ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้ฟ้าอันดามัน

    ลำดับตอนที่ #2 : คลื่นรัก~~ลูกที่สอง [50%]

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 51



    เสียงกุกกักภายนอกกระท่อมปลุกให้หญิงสาวตื่นขึ้นมา หญิงสาวแง้มหน้าต่างดูก็พบเพียงความมืดมิด เสียงจากภายนอกดูเหมือนจะยิ่งดังขึ้น หยาดน้ำฟ้ารีบเอื้อมมือไปปลุกหญิงชราที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ

     

    ยายได้ยินเสียงอะไรไหมจ๊ะหญิงสาวหันไปถามหญิงชราเสียเบา หญิงชราไม่ตอบเพียงแต่เธอเอื้อมไปหยิบห่อผ้าที่วางไว้ใกล้ ๆหมอนของตน ก่อนจะแกะผ้าที่ห่ออยู่ออก แล้วสีแวววาวของโลหะก็ปรากฏแก่สายตาของหญิงสาว เธอร้องอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ

     

    ยาย นี่มัน...แต่ยังไม่ทันได้พูดจบ หญิงชราก็พูดให้เธอเงียบ ก่อนจะส่งสิ่งที่อยู่ภายในห่อผ้ามาให้เธอ

     

    เก็บไว้ป้องกันตัว หญิงสาวได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ถึงแม้บิดาของเธอจะเคยสอนให้เธอฝึกใช้ปืน แต่นั่นเธอก็ไม่คิดว่าจะต้องใช้มันจริง ๆ แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาทำตัวปอดแหก พ่อของเธอไม่เคยสอนให้เธออ่อนแอถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงก็ตามที เสียงดังที่ประตูกระท่อมทำให้หญิงสาวสะดุ้ง ประตูสั่นเหมือนมีคนจะพังมันเข้ามา

     

    เฮ้ย ข้างในมีคนอยู่หรือเปล่าวะเสียงของชายคนหนึ่งดังลอดประตูเข้ามา ก่อนที่มันจะเขย่าประตูอีกครั้ง ความรู้สึกกลัวเหมือนเมื่อคืนวานเริ่มเข้ามาในใจของหญิงสาวอีกครั้ง

     

    ลงไปทางนี้หญิงชรากระซิบเสียงเบา ก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างออก

     

    แล้วยาย

     

    คนที่มันต้องการคือหนูไม่ใช่ฉัน มันคงไม่ทำอะไรฉันหรอก

     

    แต่ว่า

     

    รีบไปเสียเถอะ เร็วเข้า

     

    ค่ะ ๆ หนูขอบคุณยายมาก ๆเลยนะคะ ขอบคุณจริง ๆ หนู...

     

    ดูแลตัวเองดี ๆล่ะ

     

    ค่ะ หญิงสาวกล่าวรับทั้งน้ำตา ไม่น่าเชื่อว่าหญิงชราแปลกหน้าคนนี้จะมีน้ำใจต่อเธอมากถึงขนาดนี้ ทั้งที่หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ

     

    เฮ้ย ได้ยินหรือเปล่าวะ ถ้าไม่เปิดกูจะพังเข้าไปแล้วนะเสียงที่ประตูดังขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวจึงรีบปีนออกไปทางช่องหน้าต่าง เมื่อเท้าสัมผัสถึงพื้นดินร่างบางก็เริ่มออกวิ่ง วิ่งไปในทิศทางตรงข้ามกับกระท่อมมากที่สุด

     

    ลมเย็นๆที่ค่อย ๆพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงทำให้หญิงสาวนึกถึงครั้งแรกที่ตนมาที่นี่ ท้องฟ้าเป็นสีส้มเป็นสัญญาณว่าอีกไม่นานฝนจะตก แล้วเธอก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านหลัง เธอจึงรีบวิ่งต่อเพราะกลัวพวกมันจะตามมาทัน เม็ดฝนเม็ดเล็ก ๆค่อย ๆหยดลงบนใบหน้าของเธอ ตอนนี้ทั้งน้ำฝนและหยาดเหงื่อเริ่มปนกัน หญิงสาวใช้มือปาดใบหน้าก่อนขณะที่กำลังวิ่ง แล้วเธอก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านหลัง เธอจึงรีบวิ่งต่อเพราะกลัวพวกมันจะตามมาทัน

     

    แต่แล้วก็เหมือนความฝันของเธอได้พังทลายลงเมื่อข้างหน้าของเธอเป็นทางตัน เสียงฝีเท้าเบื้องหลังดังขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวพยายามข่มความรู้สึกกลัว หยาดน้ำฟ้ากระชับกระบอกปืนในมือแน่นขึ้น ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปเผชิญกับสิ่งที่ตามเธอมา สองมือเล็ก ๆของเธอจับกระบอกปืนแน่น ก่อนที่สายตาของเธอจะเพ่งหาจุดที่เคลื่อนไหว สายฝนที่ตอนนี้ตกลงมาแรงจนบาดผิวแต่เธอกลับไม่รู้สึกถึงมัน สิ่งเดียวที่อยู่ในสมองตอนนี้คือเธอต้องจัดการกับมันให้ได้

     

    เปรี้ยง !!!

     

    พอดีกับเสียงฟ้าร้องหญิงสาวก็ลั่นไกปืนทันทีเมื่อเธอเห็นสิ่งผิดปกติหลังต้นยางต้นหนึ่ง แต่กระสุนของเธอคงพลาดเป้าเพราะไม่มีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมา หญิงสาวพยายามรวบรวมสมาธิอีกครั้ง ดูเหมือนมันจะมีแค่คนเดียวและเธอจะต้องไม่พลาด ถึงแม้มือของเธอจะเริ่มสั่นด้วยความกลัวและความเย็นของน้ำฝน แต่หญิงสาวก็บังคับตัวเองให้เข้มแข็งไว้

     

    นี่เธอ...เฮ้ยทันทีที่ได้ยินเสียงและเห็นเงาตะคุ่ม ๆหญิงสาวก็ไม่รีรอที่จะปล่อยกระสุนอีกนัดไปยังเป้าหมาย

     

    ใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะเมื่อรู้สึกว่ากระสุนจะโดนเป้าหมายสาวจึงลองหยั่งเชิงดู ก่อนที่จะทำใจกล้าเดินเข้าไปหา


    ว้ายโดนที่ไม่ทันได้ระวังตัว เธอก็ถูกปลดอาวุธโดนมือหนา อาวุธของเธอกระเด็นลงสู่พงหญ้าเบื้องล่าง หญิงสาวพยายามจะก้มลงเก็บแต่ก็ถูกรั้งตัวไว้ไม่ให้ขยับ ถึงแม้เธอจะพยายามดิ้นรนแค่ไหนก็ตาม

     

    นี่เธอกะจะฆ่ากันเลยหรือไงเสียงทุ้มดังขึ้นอย่างหงุดหงิด ก่อนจะรั้งตัวหญิงสาวให้ใกล้ตัวเขามากขึ้น

     

    คุณ !!!” น้ำเสียงที่ทำให้เธอรู้สึกกลัวที่ฟังคุ้น ๆ ทำให้หญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนที่สายตาคม ๆที่ส่งกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจไปได้มาก

     

    เหอะ สมองช้าจริงนะ

     

    คุณนี่มัน... แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดจบเธอก็ถูกเขาปิดปากไว้เสียก่อน ฟ้าแลบสะท้อนให้เห็นเงาของคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ห่างจากทั้งคู่ออกไปไม่ไกล ร่างสูงคว้ามือของหญิงสาวแล้วเริ่มออกวิ่ง

     

    เฮ้ย พวกมันอยู่นั่น

     

    แสงฟ้าแลบก็ทำให้พวกนั้นเห็นเธอและเขาเช่นกัน ร่างหลายสิบของชายฉกรรจ์จึงออกตามพวกเขาไปอย่างติด ๆ

     

    นายฉันไม่ไหวแล้ว ร่างบางที่เริ่มหมดแรงบ่นออกมา ก่อนที่เธอจะชะลอความเร็ว แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมแม้แต่ให้เธอหยุดพัก เขาเริ่มลากเธอออกวิ่งอีกครั้งโดยไม่สนใจว่าหญิงสาวจะเหนื่อยแค่ไหน

     

    ภาคินพาหญิงสาววิ่งเรื่อย ๆ ถึงแม้ร่างบางจะแทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้ว แต่ด้วยความชำนาญในเส้นทางของชายหนุ่มทำให้พวกเขาหลุดออกมาจากสวนและไปถึงรถของเขาที่จอดเอาไว้อย่างปลอดภัย เข้ารีบผลักร่างบางเข้าไปในรถ ก่อนจะรีบขึ้นด้านคนขับและออกรถไปอย่างรวดเร็ว

     

    โถ่เว้ย เกือบไปแล้วเชียวเสียงของไอ้ว่องสบถออกมาอย่างอารมณ์เสียก่อนที่มันจะระบายอารมณ์โดยการกระทืบลูกน้องของมัน

     

     

    ร่างบางยังคงนั่งหอบในรถอย่างหมดแรง หญิงสาวมองหน้าตัวเองในกระจกที่สะท้อนจากแสงฟ้าแลบ ผมเผ้าและเสื้อผ้าที่เปียกแฉะเหมือนลูกหมาตกน้ำของเธอเห็นแล้วมันช่างรันทดใจยิ่งนัก ภาพยังคงสะท้อนไปถึงผู้ชายอีกคนที่กำลังขับรถอยู่ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม ตั้งแต่ขึ้นรถมาเขายังไม่เอ่ยปากพูดอะไรกับเธอซักคำ ถึงแม้เธอจะไม่ชอบเขาเท่าไหร่นัก แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ ว่าถ้าไม่ได้เขาช่วย เธอก็อาจจะไม่รอดมือของไอ้พวกนั้นก็เป็นได้

    นี่คุณหญิงสาวพุดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบมีเพียงเสียงน้ำฝนที่หยดลงบนกระจกเท่านั้น ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่ตอบแต่เธอก็เดาว่าเขาคงจะกำลังฟังอยู่

     

    ขอบคุณนะคะหญิงสาวกล่าวด้วยความรู้สึกจากใจ ถึงแม้จะรู้สึกขัดเขินอยู่บ้างตาม ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆจากชายหนุ่ม มีเพียงเสียงสายฝนเท่านั้น แต่หยาดน้ำฟ้าก็รู้สึกได้ว่าเขาคงรับคำขอบคุณของเธอไปแล้ว ก่อนที่หญิงสาวจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

     

     

     

    เสียงเปิดประตูปลุกให้หยาดน้ำฟ้าตื่นขึ้นมา หญิงสาวค่อย ๆลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เธอมองเห็นคือใบหน้าเรียวของเด็กสาวผิวคล้ำ ดวงตาโตคนหนึ่ง

     

    ว้าย !!! $%^&*())” เมื่อเด็กสาวคนนั้นเห็นว่าเธอตื่นแล้ว ก็ทำทางตกอกตกใจวิ่งไปนอกห้องพร้อมส่งเสียงเอะอะโวยวายเป็นภาษาที่เธอฟังไม่รู้เรื่องเหมือนว่าบ้านเกิดไฟไหม้ หยาดน้ำฟ้าลุกขึ้นนั่งก่อนมองท่าทางของเด็กสาวคนนั้นอย่างงง ๆ ปนขำ ๆ

     

    สักพักผู้หญิงในชุดสาวใช้ประมาณ 4-5 คนก็วิ่งมากรูกันที่ประตูห้องแต่ไม่ยอมเดินเข้ามา หญิงสาวได้แต่นั่งมองพวกหล่อนอย่างงง ๆ

     

    เอ่อ ไม่ทราบว่าที่นี่ที่ไหนหรือจ๊ะหญิงสาวเอ่ยถามพร้อมยิ้มไปให้กลุ่มสาวใช้ที่ยืนมองดูเธอเหมือนเธอเป็นสัตว์ประหลาด

     

    บ้านนาคารักษ์ค่ะ สาวใช้ที่ยืนหน้าสุดตอบเธอมาด้วยสำเนียงภาษาใต้ ดวงตากลมโตมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลก ๆแต่ก็ไม่ใช่รังเกียจ

     

    บ้านนาคารักษ์หญิงสาวพูดทวนอย่างงง ๆ แล้วบ้านนาคารักษ์นี่มันที่ไหนกันนะ หญิงสาวคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ ก่อนที่ใบหน้าเข้ม ๆของใครคนหนึ่งจะปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ

     

    อ้อ แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะจ๊ะ ที่พาฉันมาน่ะ คนที่สูง ๆ ผิวคล้ำ ๆ

     

    นายหัวหรือหนึ่งในบรรดาสาวใช้กล่าวขึ้น

     

    นายหัวอย่างนั้นหรือ


    ถ้าคุณหมายถึงนายหัวภาคินล่ะก็ตอนนี้เธอออกไปทำงานเสียงสำเนียงภาคกลางชัดแจ๋วดังมาจากข้างหลังของกลุ่มสาวใช้ที่ตอนนี้แต่ละคนหน้าซีดลงอย่างที่หญิงสาวไม่ทราบสาเหตุ แต่แน่นอนว่าพวกเธอเหล่านั้นรู้ถึงสาเหตุดี

     

    คุณนมนิ่ม!!!” สาวใช้อุทานออกมาเบา ๆ ก่อนที่ทุกคนจำทำท่าเหมือนจะรีบไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

     

    พวกเธอทุกคนหยุดอยู่กับที่เลยนะคุณนมนิ่มของพวกหล่อนพูดเสียงดังฟังชัด สิ่งดูเหมือนคำพูดของเธอจะเป็นคำประกาศิต เพราะเมื่อสิ้นคำพูดของเธอแล้วก็ไม่มีใครคนไหนขยับเขยื้อนแม้แต่หญิงสาวที่นั่งมองเหตุการณ์เบื้องหน้าอย่างงง ๆ

     

    แล้วคุณนมนิ่มก็เริ่มเทศนาพวกสาวใช้ยาวเหยียด แม้แต่หญิงสาวที่ไม่ได้ถูกว่ายังรู้สึกว่าหูของตนก็เริ่มชาแล้ว เป็นเวลากว่าสิบนาทีที่คุณนมนิ่มเทศนาพวกหล่อน ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปทำงานของพวกเธอด้วยหน้าตาท่าทางจ๋อยสนิท

     

    แล้วคุณนมนิ่มก็เริ่มเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นหญิงสาวที่นั่งมองเธอตาแป๋ว เธอค่อย ๆเดินเข้ามาที่เตียงที่หญิงสาวนั่งอยู่ ก่อนจะหยุดยืนมองอย่างพิจารณา

     

    แล้วเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แล้วเกี่ยวข้องกับนายหัวภาคินยังไงเจอคำถามแบบนี้เข้าไปหญิงสาวถึงกับพูดไม่ออก แต่เธอก็พยายามรวบรวมสติเท่าที่มีตอบคำถามคุณนมนิ่มไป

     

    เอ่อ คือ คุณพ่อกับคุณแม่ของหนูท่านเสียแล้วทั้งคู่ค่ะ ส่วนนายหัวภาคิน คุณคงจะหมายถึงผู้ชายที่พาหนูมาที่นี่ หนูกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันหรอกค่ะ แค่รู้จักกันที่สวนเท่านั้นเอง

     

    โกหก คุณหนูไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้าน บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้ หรือว่าเธอท้อง...

     

    มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ หนูกับเขาไม่ได้มีอะไรกันจริง ๆค่ะหญิงสาวรีบเบรกความคิดของคุณนมนิ่มเมื่อเธอเห็นว่ามันยิ่งฟังดูเลวร้ายขึ้นไปทุกที เธอกับเขาเพิ่งจะเคยพบกันไม่กี่ครั้ง แล้วอีกอย่างหน้าของเธอเขายังไม่อยากจะมองเสียด้วยซ้ำ

     

    แล้วทำไม

     

    หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ถ้าคุณอยากรู้คุณก็ควรไปถามเขาเองดีกว่านะคะ หญิงสาวพยายามพูดให้คุณนมนิ่มใจเย็นลง แต่ดูเหมือนผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เมื่อคุณนมนิ่มกลับทำหน้าไม่พอใจแล้วเดินออกไปจากห้องทันที

     เอามาแปะไว้แค่นี้ก่อนนะคะ พอดีว่าวันนี้ไปสอบสัมภาษณ์มา แล้วดันตากฝน คาดว่าหวัดคงกินแน่เลย

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    มาทีละนิดค่ะ ช่วงนี้ต้องไปที่มหา'ลัยเกือบทุกวันเลย เลยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่

    แต่ถ้าใครคิดว่ามาลงแค่นี้อย่าลงเลยดีกว่า รอจบทั้งตอนแล้วค่อยลง ก็บอกนะคะ  ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×