คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 . {Re-write}
Chapter: 4
ที่เขาบอกกันว่ายิ่งเราอยากลืมอะไรมากเท่าไร .. เรายิ่งจดจำเรื่องนั้นได้ดีมากเท่านั้น
ยิ่งเราพยายามหนีอะไรมากเท่าไร ..
เรายิ่งโดนสิ่งนั้นตามมากเท่านั้น
วิธีที่ดีที่สุดของ “การลืม” คือการหา “สิ่งใหม่”
เข้ามาแทนที่ “สิ่งที่เราไม่ลืม” หรือเปล่า?
สถานะ : แฟนเก่า..ที่จะมีโอกาสเป็นแฟนใหม่หรือเปล่า?
“เฮ้ออออออ”เสียงถอนหายรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ของผมกำลังกรอกหูซองมินต่อเนื่อง
จนเจ้าตัวอ้วนเพื่อนสนิทเหล่มามองด้วยสายตาคาดโทษ
“ไม่ต้องมองหน้าแบบนั้นเลยนะ”
“แกก็เลิกถอนหายใจซักทีสิ นี่แกเป็นแบบนี้มานานแล้วนะฮยอกแจ”ซองมินย้อน
จะว่าไปอย่างที่มันพูดก็จริง ผมเป็นแบบนี้มาได้เกือบๆสองอาทิตย์เข้าไปแล้ว ผมเอาแต่เหม่อ
ถอนหายใจทุกครั้งที่ไม่มีอะไรทำ เวลาทำกาแฟให้ลูกค้ากดผิดๆถูกๆ จะเพราะอะไรถ้าไม่ใช่เพราะทงเฮหายเงียบไปเลย
“เออ ช่างฉันเถอะน่า”
“แหม..แค่ไอ้ทงเฮมันหายไป แกก็ไม่เป็นอันทำอะไรเลยเหรอ”
“ไร้สาระน่ะ ฉันก็แค่เซ็งเฉยๆ
ช่วงนี้รู้สึกร้านเรามันเดิมๆไปไหมอะ
เปลี่ยนเพลงดีไหม?”ผมพยายามโยงเปลี่ยนไปเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของไอ้บ้านั่น
“ฉันว่ามันไม่เกี่ยวกับเพลง
หรือร้านเรามันเดิมๆหรอก มันก็เป็นของมันแบบนี้มาเป็นปีๆแล้ว
ถ้ามันจะมีอะไรน่าเบื่อ ก็เพราะใจแกเองมากกว่า”
“ทำเป็นพูดดี”
“คืนนี้แก้เซ็งหน่อยป่ะล่ะ? ไปดริ้งกันหน่อย
นานๆที”ซองมินเสนอพร้อมยิ้มกว้าง
“ไม่เอาว่ะ
เปลืองตัง”
“งั้น กินเนื้อย่างแทน”
“อันนั้นก็เปลือง”
“ถ้างั้น เดินเล่นกัน ชอปปิ้ง ดูของ ไม่ต้องซื้อก็ได้
ไม่เปลือง”
“ไม่เอาอะ ฉันขี้เกียจ”ผมตอบปัดอีกครั้งตามตรง
ทำเอาซองมินถอนหายใจเสียงดัง
“ถ้าทงเฮไปด้วยก็อยากไปใช่ป่ะล่ะ?”
“มั่วแล้ว ฉันเบื่อก็แค่เบื่อ
ไม่เกี่ยวกับทงเฮป่ะ?”ถึงปากผมจะบอกไปอย่างนั้น
แต่ถ้าทงเฮเป็นคนชวนแทนซองมินผมคงมีอารมณ์อยากไปมากกว่า .. แต่ก็นะ แค่จะตอบไลน์
หรือแวะเจอกันที่ร้านสักหน่อยยังทำไม่ได้เลย จะไปเที่ยวคงไม่มีเวลาอยู่แล้ว
ตั้งแต่เข้าผ่านช่วงสอบมิดเทอมมาจนถึงตอนนี้เขาคงยังตรวจข้อสอบลงคะแนนส่งเอกสารข้อสอบอะไรเทือกๆนั้นไม่เสร็จล่ะมั้ง
จริงๆผมก็ควรจะชินได้แล้วเพราะมันก็เป็นแบบนี้อยู่ทุกเทอมๆ
แต่มันก็ไม่มีเทอมไหนที่ผมจะทำใจชินได้จริงๆจังๆสักที เห้อออ
ผมกำลังงี่เง่าอยู่ใช่ไหม?
“นี่พี่ฮยอกแจยังไม่หายทำหน้าเซ็งอยู่อีกหรอครับ
เห็นแบบนี้ทุกเช้าสงสัยผมจะต้องไปบอกอาจารย์ทงเฮแล้วล่ะมั้ง”เจ้าเด็กปากบอนที่เป็นแขกประจำคนนึงของร้านก็ยังรักษาความสม่ำเสมอมาหาซองมินเป็นประจำ
ขนาดเด็กมันยังเสมอต้นเสมอปลาย แล้วทำไมทงเฮถึงหายหัว!
“นี่ น้ำเปล่า ได้แล้วก็รีบไปเรียน วันนี้ฮยอกแจมันอารมณ์ไม่ดี
อย่ามากวนเพื่อนฉัน”ซองมินพูดพลางหยิบขวดน้ำเปล่ายื่นให้คยูฮยอนอย่างที่ทำประจำ
รายนี่ก็อีกคน ปากร้ายได้เสมอต้นเสมอปลายตลอด ขนาดคยูฮยอนมันชัดเจนว่ากำลังจีบตัวเองอยู่ขนาดนี้ก็ยังไม่ยอมใจอ่อนเลยสักนิด
“พี่คิดอะไรอยู่เนี้ย เหม่อเลย
เรียกก็ไม่ตอบด้วย”เจ้าเด็กแก่แดดเรียกผมพลางเอามือโบกไปมาตรงหน้า
ผมแอบชำเลืองไปมองเด็กเนิร์ดที่แต่งตัวถูกระเบียบอยู่ข้างๆ
ส่วนรายนั้นก็เนิร์ดสม่ำเสมอ ตามเขาไปต้อยๆตลอด ขนาดคยูฮยอนชัดเจนว่าชอบซองมิน
แต่เจ้าซีวอนก็ยังแอบมองคยูฮยอนอยู่ตลอด ให้ตายเหอะ
ตอนจบของสามคนนี้ใครจะตกลงคบใครกันแน่
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร เอ้อ
แล้วทำไมวันนี้ซีวอนดูเงียบๆล่ะ หน้าซีดๆดูไม่ดีเลยนะ”ผมเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะไม่อยากจะมาอารมณ์ไม่ดีพาลใส่คนอื่นไปเปล่าๆ
“วันนี้มีสอบย่อยน่ะครับ เมื่อคืนผมไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้อ่านหนังสือ
ตอนนี้เครียดนิดหน่อยครับ”
“ไม่สบายเหรอ
กินยาอะไรยัง?”ผมถามด้วยความเป็นห่วง
“เรียบร้อยครับพี่”
“แล้วนี่ไม่คิดจะอ่านบ้างรึไง?
หรือเอาแต่ลอกซีวอน?”ซองมินแขวะคยูฮยอนที่ยืนยิ้มระรื่นไม่ได้ดูเครียดเหมือนเพื่อนเลยสักนิด
“อ่อ วิชายนี้มีโพยแล้วพี่ ไม่ต้องห่วงผมไปหรอกครับพี่ชมพู^^”คนโดนแขวะใช่ว่าจะสำนึกกลับยิ้มระรื่นเหมือนเพิ่งถูกชมไปซะได้“เอ้อใช่ พี่ฮยอกแจ ผมว่าจะถามพี่หลายวันแล้ว พี่รู้จักอาจารย์ฮโยรินไหม”
“หื้ม?? ใครเหรอ?”
“อ้าว เค้าไม่ได้มาซื้อกาแฟที่ร้านนี้บ่อยๆเหรอ
เห็นเค้าถือแก้วกาแฟแบบเดียวกับร้านทุกวันเลย”
“ไม่รู้สิ
อาจจะเป็นลูกค้าแต่พีไม่รู้จักชื่อล่ะมั้ง”
“ก็นั่นแหละพี่ พี่ต้องระวังไว้ให้ดีนะ ผมได้ยินจากที่พวกเพื่อนผู้หญิงคุยกัน
เหมือนอาจารย์ฮโยรินเขาจะแอบชอบอาจารย์ทงเฮล่ะ ที่สำคัญผมเห็นอาจารย์เขาทำข้าวกล่องไปให้อาจารย์ทงเฮทุกวันเลยด้วย”พอได้ยินสิ่งที่คยูฮยอนเล่าแล้วผมก็รู้สึกหน้าตึงอยู่หน่อยๆ
สมองก็เริ่มประมวลผูกเรื่องทุกอย่างเข้าหากัน
หรือว่าสาเหตุที่ทงเฮหายไปจะไม่ใช่เพราะยุ่งเรื่องงาน? แม่งเอ๊ยยย ถ้าเป็นอย่างนั้นนะ
‘โคตรนอยด์’
“อ้อ .. ก็ดีแล้วนี่จะได้ไม่ขาดสารอาหาร”ผมตอบคยูฮยอนไปแบบนั้น
ก่อนจะทำตัวเองให้ยุ่งโดยการเดินไปหยิบของที่ห้องเก็บของหลังร้าน ให้ตายเถอะ
ตอนนี้ผมกำลังชักสีหน้าอยู่แน่ๆ ไม่ชอบตัวเองตอนนอยด์เลย
~ด้านของซองมินคยูฮยอนและซีวอน~
“นี่พูดจริงหรือโกหกเนี้ย ฮยอกแจนอยด์เข้าไปหลังร้านแล้วนะ”ซองมินถามเจ้าเด็กที่ยืนยิ้มทำหน้าไม่รู้สึกผิดด้วยความสงสัย
ก็เพราะไอ้รอยยิ้มแบบนั้นนั่นแหละที่ทำให้น่าสงสัย
“โกหกแล้วได้อะไรอ่ะพี่ ผมพูดจริงๆนะ พี่เองก็น่าจะรู้นี่นา..
อยู่ที่โรงเรียนอาจารย์ทงเฮออกจะป๊อปจะตาย ไม่ใช่แค่อาจารย์ฮโยรินนะ
สาวๆเพื่อนห้องเดียวกะผมชอบกันหมดอะ”
“เออ อันนั้นฉันก็พอรู้
ได้ยินเด็กนักเรียนที่มานั่งกินที่ร้านพูดถึงอยู่ แต่ที่สงสัยเนี้ย คือเรื่องที่แกเล่ามันจะเกี่ยวกับที่ทงเฮไม่มีเวลาว่างมาที่ร้านด้วยป่ะ?”ซองมินเอ่ยถามด้วยความสงสัยปนห่วงใยเพื่อน
เพราะนี่มันก็พ้นช่วงสอบมาตั้งเกือบสองอาทิตย์แล้ว แต่หมอนั่นก็ยังไม่โผล่มาที่ร้านอีก
หรือว่ามันมีอะไรที่เขาไม่รู้กันนะ?
“อันนั้นผมก็ไม่รู้นอ่ะพี่
ผมก็รู้เท่าที่ผมบอกนั่นแหละ แต่ผมคิดว่าอาจารย์ทงเฮไม่ได้ชอบอาจารย์ฮโยรินหรอก ที่ผมเห็นอะอาจารย์เขาก็ดูไม่สนใจสาวๆที่ไหนเลย”
“ยืนยันขนาดนั้นมันก็ไม่ได้หรอกครับคยูฮยอน”ร่างสูงซีวอนที่ยืนก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในมืออยู่นานเอ่ยขึ้นบ้าง
“หมายความว่าไง จะหมายความว่ากูเชื่อไม่ได้งี้หรอ??”
“ไม่ใช่นะครับ แต่เราว่ายังไงเราก็ไม่ใช่อาจารย์ทงเฮ
เราจะไปพูดความคิดแทนอาจารย์เขามันก็ไม่ใช่ครับ”คำพูดดูมีหลักการของซีวอนทำให้คยูฮยอนเบะปากใส่
ทำเป็นพูดอะไรเท่ๆ คิดว่าดูดีเหรอวะ
“แต่อาจารย์กับพี่ฮยอกแจรักกันมานานแล้วนะ”
“นานไม่นานก็ไม่เห็นสำคัญนี่
คนเรามันหวั่นไหวกันได้ จริงๆนายเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“เห้ย อันนั้นมันก็ไม่เกี่ยวเว้ย”คยูฮยอนปฏิเสธพลางหันไปมองหน้าซองมินที่ยืนร่วมวงสนทนาอยู่ด้วย
“มึงเองรึเปล่าที่หวั่นไหวกับใคร”
“ผมเปล่า”
“น่ะ
ยังจะไปโบ้ยให้เพื่อนอีกนะ”ซองมินเอ่ยยิ้มๆ เห็นเด็กชายอายุน้อยกว่าอ้ำๆอึ้งๆทำท่าทางอึกอักแล้วก็ขำ
เด็กยังไงมันก็เด็กวันยังค่ำนั่นแหละ
“เวลาผมชอบใคร ผมก็จะชอบแค่คนนั้นตลอดนะ
ไม่หวั่นไหว ไม่มองใครเลย”ซีวอนพูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจังพร้อมมองหน้าคยูฮยอนนิ่งๆ
ร่างโปร่งหันไปมองสีหน้าของซีวอนแวบนึงก่อนจะเบนสายตากลับมามองซองมินบ้าง
คิดไปเองรึเปล่าวะ..แต่รู้สึกเหมือนซีวอนกำลังพูดกับตัวเองอยู่
“มองอะไร ไปเรียนได้แล้ว”
“ผมก็ว่างั้นอะ เดี๋ยวไปเรียนแล้วดีกว่า ป่ะมึง
หวัดดีพี่”เด็กโข่งพูดก่อนจะคว้าเป้ตัวเองจากมือซีวอนแล้วรีบวิ่งออกจากร้านไป
ซีวอนมันชักจะพูดจาอะไรแปลกๆขึ้นทุกวัน
แล้วไหนจะไอ้ท่าทางคล้ายจะล้อเขากับไอ้เฉิ่มอยู่บ่อยๆนั่นอีก โว้ะ
แค่คิดก็เลอะเทอะแล้วโว้ยยยย
‘กริ๊ง กริ๊ง’เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้นในจังหวะที่ซีวอนเดินตามคยูฮยอนออกไปพร้อมกับลูกค้าคนใหม่ที่แทรกตัวเดินเข้ามาในร้าน
“สวัสดีครับ”ซองมินทักทายตามหน้าที่
พร้อมกวาดสายตาสำรวจลูกค้าที่กำลังเงยหน้าไล่สายตาอ่านเมนูของร้านที่แปะไว้ที่ผนัง
ลูกค้าที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา
ท่าทางอายุจะราวๆเด็กม.ปลายแต่ไม่ยักจะใส่เครื่องแบบนักเรียน
ชุดเสื้อยืดออกกำลังกายตัวโคร่งกับกางเกงวอร์มขายาวทำให้ดูกระฉับกระเฉง
“พี่ครับ
ผมขอคาราเมลเฟรปเป้ นอนวิป โลแฟตมิลค์ให้ได้มั้ยครับ”
“หะ หา?”ออเดอร์ที่สั่งมาทำให้ซองมินเผลออ้าปากค้าง
น้อยครั้งนักที่จะมีเด็กผู้ชายมาสั่งอะไรแบบนี้ เพราะปกติไอ้ Low Fat , Non
Whip มันก็มีแต่สาวๆที่สั่งทั้งนั้น
“คาราเมลเฟรปเป้ ไม่วิป นมไขมันต่ำครับพี่”เด็กหนุ่มคนนั้นพูดย้ำอีกครั้ง
“อ่อครับ ได้ครับ”ซองมินพยักหน้ารับก่อนจะลงมือทำตามที่ลูกค้าสั่ง
เด็กหนุ่มสอดส่ายสายตามองไปรอบๆร้านด้วยความสนอกสนใจ
“ร้านนี้พี่แต่งเองเหรอครับ”
“อ่อ ช่วยกับเพื่อนน่ะครับ”ซองมินตอบระหว่างกดปุ่มให้เครื่องปั่นทำงาน
แต่เพราะเสียงเครื่องปั่นมันดังกลบเสียจนซองมินไม่ทันรู้ตัวว่าฮยอกแจเพื่อนของเขาออกมายืนที่เค้าเตอร์ตั้งแต่เมื่อไร
มิหนำซ้ำไอ้คำถามเมื่อครู่ก็ไม่ได้ถามเขา แต่กลับถามฮยอกแจต่างหาก
ก็หล่ออยู่หรอกนะ แต่ทำท่าจะกินฮยอกแจเข้าไปได้อยู่แล้ว
“พี่แนะนำเค้กให้ผมได้มั้ยครับ
เอาที่รสหวานแต่ไม่เลี่ยนน่ะ”
“อ่า..หวานแต่ไม่เลี่ยนเหรอ เอาเป็นมิลค์ทีไหม?”ฮยอกแจถามย้อนด้วยความลังเล เพราะถ้าเอาจริงๆแล้วหน้าที่แนะนำเค้กให้ลูกค้าเป็นสิ่งที่ฮยอกแจไม่ถนัดเลยสักนิด
ปกติแล้วเขาจะเป็นคนโยนหน้าที่นี้ให้ซองมินตลอด
“ถ้าพี่คิดว่ามันเหมาะกับผม
ก็เอาอันนั้นแหละครับพี่ ทานที่นี่นะครับ”เด็กร่างสูงฉีกยิ้มหวาน
สายตาก็ยังจ้องหน้าฮยอกแจไม่หยุด มองขนาดนี้จับกินไปเลยไหมล่ะ
“ได้ครับ ^^”ฮยอกแจยิ้มรับก่อนหยิบจานมาวางเตรียมตักเค้ก
มือบางหยิบจับเครื่องไม้เครื่องมือด้วยท่าทางทะมัดทะแมง
ทุกๆกริยาที่เจ้าตัวทำกำลังถูกลูกค้าหน้าเด็กจ้องมอง
“พี่ชื่ออะไรครับ”
“ฮยอกแจน่ะ แล้วนายล่ะ? อายุเท่าไรเนี้ย ไม่ไปโรงเรียนรึไง?”
“ผมชื่อคังแดเนียลครับ เรียกก็ได้ ผมเพิ่งกลับจากไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกามา อยู่หอกับเพื่อนๆ
แล้วก็จะเริ่มเรียนอาทิตย์หน้าครับ”อวดอ้างสรรพคุณตัวเองเสร็จสรรพก่อนจะฉีกยิ้มโชว์ฟันขาว
“โห ไปอเมริกามาด้วยเหรอเนี้ย เท่ห์จัง”
“ครับพี่ ^^ ว่าแต่...ร้านพี่รับสมัครพนักงานพาร์ธไทม์ไหมครับ?
ผมอยากทำงานพาร์ธไทม์หลังเลิกเรียนอะ อาทิตย์หน้าผมเลิกเรียนสามโมงครึ่งทุกวันจันทร์ถึงศุกร์
ไม่มีลงชมรมด้วยนะ พอจะรับผมมาทำงานหน่อยได้ไหม”เด็กหนุ่มยังคงยิ้มไม่เลิก เล่นเอาคนถูกมองทำตัวไม่ถูก
“อ่า..ไม่รู้สิ
เรื่องนี้ต้องถามซองมินแล้วล่ะ”ฮยอกแจตอบเสียงเอื่อยๆพลางพยักเพยิดไปทางเพื่อนสนิท
ซองมินอึกอักเล็กน้อยก่อนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่สุภาพที่สุด
“งานไม่ได้มีเยอะอะไรมากขนาดต้องจ้างคนน่ะ
ขอโทษด้วยนะ”
“โหยพี่.. ผมไม่คิดค่าจ้างแพงหรอกนะครับ ผมทำเป็นทุกอย่างเลยนะ
ตอนอยู่นั่นผมเคยทำงานเคเอฟซี ส่งพิซซ่า ส่งหนังสือพิมพ์ส่งนม จะให้แบกของ
กวาดพื้น ส่งของเดลิเวอรี่ผมทำเป็นหมดนะ ผมไม่คิดอะไรมาก จริงๆนะ ให้แค่ข้าวเย็นผม
หรือน้ำสักแก้วก็พอแล้ว ผมแค่ไม่อยากว่างอะ ให้ผมทำเหอะ”ซองมินยืนฟังสรรพคุณที่เด็กนั่นอวดอ้างแล้วคิดตาม
ลองเอาสัดส่วนงานที่เจ้าตัวพูดมาบวกลบคูณหารดีๆแล้วนับว่าคุ้มทีเดียวถ้ามันจะทำให้เขาปิดร้านได้เร็วขึ้น
แถมเจ้าเด็กนี่ก็ดูท่าทางขยันขันแข็ง โชว์พาวเต็มที่บวกกับท่าทางอยากจะจีบเพื่อนเอ๋อๆของเขานี่อีก
มันคงจะเป็นแรงจูงใจดีๆให้ทำงานได้เต็มที่แหละมั้ง
“อืมม..ตกลง สะดวกเริ่มงานเมื่อไรล่ะ”ซองมินพยักหน้ารับเมื่อใช้สมองประมวลบวกลบกำไรที่ควรจะได้ได้สักพัก
“เร็วที่สุดเท่าที่พี่ต้องการเลย”
“พรุ่งนี้เป็นต้นไปเลยได้ไหม?”
“โอเค งั้น..ตามนั้นครับพี่ ^^”เด็กหนุ่มยิ้มกว้างอวดฟันขาวอีกทีก่อนจะเดินตัวปลิวไปนั่งคอยอาหารที่สั่งที่โต๊ะ
ฮยอกแจรับเครื่องดื่มที่ซองมินทำแล้วยกไปเสิร์ฟให้พร้อมกับจานเค้กที่ตักรอเอาไว้แล้ว
ซองมินลอบมองสองคนที่ยืนคุยกันสนุกสนาน ใจจริงอยากจะเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วยอยู่หรอก
แต่ติดที่ว่าไอ้เด็กแดเนียลนั่นทำท่าซะห่างเหินกับเขา
แล้วซ้ำยังทำเหมือนเขาเป็นแค่ตัวประกอบฉากเท่านั้น แหงสิ
ก็คนที่สนใจมันคือเพื่อนเขาต่างหากนี่
ผ่านไปค่อนวันแล้วที่เจ้าเด็กนอกนี่มานั่งเล่นอยู่ที่ร้าน
แถมยังถือวิสาสะขออนุญาตซื้อข้าวกล่องจากร้านข้างๆมานั่งกินด้วยอีก ซองมินนั่งพับกล่องสำหรับใส่เค้กกลับบ้านเพื่อฆ่าเวลาระหว่างที่ไม่มีลูกค้าในช่วงบ่าย
จะมีก็แต่ลูกค้าหน้าม่อที่นั่งคุยกับเพื่อนเขาคิกคักอยู่นั่นแหละ
เอาจริงก็เซ็งๆอยู่เหมือนกันที่ฮยอกแจหันไปให้ความสนใจกับเจ้าเด็กนั่น
แต่ก็เอาเถอะ เห็นเพื่อนหายเซ็งเพราะทงเฮก็ดีไป
ไว้ให้เจ้าตัวค่อยมาคิดเองแล้วกันว่าจะสลัดเด็กนี่ไปยังไง
นั่งแกร่วอยู่นาน จู่ๆโทรศัพท์เครื่องเล็กก็สั่นครืดๆเตือนข้อความเข้าเป็นระยะๆ
ปลายทางไม่ใช่ใครไกลก็ไอ้เด็กปีนเกลียวคยูฮยอน ที่ไม่รู้ไปเสาะหาไลน์ยังไงถึงได้มา
‘ไอ้โรคจิต: พี่ชมพูไม่ยอมตอบข้อความผมเลย’ข้อความแนวๆเดิมส่งมาเป็นข้อความที่สิบตั้งแต่เขาตอบข้อความสุดท้ายกลับไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
‘SM: ไปเรียนไป หนังสือหนังหาหัดเรียนซะบ้าง’ซองมินพิมข้อความตอบกลับด้วยความเร็วสูง
แต่ฝั่งนู้นก็ดูจะสูงไม่แพ้กันเพราะไม่ทันที่ซองมินจะได้วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ
โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กก็สั่นครืดๆขึ้นมากอีกครั้ง
‘ไอ้โรคจิต: คาบนี้ผมว่างยาวยันเย็น ส่งหาไม่ได้เหรอครับ’
‘SM: ไม่ได้ จะทำงาน
ถ้าว่างนักมาช่วยทำงานมา’
‘ไอ้โรคจิต: เดี๋ยวเย็นนี้ไปหานะพี่ชมพู’
ถึงบรรยากาศในร้านช่วงบ่ายจะเงียบเหงาเพราะมีแขกเข้ามาน้อย
แต่เสียงหัวเราะคิกคักของแดเนียลและฮยอกแจบวกกับเสียงแจ้งเตือนของมือถือซองมินก็ทำให้ภายในร้านมีสีสันไปอีกแบบ
“เห้ย! แดเนียล!”ซีวอนเด็กเนิร์ดเรียบร้อยร้องลั่นเมื่อเดินตามคยูฮยอนเข้ามาในร้านแล้วเจอกับคนแปลกหน้าที่นั่งยิ้มร่าคุยกับเจ้าของร้านตัวบาง
“อ้าว ซีวอน! ฉันกลับมาแล้ว”แดเนียลทักทายกลับอย่างเป็นกันเองทำให้คยูฮยอนที่ถูกมองข้ามยืนงง
คนแปลกคนนี้เป็นใครทำไมถึงดูสนิทสนมกับซีวอนจนเด็กเนิร์ดเงียบๆเปลี่ยนมาพูดเยอะร่าเริงแบบนี้
“อ้าว ซีวอนกับแดเนียลรู้จักกันงั้นเหรอ”ซองมินหันมากระซิบถามคยูฮยอนที่ยืนเม้มปากใช้ความคิดอยู่นาน ใครวะ แดเนียลมันเป็นใคร
“ไม่รู้ครับพี่”คยูฮยอนส่ายหน้าพร้อมทำหน้าไม่พอใจ
ไอ้ท่าทางหวงก้างแบบนั้นมีแต่เด็กๆเขาทำกันทั้งนั้นแหละน่า..คยูฮยอน
“หวงเจ้าซีวอนมันรึไง”แกล้งหยอกให้คยูฮยอนยิ่งโมโห
“ทำไมต้องหวงล่ะครับ ผมแค่งงๆว่าแดเนียลเป็นใคร”น้ำเสียงตวัดๆตอนปลายทำให้ฮยอกแจกับซองมินหันมาหัวเราะใส่กัน
ต่างคนต่างเข้าใจว่าอาการของคยูฮยอนมันก็แค่เด็กหวงก้างนั่นแหละน้า
ถึงใครจะมองว่าคยูฮยอนเป็นเด็กกวนๆปีนเกลียวไปวันๆ
แต่จริงๆเจ้าตัวก็มีมุมขี้งอนขี้น้อยใจเป็นเด็กๆ เพราะเจ้าตัวเป็นลูกชายคนเล็กของบ้าน
พี่สาวทุกคนต่างก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้ทั้งบ้านคอยเอาใจประคบประหงมคยูฮยอนกันหมด
ซ้ำยังมาเจอเพื่อนสนิทที่แสนดีตามใจทุกอย่างแบบซีวอนนี่อีก
เจ้าตัวเลยกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจโดยสมบูรณ์แบบ
“แล้วอาจารย์ทงเฮล่ะพี่?”คยูฮยอนหันไปถามเพื่อเบนความสนใจ
ยิ่งเห็นซีวอนกับเพื่อนคนนั้นคุยกันก็ยิ่งหงุดหงิดไม่พอใจ รู้สึกเหมือนกำลังโดนแย่งเพื่อนไป
แถมมองข้ามกันหน้าตาเฉย ไม่คิดจะแนะนำให้รู้จักซะด้วย
“นั่นสิ จนป่านนี้ก็ยังหายหัวอยู่เลย
สงสัยเจ้านั่นคงมีคู่แข่งแล้วล่ะมั้ง พี่เห็นแดเนียลนี่ตั้งท่าจะจีบฮยอกแจรุกเต็มฆาตเลย”ซองมินเสริม
“ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวผมต้องต้องส่งข่าวให้อาจารย์ทงเฮรู้”
“ที่ทำอยู่นี่หวงฮยอกแจแทนอาจารย์
หรือหวงซีวอนกันแน่เนี้ย?”ซองมินถามพร้อมยิ้มขำ
“พี่ซองมินอย่าพูดแบบนี้สิ ผมจะไปหวงมันทำไม
จริงป่ะ?”
“อ๋อออออ เหรอ”ซองมินแกล้งถามพร้อมเหล่มองไปที่คนตัวสูงใส่แว่นหนาเตอะที่กำลังคุยกับเด็กหน้าหล่ออย่างออกรส
เห็นเด็กโข่งตรงหน้าเปลี่ยนโหมดมาเป็นเด็กน้อยขี้หวงเพื่อนสนิทก็อดจะขำไม่ได้
ปกติชอบทำตัวแก่แดดเป็นผู้ใหญ่ ลึกๆแล้วก็มีมุมเด็กๆเหมือนกันนะเนี้ย
“พี่ไม่ต้องมองผมอย่างนั้นเลย
ผมไปแล้วดีกว่า สวัสดีครับพี่”คยูฮยอนพูดตัดบทก่อนจะรีบลาซองมินกับฮยอกแจไป
ขืนอยู่นานกว่านี้คงได้อารมณ์เสียใส่ซีวอนแน่ๆ
Talk'
มาคุยกันหน่อยเนอะะะะ เรื่องนี้แม้ใครเคยอ่านมาตั้งแต่ต้น
แนนก็แนะนำว่าอยากให้อ่านใหม่นะคะ เพราะว่าตัวละครหลายๆตัวมีการเปลี่ยนแปลง
เนื้อหาหลายๆส่วนมีการเปลี่ยน ทั้งภาษา ทั้งคู่รอง ทั้งคู่หลัก :)
ใครมาอ่านใหม่ก็อย่าพึ่งเบื่อกันนะค่าาาา พยายามจะอัพบ่อยๆเพื่อทุกคนนะ รัก
ถ้าใครไม่ถนัดเม้น ถนัดอัพในทวิตไปเจอกันใน #เวลากาแฟเฮอึน ก็ได้ค่า
ความคิดเห็น