คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 . {re-write}
Chapter: 5
‘เหงา’คำจำกัดความที่ฮยอกแจอยากจะเขียนมันลงไปบนหน้าเค้กแล้วจัดการโปะเค้กก้อนโตใส่หน้าเจ้าตัวการที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้
จริงๆช่วงนี้ที่มีเด็กพาร์ทไทม์อย่างแดเนียลเข้ามาช่วยเข้ามาชวนคุยมันก็คลายเหงาไปบ้าง
แต่นั่นมันก็แค่ช่วงเย็นหลังเลิกเรียน เวลากลางวันแบบนี้ถ้าเขาไม่นั่งทำเค้กก็ต้องนั่งคิดสูตรอะไรใหม่ๆเพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่าน
“เฮ้ออ”ฮยอกแจเปิดมือถือมาดูข้อความส่งเข้าแล้วนั่งถอนหายใจอยู่หลายครั้ง
จนตอนนี้ไม่มีไลน์จากทงเฮมาสักข้อความ ไม่ว่างเพราะงานจริงๆ
หรือไปยุ่งเพราะมีคนอื่นรอบๆตัวกันแน่?
“เฮ้ย ฮยอกแจ เป็นอะไรน่ะ
ฉันเข้าร้านมาเห็นกันไหมเนี้ย”เสียงลูกค้ารายประจำที่วันนี้ใส่ชุดเสื้อยืดสีบานเย็นตัดกับกางเกงขาเดฟสีแดงเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
“อ้าว
พี่ฮีชอล หายไปนานเลยนะครับ มานานรึยัง?”ฮยอกแจทักทายคนมาใหม่ด้วยท่าทางที่พยายามปั้นแต่งให้ดูร่าเริง
แต่ฮีชอลเองก็พอจะจับสังเกตได้ว่าเจ้าตัวดูหงอยกว่าปกติ
“ประมาณห้านาทีได้แล้วนะ นี่จะใจลอยไปถึงไหนเนี้ย”
“เปล่าหรอกพี่ พอดีช่วงนี้มีเรื่องให้คิดนิดนึง”
“ไม่ต้องบอกพี่ก็พอเดาออก เรื่องของทงเฮอีกอ่ะสิ
ทำไมล่ะ? คราวนี้มีใครมายุ่งกับเจ้านั่นอีกเหรอ
หรือว่าทะเลาะอะไรกัน?”ฮีชอลถามอย่างรู้ทัน
ยิ่งเห็นฮยอกแจทำหน้าตกใจเพราะพูดตรงจุดร่างโปร่งก็ระเบิดเสียงหัวเราะ
“เปล่านะพี่ ผมกับทงเฮไม่ได้ทะเลาะกัน”
“ถ้างั้นก็เรื่องสาวๆมายุ่งกับหมอนั่นอีกอ่ะดิ?”
“ไม่เกี่ยวซะหน่อยพี่
ผมไม่ได้คิดมากเรื่องของทงเฮจริงๆพี่”ฮยอกแจโกหกคำโต
“ให้มันแน่เถอะ สมัยตอนที่คบกัน
แกก็หงอยอย่างนี้ตอนมีข่าวลือว่าทงเฮไปมีกิ๊ก ฉันจำได้”
“ตอนนี้ไม่ได้คบกันแล้วไงพี่”
“เฮ้อ
เบื่อจริง”
“โธ่..พี่ฮีชอลครับ
ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ผมทำกาแฟให้พี่กินดีกว่าเนอะ
วันนี้คาปูร้อนเหมือนเดิมไหมครับ?”ฮยอกแจเปลี่ยนเรื่อง
“เอาเถอะ ไม่อยากพูดพี่ก็จะไม่เซ้าซี้ วันนี้ขอเป็นคาปูเย็นละกัน
อากาศมันร้อนๆ
ใกล้จะเข้าหน้าร้อนแล้วสินะ”ฮีชอลว่าพลางทำท่าพัดมือไปมาแล้วเดินไปนั่งรอที่โต๊ะประจำ
ส่วนด้านฮยอกแจก็รีบชงกาแฟทันที เขาต้องพยายามไล่ความคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับทงเฮออกให้หมด
รู้สึกผิดกับตัวเองที่เอาแต่คิดเรื่องทงเฮซ้ำๆจนทำให้เผลอละเลยหน้าที่ตัวเองไปหมด
“นี่ครับ
คาปูชิโนเย็น”ฮยอกแจเอ่ยพร้อมวางแก้วกาแฟพันกระดาษที่มีสัญลักษณ์ของร้านลงบนโต๊ะที่ฮีชอลนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่
เรียวมือสวยคว้าข้อมือบางของคนเป็นน้องเอาไว้แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้ฮยอกแจสะอึก
“ของสำคัญบางอย่าง คนสำคัญบางคน มันอาจจะอยู่ใกล้ตัวเรามากเกินไปจนเราเผลอมองข้าม
แต่ถ้าหากวันนึงเราเสียมันไปขึ้นมา เราจะเสียใจมากเลยนะถ้าเรามองย้อนกลับไปแล้วรู้ตัวทีหลังว่าเราไม่เคยพยายามรักษาของสิ่งนั้นเอาไว้เลย”
เหงา..เพราะคิดถึงทงเฮ..
“พี่ฮยอกแจ วันนี้พี่ท่าทางไม่ดีจริงๆนะ
มากกว่าวันก่อนๆด้วย”แดเนียลที่กำลังยืนเช็ดถ้วยกาแฟอยู่เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
เห็นอาการของเจ้านายในหน้าที่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามไถ่ ตั้งแต่เขาเข้ามาในร้านวันนี้
ฮยอกแจก็เพิ่งพูดคัยกับเขาไปไม่ถึงห้าประโยค ยิ่งวันนี้ซองมินไม่ได้เข้าร้าน
บรรยากาศร้านเลยเงียบกว่าปกติเข้าไปใหญ่
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆแดเนียล”ฮยอกแจส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนแรง
หลังจากได้ฟังประโยคจากฮีชอล ฮยอกแจก็รีบกดส่งข้อความไปหาทงเฮตั้งแต่บ่าย นี่ก็เลยเวลาเลิกเรียนจนเด็กชมรมเริ่มจะกลับกันแล้วก็ยังไม่เห็นมีวี่แววทงเฮโผล่มาเลยสักนิด
หรือจะไม่ได้เปิดไลน์กันนะ?
“พี่รอใครอยู่รึเปล่าครับ? แฟนเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก พี่ไม่มีแฟน ไม่ได้รอใครอยู่ด้วย”ฮยอกแจคลี่ยิ้มบางๆให้แดเนียลเห็น
แต่สำหรับคนมองแล้วมันเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนใจมากเลยทีเดียว
“จริงเหรอพี่ ผมว่าไม่ใช่นะ
อาการพี่มันโคตรฟ้องเลย ทะเลาะกับแฟนเหรอพี่”
“จริงสิ พี่บอกแล้วไงว่าไม่มีแฟน พี่เลิกกับแฟนคนเก่าไปนานแล้ว”
“งั้น
ถ้าผมจะจีบพี่ก็ได้ใช่ไหม”คำถามทีเล่นทีจริงของแดเนียลทำให้ฮยอกแจอมยิ้มแล้วตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก
“ก็จีบอยู่ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้วนี่”
“โหยยย รู้ทันกันตั้งแต่วันแรกเลยเหรอ”แดเนียลโอดครวญเมื่อถูกคนโตกว่ารู้ทัน
แต่เมื่อหางตาเหลือบไปมองเห็นคนที่เดินเข้ามาใหม่แล้วก็ต้องรีบหยุดเล่น
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ^^”แดเนียลฉีกยิ้มกว้างให้ลูกค้าที่มาใหม่
“อะ..อ้าว..ทงเฮ”ฮยอกแจหันไปมองผู้มาใหม่แล้วก็ต้องตกใจ
ร่องรอยที่บ่งบอกว่าคนตรงหน้าคงอดนอนมาหลายคืนทำให้คนตัวเล็กอดสงสารไม่ได้
ใบหน้าอิดโรยแถมใต้ตาหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัด
“เด็กใหม่เหรอ”คำถามเรียบๆของทงเฮทำให้แดเนียลรีบยิ้มรับ
“ครับ ผมคังแดเนียลครับ
อ่า..คุณเป็น..อาจารย์ที่โรงเรียนตรงนี้ใช่ไหมครับ? ผมเพิ่งกลับจากแลกเปลี่ยน รู้สึกคุ้นๆหน้าคุณ”
“อื้ม สอนชั้นปีเดียวกับนายนั่นแหละ
นายคงได้เรียนกับอาจารย์ยุนอาล่ะมั้ง”ทงเฮตอบกลับพลางยกยิ้มมุมปากอย่างเหนื่อยๆ
ร่างสูงเดินไปวางกองเอกสารที่โต๊ะด้านในก่อนเดินกลับมาหาฮยอกแจ
“เอากาแฟ..เหมือนเดิม”แววตาว่างเปล่าของทงเฮทำให้ฮยอกแจรู้สึกวูบโหวงในอก
แม้น้ำเสียงไม่ได้ดูแข็งกระด้าง แต่ฮยอกแจรู้ดีว่าทงเฮกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่
ทำไมล่ะ? เขาทำอะไรผิดงั้นเหรอ?
“อื้อ ไปนั่งรอก่อนนะ ทำงานเหนื่อยเหรอช่วงนี้”
“อื้ม งานเร่งเยอะน่ะ”
“อื้อ งั้น เดี๋ยววันนี้ใป้ฉันไปส่งที่บ้านนะ”ฮยอกแจเสนอพร้อมยื่นแก้วกาแฟร้อนให้ทงเฮ
มือหนารับแก้วกาแฟไปแล้วอมยิ้มบางๆ
“ไม่ต้องหรอก เสียเวลานาย วันนี้หน้าซีดๆอยู่ด้วย
รีบกลับไปนอนเถอะ”
“ว่าแต่ฉันตัวเองก็ไม่ได้ต่างไปจากฉันเท่าไรหรอก..
ถ้างั้นไปนอนบ้านฉันแทนก็ได้ ใกล้ด้วย”
“อื้มมม อย่างนั้นก็ได้”
“แต่ถ้าไม่อยากไปก็ไม่บังคับนะ”
“ไปสิ ดีออก ไม่ใกล้ด้วย”ทงเฮยิ้มรับแล้วหันหลังเดินไปนั่งที่โต๊ะ
ก่อนจะนั่งตรวจรายงานที่เด็กห้องท้ายเพิ่งมาส่งเอาตอนเย็น
“เอ้อออ..พี่ฮยอกแจ วันนี้ผมขอกลับเร็วหน่อยนะพี่
เพิ่งนึกได้ว่าพรุ่งนี้สอบน่ะ”
“อ้าว เหรอ? ช่วยพี่อีกหน่อยได้ไหม
ไปกวาดร้านเก็บป้ายหน้าร้านมาก็ได้ วันนี้คงไม่มีใครมาแล้วล่ะมั้ง
ลูกค้าดูเงียบๆด้วย”
“โอเคครับพี่ ^^”
“อื้มม
งั้นเดี๋ยวพี่ล้างเครื่องล่ะ”ฮยอกแจยิ้มบางๆแล้วเริ่มจัดการเคลียร์เค้าเตอร์กาแฟที่มีร่องรอยหกของผงกาแฟอยู่ประปราย
เหลือหน้าที่ไม่กี่อย่างที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย ฮยอกแจถอนหายใจเบาๆเมื่อเหลือบไปเห็นแผ่นหลังกว้างของทงเฮ
แปลกจริงๆนั่นแหละ ปกติทงเฮไม่เคยนั่งหันหลังให้เขาแบบนี้
แม้เสียงเพลงที่เปิดในร้านจะดังคลอๆชวนให้อารมณ์ดี
แต่ฮยอกแจกลับรู้สึกอึดอัดเพิ่มขึ้นหลายเท่าเมื่อแดเนียลขอตัวกลับบ้านไปก่อน
มีเพียงเสียงฝีเท้าของฮยอกแจที่เดินไปทั่วร้านตรวจตราความเรียบร้อย
กับเสียงนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆของทงเฮ
ทงเฮกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
“ไปกันเถอะทงเฮ
เก็บร้านเสร็จแล้ว”ฮยอกแจหันมาชวนพร้อมกับถอดผ้ากันเปื้อนที่เอวไปแขวน ทงเฮเงยหน้าขึ้นจากกระดาษแล้วมองนิ่ง
“....”ฮยอกแจเงียบ
“....”ทงเฮก็เงียบ
“โอเค เก็บของเสร็จแล้ว งั้นไปกันเถอะ”ทงเฮเอ่ยพลางรวบกองเอกสารแล้วลุกขึ้นยืน
ใช้สะโพกดันเก้าอี้ให้กลับเข้าที่แล้วเดินเข้าไปใกล้ร่างบางที่ยังคงยืนนิ่ง
“...”
“เป็นอะไรฮยอกแจ กับบ้านกันเถอะ วันนี้นายเหนื่อยแล้วนะ”
“ยังไม่อยากกลับ”
“โกรธอะไรฉันเหรอ?”
“...”
“ขอโทษ”แม้ไม่รู้ว่าสาเหตุคืออะไรแต่ทงเฮก็เลือกที่จะเอ่ยขอโทษออกมาก่อนเพื่อทำลายความเงียบ
สีหน้าท่าทางของฮยอกแจมันดูแย่มาก เหมือนเจ้าตัวกำลังตำหนิเขาอยู่ผ่านสายตานั่น
“ก่อนจะขอโทษรู้รึยังว่าโกรธเรื่องอะไร?”ฮยอกแจเอ่ยถาม
“...”
“ก่อนจะถามฉันว่าโกรธเพราะอะไร
ลองถามตัวเองดีๆก่อนดีกว่าไหมว่าตลอดเวลาที่หายไปได้ใส่ใจอะไรกันบ้างรึเปล่า”
“ขอโทษ ... แต่ฉันงานยุ่งจริงๆ”
“ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบให้หายไปดื้อๆ
ถ้าติดอะไรก็ควรบอกกันบ้าง”
“...”ทงเฮนิ่ง ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารู้ดีว่าตอนนี้ฮยอกแจกำลังไม่พอใจ
เขาเองก็กำลังหงุดหงิด หากคุยกันไปคงมีแต่อารมณ์เสียใส่กัน
ร่างโปร่งใช้มือซ้ายที่ว่างดึงข้อมือฮยอกแจให้เดินตามไป
แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ปฏิเสธผ่านการกระทำ แต่สีหน้าที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบใจก็ทำให้ทงเฮเลือกที่จะปล่อยมือจากข้อมือบาง
“ชอบเด็กคนนั้นเหรอ”ประโยคสั้นๆที่เอ่ยถามทันทีที่ถึงบ้าน
ฮยอกแจชะงักไปเล็กน้อยเมื่อจู่ๆทงเฮก็เลือกที่จะเปิดบทสนทนาด้วยเรื่องของแดเนียล
“อะไรทำให้คิดว่าฉันชอบเขา?”
“ก็ทั้งๆที่รู้ว่ามันมาจีบ แต่ทำไมยังทำตัวสนิทกับมัน”ทงเฮถามเสียงขุ่น เขากำลังพาลไม่พอใจใส่คนตัวเล็ก
จริงๆก็หงุดหงิดตั้งแต่คยูฮยอนมาเล่าเรื่องแดเนียลให้ฟัง
แต่พอมาเจอหน้าจริงๆก็ยิ่งหงุดหงิดไปใหญ่
“แดเนียลมาจีบฉัน แล้วจำเป็นไหมที่ฉันต้องชอบเขา”
“ทำงานด้วยกันทุกวัน ใกล้ชิดกว่าฉัน ยิ่งเด็กกว่าแบบนั้นก็คงจะจีบเก่งกว่า”
“แล้วทีกับนายล่ะ
อาจารย์ผู้หญิงรอบๆตัวนายเองก็เจอทุกวันๆ นายก็ชอบใช่ไหม?”ฮยอกแจประชดกลับด้วยอารมณ์น้อยใจไม่ต่างกัน
มันอดจะน้อยใจไม่ได้จริงๆแหละ คิดจะหายไปหายแบบไม่ติดต่อ
พอกลับมาก็ดันมาชวนทะเลาะแบบนี้ ใครไม่น้อยใจสิแปลก
“ไปฟังอะไรจากคนอื่นมาเหรอ
บอกแล้วไงมีอะไรให้ถามฉัน”
“แล้วยังไง? นายว่างพอให้ฉันถามเหรอ?”
“แต่อย่างน้อยถ้านายสงสัยอะไรถามฉัน
รู้จากปากฉันมันก็น่าจะดีกว่าที่ได้ยินมาจากคนอื่น มันไม่แฟร์ต่อฉันเลยไม่ใช่เหรอ”ร่างโปร่งเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง ทุกประโยค ทุกคำพูดล้วนแต่แฝงความน้อยใจให้คนฟังรับรู้
“แล้วที่โกรธเรื่องแดเนียลแล้วทำไมไม่ถามกันตรงๆแต่แรกบ้างล่ะ? มือถือก็มีไม่ใช่เหรอ ไลน์ก็ตอบได้ไม่ใช่รึไง?”
“ก็แล้วทำไมต้องรับเด็กนั่นเข้าทำงาน ดูแปปเดียวก็รู้ว่ามันจีบอยู่
แล้วยังจะปล่อยให้มีโอกาสอยู่กันสองต่อสอง มันไม่โอเคไหม?”
“แล้วนายมีสิทธิ์อะไรมาบ่นฉัน? ฉันจะทำอะไรมันก็สิทธิของฉันไม่ใช่เหรอ?”คำถามจี้ใจดำทำให้ทงเฮเงียบลง
“... ใช่.. “
“นายก็รู้ความจริงข้อนี้ดีไม่ใช่เหรอทงเฮ เราเลิกกันแล้ว .. เรา ไม่ใช่แฟนกันแล้วไง แล้วนายจะมาทำหวงทำหึงอะไรฉันแบบนี้ทำไม แบบนี้มันก็ไม่แฟร์กับฉันเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“ทำไมชอบอ้างว่าเลิกกันแล้ว เป็นแค่แฟนเก่า
หรืออะไรเทือกๆนี้ล่ะ? ก็คนที่บอกเลิกมันไม่ใช่นายเหรอฮยอกแจ””
“เออ ก็ใช่ไง นายก็จำได้ว่าฉันเป็นคนบอกเลิก
ก็แปลว่าฉันไม่อยากให้นายมายุ่ง มาหวงฉันแบบนี้นี่ไง ต้องบอกกี่ทีว่าเราไม่ใช่แฟนกันแล้ว”
“ฮยอกแจ..จำที่เราตกลงกันไม่ได้เหรอ?”ทงเฮที่รู้ว่าฮยอกแจกำลังอารมณ์ร้อนจึงเลือกเป็นฝ่ายนิ่งลง
เขาใช้น้ำเสียงเย็นๆพูดเพื่อสงบสติคนตัวเล็ก
“สัญญาบ้าบออะไรนั่นน่ะเหรอ
นายเองก็ทำท่าอยากจะขอยกเลิกมันอยู่แล้วนี่ จริงๆถ้านายไม่โอเค อึดอัด
อยากจะมีคนอื่น ก็บอกกันตรงๆเลยดีกว่า อย่ามาชวนทะเลาะแบบนี้เลย”
“ไม่ ฮยอกแจใจเย็นๆก่อน ใช้เหตุผลคุยกันดีๆ
อย่าใช้อารมณ์”
“....”
“เราตกลงกันแล้ว สัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอ
ว่าเราจะไม่มีคนอื่น เราจะดูแลกันและกัน ถึงแม้จะไม่ใช่สถานะแฟน แต่จริงๆมันก็เหมือนแฟนไม่ใช่เหรอ
จะให้ยกเลิกไปได้ไง”
“จริงๆฉันก็คิดนะว่าสัญญาที่ให้นายไว้มันสำคัญ
แต่จริงๆแล้วคนที่ไม่รักษาใจกันเลยคือนายไม่ใช่เหรอ
นายปล่อยให้ฉันต้องรอกี่วันแล้ว หายไปเป็นอาทิตย์ๆแล้ว
แบบนี้เนี้ยนะที่เรียกว่าดูแลกัน”
“ก็ฉันมีงานนี่..”
“งาน งาน งาน นายอ้างแต่งานมาตลอดกี่ครั้งๆ
ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยงี่เง่าใส่นายเลยสักครั้งนะ
แต่ครั้งนี้ฉันบอกตรงๆว่าฉันไม่รู้จริงๆว่านายแค่อ้างงาน
แล้วเอาเวลาไปอยู่กับอาจารย์ฮโยริน อาจารย์ยุนอาแบบที่ใครๆเขาพูดกันรึเปล่า
นายลองเป็นฉันสิ เป็นคนนอกที่ไม่รู้อะไรเลย นายเองก็ไม่ติดต่อมาเลย
ฉันจะรู้ได้ไงอะ ทุกวันนี้ฉันต้องเดาทุกอย่างคนเดียวตลอดเลย”
“ฮยอกแจ ฉันขอโทษ”
“เราไม่เข้าใจว่ะทงเฮ เราไม่เข้าใจจริงๆ
เราไม่รู้เลยว่าตอนนี้เรายืนอยู่ตรงไหน เป็นอะไรในชีวิตทงเฮ
เราไม่รู้เลยว่าตัวเองมีสิทธิทำอะไร ไม่มีสิทธิทำอะไร เรา...เราไม่รู้เลยจริงๆว่ะ”ฮยอกแจเอ่ยเสียงสั่น
เขาพยายามกลั้นก้อนสะอื้นที่มันจุกคอ
ขอบตามันร้อนผ่าวอยากจะร้องไห้แต่ก็ต้องกลั้นไว้
“ฮยอกแจ
ฟังกันหน่อยนะครับ ทงเฮขอโทษนะที่หายไปไม่ได้ติดต่อมา งานมันยุ่ง
แล้วฉันก็เผลอละเลยมือถือไป นายก็รู้ว่าฉันไม่ติดมือถือ”
“แต่นาย..ก็ควรคิดถึงกันบ้างไม่ใช่เหรอ”
“อืม...ฉันเผลอละเลยไป
ขอโทษนะ”ทงเฮพูดพลางเลื่อนมือไปกุมมือเล็กเอาไว้แล้วบีบเบาๆ
ความรู้สึกผิดต่างๆมันโถมเข้ามาใส่ ยิ่งเห็นไหล่บางสั่นเทิ้มก็ยิ่งรู้สึกแย่
ร่างโปร่งดึงอีกคนเข้ามากอดเอาไว้แน่น
“เรื่องแดเนียล
ฉันเองก็ขอโทษนะทงเฮ”ฮยอกแจเอ่ยพลางเลื่อนมือขึ้นโอบแผ่นหลังแกร่ง
“จริงๆฉันก็ใจร้อนไปเองนั่นแหละ
แค่เห็นสายตาที่ไอ้เด็กนั่นมองนายฉันก็หงุดหงิดแล้วอะ ไม่ชอบเลยว่ะเวลามีคนอื่นมามองนาย
แล้วไหนจะต้องมาทนเห็นนายทำงานกับมันสองต่อสองอีก โคตรแย่เลย”
“มันก็ความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่ฉันเห็นผู้หญิงมามองนายนั่นแหละ
ยิ่งกับอาจารย์ยุนอาฉันรู้สึกเหมือนทำอะไรไม่ได้เลย
ได้แต่มองแล้วก็คิดว่ามันเป็นงาน”
“ขอโทษนะ
ที่ทำให้คิดมาก กับอาจารย์ยุนอามันไม่มีอะไรเลยจริงๆ
เราสองคนเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน เขาไม่ได้ชอบเราหรอก”
“แล้วอาจารย์ฮโยรินล่ะ”
“อ่า...”ทงเฮอึกอัก
“เขาชอบทงเฮใช่ไหม?”
“อื้มม
ก็คงอย่างนั้นแหละ
เอาข้าวกล่องมาให้ทุกวันเลย”ทงเฮเผลยิ้มเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิด
เห็นดังนั้นฮยอกแจจึงมองค้อนควับ
“เห็นไหม
แบบนี้จะบอกว่าเราคิดมากไปคนเดียวไม่ได้แล้วนะ”ฮยอกแจพูดอย่างคนจับผิด ทงเฮจึงเลื่อนมือขึ้นเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากแทนการปลอบโยน
“เขาชอบเรา
แต่เราไม่ชอบเขา เราปฏิเสธข้าวกล่องทุกวันเลยนะ”
“แล้วเขายอม?”
“ไม่อะ
5555”ทงเฮหัวเราะร่วนนั่นยิ่งทำให้ฮยอกแจหน้างอ
เห็นดังนั้นทงเฮจึงเลื่อนมือไปดึงแก้มนิ่มเล่นเบาๆ “เขาไม่ยอมให้เราปฏิเสธ
แต่ก็ใช่ว่าเราจะเป็นคนกินเองนี่ เราก็เอาไปแบ่งให้นักเรียนบ้าง
เอาไปให้คนอื่นบ้างตลอด”
“แล้วเขาไม่โกรธ?”
“ก็เห็นแหละว่าเขาไม่พอใจ
แต่ก็ไมได้แคร์ไหมล่ะ เพราะขืนฉันรับมากินเองทุกวันๆ เขาก็คงไม่ถอดใจสักที
ทำแบบนี้เขาจะได้เลิกเอามาให้”
“ร้ายนะ”
“ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็จะกลายเป็นคนใจร้ายกับนายไง”ทงเฮเอ่ยพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย
ฮยอกแจเห็นดังนั้นจึงเบี่ยงหน้าหลบพลางใช้มือดันหน้าเขาเอาไว้
“จะทำอะไร”
“อยากหอมแก้ม”
“ไม่ต้องเลยนะ
บอกแล้วไงว่าห้าม นายไม่ใช่แฟนฉันสักหน่อย
จะมาลวนลามกันได้ไง”ฮยอกแจลอยหน้าลอยตาเอ่ย
“ใช่เหรอ
ปกติก็หอมได้นี่นา.. ทำไมครับ ตอนนี้เล่นตัวแล้วเหรอ
หื้มมม”ทงเฮเอ่ยพลางใช้สองแขนรั้งเอวบางเข้ามากอดแน่น
ปลายจมูกโด่งกดเข้ากับแก้มนิ่มซ้ายขวา
ยิ่งฮยอกแจดิ้นหนีก็ยิ่งแกล้งหอมซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
“ฮื้อออ
อย่าแกล้ง”
“ไม่ได้แกล้งซะหน่อย”
“พอแล้ว
พอออ”ฮยอกแจโวยวายสองมือก็พยายามดันอีกคนออก แต่ทงเฮก็รวบสองแขนเอาไว้อย่างง่ายดาย
“ขี้โกง”
“ไม่ได้โกงซะหน่อย
เรียกว่าทันกันดีกว่า”ทงเฮยกยิ้มเจ้าเล่ห์
เห็นฮยอกแจในโหมดงอแงเป็นเด็กๆแล้วก็รู้สึกอยากแกล้ง
ถึงเจ้าตัวจะแสร้งทำเป็นผู้ใหญ่มากแค่ไหน เวลาโกรธหรืองอนก็จะกลายเป็นเด็กน้อยสำหรับเขาไปเสียทุกที
“นี่
.. ฮยอกแจ”
“หื้ม?”
“ถ้าตอนนี้เราหวงกัน
หึงกันไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นแฟนกัน งั้น ...”
“คำตอบก็ยังเหมือนเดิมทุกครั้งนั่นแหละทงเฮ
ไม่ต้องถามต่อหรอก”ฮยอกแจเอ่ยตัดบทก่อนที่ทงเฮจะได้เอื้อนเอ่ยอะไรต่อ
“ทำไมล่ะ?
ฉันไม่เคยเขาใจเลย ว่าทำไมนายถึงปฏิเสธ”
“เรามีเหตุผลของเรา”ฮยอกแจตอบเรียบๆพลางเบือนสายตาหนีอีกคนที่พยายามจับผิดเขาโดยการจ้องไม่วางตา
“ถ้าเรายังตื้อ
มันแปลว่าเราเซ้าซี้ใช่ปะ”ทงเฮเอ่ยถาม
“อื้ม
ก็ใช่”ฮยอกแจตอบเสียงแผ่ว รู้สึกอึดอัดที่ต้องปฏิเสธออกไปทั้งๆที่ในใจอยากจะตอบตกลงใจจะขาด
... ถ้าไม่ติดว่ามีเหตุผลอะไรบางอย่างที่เขาต้องปฏิเสธทุกๆครั้ง
รู้สึกแย่..ที่ต้องตอบปฏิเสธ..
มันรู้สึกแย่..ที่ตอบตามใจตัวเองไม่ได้..
“ถ้าเมื่อไรที่ฮยอกแจอยากบอกเหตุผลเรา
เราจะรอฟังนะ”
“อืม”ฮยอกแจพยักหน้ารอยู่หลายครั้ง เขารู้ดีว่าทงเฮเองก็คงอึดอัดกับสถานะแบบนี้ไม่ต่างจากที่เขารู้สึกเท่าไร
“เราเข้าใจนะ ไม่ต้องคิดมากหรอก”ทงเฮเอ่ยพลางใช้มือหนาประครองใบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้
เขาเห็นน้ำตาคลอๆที่ดวงตาคู่โต
ปลายนิ้วโป้งเช็ดมันออกอย่างบรรจงก่อนจะเลื่อนริมฝีปากเข้าไปจุมพิตที่หน้าผากมน
เขาเข้าใจสายตาที่มองมาของฮยอกแจ.. ทั้งแววตาที่แฝงคำว่าขอโทษ
ความรู้สึกผิดเอาไว้ ไม่ใช่แค่ทงเฮคนเดียวหรอกที่ต้องผิดหวังกับคำปฏิเสธ
เจ้าตัวที่ต้องบอกปัดเขาทุกๆครั้งก็คงรู้สึกแย่ไม่ต่างกันสักเท่าไรนัก
มันมีเพียงเส้นบางๆเส้นเดียวที่กั้นความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองเอาไว้
.. มันเป็นเส้นเพียงเส้นบางๆที่ฮยอกแจจงใจขีดมันขึ้นมา
แม้ว่าทงเฮพยายามจะก้าวข้ามมันหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่จะข้ามไปได้ ..
เพราะฮยอกแจเลือกแล้ว
“ขอบคุณนะ”
มันไม่ใช่ไม่รัก.. แต่มันแค่..คบไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ทงเฮรักฮยอกแจนะครับ”ทงเฮกระซิบบอกเสียงเบาก่อนกดจุมพิตไปที่หน้าผากมนอีกครั้ง ฮยอกแจเองก็กระซิบบอกรักกลับมาไม่ต่างกัน
ต่างฝ่ายต่างรัก
.. ต่างฝ่ายต่างผูกพัน แต่เพราะเหตุผลที่อยู่เหนือความรู้สึก
มันจึงทำให้เขาไม่สามารถเลือกทำตามใจตัวเองได้อย่างที่ต้องการ
แย่...เป็นความรู้สึกที่แย่เกินบรรยาย ..
ทั้งๆที่รักกัน..แต่ทำไมถึงก้าวข้ามเส้นบางๆเส้นนั้นไปไม่ได้สักที
สถานะ : หมอกและควันบังสถานะที่เป็นอยู่
Talk'
มาคุยกันหน่อยเนอะ เนื่องจากแนนเองแต่งฟิคเรื่องนี้ควบคู่กับเรื่องรักไร้ชื่อ และพี่หมอ (ในจอย)
ทำให้ต้องแบ่งเวลาจัดสรรให้แต่ละเรื่องค่อนข้างเท่าๆกัน เพราะงั้นแนนจะอัพฟิคเรื่องนี้อาทิตย์ละประมาณ 1 ตอนนะคะ
รัก
ความคิดเห็น