คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : โลกใหม่
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ ริเรียอาศัยอยู่ในกระท่อมริมลำธารในป่านอกเมืองหลวง เธอมาอาศัยอยู่ที่นี่ได้ 2อาทิตย์แล้ว ตั้งแต่เธอจากบ้านมา ริเรียเป็นหญิงสาวอายุ16 ปี เธอสวยแบบเรียบง่ายไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางต่างๆ ผมของเธอสั้นแบบน่ารัก สีน้ำตาลอ่อนๆ
ที่เธอมาพักอาศัยอยู่ที่นี่ก็เพราะอีกหนึ่งอาทิตย์ โรงเรียนคาสวาเนียจะเปิดทำการและจะยุ่งมากเป็นพิเศษ เพราะนี่เป็นโรงเรียนที่ดังมาก ผู้ที่จบจากโรงเรียนนี้ส่วนมากจะได้งานดีๆทำกัน ริเรียก็ตั้งตารอที่จะเข้าโรงเรียนนี้เหมือนคนอื่นเช่นกัน แต่วันนี้เธอจะได้พบกับเพื่อนใหม่ที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล.......
“ เฮ้อ...อีกหนึ่งอาทิตย์ ” ริรียลุกขึ้นจากเตียงและมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอลุกขึ้น
บริหารร่างกายแบบง่ายๆ แล้วเดินออกไปข้างนอกกระท่อม แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องร่างอันเปลือยเปล่าของเธอ ขณะที่เธอถอดเสื้อผ้า แล้วลงไปอาบน้ำที่ลำธาร
ริเรียไม่ต้องอายใครเพราะเธออาศัยอยู่คนเดียวในป่าแห่งนี้ เธอค่อยๆก้าวลงแม่น้ำอย่างช้าๆ แล้วนั่งแช่พลางถูตัวไปมา
แล้วอะไรบางอย่างก็เตะตาเธอเข้า เธอมองไปทางมันแล้วก็เห็นดาวตกกำลังลอยมา
“ อ้า..ดาวตกงั้นเราก็ต้องอธิฐานบ้างดีกว่า ” เธอนั่งกุมแล้วอธิฐานขอให้เธอได้เข้าเรียนที่คาสวาเนีย แล้วเธอก็มองดูดาวตกต่อไป
“ นานๆจะเห็นดาวตกเช้าๆอย่างนี้ก็แปลกดีเหมือนกัน ” ริรียเงียบไปชั่วครู่
“ ดาวตก... ” ริเรียคิด
“ ดาวตก ....ตอนเช้า ” แล้วเธอก็ตกใจสุดขีด
“ หา!!! ตอนเช้าอย่างนี้เนี่ยนะ ” เธอรีบหันไปมองดาวตกอีกครั้งแล้วเธอก็วิ่งแจ้นขึ้นจากน้ำทันที เพราะมันกำลังพุ่งเข้ามาหาเธอ
ริเรียวิ่งเข้าไปในกระท่อมแล้วมองจากหน้าต่าง ดาวตกดวงนั้นพุ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วตกลงไปในลำธารทันที น้ำแตกกระจายเป็นวงกว้างแล้วทุกอย่างก็นิ่งเงียบไป
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ” เป็นคำถามแรกที่ริเรียคิด เธอมองไปที่จุดตกของดาวหางแล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นเลือดสดๆผุดขึ้นมาจากจุดที่ดาวหางตก
“ เลือด...เลือดนี่นา ” จากนั้นริเรียก็มองเห็นร่างของชายหญิงใส่ชุดแปลกๆกำลังลอยตามเลือดขึ้นมา และชายคนหนึ่งในนั้นแขนซ้ายขาดไป เป็นที่มาของเลือดที่เธอเห็น
“ ตายแล้ว! คนนี่นา ” ริเรียรีบสวมเสื้อผ้าแล้ววิ่งออกไปที่ลำธารทันที เธอเดินลุยน้ำลงไปแล้วค่อยพาชายหญิงเหล่านั้นขึ้นมาจากน้ำทีละคน
ริเรียก็ได้รู้ว่ามีชายอยู่สามและผู้หญิงอีกหนึ่ง เธอค่อยๆรวบรวมความกล้าเขยิบเข้าไปหาชายคนหนึ่งเขาเป็นชายที่อายุเท่าๆกับเธอ และมีผมสีน้ำตาลเช่นเดียวกับเธอเหมือนกัน เธอก้มลงฟังเสียงหัวใจของชายคนนั้น มันยังดังอยู่ ชายคนนี้ยังมีชีวิตอยู่
“ เอ่อ... เธอ ” เสียงของผู้หญิงดังขึ้นข้างๆหูวิล ทำให้เขาสะดุ้งตื่นแล้วบีบที่คอของผู้หญิงคนนั้นทันที
“ ว้าย...ขอโทษค่ะ อย่าฆ่าฉันเลย ” หญิงสาวตกใจ
“ คุณเป็นใคร แล้วนี่ที่ไหน แล้วจีน่ากับฟรานล่ะ ” วิลหันไปหาหญิงสาวคนนั้นแล้วคลายมือออกจากคอเธอ
“ เอ่อ..ทีละคำถามได้ไหมฉันจำไม่ได้อ้ะ ” ริเรียตอบพลางถูคอของตัวเองไปมา
“ เธอเป็นใครกัน ” วิลถามอีกครั้ง
“ ฉันชื่อริเรีย ” ริเรียตอบอย่างอายๆ
“ แล้วที่นี่ที่ไหน ”
“ กระท่อมนอกเมืองหลวงคาสวาเนีย ”
“ คาสวาเนียอะไร ฉันไม่เคยได้ยินชื่อ ” วิลนวดขมับและลองทบทวนความจำ
“ เธอไม่รู้จักคาสวาเนียหรอ ก็เมืองหลวงของอาณาจักรเรนีม่าที่อยู่ทางตะวันอกของโลกไง ” ริเรียพยายามอธิบายแต่วิลก็ส่ายหน้า
“ ฉันไม่รู้จักสถานที่ที่เธอพูดเลย ”
“ แล้วเธอมาจากไหนกัน แล้วเธอเป็นใคร ” ริเรียย้อนถามกลับไปบ้าง
“ ฉันชื่อวิล ฉันกำลังสู้กับคิดในปราสาทคราซิมแล้วจู่มันก็โยนอะไรมาใส่ฉันแล้วทุกอย่างก็มืดไปหมด ” วิลพยายามทบทวนความจำอีกครั้ง
“ ฉันเห็นเธอกับเพื่อนตกลงมาจากฟ้า ฉันก็เลยพามารักษาตัวที่บ้าน ” ตอนนี้วิลรู้แล้วเขากำลังนั่งอยู่บนเตียงเตียงหนึ่งเขานอนลงไปอีกครั่ง แล้วลุกขึ้นมา
“ ริเรีย..เพื่อนๆของผมอยู่ที่ไหนกัน ”
“ เธอลุกมาซิ เดี๋ยวฉันจะพาไปดู ” วิลลุกจากเตียงแล้วเดินตามริเรียไปที่ห้องข้างๆ จีน่านอนอยู่บนเตียงที่ห้องนั้น ตามตัวเธอมีผ้าพันแผลพันเป็นแห่งๆ
“ เธอเป็นยังไงบ้าง ” วิลถามริเรียขณะเดินไปอยู่ข้างๆจีน่า
“ ไม่ค่อยดี กระดูกแตกหลายแห่งแต่ฉันใช้เวทมนตร์รักษาให้ไปแล้วแต่ก็คงเดินไม่ได้ไปซักพัก ” แต่ทันทีที่ริเรียพูดว่าเวทมนตร์วิลก็จับที่คอเธอกระแทกกับผนังทันที
“ เธอมีเวทมนตร์ เธอเป็นพวกเดียวกับคิดรึเปล่าว ” วิลคำรามด้วยความโกรธ
“ เปล่า...ฉัน..ไม่รู้จักคิด..ปล่อยฉันเถอะฉันขอร้อง ” แล้ววิลก็เห็นว่าริเรียกำลังร้องไห้ เขาจึงปล่อยเธอลงกับพื้น
“ ฉันขอโทษริเรีย ฉันไม่เคยเห็นเวทมนตร์ ฉันก็เลย....” วิลส่งมือให้
“ เธอก็เลยคิดว่าฉันเป็นพวกเดียว กับคนที่ชื่อคิดอะไรนั้นใช่ไหม ” ริเรียปาดน้ำตาแล้วจับมือวิลเพื่อดึงตัวเองลุกขึ้น
“ เธอมานี่ดีกว่า ฉันว่าเพื่อนอีกคนของเธออาการหนักกว่านี้อีก ” ริเรียจูงมือวิลออกไปนอกห้องแล้วพาเข้าไปในครัวที่ฟรานซิสนอนอยู่บนโต๊ะ เลือดที่แขนหยุดไหลแล้วแต่มันกลายมาเป็นแผลแดงขนาดใหญ่แทน
“ ฉันจะถามเธอว่าจะให้ทำยังไงกับแขนเขา ถ้าปล่อยไว้มันไม่ดีแน่ ”
“ แล้วเธอมีทางเลือกให้หรอ ” วิลถามแต่ ริเรียแค่ยิ้ม เธอเดินไปที่กล่องไม้ที่วางอยู่ข้างๆตัวฟรานแล้วดึงแขนเทียมเหล็กออกมา
“ แขนนี้เคยเป็นของปู่ฉัน และท่านก็จากไปแล้ว เธอช่วยบอกฉันหน่อยว่าควรติดแขนนี้ให้กับเขาไหม ” ริเรียถามแล้วก็เหวี่ยงแขนเหล็กไปมา
“ ฉันว่า...ควรให้เขาเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่านะ ”
“ เออ..ไหนๆฉันก็ไม่มีแขนอยู่แล้วติดมาเถอะ ” ทั้งสองหันมาหาฟรานซิสที่ลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว
“ เป็นไงบ้างเพื่อน ” วิลทักทาย
“ ยังไม่ตายแล้วกันนา แล้วนี่ใครเห็นแว่นฉันบ้างเนี่ย ” ฟรานซิสล้วงแว่นสำรองในกระเป๋ากางเกงออกมาสวมแล้วจ้องมาที่ริเรีย
“ ว้าว วิลไม่เห็นนายเคยบอกว่ามีเพื่อนเป็นสาวน้อยน่ารักแบบนี้ด้วยนี่นา แนะนำให้ชั้นรู้จักบ้างดิเพื่อน” วิลหันไปมองก็เห็นริเรียแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ คิกๆๆ อย่างน้อยก็มีคนปากหวานอยู่ในกลุ่มนายด้วยนี่ ” ริเรียพูดกับวิลแล้วเดินมาหาฟรานซิส
“ ฟรานใช่ไหมค่ะ ฉันริเรียค่ะ จะยอมติดแขนเทียมนี่ไหม ”
“ อื้อ เชิญติดมาได้เลยคนสวย ” ฟรานซิสยื่นแขนข้างที่ขาดให้
“ ทนเจ็บนิดนะค่ะ ” ริเรียค่อยๆสวมแขนเทียมไป
“ ผมทนเจ็บได้ครับ.....จ๊าก!!! ” ฟรานซิสร้องเสียงดังจนตัวลอย
“ ค่ะ ฟรานต้องทนเจ็บหน่อยนะคะ ฉันต้องจัดการเส้นประสาทของฟรานให้เข้ากับแขนนี่ก่อน ” แล้วริเรียก็หันมาทางวิล
“ คุณลองไปดูเพื่อนอีกคนดีกว่าไหมค่ะ เขาได้สติก่อนใครก็เลยให้ออกไปนั่งข้างนอกก่อนน่ะค่ะ ”
“ เพื่อน....หรอยังมีใครอีกล่ะ ” แล้ววิลก็คิดออกคงจะเป็นอาเบลแน่นอน เขาเดินออกจากบ้านไปและเห็นอาเบลนั่งกอดเข่าแล้วจ้องมองไปที่ดวงอาทิตย์
“ ผมนึกว่าแวมไพร์กลัวแสงอาทิตย์ซะอีก ” วิลลงมานั่งข้างๆอาเบล ที่จริงอาเบลก็ดูไม่แก่กว่าเขามากนักยังดูหนุ่มแน่นทีเดียว ชุดแปลกๆที่เขาสวมมันทำให้เขาดูแก่ลงไปมากกว่า
“ ข้าไม่ได้กลัวแสงอาทิตย์ แต่ข้าแค่เกลียดมันเท่านั้น แล้วแกเป็นใครเจ้ามนุษย์ ” อาเบลหันกลับมาถาม
“ ฉันวิลเป็นเพื่อนของจีน่า ”
“ วิล นายหญิงเป็นไงบ้าง ” อาเบลถามสีหน้าแสดงถึงความเป็นห่วง เขาดูไม่เหมือนปีศาจร้ายที่อาละวาดตอนอยู่ในปราสามคราซิมเลย
“ จีน่า ปลอดภัยแล้วตอนนี้นอนพักอยู่ ”
“ ดี..ดีแล้วล่ะ ” อาเบลยิ้มแล้วก็หันไปจ้องมองพระอาทิตย์ต่อ
“ อาเบลนายมาจากไหนหรอ ” วิลลองถาม
“ ข้ามาจากสถานที่ที่เรียกว่า...โลกอสูร ” อาเบลตอบ
“ แล้วต่อจากนี้นายจะทำอะไร ”
“ ข้าก็ต้องรับใช่นายหญิงต่อไป แค่นั้นแหละคือหน้าที่ของข้า ”
เวลาล่วงเลยมาถึงเย็น ริเรียยังจัดแขนให้ฟรานซิสไม่เสร็จ ส่วนอาเบลก็คอยเฝ้าจีน่าไว้อยู่ข้างๆ วิลจึงถูกทิ้งให้อยู่ลำพังเขายอมรับว่าเบื่อ เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นและพยายามทำตัวให้มีประโยชน์
“ ทำอาหารอยู่หรือค่ะ กลิ่นหอมจัง” ริเรียเข้ามาในครัวขณะวิลคนอาหารในหม้อ
“ อื้อ มันอยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำน่ะแล้วนี่ก็เย็นแล้วด้วย ฟรานเป็นไงบ้าง ” วิลเลิกคนอาหารในหมอแล้วยกออกมาจากเตาไฟ
“ ก็นั่งหมดแรงอยู่ที่ห้องครัวน่ะค่ะ เขาต้องทนเจ็บมาตั้งแต่เช้า ” ริเรียเข้ามาช่วยยกจานออกไปตั้ง ส่วนวิลก็เดินเข้าไปหาจีน่า
“ อาเบลนายออกไปข้างนอกก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะลองปลุกจีน่าดู ” อาเบลเดินออกไปอย่างว่าง่าย ส่วนวิลก็เข้าไปนั่งแทนอาเบล แล้วลองปลุกจีน่า
“ จีน่า ตื่นได้แล้ว” ตาของจีน่าขยับน้อยๆแล้วจึงลืมขึ้น
“ ยินดีต้อนรับกลับมา ครับ ” วิลส่งยิ้มให้ แต่จีน่าเข้าโผกอดวิลกระทันหันทำเอาเขาตั้งตัวไม่ติด
“ วิล ฉันฝันร้าย ฉันเห็นพวกเธอโดนคิดฆ่าตายแล้วก็......” วิลยกนิ้วแตะปากจีน่าไว้
“ มันแค่ฝันร้ายจีน่า มันเป็นแค่ฝันร้ายโง่ๆ ” วิลหยิบเสื้อผ้าของมีเรียส่งให้กับจีน่า
“ ตอนนี้ จีน่าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปกินข้าวกับทุกคนข้างนอกนะ ” วิลลุกขึ้นแล้วหันหลังรอให้จีน่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วพาเธอเดินออกไปนอกห้อง ซึ่งฟรานซิสกับริเรียกำลังกินข้าวอยู่ ส่วนอาเบลกำลังนั่งดูทั้งสองอยู่ห่างๆ
“ ฟราน อาเบลแล้วเธอ......” จีน่าหันมาทางริเรีย
“ ริเรียค่ะ ฉันชื่อริเรียค่ะคุณจีน่า ”ริเรียทักทายอย่างสุภาพ
“ มากินนี่สิจีน่า อร่อยชะมัด ” ฟรานซิสเชิญชวน
“ ไปจีน่าไปกินข้าวกัน ” วิลพาจีน่าไปนั่งลงบนโต๊ะ
แล้วทั้งสี่ก็นั่งกินข้าวกัน ส่วนอาเบลที่เห็นว่าจีน่าแข็งแรงดีแล้วจึงขอตัวและออกไปข้างนอกเพื่อหาอาหาร
“ อาเบลเพื่อนเธอเป็นใครหรอ ” ริเรียถามอย่างใคร่รู้
“ แวมไพร์น่ะ ” วิลช่วยตอบให้ ทำเอาริเรียหน้าซีดไปเลย
“ นี่ไหนๆตอนนี้มันก็ว่างแล้วพวกเธอช่วยเล่าเรื่อง ของพวกพวกเธอให้ฟังหน่อยสิ” ริเรียเปลี่ยนเรื่องคุย
“ อื้อ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังหลังอาหารนะ ” หลังอาหาร ทั้งหมดนั่งบนโต๊ะแล้วเล่าเรื่องของตัวเองให้ริเรียฟังตั้งแต่เรื่องที่เข้ามาอยู่ในวงการนักฆ่า ภารกิจสุดท้ายที่ปราสาท
คราซิม เรื่องของอาเบล โดนที่ริเรียนั่งฟังอยู่เงียบๆ และเธอสนใจเป็นพิเศษคือตอนที่ วิลเล่าถึงตอนที่คิดใช้พลังจากสร้อยคอ และขนนกสีทองที่พาพวกเขามาที่นี่
“ จากที่พวกเธอเล่า ฉันคงจะสรุปได้ว่าพวกเธอไม่ได้มาจากโลกนี้ค่ะ ” ริเรียเริ่มพูดบ้าง
“ หมายความว่าไงกัน ” ฟรานซิสถาม
“ สิ่งที่พาพวกเธอมาที่นี่ อาจจะเป็นวัตถุวิเศษที่พาคนไปยังมิติอื่นก็ได้ ”
“ แล้วพวกเราสามารถกลับไปโลกของเราได้ไหมริเรีย ” วิลถาม
“ เสียใจค่ะ วิลในโลกของฉันไม่มีสิ่งที่จะพาคนข้ามมิติได้ ”
“ งั้นแปลว่าเราจะไม่มีวันได้กลับไปโลกของเราอีกแล้วใช่ไหม ”
“ ก็คงจะเป็นอย่างนั้นค่ะ ฟราน ” ทั้งสี่นิ่งเงียบไป
วิลถอนหายใจออกมา “ เฮ้อ...ไหนๆก็ไม่มีทางได้กลับบ้าน ริเรียช่วยเล่าเรื่องโลกของเธอให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหม ” ริเรียพยักหน้า แล้วเธอก็เริ่มบรรยายเรื่องโลกนี้ให้ฟัง
“ โลกนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ทวีปใหญ่ๆ แต่ละทวีปถูกปกครองด้วยเผ่าต่างๆแบ่งกันออกไปคือ
1. มนุษย์
2. อสูรและพวกปีศาจ
3. แม่มด
4. เครื่องจักร
และที่ที่พวกวิลอยู่ตอนนี้คือทวีปอาโฟรเดียซึ่งเป็นทวีปของเหล่ามนุษย์ และอยู่ทางตะวันออกเป็นที่ตั้งของโรงเรียนชื่อดังที่สุดคือคาสวาเนีย
“ ที่นี่มีเวทมนตร์ด้วยหรอริเรีย ” วิลถามด้วยความตื่นเต้น
“ ทุกที่แหละค่ะ เวทมนตร์ของโลกนี้ถือเป็นเรื่องที่ธรรมดามากเหมือนสัตว์วิเศษอย่างมังกรรวมไปถึงมอนเตอร์ต่างๆในโลกนี้ เรามีทุกอย่าง ” ริเรียอธิบาย
“ เอาล่ะ ฉันตัดสินใจได้แล้ว ” วิลหันไปพูดกับทุกคน
“ ตัดสินใจอะไรเพื่อน ”ฟรานถาม
“ เราจะเข้าเรียนที่คาสวาเนียนี่ล่ะ ” เพื่อนทั้งสามตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน
“ หมายความว่าไงฟะ ” ฟรานกระโดดตัวลอยจากเก้าอี้
“ อย่างที่พูดนั้นล่ะ เราจะเข้าคาสวาเนียไปพร้อมริเรีย ” วิลยังยืนยันหนักแน่น
“ วิล เธอแน่ใจแล้วหรอ เรายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใหม่นี่เลยนะ ” จีน่าถามวิล
“ ถูกต้องจีน่า เรายังไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับที่นี่เลยเราจึงต้องเข้าโรงเรียน ”
“ เฮ้ย คิดดีๆนะวิล ” ฟรานซิสถามอย่างไม่แน่ใจ
“ อื้อ ฉันตัดสินใจแล้ว ” ฟรานซิสยิ้ม แล้วเดินเข้ามากอดคอวิล
“ เอาว่ะ นายไปไหนฉันไปด้วย ขอให้มีสาวสวยที่ไหนฉันไปที่นั้น ” วิลกอดคอ
ฟรานซิสแล้วทั้งสองก็หัวเราะขึ้นมา
“ แล้วคุณจีน่าล่ะค่ะ ” ริเรียหันมาถาม
“ ฉันก็คงต้องตามไปดูแลเด็กสองคนนี้อยู่แล้ว ฉันคงต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วยแล้วกัน
ริเรีย”
“ เช่นกันค่ะ ” แล้วหญิงสาวทั้งสองก็เข้าไปร่วมวงหัวเราะกับพวกผู้ชาย มิตรภาพในโลกใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว
“ อะไรนะฝึก หรอ ” ทั้งสามนั่งฟังขณะริเรียอธิบายตอนกำลังกินอาหารเช้า
“ ใช่ค่ะ ตั้งแต่วันนี้เราต้องฝึกฝนตัวเองค่ะ ”
“ แล้วทำไมต้องฝึกด้วยงะ ” ฟรานซิสถามอย่างเซ็งๆ
“ ก็ต้องเอาไว้ใช้ในการสอบเข้าค่ะ ที่คาสวาเนียจะมีสอบปฏิบัติโดยต้องเราต้องต่อสู้กับรุ่นพี่ในโรงเรียนด้วยนะค่ะ ”
“ แต่ฉันกับวิลก็มีทักษะนักฆ่ากับตัวอยู่แล้วนี่ ” ฟรานซิสท้วง
“ ฟรานค่ะ นี่ไม่ใช้โลกของพวกคุณนะค่ะ ทักษะเล่านั้นแถบจะไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลยเมื่อเจอกับเวทยมนตร์ ฟรานต้องมีทักษะอื่นไว้ใช่ด้วยค่ะ ” ริเรียยืนยัน
“ ก็ได้ริเรีย แล้วเราต้องทำไงบ้าง ” วิลตั้งคำถาม
“ ค่ะ วิลต้องอยู่ฝึกกับฉันค่ะ ส่วนจีน่าและฟรานต้องไ ปฝึกกับเขาค่ะ ” แล้วริเรียก็ชี้นิ้วไปที่อาเบลซึ่งกำลังนั่งฟังอย่างตั้งใจ
“ ให้ฝึกกับแวมไพร์เนี่ยนะ แล้วฉันจะเอาอะไรไปสู้กับมันงะ ” ฟรานซิสโวยวาย
“ ฟรานค่ะ แขนเหล็กของปู่ฉันมีชื่อว่า เคเบรอส มันเป็นอาวุธที่ปู่ฉันใช่ในสงครามมานักต่อนักแล้ว แขนนั้นล่ะค่ะอาวุธที่เยี่ยมที่สุดแล้ว ”
“ แล้วฉันล่ะริเรีย ” จีน่าถามบ้าง
“ ส่วนคุณจีน่า ฉันอยากให้ฝึกการเคลื่อนไหวให้มากที่สุด เพื่อจะได้มีไว้ช่วยอาเบลสู้กับคนอื่นๆ ”
“ ช่วยอาเบลสู้งั้นหรอ หมายความว่าไงกัน ”
“ ในโลกของฉันแวมไพร์ เป็นมอนเตอร์ที่แข็งแกร่งไม่แพ้มังกรหรือสัตว์เทพตัวอื่นๆเลยนะค่ะ และผู้ที่ควบคุมสัตว์เหล่านี้ เราเรียกพวกเขาว่า ซัมมอนเนอร์ ค่ะ ” ว่าแล้วริเรียก็ส่งหนังสือให้จีน่าไป
“ ระหว่างที่ฟรานเขาฝึกกับอาเบล จีน่าต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ให้เข้าใจค่ะมันบอกถึงประวัติของเหล่าซัมมอนเนอร์ และวิธีควบคุมมอนเตอร์รวมไปถึงเวทมตร์ที่ช่วยเพิ่มพลังให้เหล่าสัตว์อสูร ฉันเชื่อว่ามันมีประโยชน์มากทีเดียว ” ริเรียอธิบาย
จีน่าจ้องมองหนังสืออยู่สักครู่ แต่อาเบลเดินเข้ามาข้างหลังแล้วหยิบหนังสือไปแทน
“ ชีวิตข้าคงต้องฝากไว้กับท่านแล้วล่ะ เจ้านาย ” อาเบลย่อตัวลงแล้วยื่นหนังสือให้จีน่าอีกครั้ง
จีน่ายิ้ม แล้วหันมาหาฟรานซิส “ ไปฟรานเราไปฝึกกัน ” ฟรานซิสพยักหน้าแล้วเดินตามมีเรียกับอาเบลออกไปนอกบ้าน ตอนนี้ก็เลยเหลือวิลกับริเรียแค่สองคน
“ แล้วนี่ฉันต้องทำอะไรบ้าง ” วิลหันมาทางริเรีย
“ ฉันไม่รู้ค่ะ ” ริเรียตอบ
“ อ้าว หมายความว่าไง ”
“ คืองี้ค่ะ ฟรานเขามีเคเบรอสส่วนจีน่ามีอาเบลฉันจึงสามารถบอกได้ว่าควรไปทางด้านไหน แต่วิลไม่มีอะไรเลย เพราะฉะนั้นวิลต้องเลือกเองว่าตนจะไปทางด้านไหน ”
วิลเงียบไปชั่วครู่ คำถามของริเรียเป็นคำถามง่ายๆแต่เขาก็ไม่อาจจะตอบได้ทันที อะไรล่ะที่เขาต้องการ ทุกคนต่างเลือกไปตามทางของตนเองแต่เขาไม่มีอะไรเลย เขาคิดอยู่
ซักครู่
“ ฉันต้องการเรียนเวทมนตร์ริเรีย ฉันอยากใช้เวทมนตร์ ” นั้นคือสิ่งที่วิลต้องการถูกแล้วเวทมนตร์ แต่ดูจากสีหน้าของริเรียเธอรู้อยู่แล้วว่าวิลจะเลือกอะไร
“ แล้ววิล อยากจะเรียนเวทมนตร์แบบไหนล่ะค่ะ ”
“ เวทมนตร์มีหลายแบบหรอ ”
“ ค่ะ ก็เวทมนตร์ที่ไว้ทำลาย เวทมนตร์ที่ไว้รักษาชีวิต และก็อีกหลายอย่างเยอะแยะ ”
“ งั้นก็ต้องเป็นเวทมนตร์ ที่สามารถทำลายได้อยู่แล้วซิ ” วิลลองเลือก แต่ดูเขาจะทำผิดอย่างมหันต์ เพราะน้ำตาเริ่มไหลออกมาจากแก้มของริเรีย
“ ริเรีย เธอ....เป็นอะไรรึเปล่า ” ริเรียรู้ว่าวิลเห็นเธอร้องไห้ เธอจึงรีบหันหน้าหนี
“ ปล่าวค่ะ....เปล่าว วิลจะเรียนเวทมนตร์เกี่ยวกับการทำลายใช่ไหมค่ะเดี๋ยวฉันไปหาหนังสือให้ ” ริเรียรีบเดินออกไปแต่วิลคว้าข้อมือเธอไว้ก่อน
“ ริเรียผมพูดอะไรผิดงั้นหรอ ” ริเรียตัวสั่นน้อยๆ
“ ทำไม....ทำไมต้องเรียนกันแต่เวทมนตร์แบบนี้ด้วย ” ริเรียพยายามตั้งสติแล้วหันมาพูดกับวิล
“ วิลค่ะ ช่วยฟังเรื่องของฉันหน่อยได้ไหม ” ริเรียวอนขอ
“ ได้ซิ ถ้ามันจะช่วยให้เธอดีขึ้น ” แล้วทั้งสองก็กลับมานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง
“ เมื่อก่อน แม่ของฉันเคยเป็นอาจารย์สอนเวทมนตร์มาก่อน แม่รับสอนคนทั่วไปและก็มีลูกศิษมากมาย แต่เขาเหล่านั้นก็เรียนเฉพาะเวทมนตร์ทำลายเท่านั้น ซึ่งแม่ก็ยอมสอนให้จนเวลาผ่านไปเรื่องก็เกิดขึ้น........” ถึงตอนนี้ริเรียนั่งเงียบไป
“ อะไรหรอ เกิดอะไรขึ้น ”
“ วันนั้นมีมอนเตอร์บุกมาทำลายหมู่บ้าน และทุกคนก็ร่วมกันต่อสู้อย่างสุดความสามารถ แต่แล้วแม่ก็เสียท่าแม่สูญเสียแขนไปจึงไม่อาจร่ายเวทมนตร์รักษาได้
และในหมู่บ้านก็ไม่มีใครช่วยแม่ได้เช่นกัน สุดท้ายแม่ต้องตายไป ฉันซึ่งยังเป็นเด็กอยู่ต้องเสียแม่ไปแค่ไม่มีคนสามารถใช้เวทมนตร์รักษาแม่ได้ มันคงเป็นเรื่องที่โง่เอามากๆ ” เมื่อริเรียเล่าจบเธอก็ไม่พูดอะไรอีกเลย แล้วก็นั่งคอตก
“ ริเรียผม.....” วิลลุกขึ้นมาหาริเรียแต่ เธอลุกขึ้นยืนแล้วกลับมายิ้มอีกครั้ง
“ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันมันโง่เองล่ะ ควรจะให้วิลเป็นคนเลือกเองดีกว่าขอโทษ.... ”
“ ผมอยากจะเรียนเวทมนตร์รักษา ”
“ แต่...แต่ว่า ”
“ ใช่แล้ว ถูกของคุณ เวทมนตร์รักษามันจำเป็นจริงๆนั้นล่ะ ผมจะเรียน ” ริเรียหันหน้าหนีแต่วิลแอบเห็นเธอร้องไห้ด้วยความดีใจ
“ แล้วผมต้องทำไงบ้างล่ะ ” ถึงตรงนี้ริเรียหน้าแดง แล้วก็ตัวสั่นอีกครั้ง
“ คือ...แบบว่า ฉันมีเวทมนตร์ที่ให้วิลอยากลองดูอ้ะ ” เธอวิ่งออกไปจากห้องแล้วกลับมาด้วยความเร็ว ในมือมีห่อผ้าอะไรมาด้วย
“ นี่ ฉันให้ วิลลองเปิดดูซิ ” วิลเปิดออก มันเป็นขลุ่ยที่ตกแต่งมาอย่างประณีตมาก มันใสเหมือนแก้ว ที่ตัวขลุ่ยสลักรูปนางฟ้าที่กำลังเริงระบำ
“ อะไรอีกล่ะที่นี่ อย่าบอกนะว่า ” วิลหันกลับมาหาริเรียที่ยังยืนยิ้มอยู่
“ ใช่แล้ว ฉันอยากให้วิลลองใช่เวทมนตร์แห่งเสียงดนตรีดู ”
“ แล้วมันเกี่ยวกับเวทมนตร์รักษาตรงไหนเนี่ย ”
“ อื้อ เกี่ยวซิ เวทมนตร์แห่งเสียงดนตรีมันสามารถรักษา ทำลาย ได้ด้วยซิ่ง ฉันว่ามันเหมาะกับวิลมากเลย แถมยังเข้ากับฉันด้วย ”
“ ฉันก็คงต้องถามว่ายังไงอีกนั้นล่ะ ”
“ วิลออกไปที่หลังบ้านนะเดี๋ยวฉันจะแสดงให้ดู ” แล้วริเรียก็วิ่งกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง วิลจึงเดินออกไปข้างนอกและก็เห็นฟรานซิสกำลังต่อสู้กับอาเบลอยู่ แต่ดูเหมือนว่า
อาเบลไม่ได้ตอบโต้อะไรฟรานซิสเลย แค่ปล่อยให้ฟรานซิสใช้แขนเหล็กต่อยเขาก็เท่านั้นเอง ส่วนจีน่ากำลังอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้ วิลจึงเดินเลาะไปหลังบ้านและนั่งรอริเรีย
ขณะเขานั่งรอไปซักพักริเรียก็เดินมาเขาหันไปมอง แล้วก็ต้องรีบหันหน้ากลับมาเพราะความตกใจ ริเรียเปลี่ยนชุดใหม่เธอสวมเสื้อ ไม่สิมันเหมือนชุดชั้นในมากกว่า เป็นชุดเต้นเหมือนชาวอินเดียในโลกของเขา มีแค่เสื้อผ้าน้อยชิ้นกับผ้าแพรติดกับกำไลกระดิ่งที่มือทั้งสองข้าง
“ วิลเป็นอะไรค่ะ หน้าแดงเชียว เป็นไข้รึเปล่าว ” ริเรียก้าวมาหาวิล
“ ปล่าวๆแต่ชุดนั้นมัน...” วิลชี้มาที่ริเรีย
“ ดูก็รู้แล้วใช่ไหมค่ะ ว่าเป็นแดนเซอร์”
“ เดี๋ยว แดนเซอร์หรอ งั้นนี่ก็.... ” ริเรียหัวเราะอายๆ
“ คิกๆๆนักเต้นรำ จะขาดนักดนตรีไปได้ไงล่ะค่ะ แต่ฉันไม่ใช่แดนเซอร์ธรรมดานะดูนี่ซิ ” ริเรียก้าวถอยออกไปแล้วไปยืนที่หน้าต้นไม้ใหญ่ วิลคอยสังเกตเธออยู่ เธอนิ่งไปซักพักแล้วเริ่มเต้นรำเป็นจังหวะแบบเรียบง่าย วิลนั่งดูอย่างตั้งใจแต่ชุดของริเรียมันทำให้เขาแทบเป็นลม จากนั้นริเรียก็ค่อยเร่งจังหวะให้รุนแรงขึ้นมันทำเอาวิลคล้อยตาม แต่แล้วก็เกิดวงแหวนเวทมนตร์ขึ้นใต้เท้าเธอขณะเต้น แล้วเธอก็สะบัดเท้าไปด้านบนมันทำให้เกิด ใบมีดลมขนาดใหญ่ตัดต้นไม้ขาดล้มไปทั้งต้น ทำเอาวิลกลืนน้ำลายอึกใหญ่พลางนึกว่าเขาคงไม่อยากเป็นต้นไม้นั่นแน่
“ นั้นมัน.....” วิลพูด
“ ถูกแล้วค่ะ ฉันเป็นนักเวทย์ที่ปล่อยเวทมนตร์ด้วยการเต้นรำ ”
“ แล้วทำไมต้องมีนักดนตรีอยู่ด้วยล่ะ ”
“ งั้นวิลก็ลองเล่นขลุ่ยดูซิค่ะ เอาจังหวะแบบที่ฉันเต้นนะค่ะ ”
“ เอ่อ....ริเรีย ฉันเล่นขลุ่ยไม่เป็นงะ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ วิลแค่เป่าไปเรื่อยๆแล้วดูจังหวะที่ฉันเต้นเท่านั้นแหละค่ะ ” วิลลองทำตามเขาแนบปากกับขลุ่ยแล้วลองวางมือตามที่ริเรียสอน เขาคอยจ้องดูขณะริเรียเริ่มเต้นแล้วเขาต้องตกใจเพราะร่างกายเขามันขยับไปเอง ทั้งนิ้วแล้วลมหายใจมันทำงานไปตามจังหวะที่ริเรียเต้น แต่ไม่ใช้แค่นั้น เขายังสามารถบังคับให้เสียงฟังดูเพราะขึ้นรวมทั้งเร่งหรือผ่อนจังหวะได้ และริเรียก็เต้นตามจังหวะของเขาเช่นกัน จากนั้นริเรียก็เต้นตามจังหวะเหมือนครั้งที่แล้ว วงแหวนเวทย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้งตาเมื่อเธอปล่อยเวทมนตร์ออกมา ใบมีดอากาศมีขนาดใหญ่กว่าอันที่แล้วเกือบเท่าตัว และต้นไม้ไม้ก็ล้มไปเป็นแถบๆ
“ ไงค่ะเข้าใจรึยัง ฉันว่าวิลเล่นดนตรีเก่งออก” ริเรียหยุดเต้น
“ แต่ฉันก็ยังไม่เห็นว่า ดนตรีมันเกี่ยวกับเวทมนตร์รักษาตรงไหนเลย ”
“ วิลมานี่สิ ” ริเรียดึงวิลมาที่ต้นไม้ที่หักไปเหลือแต่ตอ
“ วิลลองคิดที่จะรักษาต้นไม้แล้วลองเล่นดนตรีดูซิค่ะ ” วิลทำตามเขาลองนึกภาพของต้นไม้แล้วลองเป่าขลุ่ย เสียงขลุ่ยที่ออกมาเป็นจังหวะที่ดูสงบ มันไพเราะแต่เรียบง่าย
“ นั่นไงค่ะ ความรู้สึกของวิล ” ริเรียเรียกวิลให้ดูบริเวรที่เป็นตอไม้ตอนนี้เกิดต้นอ่อนต้นเล็กๆขึ้น
วิลหันมาหาริเรียด้วยสีหน้าทึ่ง
“ ความรู้สึกของวิล เวลาถอดออกมาเป็นดนตรีมันเพราะมากเลยนะค่ะ ” ริเรียยิ้มให้
“ งั้นที่ริเรียให้ผมเรียนเวทมนตร์นี้ เพื่อคุณอย่างนั้นหรอ ” วิลตะโกนใส่
“ คือ...แบบว่า ” มีเรียไม่มีรอยยิ้มให้เห็นอีกต่อไป เพราะ สิ่งที่เธอกลัวกำลังจะเกิดขึ้นเพราะการกระทำของเธอเป็นการบังคับให้วิลทำตามที่เธอต้องการ แต่วิลกลับเดินเข้ามาแล้วยื่นมือมาให้
“ งั้นก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคู่หู ” วิลกลับเป็นฝ่ายยิ้มให้แต่แล้ว ริเรียก็กระโดดขึ้นมากอดและหอมแก้มเขา “ ขอบคุณค่ะ ” เธอตระโกนด้วยความดีใจ
วิลตกใจยังไม่ทันไรเขาก็โดนผู้หญิงจากโลกอื่นแย่งจูบไปเสียแล้ว
ความคิดเห็น