ้าหม่นๆอย่างแกฉันก็ไม่ต้องการเหมือนกัน!
ชายหนุ่มกล่าวเสียงก้องในใจตัวเอง แม้จะรู้ดี ว่า พิรุณ ไม่สามารถอยู่ได้ หากขาดนภา…
‘ฉันตัดสินใจแล้ว! ฉันจะไม่ตัดผมจนกว่าแกจะได้เป็นรุ่นที่ 10’
‘นับจากนี้ ฉันจะไม่แพ้ใครเด็ดขาด’
‘แล้วซักวัน แกจะดีใจที่มีฉันเป็นลูกน้อง’
“ไอ้บ้าเอ๊ย แกเป็นอะไรของแก!!’’ สควอโล่ตวาดลั่นอย่างหัวเสียและไม่เข้าใจอารมณ์ผีเข้าผีออกของผู้เป็นบอส ทั้งๆที่เมื่อก่อนถึงแม้จะหยาบคาย และแข็งกระด้างแค่ไหน คนๆนี้ก็ไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น…
สายตาเย็นชาที่ทำให้หนาวไปถึงขั้วหัวใจ ยิ่งไม่กี่วันมานี่แล้วก็ยิ่งทำตัวเหินห่าง และพูดจาไม่มีเหตุผลใส่ ยิ่งวันนี้แล้วเมื่ออีกฝ่ายบอกให้เขาเก็บของออกจากห้อง และสิ่งนั้นเองที่แสดงให้เห็นว่าใครคนนั้นคงไม่ต้องการเขาอีกต่อไป
แกคงเบื่อฉันแล้วล่ะสิ…
เฮอะ ก็แน่ล่ะ เวลาตั้งแปดปีที่ฉันคอยเดินตามแกต้อยๆ…
เวลาแปดปี…
ที่ฉันอยู่กับแกมา ทำไมมันเร็วอย่างนี้ล่ะวะ…
อยากย้อนเวลากลับไป…
ไม่รู้จักคนอย่างแก…
อยากย้อนกลับไปในตอนที่ฉัน…
ยังไม่ได้รักแกหมดใจ…
“นี่มันไม่ใช่ฉัน ไอ้คนน่าสมเพช ไม่ใช่ตัวฉัน…’’ ฉลามหนุ่มกัดฟันแน่น ดวงตาเรียวสวยบัดนี้ บวมแดงและมีน้ำรื้นอยู่เต็มเบ้า
ในเมื่อแกไม่ต้องการ…
ฉันก็ต้องไปใช่ไหม?...
เพราะคือคำสั่งของบอส… วาเรียผู้ยิ่งใหญ่
ถูกแล้วแซนซัส แกคือบอสผู้ยิ่งใหญ่…
คือว่าที่รุ่นที่สิบของวองโกเล่…
.
.
แล้วฉันล่ะ?
สเปลลบี สควอโล่ คือใครกัน?
… ก็แค่สวะเท่านั้นเอง
อาทิตย์อัสดงคล้อยลงต่ำ บรรยากาศในยามเย็นที่จวนจะพลบค่ำนั้นดูสลัวและเย็นเยียบ เสียงกิ่งไม้ดังกรอบแกรบยิ่งเหมือนหลุมดำในใจที่ดูเหมือนจะลึกจนไม่มีที่สิ้นสุดของเขา ร่างสูงโปร่งของคนผมยาว เดินอย่างอ่อนแรงช้าๆจนมาถึงสถานที่ที่คุ้นเคย
สุดท้ายก็ต้องกลับมา… เจอแก
คนที่เพิ่งสำนึกตัวได้ว่าไม่มีที่จะไปทำสีหน้าหม่นหมองซึ่งก็ไม่แตกต่างกับจิตใจของตัวเองในตอนนี้ที่เหมือนจะมีแต่แผลเหวอะหวะน่ากลัวเต็มไปหมด
แกจะกลัวอะไรหา สเปลบี สควอโล่ ยังไงซะ มันก็คงจะไม่มีที่ให้เจ็บไปมากกว่านี้แล้ว…
พูดเตือนตัวเองในใจให้ขายาวและใจของตนหยุดสั่น แม้มันจะไม่ได้ผลก็ตาม
“สควอโล่!’’เสียงคุ้นหูของลุสซูเรียดังขึ้น พร้อมกับร่างบึ้กๆของคนไม่บ่งบอกเพศวิ่งเข้ามา และตามติดมาด้วยเบลเฟกอลพร้อมมาม่อนที่อยู่บนผมยุ่งๆสีทองอร่าม
“สควอโล่ บอส บอสน่ะ!’’ น้ำเสียงตื่นๆของลุสซูเรียทำเอาสควอโล่หน้าหมองไปพักใหญ่ที่ต้องมาได้ยินข่าวสารข้อมูลของคนที่ตนไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยมากที่สุดในขณะนี้
“ไม่ต้องพูดให้ฉันฟัง เรื่องของมันน่ะ ฉันไม่อยากจะยุ่ง’’ ขาเรียวยาวของผู้พูดรีบเดินจ้ำอ้าวหวังจะหลบให้พ้นจากเพื่อนร่วมสังกัด
“แต่สควอโล่ บอสน่ะ!’’ เสียงของคนตะโกน มันทั้งสั่นและสิ้นหวัง ใบหน้าของเขามีหยาดน้ำตาเกาะเต็มไปหมด แต่คนโดนเรียกกลับไม่ได้สังเกตเห็นด้วยคิดหมกหมุ่นแต่เรื่องของตน
“มันจะเป็นตายยังไงก็ช่างหัวมัน ไอบอสเฮงซวย จากนี้ไปฉันกับมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก’’ เสียงกร้าวของสควอโล่ฟังชัดฉะฉานเล่นเอาคนตื๊อทั้งสามสะอึก
“ถึงนายจะไม่อยากรู้ แต่สควอโล่ บอสน่ะ…’’
.
.
.
“แซนซัส!!’’ เสียงสั่นจนแทบจับใจความไม่ได้ของฉลามหนุ่มดังกังวานขึ้นในห้องสี่เหลี่ยม ที่ซึ่งใครบางคนนอนขดตัวแน่นิ่งอยูบนพื้น เหล่าลูกน้องบริวารทั้งหมดรีบพากันกรูออกไปทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้ามา
“หนวกหู แกจะตะโกนทำไม ไอ้สวะ’’ คนพูดรีบหันหลังกลับด้วยไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นสภาพของตนในตอนนี้ เสียงแหบพร่าฟังดูไร้เรี่ยวแรงของผู้เป็นบอสทำเอาหัวใจของผู้มาใหม่กระตุกวูบก่อนจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“แกทำไมไม่บอกฉัน!? หา แซนซัส ทำไมแกไม่บอกฉัน!?’’ ฉลามหนุ่มตะโกนลั่น ใบหน้าสวยยามนี้มีแต่น้ำตาเกรอะกรังเต็มไปหมด เขารีบรุดเข้ามาเขย่าตัวคนที่นอนอยู่ จนอีกฝ่ายร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก’’
“…ฉันไม่ออก’’
“ก็ฉันบอกว่าไม่อยากเห็นหน้าแก จะไปตายที่ไหนก็ไป ไม่ได้ยินรึไงวะ ไอ้สวะ!! ’’ ผู้เป็นบอสขึ้นเสียงตะโกนจนสุดแรงก่อนจะไอและอาเจียนออกมาอย่างหนัก
“แค่ก แค่ก’’ มือใหญ่ที่บัดนี้สันเทาของแซนซัสรีบยกขึ้นมาปิดปากตัวเองแน่น ริมฝีปากแตกแห้งของเขารับรู้ได้ถึงรสขมปร่าของเลือดที่อยู่ภายใน แม้มันจะน่าสะอิดสะเอียนและเหม็นคาวมากแค่ไหนแค่เขากลับเลือกที่จะกลืนมันลงคอไปด้วยความยากลำบาก
“แล้ว แล้วทำไมแกไม่เรียกหมอ หมอ เบอร์หมออยู่ไหน’’ เสียงสั่นๆของสควอโล่ร้อนรนไม่ต่างกับเจ้าตัวที่ลุกเดินไปเดินมาทั่วห้อง
“ออกไป แค่ก ซะทีไอ้สวะ แค่ก แค่ก’’ คนออกคำสั่งไอเสียงน่ากลัวออกมาชุดใหญ่ เรียกอารมณ์ฉุนกึกจากคนเป็นห่วงได้อย่างดี
“แกมัวพล่ามบ้าอะไรอยู่ได้! ขืนแกยังทำตัวแบบนี้เดี๋ยวก็ได้ตายกันพอดี!!’’ ฉลามหนุ่มตะโกนลั่น หากแต่ถ้อยคำเหล่านั้นล้วนมาจากคาวมเป็นห่วงของเขานั่นเอง ร่างบางกว่ากลับไปนุ่งคุกเข่าเช่นเดิมแล้วนำศีรษะของคนที่นอนคุดคู้อยู่บนพื้นมาวางไว้บนตักตน
“…ไม่เป็นไรนะ แซนซัส’’ สควอโล่บอกด้วยเสียงแผ่วเบาแตกต่างกับเมื่อครู่อย่างลิบลับ ดวงตาสีเทาที่เคยใสเป็นประกายของเขาบัดนี้กลับมืดหม่นเพราะเรื่องราวต่างๆที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด
“ฉันกำลังจะตาย… แล้วไงล่ะ’’ แซนซัสพยายามออกเสียงด้วยความยากลำบาก ดวงตาสีเลือดของเขายามนี้ทอดมองไปยังใบหน้าของอีกฝ่ายแน่นิ่ง
“แกจะได้เป็นหัวหน้าวาเรีย ไม่ใช่สิ่งที่แกใฝ่ฝันมาตลอดรึไง’’ คนไม่รู้สังขารตัวเองแค่นหัวเราะ ทำเอาคนได้ฟังเบิกตากว้าง
“แกเกลียดฉันอยู่แล้วนี่ ฉันทำร้ายทั้งร่างกายทั้งจิตใจแกมามากมาย ที่จริงแกกำลังดีใจอยู่ใช่ไหมที่ฉันจะได้ตายๆไปซะที ไม่ต้องมาทำเสแสร้ง’’ แซนซัสยกยิ้มที่มุมปากคล้ายยิ้มเยาะแม้ในใจจะขมขื่นเพียงใด แต่มีแค่การที่ทำให้ตัวเองโดนเกลียดเท่านั้น คนตรงหน้าเขาจะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวด เพราะรู้ตัวเองดีว่าเวลาที่จะได้อยู่บนโลกใบนี้ มันได้ใกล้จะหมดลงแล้ว…
“แซนซัส!’’ สควอโล่ตะคอกใส่หน้าคนปากดีเสียงดัง ดวงตาเรียวสวยยามนี้มีน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งแห้งไป
“แกไม่รู้เหรอ ไม่เคยรู้เหรอ! เรื่องราวที่ผ่านมา ที่ฉันทำมันเพื่อใคร!? เพื่อใครกันล่ะ!!’’ ฉลามหนุ่มตะโกนเสียงก้องแม้มันจะสั่นมากก็ตาม ดวงตาสีเลือดของอีกฝ่ายจ้องมองมาทางเขา ก่อนที่จะเผยอริมฝีปากขึ้นเหมือนต้องการจะเอื้อนเอ่ยบางอย่าง
“แก…’’ เสียงของผู้เป็นบอสที่เปล่งออกมานั้นแตกพร่าและเบาเสียจนฟังไม่รู้เรื่อง มีแต่เพียงลมร้อนเท่านั้นที่ออกมาจากปากที่เคยพ่นแต่คำร้ายๆ
“ไม่ต้องพูดหรอก ไอ้บอสบ้า…’’ สควอโล่กัดปากแน่นอย่างขมขื่นและน้อยเนื้อต่ำใจ
“…’’
“…ฉันรู้ ว่าแกเกลียดฉัน จนตายแกก็คงยังไม่เลิกเกลียดฉันสินะ’’
“…’’
“ฉันคงเป็นได้แค่สวะอย่างที่แกว่าจริงๆ’’
“…’’
“รู้อะไรไหมแซนซัส ถึงฉันจะรักแก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะไม่เกลียดแก’’
“…’’
“แกชอบทำตัวเอาแต่ใจตัวเอง วางอำนาจใหญ่โต ไม่เคยคิดถึงจิตใจคนอื่น’’
“…’’
“ถึงแม้ว่าฉันจะเกลียดแกมากแค่ไหน แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงต้องยอมแกตลอดมา’’
“…’’
“ฉันน่ะ… แซนซัส?’’ สควอโล่ก้มหน้าลงดูอีกฝ่ายเพราะเห็นว่าเงียบผิดปกติแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนให้อ้อมกอดนอนหลับตาแน่นิ่ง
“แกอย่าเงียบอย่างนี้สิ แซนซัส แซนซัส’’ เขาเขย่าตัวอีกฝ่ายแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนที่นิ่งอยู่จะตื่นขึ้นมาได้เลย หัวใจของเขาเย็นเยียบราวอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ
“แซนซัส… ตื่นสิ!! ไอ้บอสบ้า ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!!’’ เสียงโวยวายของเขาสั่นสะท้านเช่นเดียวกับร่างกายของเขาที่สั่นจนควบคุมไม่ได้ น้ำตาใสร่วงลงมาอย่างไม่ขาดสาย
“ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ไอ้บอสบ้า ฉันเกลียดแก ตื่นขึ้นมา’’ เสียงโวยวายเปลี่ยนเป็นเสียงยืดที่ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง คนพูดกอดร่างของอีกฝ่ายแน่น ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเขาได้ซึมผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาวของผู้เป็นบอสจนเห็นรอยน้ำตาเป็นวงกว้าง
“… สเปลบี สควอโล่’’ เสียงเรียกแผ่วเบาในโสตประสาท ทำให้สควอโล่รีบเงยหน้าขึ้นมามองบุคคลในอ้อมกอดก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายปรือตาขึ้นมาช้าๆ ริมฝีปากแตกแห้งขยับช้าๆคล้ายจะเอื้อนเอ่ยคำพูด เจ้าของร่างพยายามสูดหายใจเข้าช้าๆเพื่อเรียกลมหายใจให้กลับมาอีกครั้ง
“ฉันรักแก…’’ คำพูดที่เขาต้องการได้ยินมาตลอด แค่คำว่ารัก… จากปากคนที่เขารักมากที่สุด หากแต่ตอนนี้มันกลับคือสิ่งที่เขาไม่ต้องการได้ยินมากที่สุด
…เพราะมันคือคำพูดที่พรากลมหายใจของคนที่เขารักไป ตลอดกาล…
________________________________
ฟิควายรีบอร์นเรื่องแรกที่แต่ง... จบได้แบบสิ้นคิดมาก
ไม่รู้จะให้เศร้ายังไงแล้ว ตายเลยละกันป๋า ฮะฮ่า (แฟนคลับป๋ารุมกระทืบ)
ไรท์เตอร์ชอบดราม่าค่ะ ฮะฮ่า
ต่อไปอยากได้คู่อะไร รีเควสมาได้เลยค่ะ
ความคิดเห็น