คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ♚ ( Chapter 2 ) MAFIA .
แนนก็ต้องขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ และทุกๆแรงที่กดดันข่มขู่ - -*
ขอบคุณสำหรับทุุกแรงใจค่ะ
ติดตามตอนต่อไปเลยค่ะ
+++++ [CHAPTER 2]+++++
ร่างสูงแกร่งในชุดสูทชั้นดีก้าวออกจากลิฟต์อย่างไม่สบอารมณ์ เรียวขายาวเร่งก้าวเข้าไปในห้องประธานบริษัทของตน ก่อนจะกระแทกกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะด้วยความหงุดหงิด
เขาผิดหวังจากการติดต่อเซ็นสัญญาร่วมหุ้นกับบริษัท ReTimes เพื่อสนับสนุนเงินทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ของเขา นั่นหมายความว่าเขาพลาดแหล่งเงินทุนก้อนใหญ่ไปเสียแล้ว และเหตุผลที่เขาพลาดงานในครั้งนี้ก็เกิดจากสาเหตุเพียงสาเหตุเดียว นั่นก็คือ...เขาถูกบริษัท MHK มาเซ็นสัญญาตัดหน้าไป เพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าที่เขาจะไปถึง
“คุณอึนจอง เรียกประชุมคณะกรรมการเรื่องผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ของเราด่วน ภายในบ่าย 3 โมงของวันนี้นะ”ซีวอนสั่งเลขานุการผ่านทางโทรศัพท์สายใน ก่อนจะเปิดแฟ้มรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมาอ่านและร่างวาระการประชุมครั้งที่กำลังจะมาถึง
‘ครืด..ครืด..’โทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋ากางเกงสั่นแจ้งเตือนถึงสายโทรเข้า มือหนาเลื่อนไปหยิบมันมารับโดยไม่ได้สนใจดูว่าใครที่เป็นคนโทรเข้ามา
“ยอบอเซโย”
“ซีวอน วันนี้จะกลับบ้านกี่โมงน่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงหวานปลายสาย ซีวอนก็ยิ้มออกมาบางๆให้กับความน่ารักของอีกฝ่าย ไม่ว่าเมื่อไรที่ได้ยินเสียงหรือได้อยู่ใกล้ ซีวอนจะรู้สึกผ่อนคลายลง แม้จะมีเรื่องให้คิดมากมายสักแค่ไหนก็ตาม บุคคลที่สำคัญสำหรับเชว ซีวอน
“ไม่รู้สิ บ่ายสามโมงมีประชุมน่ะ อาจจะกลับค่ำๆหน่อยนะ”
“จริงเหรอ เหนื่อยแย่เลยนะ ช่วงนี้งานยุ่งมากเหรอ”
“ก็นิดหน่อยน่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมทำงานก่อนนะ แล้วค่อยเจอกัน”
“อื้ม โอเค ตั้งใจทำงานล่ะ”
“อืม”
ปลายนิ้วแกร่งกดตัดสาย ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลง แล้วหันมาจดจ้องกับงานตรงหน้าอีกครั้ง ใส่ใจกับทุกๆรายละเอียด ขีดฆ่าบางสิ่งที่คิดว่าไม่ดีพอ และจดข้อความสั้นๆเพิ่มเติมความคิดเห็นลงไป
เขาจะต้องทำให้ได้.. เขาจะยอมให้บริษัทเค้าเป็นรองจากบริษัทของ ‘อี ทงเฮ’ ไม่ได้เด็ดขาด
.
.
.
ในขณะเดียวกัน ทงเฮกำลังนั่งอยู่บนรถเดินทางกลับบ้าน ข้างๆกายมีคนสวยที่นั่งกดโทรศัพท์มือถือในมือ เชคดูข่าวคราวเรื่องสินค้าแฟชั่นแบรนด์หรูที่ตนชอบ พร้อมกับวาดตารางเวลาชอปปิ้ง และตารางนัดพบปะกับกลุ่มเพื่อนเอาไว้ในหัว
ร่างสูงนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง จมลงในห้วงความคิดเกี่ยวกับงาน วิธีการพัฒนาสินค้าให้แพร่ไปในวงกว้าง รวมถึงวิธีการต่อสู้กับบริษัทคู่แข่งอื่นเงียบๆ
“ยอบอเซโย”เสียงนุ่มทุ้มที่มาจากตำแหน่งคนขับรถดังขึ้น เรียกให้ทงเฮที่กำลังจมอยู่ในความคิดหันไปมอง ไม่บ่อยนักที่จะมีโทรศัพท์เข้ามาหามินโฮในเวลาแบบนี้ นอกเสียจากจะมีเรื่องสำคัญหรือเรื่องร้ายแรงอะไร
“ว่าไงนะ ถ้าอย่างนั้นให้คนของเราบางส่วนล่วงหน้าไปที่โกดังของพวกมันก่อน แล้วผมจะรายงานให้คุณทงเฮทราบ แล้วผมจะติดต่อกลับไป”มินโฮเอ่ยเอ่ยตอบปลายสายเสียงเครียด ก่อนจะกดตัดสายทิ้ง
“มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอมินโฮ”ร่างสูงกล่าวถามเมื่อเห็นสีหน้าอาการของลูกน้อง
“คนของเราที่ไปตรวจงานทางตะวันออกถูกคนของตระกูลคิมทำร้าย รวมถึงสินค้าลอตใหญ่ของพวกเราก็ถูกชิงไปด้วยครับคุณชาย”มินโฮตอบกลับสีหน้าเครียด
“บอกคนของเราที่ล่วงไปที่โกดังนั่นให้จัดการอะไรไปพลางๆซะก่อน แล้วชั้นจะตามไปจัดการมันด้วยตัวเอง”ทงเฮสั่งเรียบๆ ใบหน้าคมยกยิ้มร้าย เป็นสัญญาณว่าเขาพร้อมที่จะบดขยี้ร่างกายของคนพวกนั้นให้แหลกด้วยมือของเขาเอง
แน่นอนว่าสินค้าที่มินโฮหมายถึง ย่อมไม่ใช่สินค้าธรรมดาๆที่บริษัท MNK ผลิต แต่มันคือสินค้าทำเงินที่มีการผลิตและค้าขายอยู่ในเบื้องหลังภาพลักษณ์ที่น่านับถือของตระกูลอี แม้แต่คำว่า ‘กฎหมาย’ ก็มิอาจจะอยู่เหนือมันได้
“ครับคุณชาย”มินโฮรับคำ ก่อนจะต่อสายสั่งให้ลูกน้องที่เหลือทำตามคำสั่งของคุณชายใหญ่ เปลี่ยนเส้นทางการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่เกิดเหตุ
“อีกแล้วงั้นเหรอ ฮึ”ฮยอกแจเหลือบมองคนรักเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่ในมือต่อ
“ที่พูดว่าอีกแล้วน่ะ ดูแลตัวเองได้รึยัง”ทงเฮกล่าวถาม
“แล้วคิดว่าแค่ตระกูลคิม มันจะกล้าทำอะไรชั้นรึไง”คนตัวเล็กเถียงกลับอย่างคนอวดเก่ง
“แล้วถ้ามันกล้าล่ะ”
“หึ ก็แค่พวกกระจอกๆ”ร่างเล็กยิ้มน้อยๆ ยักไหล่ไม่ใส่ใจในคำพูดของร่างสูง
แม้ว่าฮยอกแจจะมีรูปร่างผอมบาง ร่างกายอ้อนแอ้น ติดนิสัยดื้อรั้น เย่อหยิ่ง โมโหร้ายราวกับเจ้าหญิงที่ถือยศ ไม่สุงสิงกับบุคคลที่ตนคิดว่าไม่เหมาะสม มีพิษภัยเพียงแค่คำพูดบาดหู แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอกของเขาเท่านั้น
...ผู้ชายอย่างฮยอกแจ ย่อมมีอะไรที่พิเศษมากกว่าที่เห็น...
รถคันหรูจอดลงที่หน้าโกดังเก็บของขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในที่ที่ห่างไกลจากเมือง หมู่บ้าน และผู้คน มินโฮรีบลงมาเปิดประตูรถให้เจ้านาย ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวลงจากรถแล้วหยุดยืนมองเข้าไปด้านใน
สายตาคมจดจ้องทุกรายละเอียดการต่อสู้ที่ดุเดือด ทั้งการฟาดฟันกันด้วยความแข็งแกร่งของร่างกาย และการประลองอาวุธร้ายที่นำมาเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ร่างสูงมองภาพพวกนั้นพร้อมยกยิ้มมุมปาก นึกถึงความแค้นและเรื่องบาดหมางที่มีต่อ’ตระกูลคิม’ อารมณ์ดิบที่ถูกซ่อนเอาไว้ถูกปลุกขึ้น ความกระหายหาในการต่อสู้ เชือดเฉือนและบดขยี้ร่างกายของฝ่ายตรงข้ามด้วยความแค้นที่มีในใจ
“คุณชายจะไปจัดการพวกมันตอนนี้เลยมั้ยครับ”มินโฮเอ่ยถามด้วยความนอบน้อม
“ยังหรอก ชั้นคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาของจุดไคลแมกซ์”ทงเฮตอบกลับเสียงเย็น
“ครับ”
รถคันหรูอีกคันเคลื่อนด้วยความเร็วสูงเข้ามาจอดในบริเวณใกล้กันกับรถของทงเฮ ก่อนที่ชายร่างสูงในชุดดำจะลงจากรถ แล้ววิ่งมาหยุดที่ตรงหน้าของเจ้านาย
“คุณชายครับตอนนี้คุณคิม กำลังเดิมทางมาที่นี่ และคาดว่าอีกไม่เกินสิบนาทีจะมาถึงครับ”ผู้ที่มาใหม่กล่าวรายงานกับทงเฮ
“อืม ชั้นก็คิดไว้อย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ รอให้มันมา แล้วชั้นจะสะสางคดีเก่าๆที่มันเคยทำเอาไว้ ขอบใจมากนะคยูฮยอน”
“ครับ คุณชาย”
ร่างเล็กที่นั่งรออยู่ด้านในเงยหน้าขึ้นมองคนรักและสองลูกน้องคนสนิทเงียบๆ มือบางเก็บโทรศัพท์มือถือของตนลง ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบของบางอย่างที่ซ่อนอยู่ใต้ที่นั่งคนขับใส่กระเป๋า
ไม่นานหลังจากนั้น การต่อสู้ที่ดุเดือดก็เริ่มจะอ่อนแรง เมื่อหัวหน้าของฝ่ายตระกูลคิมได้เข้ามาถึงพร้อมกับลูกน้องที่มาสมทบอีกมากมาย คนของตระกูลอีเริ่มตกเป็นรอง และนั่นก็ถึงเวลาสนุกที่ทงเฮรอมาแสนนาน
ร่างสูงและลูกน้องคนสนิทก้าวเดินเข้าไปด้านในโกดัง เผชิญหน้ากับ ‘คิม จองโม’ ทายาทเพียงคนเดียวของ ‘คิม ชูซอน’ หัวหน้าใหญ่ของตระกูล ทงเฮมองอีกฝ่ายนิ่งๆ ขาเรียวค่อยๆก้าวผ่านเข้าไปด้านในช้าๆ ลูกน้องของฝ่ายตรงข้ามถลาเข้าใกล้หมายจะทำร้ายทงเฮ แต่กลับถูกสกัดกั้นโดยลูกน้องของเขา รวมถึงมินโฮ และคยูฮยอน
“ว่าไง.. จองโมไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”ทงเฮกล่าวยิ้มๆ
เมื่อเห็นว่าคุณชายใหญ่ของตนได้มาถึงแล้ว ลูกน้องของตระกูลอีก็เริ่มพลิกเกมส์การต่อสู้ แม้ว่าจำนวนคนจะน้อยกว่าก็ตาม คนของตระกูลคิมค่อยๆลงไปกองกับพื้นละคนสองคน ในขณะที่ทงเฮนั้นก็ก้าวผ่านการต่อสู้พวกนั้นเข้าไปใกล้กับจองโมมากยิ่งขึ้น ร่างสูงก้มหลบการจู่โจมอย่างว่องไว ก่อนจะสวนหมัดกลับจนลงไปกองกับพื้น สั่งสอนให้คนของตระกูลคิมรับรู้ถึงความโหดเหี้ยม และความเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ของเขา
“หึ คนอ่อนแออย่างแกมันก็มีฝีมือแค่กับลูกกะจ๊อกของชั้นนั่นแหละทงเฮ”จองโมเอ่ยดูถูก พร้อมกับก้าวเท้าเข้าหาทงเฮอยากไม่นึกกลัว
“อย่างนั้นเหรอ ไม่รู้สิ ก็ตั้งแต่วันที่โดนเพื่อนเลวๆอย่างแกหักหลังเพราะความอ่อนแอ ชั้นก็แข็งแรงขึ้นเยอะนะ”ทงเฮตอบกลับ เรียวขายาวหยุดก้าวต่อ ดวงตาคมมองไปรอบๆสังเกตการเคลื่อนไหวภายในโกดัง ร่างสูงกระตุกยิ้มน้อยๆเมื่อสิ่งที่คิดไว้เป็นดังคาด ดวงตาคมมองอีกร่างที่กำลังส่งมาทางเขา และปัดป้องมันเอาไว้ ต่อสู้กลับไปด้วยหมัดหนักๆ ก่อนจะตามด้วยฝ่าเท้าหนักที่ถีบลงไปที่หน้าท้องของจองโม
การต่อสู้ที่คุ้นเคย เทคนิคที่เคยร่ำเรียนมาด้วยกัน และการพลิกแพลงมันเพื่อการเอาชนะ ทงเฮไม่เคยคิดลืมมันลง เพียงแต่เขาไม่ได้แตะต้องมันอีกต่อไป พัฒนาลักษณะการต่อสู้ของตัวเองใหม่จนอีกฝ่ายตั้งรับไม่ถูก ทั้งสองร่างต่อสู้ฟาดฟันกันอย่างดุเดือดไม่แพ้กับลูกน้องคนอื่นๆที่กำลังต่อสู้อยู่รายล้อม เมื่อเข้าประชิดทงเฮได้ จองโมก็จ่อมีดพกที่สีข้างของทงเฮ หมายจะเอาชนะด้วยอาวุธร้ายของตน
“คิดผิดซะแล้วนะ”ทงเฮกล่าวพร้อมกับโจมตีที่ข้อมือของจองโม ก่อนจะมือหนาจะแย่งมีดพกมาแล้วเหวี่ยงมันไปที่ร่างของลูกน้องมือขวาของอีกฝ่ายที่กำลังจะเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
เมื่อเห็นว่าการโจมตีของตนนั้นถูกสกัดกั้น แผนที่ตนสร้างขึ้นไว้ถูกมองออกจนหมด จองโมก็หันมาพึ่งกำลังกายและฝีมือของตนต่อสู้กับทงเฮอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรับส่งหมัดกันอย่างดุเดือด จองโมที่มีฝีมือต่ำกว่าทงเฮอยู่มากถูกโจมตีจนใบหน้าช้ำ และมีโลหิตไหลจากศีรษะ ส่วนทงเฮที่พลาดพลั้งการหลบหลีกก็มีรอยเลือดมุมปาก และรอยช้ำที่แก้ม
ทงเฮอาศัยจังหวะขัดขาอีกฝ่ายให้ล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนที่ฝ่าเท้าจะถีบหนักๆที่ร่างแกร่งของฝ่ายตรงข้าม เมื่อจองโมเริ่มหมดแรงที่จะต่อสู้กลับ มือหนาของเขาก็เอื้อมจะไปหยิบไม้หน้าสามที่ตกอยู่ไม่ไกล แต่ทำได้เพียงคิด เท้าหนักๆของทงเฮเหยียบกดมือนั้นไว้พร้อมกับบดขยี้มันแรงๆให้สมกับความแค้นที่มี ทงเฮมองอีกร่างด้วยความสมเพศ ปลายรองเท้าหนังคู่หรูสะกิดใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างดูถูก การต่อสู้ที่เห็นผลค่อยๆสงบลง คนของฝ่ายที่แพ้บ้างก็หนี บ้างก็ยังยืนหยัดสู้ต่อ ไม่สนว่าผลจะออกมาเช่นใด
“สำหรับนี่มันคือการล้างแค้นที่แกเคยทำกับชั้นเอาไว้นะจองโม แต่ต่อจากนี้มันคือการล้างแค้นที่คนของแกกล้าทำร้ายคนของชั้น และเอาสินค้าของชั้นไป”ส้นเท้าหนักเหยียดลงที่แก้มของอีกฝ่าย ก่อนที่ทงเฮจะเอื้อมไปหยิบมีดคมที่ตกอยู่ไม่ไกลมากดลากผ่านลาดไหล่และท่อนแขนของอีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะจบลงที่กดลงหนักๆทีฝ่ามือข้างซ้ายแรงๆ
“ชั้นจำได้ว่าแกถนัดข้างนี้..เพราะฉะนั้นชั้นจะทำให้มันขยับไม่ได้”ทงเฮเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม มือหนาเพิ่มความหนักให้มากขึ้นพร้อมกับบดขยี้มันอย่างที่ต้องการ
“ลาก่อนนะจองโม”ทงเฮเอ่ยเรียบๆก่อนจะเดินหันหลังให้กับการต่อสู้ที่เพิ่งจบลงไป ร่างสูงยกยิ้มมองคนของฝ่ายตรงข้ามอย่างนึกสมเพศ ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากโกดังโสโครกๆนี้ไป พร้อมกับทิ้งความแค้นที่เคยฝังใจเอาไว้เบื้องหลัง มีเพียงสายตาอาฆาตแค้นของคนที่ถูกทำร้ายกลับมาเพียงเท่านั้น
“คุณฮยอกแจ...”คยูฮยอนที่เดินตามทงเฮครางเรียกชื่อคนของเจ้านายด้วยความตกใจ ร่างเล็กยืนพิงรถรอพวกเขาด้วยท่าทางสบายๆ แต่รอบๆกายกลับมีร่างของชาย 4-5 คนนอนสลบเหมือดอยู่ที่ปลายเท้า
“ชั้นแค่อยากออกกำลังกายนิดหน่อยน่ะ”ร่างเล็กเอ่ยตอบพร้อมกับยักไหล่สบายๆ ไม่ได้สนใจสีหน้าของมินโฮและคยูฮยอนเลยสักนิดว่าพวกเขากำลังตกใจแค่ไหน
ถึงแม้ว่าพวกเขาเองจะเคยเห็นภาพแบบนี้มาแล้วหลายครั้งตั้งแต่สมัยที่เขาเข้ามารับใช้ตระกูลอี แต่พวกเขาก็ไม่ชินตากับมันเสียที ก็ใครจะเชื่อ ว่าคนๆตัวเล็กๆผอมๆ รูปร่างบอบบางแค่นี้จะจัดการผู้ชายตัวล่ำๆ 4-5 คนให้ลงไปนอนสลบที่ปลายเท้าได้
“เล่นสนุกอะไรน่ะฮยอกแจ”ทงเฮกล่าวถามเมื่อเห็นท่าทางอวดดีของคนรัก
“ก็อย่างที่เห็น ตาบอดรึไง?”ฮยอกแจตอบกลับ เหลือบมองบุคคลที่นอนกองอยู่ที่ปลายเท้าตนพร้อมกับยิ้มเหยียดๆ
“ก็คงงั้นล่ะ”
“เฮอะ”ฮยอกแจไม่สนใจกับประโยคประชดประชันของคนรัก ร่างเล็กหันไปเปิดประตูรถออกเตรียมจะเข้าไปนั่ง
“เอ๊ะ จะยืนรออะไรอยู่ล่ะ เดินมาขึ้นรถไม่เป็นรึไง หรือว่าต้องให้รถมันสตาร์ธเองแล้วไปอันเชิญให้พวกนายขึ้นมาน่ะ”ร่างเล็กว่าด้วยความความหงุดหงิด ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถพร้อมกับหันไปค้อนควับใส่คนรักและลูกน้อง
มินโฮจึงรีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้ร่างสูงตามหน้าที่ แต่ทงเฮกลับไม่ได้มีท่าทีรีบเร่ง เดินทอดน่องเอื่อยๆมาขึ้นรถ แกล้งยั่วโมโหคนตัวเล็ก
“ช้าจริงเลยนะ”ฮยอกแจบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิด เชิดหน้าหนีไม่ยอมเหลียวมองคนที่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆแม้แต่น้อย
“เอ๊ะ ออกรถสิ จะรอให้ดินมันเกาะล้อก่อนรึไงน่ะ”ร่างเล็กหันไปสั่งมินโฮด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนที่มินโฮจะรีบออกรถตามคำสั่งของเจ้านาย
ทงเฮเหลือบมองคนตัวเล็กที่นั่งกอดอกไขว่ห้าง หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ไม่มีใครจะน่ารักและน่าเอ็นดูเท่าคนรักแสนงอนแสนเอาแต่ใจของเขาอีกแล้ว
+++++TO BE CONTINUE+++++
ขอเม้นกำลังใจกันหน่อยนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
ความคิดเห็น