คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : Party
เสียงเพลงแดนซ์จังหวะเร้าใจดังอึกทึกไปทั่วห้องบอลรูมในโรงแรมห้าดาวชื่อดัง นักศึกษามหาวิทยาลัย M ทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นพี่ที่เพิ่งจบไปไม่นานต่างมาร่วมงานโฮมประจำปีของ บรรดาหญิงสาวและชายหนุ่มต่างตั้งใจแต่งกายอย่างพิถีพิถัน เพื่อมาประชันโฉมกันในวันนี้
ร่างสูงเด่นของซีวอนในชุดสูทสีดำเนื้อดีที่เข้ากับเจ้าตัว เดินเข้ามาในงานเคียงข้างกับฮยอกแจที่ถูกจับให้ใส่ชุดสูทสีขาวเข้ากันกับเสื้อเชิตสีชมพูอ่อนด้านใน กางเกงสแลคเข้ารูปที่เน้นให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าน่ามอง ไทด์เส้นเล็กสีเดียวกับสูทถูกผูกไว้อย่างประณีต
ใบหน้าเนียนสวยถูกปัดแต่งด้วยแป้งฝุ่นและบลัชออนสีหวานบางๆ ริมฝีปากสวยถูกเคลือบด้วยลิปกลอสสีใสยิ่งขับให้เรียวปากดูอวบอิ่มน่าสัมผัส เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและเซตเข้าทรงขับให้ดวงหน้าหวานโดดเด่นมากขึ้น
สายตาของคนในงานจับจ้องมาที่ร่างทั้งสองอย่างสนอกสนใจ นักศึกษาทั้งหญิงชายล้วนนึกอิจฉาทั้งคู่ที่ดูเหมาสมเข้ากันดีไม่มีที่ติ บรรดาหญิงสาวที่เคยคิดหวังว่าจะได้เป็นคนรักของหนุ่มหล่ออย่างซีวอนต่างถอดใจเซ็งๆ แม้พวกเธอจะเคยได้ฟังข่าวของซีวอนและฮยอกแจมาบ้าง แต่พอได้มาเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันจริงๆ มันก็ยากที่จะทำใจได้
ส่วนกลุ่มผู้ชายที่ยืนจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ เมื่อได้เห็นฮยอกแจในลุคที่แปลกตา ทั้งความอ่อนหวาน ความน่ารักที่ถูกดึงให้เด่นขึ้นมาต่างทำให้ทั้งหมดตกตะลึงไปตามๆกัน ใครจะนึกว่าคนหน้าตาธรรมดาๆไม่ได้โดดเด่นในหมู่นักศึกษาในเวลาเรียน จะสามารถเปลี่ยนมาดูดีได้มากขนาดนี้ ถ้าหากได้รู้แบบนี้ พวกเขาคงจะชิงจีบฮยอกแจก่อนหน้าซีวอนเสียด้วยซ้ำ
“ซีวอน..เห็นมั้ยล่ะ บอกแล้วว่าชั้นใส่ชุดนี้แล้วมันแปลก คนเค้ามองกันใหญ่แล้ว”ฮยอกแจว่าเสียงขุ่นพร้อมกับกวาดตามองผู้คนรอบๆด้วยความประหม่า
เขาไม่พอใจคนข้างๆตั้งแต่ช่วงบ่าย ที่จู่ๆก็โผล่หน้ามาหาที่บ้าน ถือวิสาสะขออนุญาตแม่ แล้วจับเขาใส่รถแล้วลากออกไปห้าง เลือกซื้อเสื้อผ้าโน่นนี่ให้โดยไม่ถามความสมัครใจเขาสักคำ
“ที่คนอื่นมอง เพราะว่าฮยอกแจเข้ากับชุดนี้มากต่างหากล่ะครับ อย่าคิดมากเลย”ซีวอนเอ่ยบอกคนตัวเล็กยิ้มๆ นึกขอบคุณคุณนายเชวอย่างซึ้งใจที่ยอมอนุมัติให้เขาเอาบัตรเครดิตออกมาใช้จ่ายซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ให้ฮยอกแจโดยไม่บ่นอะไรสักคำ ซ้ำยังช่วยจัดการเรื่องแต่งหน้าทำผมให้ฮยอกแจออกมาดูน่ารักได้มากขนาดนี้
“ไร้สาระน่ะ ชั้นเป็นผู้ชาย จะน่ารักได้ยังไง”ฮยอกแจบ่นอุบอิบ
"ฮ่ะๆๆ ก็แบบนี้ไง ที่ดูน่ารักน่ะ นี่..ผมว่าเราไปตรงนู้นกันดีกว่านะ เพื่อนผมรอกันอยู่ตรงนู้นน่ะครับ"ร่างสูงก้มลงกระซิบบอกข้างใบหูเล็ก พร้อมกับรั้งเอวบางเข้ามาแนบกาย ส่วนฮยอกแจที่ขืนแรงของอีกฝ่ายไม่ได้ ก็ได้แต่ปล่อยให้อีกคนตามใจชอบ
"เฮ้ย ไอ้ซีวอน แฟนมึงสวยนิหว่า มิน่ามึงถึงหวงนักหวงหนา เลิกเรียนก็รีบหนีไปหาตลอด"เมื่อเดินไปถึงกลุ่มเพื่อนของซีวอน เสียงโห่แซวตามประสาเด็กวิศวะก็ดังขึ้นสนุกปาก ส่วนคนตัวเล็กที่โดนกระเซ้าเย้าแหย่เข้าหนักๆก็หน้าแดง ก้มหน้างุดๆทำอะไรไม่ถูก
น้อยครั้งนักที่จะมีคนให้ความสนใจ และเอ่ยปากชมเขามากขนาดนี้ หรือถ้าจะพูดตามความจริงแล้ว ตั้งแต่สมัยมัธยมที่รู้จักกับทงเฮมา ก็ไม่มีใครชมว่าเขาน่ารักเลยสักคน ซ้ำยังถูกพวกผู้หญิงที่ชอบทงเฮด่าซ้ำว่าเขาขี้เหร่ ไม่เหมาะสมจะเป็นเพื่อนกับทงเฮสักนิด
“เฮ้ย น่ารักว่ะ ชมนิดชมหน่อยก็เขินหน้าแดงแล้ว กูอิจฉามึงจริงๆเลยว่ะซีวอน มึงนี่มันตาถึงจริงๆ”คำชมจากเพื่อนอีกคนดังขึ้น ส่วนคนที่ถูกชมก็ยิ้มได้ใจ พร้อมโอบเอวฮยอกแจเข้ามาใกล้กว่าเก่า ฝังปลายจมูกโด่งเข้ากับแก้มนิ่มสูดดมความหอมอย่างถือวิสาสะ
"ซีวอน! ทำแบบนี้ได้ไง"ฮยอกแจว่าคนฉวยโอกาสด้วยความตกใจ มือบางฟาดเข้าที่ไหล่แกร่งหนักๆ ทั้งโกรธ ทั้งอาย ไม่ชอบใจที่ร่างสูงทำรุ่มร่ามกับเขาอีกครั้ง ซ้ำยังทำต่อหน้ากลุ่มเพื่อนเป็นสิบนี่อีก
“อ้าวๆๆ อย่ามัวแต่มาสวีทกันสิสองคนนี้ ดูนั่น คู่รักสวีทหวานอีกคู่เข้ามาแล้วนั่น”เพื่อนของซีวอนเอ่ยพร้อมพยักเพยิดไปทางคู่รักทงเฮและฮีบินที่ตกเป็นกอซซิปของคนในมหาวิทยาลัยมาได้เกือบเดือนที่เพิ่งเดินเข้ามาในงานพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม
ทงเฮในเสื้อเชิตสีฟ้าเข้ม ปลดกระดุมเม็ดบนออกสองสามเม็ดเผยให้เห็นช่วงไหปลาร้าสวยทับด้วยสูทดำ ออกแบบปกให้มีลูกเล่นเล็กน้อยที่สั่งตัดมาเฉพาะตัว เส้นผมถูกตัดให้สั้นขึ้น จัดแต่งเซตตั้งเปิดหน้าผาก ยิ่งทำให้โครงหน้าหล่อยิ่งดูคมคายมากขึ้น เคียงข้างกับฮีบินในชุดราตรียาวผ้าชีฟองสีครีมอ่อน เปิดโชว์ช่วงหลังยาวเนียน เส้นผมยาวสลวยถูกดัดลอนคลายๆรวบมาไว้ด้านข้าง แต่งหน้าโทนสีส้มบางๆเข้ากันกับชุด
“สองคนนั้นน่ารักจังนะครับ”ซีวอนเอ่ยกับคนตัวเล็กยิ้มๆ
“ฮ่ะๆๆ ก็คงอย่างนั้น”ฮยอกแจแค่นหัวเราะฝืดๆ แม้สายตายังจ้องคู่รักคู่หวานไม่วางตา
“เข้าไปหาทงเฮกันมั้ยครับ? ผมจะได้ไปทักทายพี่ฮีบินด้วย”ซีวอนหันมาชักชวนพร้อมกับออกแรงกระตุกมือบางน้อยๆ
“อื้ม..ก็ดีนะ ไปสิ”ฮยอกแจพยักหน้ารับอย่างขัดไม่ได้ แม้ว่าความจริงแล้วจะไม่อยากเข้าไปสองคนนั้นเท่าไร แต่ก็ไม่อยากขัดใจซีวอนที่อยากไปหาฮีบิน
“สวัสดีครับพี่ฮีบิน”ซีวอนจูงมือพาคนตัวเล็กมาที่กลุ่มของฮีบินและทงเฮ ก่อนจะเอ่ยทักทายรุ่นพี่คนสวยอย่างเป็นกันเอง
“อ้าว ซีวอน วันนี้มากับฮยอกแจเหรอจ้ะ แหม..แต่งตัวน่ารักจังเลยนะจ้ะ”ฮีบินทักทายพร้อมยิ้มหวาน มองร่างบางที่ยืนข้างๆกายรุ่นน้องร่างสูงแกร่งอย่างชื่นชม
“ฮ่ะๆๆ สวัสดีครับพี่ฮีบิน วันนี้พี่ก็สวยมากๆเลยล่ะครับ เหมือนเจ้าหญิงเลยล่ะครับ”ฮยอกแจชมตามที่คิด พร้อมฉีกยิ้มกว้างชื่นชมความสวยของรุ่นพี่ตรงหน้า
“แหม ฮยอกแจก็พูดเกินไป เจ้ายงเจ้าหญิงอะไรกันล่ะจ้ะ ทงเฮยังว่าพี่เลยว่าไม่น่ารัก ฮ่ะๆๆ”ฮีบินแซวคนรักข้างกายที่ตอนนี้ยืนหน้านิ่งมองไปทางเพื่อนสนิทของตัวเองอย่างไม่ชอบใจ
“ทงเฮแค่แซวเล่นล่ะมั้งครับ อย่าคิดมากเลยฮะ ฮ่ะๆๆ”
“สองคนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะครับ แล้วทำไมทงเฮถึงเงียบไปแบบนี้ล่ะ งานไม่สนุกเหรอ”ซีวอนเอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นทงเฮปิดปากเงียบไม่พูดจาตั้งแต่เขาเดินเข้ามา
“เหอะ ตอนแรกงานก็สนุกอยู่นั่นล่ะ แต่เหมือนว่าตอนนี้จะไม่ค่อยสนุกแล้วน่ะ”ทงเฮตอบเสียงเรียบพลางยักไหล่น้อยๆไม่สนใจสายตาเศร้าๆของคนตัวเล็กที่แอบมองตน
“ฮ่ะๆๆๆ ทงเฮนี่ล้อเล่นแรงจังเลยนะคะ ดูสิฮยอกแจเค้าประหม่าหมดแล้ว”ฮีบินหันไปว่าคนรัก ก่อนจะหันมาปลอบรุ่นน้องเสียงหวาน
“นิดหน่อยน่ะครับพี่ฮีบิน ผมกับทงเฮก็ล้อเล่นกันแรงๆแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว”
“เล่นกันแรงแบบนี้ดูน่าจะไม่สนิทกันได้เลยนะครับทงเฮ ฮ่ะๆ”ซีวอนเอ่ยล้อ
“ก็คงอย่างนั้นมั้งครับซีวอน แต่ถึงจะดูเหมือนจะสนิทกันไม่ได้ แต่ก็ผมกับฮยอกแจสนิทกัน‘มาก’เลยนะ”ทงเฮเน้นคำให้คนฟังได้ยินชัดเจนพร้อมยกยิ้มมุมปากน้อยๆ
ฮยอกแจเหลือบมองเพื่อนสนิทร่างสูงเล็กน้อย เมื่อได้เห็นรอยยิ้มนั่นเขาก็รู้ทันทีว่าสงครามประสารทถูกสร้างขึ้นอีกครา หลุบตามองลงต่ำเลี่ยงที่จะมองหน้าทงเฮตรงๆอย่างหวั่นใจ
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ แหม..เห็นแบบนี้พี่รู้สึกอิจฉาฮยอกแจจังเลย ขนาดพี่เป็นแฟนทงเฮยังไม่ได้สนิทกับเขามากชนาดนั้นเลยนะจ้ะ”
“ฮ่ะๆ ก็ไม่ได้สนิทมากมายอะไรขนาดนั้นหรอกครับพี่ ผมก็แค่รู้จักกับทงเฮมานานเฉยๆนั่นล่ะครับ ผมว่าอีกหน่อยพี่ก็สนิทกับทงเฮมากกว่าผมแล้วล่ะ”ฮยอกแจแก้ตัวพลางฝืนยิ้มแหยๆ พยายามแก้ไขให้สถานการณ์ดีขึ้น ทั้งๆที่บรรยากาศรอบกายจะครึกครื้น แต่ดูเหมือนว่าวงสนทนาของเขาจะน่าอึดอัดจนเขารู้สึกกระอักกระอ่วน
“โห..นายพูดแบบนี้ จะหมายความว่าพอนายกับซีวอนคบๆกันไปก็จะสนิทกันมากกว่าชั้นหรือไง นายนี่ใจร้ายจังเลยนะฮยอกแจ”ทงเฮเหน็บแนมพร้อมจงใจสบตากับฮยอกแจตรงๆ
แววตาเย็นชายากจะเดาความรู้สึก กัดกลืนคำพูดที่อยากจะเอื้อนเอ่ยของฮยอกแจไปจนหมด ฮยอกแจเม้มปากเข้าหากันแน่น ร่างบางสะอึกรู้สึกชาไปทั้งตัว ใจนึงก็แอบคิดไปว่าทงเฮนึกหวงเขา แต่อีกใจก็ต่อต้านไว้เพราะหญิงสาวที่ทงเฮเอ่ยบอกว่ารักว่าหวงยังยืนอยู่ข้างๆ
“ปะ..เปล่า..ซะหน่อย”ฮยอกแจเถียงเสียงแผ่ว เหลือบตามองซีวอนสลับกับฮีบินอย่างอ้อนวอน ขอแค่ใครสักคนที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยให้สถานการณ์ลดความตึงเครียดลงก็พอ
“ฮยอกแจจ้ะ พี่กระหายน้ำจังเลย ไปหาอะไรดื่มเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ เดี๋ยวเราปล่อยให้สองคนนี้คุยกันก่อนเนอะ”เป็นฮีบินที่ขัดขึ้นทำลายบรรยากาศน่ากระอักกระอ่วน ก่อนที่มือบางจะคว้าข้อมือเล็กของรุ่นน้องแล้วออกแรงลากไปที่เคาน์เตอร์บริการเครื่องดื่ม
ฮยอกแจเลือกหยิบแก้วน้ำหวานอัดลมอย่างที่ชอบ โดยไม่ลืมที่จะคว้าแก้วโคล่าเครื่องดื่มโปรดของทงเฮ แต่ไม่ทันที่จะได้หยิบมัน ฮีบินก็ขัดขึ้น อ้างว่าทงเฮน่าจะอยากทานไวน์ขาวมากกว่า ซ้ำยังแนะนำให้เขาหยิบแก้วไวน์แดงไปเผื่อซีวอนอีก
ฮยอกแจทำตามคำแนะนำของรุ่นพี่ร่างเพรียวแต่ดี แม้จะนึกขัดใจที่ฮีบินยอมให้ทงเฮทานแอลกอฮอลล์ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องจำเป็น การทำแบบนี้ก็เท่ากับปล่อยให้ทงเฮเสียนิสัย ยิ่งทงเฮเป็นพวกเอาแต่ใจแล้วด้วย ถ้าเกิดร่างสูงคึกเปลี่ยนจากไวน์เป็นเหล้าเมื่อไร คงได้เป็นภาระให้ใครสักคนพากลับบ้านเป็นแน่
ทงเฮเป็นพวกเมาแล้วดื้อแพ่งไม่ฟังใคร หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆคงไม่ดีแน่ ทำไมพี่ฮีบินถึงละเลยรายละเอียดเล็กๆแบบนี้กันนะ
“ฮยอกแจไม่ดื่มแอลกอฮอลล์เหรอจ้ะ ทานไม่เป็นเหรอ หรือว่าแม่ดุล่ะจ้ะ”ฮีบินถามยิ้มๆเมื่อเห็นว่าฮยอกแจยังคงไม่เปลี่ยนใจมาหยิบแก้วไวน์แทนน้ำหวาน
“ฮะ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไรน่ะครับ แล้วถ้าทงเฮเมา ผมคงต้องพาเขากลับบ้านด้วยน่ะ”
“ฮ่ะๆๆ นี่ฮยอกแจใส่ใจทงเฮมากขนาดนี้เลยเหรอ ดูแลเหมือนแม่เขาเลยนะจ้ะ ว่าแต่ทงเฮไม่ได้บอกเหรอว่าเขาจะไปนอนที่บ้านพี่น่ะ”ฮีบินล้อพลางหัวเราะคิกคัก
“ฮ่ะๆๆ ก็..นะครับ เขาไม่ค่อยบอกอะไรผมเท่าไรน่ะ”ฮยอกแจยิ้มเฝื่อนๆ ไม่รู้ว่าคิดมากไปเองรึเปล่าแต่ท่าทางว่าฮีบินคงจะแอบไม่ชอบใจเขาอยู่เหมือนกัน
“นี่..ของนายนะซีวอน ส่วนนี่..ของนายทงเฮ”เนื่องจากฮีบินพบกับกลุ่มเพื่อนจึงขอแยกตัวไปก่อน หน้าที่ของแก้วเครื่องดื่มทั้งสองจึงตกเป็นของฮยอกแจ แต่ในระหว่างที่ส่งแก้วให้กับทงเฮ เขาสังเกตเห็นสีหน้าของร่างสูงดูไม่ค่อยสู้ดีนัก คงจะมีเรื่องขัดหูขัดตาเข้าอีกกระมัง
“บริการดีจังเลยนะ ฮยอกแจน่ะ”ทงเฮเหยียดยิ้มมุมปากพลางมองหน้าคนตัวเล็กนิ่ง
“ก็พี่ฮีบินเจอรุ่นพี่แล้วขอแยกตัวไปคุยตามประสา มันก็เลยเป็นหน้าที่ชั้นน่ะ ทำไม? ให้ชั้นหยิบมาให้แล้วนายจะกินไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”เมื่อไม่มีพี่ฮีบินที่เกรงใจ ฮยอกแจก็เถียงอีกฝ่ายกลับไม่ยอมแพ้
“ก็เปล๊า..ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้ แต่ก็แค่สงสัยว่านายจะทำแบบนี้ คอย‘บริการ’ซีวอนแบบนี้ตอนอยู่กันสองคนรึเปล่าน่ะ”
“ฮ่ะๆ ทงเฮนี่หวงเพื่อนแรงจังเลยนะ ดูสิ แค่หยิบแก้วไวน์เอง ยังมองผมเหมือนกับกินเลือดกินเนื้อแบบนี้ แล้วถ้าผมไม่ให้ฮยอกแจมาเจอหน้าทงเฮจะเป็นยังไงกันล่ะ”เอ่ยล้อพร้อมหัวเราะเบาๆในลำคออย่างพอใจ
“ซีวอนน่าจะเข้าใจผิดนะ ผมไม่ได้หวงฮยอกแจ แต่เป็นห่วงนายต่างหากล่ะ กลัวว่า...อะไรๆที่นายคิดว่าสดว่าซิงมันจะไม่เป็นไปตามที่คิดน่ะ เห็นว่าวิ่งรอกสับรางระหว่างนายกับคยูฮยอนด้วยนี่นา.. รู้เรื่องรึเปล่า”
“หื้ม? คยูฮยอน? ใครน่ะ?”เลิกคิ้วมองอีกคนด้วยความสงสัย
“อืม...จะว่าไงดีล่ะ.. รุ่นน้อง กิ๊ก เด็กที่เก็บไว้ หรือว่า..อีกคนที่ฮยอกแจชอบไปบริการให้ดีล่ะ? ชั้นเห็นเขาสองคนชอบแอบคุยกันบ่อยๆเวลานายไม่อยู่น่ะ”ทงเฮว่าพลางตบไหล่ของซีวอนเบาๆ ทว่าคำพูดคำพูดมันเฉือดเฉือนใจคนฟังอย่างฮยอกแจจนหันหน้าหนี
“หื้มมม? อย่าล้อเล่นน่าทงเฮ..ไม่ตลกเลยนะ”ซีวอนเถียงแทนคนตัวเล็ก
“ฮ่ะๆๆ ล้อเล่นเหรอ? ลองถามเจ้าตัวเองดีกว่ามั้ย?”
“ไร้สาระน่ะทงเฮ คยูฮยอนก็แค่น้อง ไม่เห็นต้องเอามาพูดกับซีวอนเลยนะ”ฮยอกแจเถียงเสียงขุ่นอย่างไม่พอใจ เขาไม่เข้าใจทงเฮเลยสักนิด จะมาคอยจิกกัดอะไรเขามากมาย แค่เขาคุยกับรุ่นน้องมันถึงกับต้องมาดูถูกกันขนาดนี้เลยงั้นเหรอ
“พูดแบบนี้..ไม่เห็นใจคนฟังอย่างซีวอนบ้างเลยเหรอน่ะ สงสัยหนุ่มหล่อของเราจะต้องคิดมากไปอีกหลายวันเลยนะแบบนี้”ตอกกลับอย่างพูดเหนือกว่า ใบหน้าไม่รู้สึกรู้สานั่นยั่วโมโหคนฟังทั้งสอง
“นายพูดมากไปแล้วนะทงเฮ นายไม่ควรจะดูถูกฮยอกแจแบบนี้ ถึงฮยอกแจจะมีคนอื่นหรือยังไง มันก็ไม่ใช่เรื่องของนายไม่ใช่หรือไงน่ะ”ซีวอนท้วงขึ้นเสียงขุ่น ออกตัวปกป้องคนน่ารักด้านข้าง
“เหอะ ความจริงแล้วนายควรจะขอบคุณชั้นมากกว่านะเชวซีวอน..ที่ชั้นชี้ทางไม่ให้นายต้องเป็นควายที่ถูกสวมเขาน่ะ"
“หุบปากไปซะ ก่อนที่หมัดชั้นจะซัดที่หน้าของนาย”ซีวอนเอ่ยเสียงต่ำอย่างเคืองขุ่นพร้อมขยับกายเข้าประชิดอีกร่าง มือหนากำเข้าหากันแน่น เตรียมพร้อมที่จะซัดเข้าที่ใบหน้าคม
“พอเถอะซีวอน อย่าทะเลาะกันเลยนะ”ร่างเล็กปราม มือบางเลื่อนไปดึงแขนแกร่งของร่างสูงเอาให้ออกห่างจากทงเฮ
“แต่ฮยอกแจ..มันดูถูกนายนะ”ซีวอนขัดอย่างไม่ชอบใจ เหลือบมองด้วยหางตาก็เห็นรอยยิ้มร้ายอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าของร่างโปร่ง
“ช่างทงเฮเถอะ ชั้นไม่ได้คิดอะไรมาก นายอย่ามีเรื่องกันเลย ชั้นขอร้องนะ นะซีวอน...”
“ฝากไว้ก่อนเถอะทงเฮ. แล้วจำเอาไว้ ว่าอย่ามาพูดดูถูกอะไรฮยอกแจอีก ถึงเขาจะเป็นเพื่อนสนิทของนาย แต่เขาก็เป็นคนของชั้น จำไว้นะ”ซีวอนเอ่ยบอกน้ำเสียงจริงจัง สายตาคมจดจ้องใบหน้าอีกร่างราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ซีวอน..อย่าทำอะไรทงเฮนะ”
“เฮ้อ..”ซีวอนถอนหายใจเสียงดัง อารมณ์ร้อนที่ปะทุสูงในใจทำให้เขาไม่อาจจะสงบได้ในเวลาสั้นๆ ก่อนจะตัดสินใจหันหลังเดินหนีไป โดยไม่ลืมทิ้งท้ายเอาไว้
“เดี๋ยวผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะฮยอกแจ”
“ดูห่วงกันจังเลยนะ ไอ้ซีวอนนั่นนะ”คล้อยหลังซีวอนไปไม่ถึงนาที ร่างสูงที่ยืนอยู่กับฮยอกแจสองคนก็เอ่ยหาเรื่องพร้อมแสยะยิ้มร้ายๆ กวาดสายตามองคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจนปลายเท้า และย้อนกลับมองตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาหยุดที่ใบหน้าอย่างพินิจพิจารณาสายตาดูถูกดูแคลน
“เหอะ.. ไอ้ซีวอนคงเป็นคนซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ให้ใช่มั้ยน่ะ อย่างมึงคงจะไม่เลือกเสื้อผ้าพวกนี้ใส่”
“ทำไม? มึงคิดว่ากูจะซื้อเสื้อผ้าพวกนี้เองไม่ได้เหรอ?”
“ก็เปล่า.. ก็เห็นปกติไม่ค่อยจะแต่งแบบนี้ นี่คงจะระริกระรี้ไปออดอ้อนให้มันพาไปซื้อมาล่ะสิ”
“หึ สมองมึงคิดได้แค่อะไรต่ำๆแบบนี้ใช่มั้ย? กูจะไปออดอ้อนเอาะเซาะใครแล้วมันหนักหัวอะไรแก”
“ไม่หนักหัวอะไรกูหรอก แต่กูสงสารลูกตากูที่ต้องทนดูมึงใส่กางเกงแบบนี้น่ะ ใส่มาล่อใครล่ะ”
“กูจะใส่มาล่อใคร มันก็ไม่เกี่ยวกับมึงทงเฮ มึงไม่มีสิทธิอะไรที่จะบังคับให้กูใส่ หรือไม่ใส่อะไร”
“ใช่..กูไม่มีสิทธิอะไรแบบนั้น แต่ขอโทษนะ กูสงสารแม่มึงว่ะ ที่ต้องมีลูกร่านๆที่ต้องวิ่งโร่เอาตัวเข้าแลกเพื่อจะได้เสื้อผ้าหรูๆแพงๆแถมยังจะ... เข้ารูปโชว์สัดส่วนเรียกผู้ชาย..ขนาดนี้”
“ต่ำ กูไม่นึกว่ามึงจะมีความคิดต่ำๆแบบนี้เลยนะทงเฮ มึงประเมิณค่ากูได้เหี้ยมากนะ”
“แล้วคนอย่างมึงมีค่าสูงส่งจากไหนที่จะให้กูประเมิณสูงๆล่ะ”
“ก่อนที่มึงจะถามกูแบบนี้.. กูก็อยากจะถามมึงหน่อยละกันนะ กูมีค่าสูงอะไรมากมายขนาดที่มึงต้องคอยมาหวงกู ด่ากูทุกเม็ดแบบนี้ กูเป็นแค่เพื่อน ที่มึงเก็บไว้ใช้งานไม่ใช่เหรอ”ฮยอกแจถามกลับพร้อมยกยิ้มมุมปาก เมื่อตนไม่ได้ตกเป็นฝ่ายถูกโขกสับอยู่ฝ่ายเดียว
“ใช่ไง มึงเป็นได้แค่นั้นนั่นล่ะฮยอกแจ และมึงก็อย่าสำคัญตัวผิดคิดว่ากูหวงอะไรมึง กูแค่ไม่อยาก ‘ของเล่น’ ของกูตกไปเป็นของคนอื่นต่างหาก”
“กูเป็นคนนะ กูไม่ใช่สิ่งของ หรือเป็นของเล่นของใครทงเฮ มึงไม่ใช่เจ้าชีวิตกู กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู มึงไม่มีสิทธิ์”
“แต่กูมีสิทธิ์ในฐานะของคนที่มึงรัก”
“เหอะ. มึงกล้าใช้เหตุผลนี้กับกูเหรอทงเฮ มึงกล้าพูดว่ากูรักมึงอย่างนั้นเหรอ มึงเห็นแก่ตัวไปแล้ว”
“ใช่ กูกล้าพูด เพราะกูรู้จักมึงดีไงฮยอกแจ กูรู้จักมึงดีที่สุด กูรู้ว่าตอนนี้มึงคิดอะไร และอยากจะทำอะไร”
“มันไม่ใช่แบบนั้นเลยทงเฮ มึงไม่รู้จักอะไรในตัวกูเลย มึงมันก็แค่เห็นแก่ตัว คิดว่ากูรักมึงแล้วมึงจะทำอะไรได้อย่างนั้นเหรอ ใช่..กูรักมึง กูรักมึงทงเฮ...
...
..
.
แต่กู..ก็เกลียดมึงได้เหมือนกัน”
“มึงเกลียดกูไม่ได้หรอกฮยอกแจ”
“ทำไม..ทำไมกูจะเกลียดมึงไม่ได้...?”
“มึงกล้าพูดมั้ยว่ามึงเกลียดกู...ถ้าหาก.....”ทิ้งท้ายก่อนจะเงียบลง พร้อมกับออกแรงดันร่างเล็กไปที่มุมมืดบริเวณผนังที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
“มึง..มึงจะทำอะไร..”ลนลานถามกลับด้วยความตกใจ ไม่เข้าใจว่าร่างสูงต้องการจะทำอะไรกันแน่
“ทำแบบนี้ไงล่ะ”สิ้นคำพูด ทงเฮประกบริมฝีปากเข้ากับเรียวปากอิ่มของฮยอกแจแนบแน่น บดเบียดริมฝีปากรุนแรงดูดกลืนคำพูดของร่างบางเข้าไปจนหมด เรียวลิ้นร้อนสอดเข้าในโพรงปากเล็กอย่างจาบจ้วง มือหนารวบมือบางที่กำลังผลักไสเขาเอาไว้ไม่ให้ขัดขืน ฟันคมขบที่ริมฝีปากล่างของร่างเล็กแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด ก่อนที่ทงเฮจะละจูบออกมามองใบหน้าคนตัวเล็กนิ่ง เหยียดยิ้มร้ายอย่างผู้ชนะ
ฮยอกแจหอบใจหนักอย่างอ่อนแรง ดวงตาคู่กลมสวยมีหยาดน้ำตาคลอหน่วงดูหน้าสงสาร คำพูด คำด่าที่นึกได้จุกอยู่ในลำคอระหง ทั้งอึดอัด ทั้งทรมาณ อยากจะตวาดคนตรงหน้าแต่เหมือนว่าร่างกายเขามันอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
“แบบนี้...มึงกล้าพูดเหรอ ว่ามึงจะเกลียดกู”
-----END OF THIS CHAPTER-----
สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกคน *0* ดองร่านมาน๊านนาน..กลับมาตอนนี้ปวดตับดีมั้ยค่ะพี่น้อง #หลบทรีน
สำหรับตอนนี้มาแบบ...ป่วงๆ ไม่ได้เพิ่มคีย์ ปมปัญหาน่าสงสัยอันใดเลย มาแบบให้พี่ทงเฮโดนเกลียดเล่นๆ ; A;
เพิ่มความดราม่าให้กับฟิคเรื่องนี้ -__- สำหรับบางคนที่ตกใจในคำว่า END จากตอนที่แล้ว ขอบอกว่าไม่ใช่นะคะ ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคยาว ยังไม่จบง่ายๆหรอกค่ะ ; A; อย่างต่ำก็น่าจะ 9-10 ตอน เพราะฉะนั้น ยังมีอะไรให้ดราม่าอีกเยอะ -___-
ยังไงก็ตาม แนนก็ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านฟิคเรื่องนี้ ทั้งที่ชอบใจ ไม่ชอบใจ อ่านแล้วแนะนำ อ่านแล้วนั่งด่าหรือจะอะไรก็ตาม แค่ยอดวิวของฟิคแนนเพิ่ม แนนก็ภูมิใจแล้วค่ะ <333 แต่จะสุขใจกว่านี้ถ้าจะมีคอมเม้นจากแฟนฟิคที่น่ารักทุกคนนะคะ 5555555555555
ปล. ความอัดอั้นของไรเตอร์อย่างแนนคือ ร่านเป็นเรื่องที่แนนต้องใช้อารมณ์ในการแต่ง จากที่เห็นเลยคือแนนไม่ได้เน้นเนื้อหาพลอตอะไรมากมาย ใช้แต่อารมณ์ล้วนๆ เพราะฉะนั้น ถ้าตอนแนนแต่งแล้วไม่มีอารมณ์แนนก็จะไม่แต่ง และแนนแต่งฟิคหลายเรื่องไม่ใช่แค่ร่านเรื่องเดียว มันก็จะมีผลมาว่าแนนดอง การทวงฟิคด้วยคำว่า “อัพไวๆนะคะ” “ไรเตอร์สู้ๆ มาอัพเร็วๆนะ” “รออ่านอยู่นะคะ” มันทำให้แนนรู้สึกดีที่มีคนรอ แต่การที่จิกหัวแล้วพูดว่า “ไปแต่งเลยนะ” “รีบๆแต่งเลย อยากอ่าน” “ไม่มีอารมณ์ก็รีบๆสร้างดิ รอนานแล้วนะ” คือมันผ่านตัวอักษรน่ะค่ะ แนนไม่รู้น้ำเสียงของคนที่พูดหรอก แต่แนนขอบอกเลยว่า ไรเตอร์คือคนที่ให้ความบันเทิงกับรีดเดอร์โดยการสื่อความคิดความสร้างสรรค์ผ่านตัวอักษร ไม่ใช่ขี้ข้าที่มีหน้าที่แต่งให้ทุกคนอ่านค่ะ ถ้ารอฟิคแนนไม่ได้ เห็นว่าแนนอัพช้า ไม่น่ารักเหมือนไรเตอร์คนอื่นๆที่อัพทีวันละสองสามตอน มันไม่สนองนี้ดพอ ก็ไม่ต้องอ่านก็ได้ค่ะ แนนไม่ว่า ขอโทษที่ดราม่านะคะ แต่มันคือความรู้สึกของแนนในตอนนี้ (: รักรีดเดอร์ค่ะ
ความคิดเห็น