คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [SF HaeEun] - เพลงสุดท้าย P.2/2 [END] #ดราม่า
กราบสวัสดีรีดเดอร์ที่รอฟิคดองจากแนนทุกท่าน *0*
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าทำไมทงเฮถึงเป็นแบบเน้ TT^TT
เกิดอะไรขึ้น ทำไมทงเฮถึงเปี๊ยนไป๋ คำตอบมันได้มาอยู่ในบทนี้แล้วค่ะ
แนนไม่ขอแพล่มอะไรมาก (เนื่องจากเพิ่งแต่งเสร็จ ยังดราม่าไม่หาย)
ขอบอกได้เพียงแค่ว่า...เตรียมทิชชู่เอาไว้ให้ดี..เพราะความรักของทั้งทงเฮและฮยอกแจ
ที่ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง “เพื่อน” หรือ “คนรัก”
แนนไม่พูดอะไรแล้วไปอ่านกันเถอะค่ะ T^T ชอบไม่ชอบยังไงคอมเม้นกันด้วยเน้อออ..จุ้บุ
LAST SONG END PART
"ขอโทษนะ นายเป็นใครน่ะ คนรู้จักเหรอ? ไม่เคยเห็นจะจำได้"ร่างสูงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงออกอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
ฮยอกแจมองคนตรงหน้าด้วยสายตาตัดพ้อ น้ำใสๆไหลคลอดวงตาคู่กลมสวย คำพูดคำถามที่อยากเอ่ยถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอจนหมดสิ้น มือบางกำเข้าหากันแน่น พยายามกลั้นเสียงสะอื้นไห้และน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาในไม่ช้า
"อ้าว ทำไมพี่ถามแบบนั้นล่ะคะพี่ทงเฮ นี่พี่ฮยอกแจไม่ใช่เหรอคะ พี่สองคนทะเลาะกันเหรอ"หญิงสาวในชุดนักศึกษารัดรูปข้างกายชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"หื้ม...ฮยอกแจ?"ทงเฮเลิกคิ้วมองร่างเล็กนิ่ง กวาดสายตามองร่างบางตั้งใบหน้าหวานลงไปเรือนร่างเพรียวบางน่าทะนุถนอม ร่างเล็กยืนนิ่งราวกับถูกตรึงไว้ด้วยสายตาเฉียบคมของอีกฝ่าย
ริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี่หวานถูกเม้มเข้าหากันสะกดกลั้นหักห้ามใจไม่ให้เอื้อนเอ่ยคำถามที่สงสัย เพราะเกรงใจ กลัวจะทำให้ร่างสูงอารมณ์เสีย อีกทั้งยังมีหญิงสาวรอบๆกายที่ไม่เกี่ยวข้องยืนอยู่ แม้ในใจดวงน้อยมันกำลังตะโกนร้องเสียงดังทั้งน้ำตาถามว่าอะไรเกิดขึ้น ทำไมจู่ๆคนตรงหน้าก็เปลี่ยนไปราวกับคนที่เขาไม่เคยรู้จัก ทั้งๆที่ทั้งสองไม่ได้มีปัญหาผิดใจกัน
"เราเคยคุยกันงั้นเหรอ?"ถามต่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่ปิดปากเงียบ
"อา..อ่อ มะ..ไม่หรอก ชั้นเอ่อ...ทักคนผิดน่ะ"ร่างเล็กตอบกลับตะกุกตะกัก พร้อมส่ายหน้าไปมา ฝืนยกยิ้มเจื่อนๆให้คนตรงหน้า
"หรอ...ถ้างั้น..ขอตัวนะ"ทงเฮเอ่ยลา ยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันหลังก้าวเดินจากไป ทิ้งให้ร่างเล็กและกลุ่มหญิงสาวมองตามไปเงียบๆ
หญิงสาวมองแผ่นหลังแกร่งของทงเฮที่ห่างออกไปเรื่อยๆสลับกับใบหน้าหวานของฮยอกแจด้วยความสงสัย กระซิบกระซาบถามความเป็นไปในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ฮยอกแจชายตาไปมองกลุ่มสาวเพียงเล็กน้อยก่อนจะก้าวหนีสถานการณ์น่าอึดอัด
ขาเรียวก้าวฉับๆไปตามทางเดิน ที่นำไปสู่ประตูทางออกของมหาวิทยาลัย ร่างเล็กก้มหน้ามองพื้น ไม่สบสายตาผู้คนที่มองผ่าน ซ่อนใบหน้าหวานที่อาบด้วยหยาดน้ำตาใสที่กลั้นเอาไว้นาน ความสับสนระคนสงสัยตีกันมั่วในหัว ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกโทษตัวเอง คิดหาเหตุผลต่างๆนานา ย้อนกลับไปดูว่าตนได้ทำอะไรผิดกับเพื่อนสนิทคนสำคัญลงไปหรือไม่ ตลอดทางฮยอกแจเอาแต่พึมพำประโยคเดิมซ้ำๆไม่รับรู้ความเป็นไปรอบๆกาย
“ทงเฮ..นายเป็นอะไร...”
ค่ำคืนอันเงียบเหงาเดินผ่านไปอย่างเชื่องช้า ร่างเล็กในชุดนักศึกษาที่ยังไม่ได้เปลี่ยนตั้งแต่ถึงบ้านนอนขดบนเตียงกว้างร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด เขาต้องเผชิญกับความโศกเศร้าและความฝันอันโหดร้ายด้วยตัวคนเดียว ไร้ซึ่งการปลอบประโลม หรือเสียงอ่อนโยนขับกล่อมบทเพลงข้างๆใบหูดังที่เคยได้รับ
เสียงสะอื้นไห้ดังพร้อมหยาดหยดน้ำตาที่ไหลรินอาบใบหน้าหวานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาคู่สวยบวมแดงช้ำ ริมฝีปากอิ่มที่ห้อเลือดเนื่องจากถูกขบด้วยฟันคมของเจ้าตัวหลายครั้งครา มือเรียวบางยังคงกำมือถือเครื่องบางไว้แน่น นิ้วเรียวเพียรกดโทรออกหาเบอร์ที่ท่องจำได้ขึ้นใจ แม้เสียงตอบรับจะเป็นระบบตอบกลับอัตโนมัติความว่าเบอร์ที่โทรหาถูกปิดบริการไปแล้ว
ใจดวงน้อยที่อ่อนล้ายังคอยพร่ำเรียกหาชื่อบุคคลที่คิดถึง อยากพบเจอ อยากได้อยู่ชิดใกล้ ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน ฮยอกแจต้องการอ้อมกอดแกร่งที่สามารถมอบความอบอุ่นให้เขาได้ในเวลานี้..
...บุคคลที่ทำให้เขาเสียน้ำตามากขนาดนี้...
'ทงเฮ..ทงเฮอยู่ไหน...’
รู้บ้างมั้ย...ว่าฮยอกแจรักทงเฮ...
รักมาก..รักเกินกว่าที่เพื่อนควรจะมีให้เพื่อน ทงเฮรู้มั้ย..?
เช้าวันต่อมา ฮยอกแจเดินเข้ามหาวิทยาลัยด้วยท่าทางอ่อนแรง ชุดนักศึกษาที่ใส่ลวกๆ เส้นผมที่ไม่ได้เซตเป็นทรง ใบหน้าหวานที่หมองคล้ำเพราะไม่ได้พักผ่อน ดวงตาคู่สวยบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้เป็นเวลานาน ขาเรียวบางที่ก้าวเป๋ไปเป๋มาคล้ายควบคุมตัวเองไม่ได้
"ห่า! มึงไปทำอะไรมา อินซีรี่ย์หรืออ่านนิยายใน ทำไมตามึงบวม หนังหน้าเหี้ย สภาพอัปปรีย์ขนาดนี้"คำทักทายยามเช้าจากเพื่อนร่างโปร่งดังขึ้นเมื่อฮยอกแจทิ้งตัวลงนั่งที่ซ้อมเต้นของชมรม
"กูเจอทงเฮ"ฮยอกแจเอ่ยบอกเรียบๆ ดวงตาคู่สวยมองไกลออกไปอย่างเลื่อนลอย เขาถามตัวเองซ้ำๆ คิด เรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันก่อนวันวาเลนไทน์จนถึงปัจจุบัน ก็นึกไม่ออกสักนิดว่าตนได้ทำอะไรผิดพลาดให้ทงเฮไม่พอใจ
"ทงเฮเค้าจำกูไม่ได้"ตอบเสียงเรียบพลางฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างเหนื่อยอ่อน
"ห๊ะ!? ล้อเล่นป่ะมึง คบกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มันจะแดกเป๊ปทีนทำให้ลืมมึงเหรอ มันล้อมึงเล่นรึเปล่า"คยูฮยอนรัวคำถามอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่เพื่อนของตนบอก จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเขาเองก็เห็นๆอยู่ว่าทั้งสองสนิทกันมากแค่ไหน จู่ๆจะมาบอกว่าลืม เป็นไปไม่ได้หรอกน่า...
“กูไม่รู้ กูโทรหาไม่ได้ เขาเปลี่ยนเบอร์”
“มึงไปหาที่บ้านมายัง”
“กูไม่อยากไปแล้ว..กูรำคาญตัวเอง”
“แล้วมึงจะทนสงสัยอยู่แบบนี้อ่ะนะ”คยูฮยอนถามด้วยความเป็นห่วง เขามองอาการของเพื่อนตัวเล็กก็รู้ดีว่าฮยอกแจคงเสียใจและเครียดกับเรื่องนี้มาก มือหนาเลื่อนไปลูบเส้นผมสีอ่อนของเพื่อนเบาๆอย่างเห็นใจ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดเท่าไรนัก จึงไม่อยากพูดอะไรมาก กลัวว่าจะกลายเป็นเขาเองที่ทำร้ายเพื่อน
หลังจากวิชาเรียนภาคเช้าจบลง ฮยอกแจที่ไม่มีเรียนในช่วงบ่ายก็ขอลากลับบ้านไปทันที คยูฮยอนที่มีเวลาเหลือก่อนจะเข้าเรียนภาคบ่ายจึงตัดสินใจเดินไปที่คณะนิติศาสตร์ที่อยู่ห่างจากคณะนิเทศศาสตร์ออกไปสามตึก ร่างสูงสบถบ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย พระอาทิตย์ยามเที่ยงที่สาดส่องทำให้คนขี้ร้อนอย่างเขาต้องยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไรซึมตามไรผม คยูฮยอนเกลียดอากาศร้อนแบบนี้ที่สุด ขนาดตอนนี้ไม่ใช่หน้าร้อน แต่ทำไมมันถึงได้ร้อนแบบนี้นะ
“ไอ้ทงเฮ”คยูฮยอนเรียกชื่อของร่างแกร่งที่เขาตามหา เคียงข้างกายมีหญิงสาวสวย รุ่นพี่ปี 3 ตำแหน่งดาวคณะบัญชี ที่เป็นเป้าหมายของนักศึกษาชายหลายๆคน
ร่างสูงเจ้าของชื่อเหลือบมองเจ้าของเสียงด้วยหางตาเล็กน้อย ก่อนจะขออนุญาตสาวสวยข้างกายแล้วเดินมาทางร่างโปร่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“มีอะไร”คำถามเรียบๆ น้ำเสียงเย็นชา ไร้เยื่อใยมิตรไมตรีทำเอาคยูฮยอนฉุนกึก มือหนากำเข้าหากันแน่น อยากจะมอบหมัดหนักซักเปรี้ยวเข้าที่ใบหน้าหล่อตรงหน้า
“มึงทำอะไรฮยอกแจ ทำไมฮยอกแจถึงบอกว่ามึงจำมันไม่ได้”คยูฮยอนกดเสียงต่ำ สายตาคมจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง รอคำตอบจากอีกฝ่าย ข่มอารมณ์ร้อนในใจให้สงบลง
“ฮยอกแจ? ใครวะ? กูไม่รู้จัก”ทงเฮตอบเรียบๆ เลิกคิ้วมองอีกร่างสายตาว่างเปล่า
“เหี้ยทงเฮ มึงอย่ามาตอแหล กูรู้ว่ามึงจำได้ มึงไม่ใช่พระเอกเอ็มวีที่หัวฟาดพื้นสมองเสื่อมนะไอ้เหี้ย”คยูฮยอนสบถด่าคำหยาบสีหน้าจริงจัง อากาศที่ร้อนแรงยิ่งทำให้อารมณ์เดือดของเขาปะทุมากขึ้น
“กูไม่รู้จักคนชื่อฮยอกแจจริงๆ”
“สัด กูขอสักหมัดเหอะ”พูดจบ คยูก็ซัดหมัดหนักๆเข้ากับใบหน้าคมของอีกฝ่ายจนคนที่ถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวเซไปเล็กน้อย มือหนายกขึ้นแตะมุมปากของตน เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่แตะจมูก
“เหี้ย มึงต่อยกูทำไม”เอ่ยถามด้วยความงุนงง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆคยูฮยอนถึงเข้ามาพูดถึงใครที่เขาไม่รู้จัก แล้วซัดหมัดให้เขาแบบนี้
“สัด มึงไม่ต้องมาทำหน้าซื่อ ไอ้เหี้ยทงเฮ มึงมีเมีย แล้วลืมเพื่อนแบบนี้หรอวะ ฮยอกแจมันเป็นห่วงมึงมากนะโว้ย รู้มั้ยมันร้องไห้มากแค่ไหน ไปดูสภาพหน้ามันวันนี้สิวะ ไอ้สารเลว”ก่นด่าคำหยาบสารพัดใส่อีกฝ่าย ซัดหมัดใส่ใบหน้าหล่ออีกครั้งระบายความโมโหที่สุมอยู่ในใจ ทำไม คนที่เขาไว้ใจว่าจะทำให้เพื่อนรักของเขามีความสุขถึงทำให้เขาผิดหวังมากขนาดนี้
“เหี้ย มึงจะต่อยกูอีกนานมั้ย สัด!!!”เป็นฝ่ายทงเฮที่ซัดหมัดหนักๆเข้าที่ใบหน้าของร่างโปร่ง คยูฮยอนที่มีฝีมือในการต่อสู้น้อยกว่าเซถอยหลังไปเล็กน้อย แขนแกร่งง้างหมัดหมายจะซัดใบหน้าคม
“กูไม่อยากทะเลาะกับเพื่อน เพราะคนที่กูไม่รู้จัก สัด! เลิกพูดถึงไอ้คนชื่อฮยอกแจอะไรนั่นได้แล้ว กูไม่รู้จัก เสียเวลากูว่ะ”ทงเฮชี้หน้าบอกเพื่อนเสียงแข็ง
“เสียเวลาที่มึงจะไปอยู่กับเมียใช่มั้ย ไอ้สารเลว สัตว์มันยังรักเพื่อนฝูงคนที่เคียงข้าง มึงนี่ต่ำกว่าสัตว์อีกว่ะ กูผิดหวังในตัวมึงจริงๆ”
“กูก็ไม่ได้หวังให้มึงมาคาดหวังอะไรในตัวกู กูไปหาแฟนกูล่ะ แล้วอย่าเสือกมาหาเรื่องกูเพราะเรื่องงี่เง่าอีกนะ กูรำคาญ”ทงเฮสั่งด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปหาหญิงสาวที่ยืนคอยอยู่ ทิ้งให้คยูฮยอนที่กำลังหัวเสียได้แต่เตะลม กระทืบพื้นอย่างหัวเสีย
‘ตกลง ไอ้เชี่ยทงเฮเป็นห่าอะไร’
นับตั้งแต่วันที่ได้พูดคุยกับทงเฮครั้งนั้น ฮยอกแจก็พยายามเข้าไปทักทาย หรือพูดคุยกับทงเฮเมื่อมีโอกาสที่ได้พบเจอกัน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่นาที เขาก็พยายามเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนไป แม้คำตอบที่ได้รับจะไม่ต่างจากทุกครั้ง สายตาเย็นชา น้ำเสียงที่เรียบเฉย เอ่ยบอกเขาซ้ำๆ ย้ำให้เขาเข้าใจไว้ว่า ‘ทงเฮไม่รู้จักฮยอกแจ และไม่มีความทรงจำใดๆเกี่ยวข้องกับฮยอกแจเลยแม้แตน้อย’
วันเวลาที่เดินผ่าน ฮยอกแจต้องทนเผชิญกับความเจ็บปวดทรมาณที่ไม่ได้รับการเยียวยาจนเป็นความเจ็บปวดเรื้อรัง มันคอยตอกย้ำซ้ำเติมบาดแผลในใจดวงน้อยจนบางครั้งฮยอกแจก็คิดอยากจะหยุดหายใจ หรือทำอะไรให้ความทรงจำที่มีกับทงเฮลบเลือนหายไป เหมือนกับที่อีกฝ่ายกระทำ
ความเงียบเหงาที่ฮยอกแจเกลียดชัง ความมืดมนยามราตรีที่ฮยอกแจหวาดกลัว ไม่มีคืนใดที่ฮยอกแจหลับสนิทได้สบายตัว เพราะร่างบางเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญคิดถึงอดีตและเรียกหาบุคคลที่สำคัญที่เขาไม่อาจะเอื้อมมือไขว่คว้า หรือได้ชิดใกล้ ห้วงนิทราที่สงบที่สุดของเขาจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อฮยอกแจร้องไห้จนเหนื่อยและผลอยหลับไปจนถึงรุ่งเช้า
ร่างกายที่ธรรมดาก็บอบบางเพรียวเล็ก ก็ซูบผอมลงเพราะอาหารที่ฮยอกแจเลือกทานเข้าไปเพียงเล็กน้อย ด้วยเหตุผลที่เจ้าตัวคอยอ้างว่าทานไม่ลง และการพักผ่อนที่ได้รับน้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน ใบหน้าหวานที่เคยสดใส กลับซีดเซียวลง ดวงตาคู่สวยที่เคยฉายแววร่าเริง รอยยิ้มหวานที่ใครต่อใครหลงใหล ได้จางหายไปจากฮยอกแจทั้งหมด
คยูฮยอนที่ได้แต่เฝ้ามองเพื่อนรักอยู่ห่างๆ พยายามจะหาอาหารง่ายๆที่มีประโยชน์แนะนำให้เพื่อนตัวเล็กทาน ชอตโน้ตเลกเชอร์ที่เขาจดถูกซีรอกเย็บเป็นเล่มให้อยู่เสมอ แม้ว่าร่างเล็กมักจะปฏิเสธและพยายามคืนทุกสิ่งที่เขามอบให้ เขาก็บังคับที่จะยัดทุกสิ่งใส่มือของเพื่อนรัก เขาพยายามช่วยฮยอกแจทุกวิถีทาง เพราะเขาทนดูภาพของคนตัวเล็กที่ทรุดโทรมลงมากขนาดนี้ไม่ได้
...คยูฮยอนไม่ได้ใจร้ายเหมือนกับไอ้ชั่วลีทงเฮนะ...
วันเวลาที่แปรผันทำให้ความเพียรพยายามของฮยอกแจที่คอยวิ่งตาม ถามไถ่เรื่องราวของทงเฮ แม้สิ่งที่ได้รับคือสีหน้าที่แสดงออกถึงความเบื่อหน่ายค่อยๆลดเลือนลงช้าๆ ฮยอกแจคอยย้ำบอกตัวเองให้หยุดทำแบบนี้เสียที คอยเตือนบอกให้ลืมสิ่งดีๆ ความทรงจำล้ำค่าที่มันย้อนกลับมาทำร้ายจนเขากลายเป็นคนที่ดูไร้ค่าในสายตาของคนรอบข้าง
ข่าวซุบซิบนินทาเรื่องของเขากับทงเฮเงียบลงมากจนแทบไม่มีใครพูดถึง แต่ข่าวที่ดังเป็นประเด็นสนทนาใหม่ที่ขึ้นมาแทนคือข่าวของทงเฮกับคนรักสาวสวยไม่มีที่ติ ในทุกๆครั้งที่ฮยอกแจได้ยินข่าวของทั้งคู่ เขาทำได้เพียงเก็บความเศร้าเอาไว้ในใจ อดทนกลั้นน้ำตาเอาไว้ เก็บไปร้องไห้เงียบๆคนเดียวที่บ้านแทน
...ฮยอกแจไม่อยากดูน่าสมเพช...
“ลี ฮยอกแจ”คยูฮยอนเรียกชื่อเพื่อนรักตัวเล็กที่นั่งทานข้าวตรงข้าม พลางตักเนื้อหมูในจานของตนใส่จานของอีกฝ่าย
“หืม?”
“ทงเฮไม่มามาหาวิทยาลัยสองอาทิตย์แล้ว”
“กูไม่รู้”ฮยอกแจตอบเรียบๆหลบสายตาเพื่อนรัก
“กูไม่ได้ถามว่ามึงรู้ไม่รู้ กูแค่อยากบอกมึง กูได้ยินสาวๆเขาคุยกัน”
“อืม”ฮยอกแจพยักหน้ารับเรียบๆ คยูฮยอนจึงหุบปากเงียบไม่ชวนคุยต่อ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดำเนินไปช้าๆท่ามกลางความเงียบเหงาที่น่าอึดอัดเหมือนกับทุกๆวัน
“ฮยอกแจ”คยูฮยอนเรียกชื่อเพื่อนรักอีกครั้งเมื่อนึกอะไรได้
“อะไร”
“เดือนเมษาแล้วนะมึง”
“อืม กูรู้..แล้วไง?”ฮยอกแจถามต่อเรียบๆ ตักเนื้อหมูที่ร่างโปร่งมอบให้เข้าปากช้าๆ
“จะวันเกิดมึงแล้ว”
“อ่อออ..อื้ม แล้ว?”
“ไปเที่ยวมั้ย?”
“กูไม่อยากไป”
“แต่มึงควรจะไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ทำตัวดราม่าแบบนี้ สภาพมึงจากราชินีเคะ กลายเป็นซากศพไปแล้วมึงรู้ตัวบ้างมั้ย”คยูฮยอนบ่นอย่างไม่ค่อยพอใจ เขาเกลียดสภาพของเพื่อนรักในตอนนี้ที่สุด มันไม่ใช่สภาพของเพื่อนรักที่เขาเคยรู้จักเลยสักนิด ตั้งแต่เขารู้จักกับฮยอกแจตอนเข้ามหาวิทยาลัย คนตัวเล็กดูแลรักษาผิวพรรณ์ใบหน้าจนสวยหวานเกินกว่าผู้หญิงบางคน
“วันอื่นได้มั้ย”
“มึงพูดแบบนี้กี่ครั้งแล้ว”
“นะ..กูขอร้อง”ฮยอกแจมองหน้าร่างโปร่งนิ่งด้วยสีหน้าจริงจัง จึงทำให้คยูฮยอนปฏิเสธคำขอร้องของร่างเล็กไม่ได้
ฮยอกแจไม่อยากไปเที่ยวในวันเกิดของเขา เพราะวันเกิดทุกๆปีนับตั้งแต่ที่เขาจำความได้ ไม่มีปีไหนเลยสักครั้งที่ทงเฮไม่ได้ร่วมฉลองกับเขา ของขวัญชิ้นแรกที่ทงเฮให้ เขายังเก็บมันไว้ในกระเป๋าสตางค์จนถึงตอนนี้ ไม่มีสักครั้งที่เค้กวันเกิดของเขาจะไม่ถูกแบ่งให้กับทงเฮ แต่สำหรับปีนี้...คงไม่มีสินะ...
4 เมษายน...วันครบรอบวันเกิดปีที่ 19 ของลีฮยอกแจ
ร่างเล็กทานอาหารเช้าร่วมกับครอบครัวเหมือนกับทุกๆวัน อาหารง่ายๆอย่างขนมปังปิ้งและโกโก้ร้อนถูกทานเข้าไปมากกว่าปกติ พี่สาวลูกคนโตของบ้านมองจานอาหารของน้องแล้วยิ้มหวานอย่างดีใจให้กับบิดามารดา นานมากแล้วที่ไม่เห็นฮยอกแจทานเยอะมากขนาดนี้
“ปีนี้อยากทานเค้กอะไรมั้ยลูก ปีสุดท้ายของการฉลองเลข 1 แล้วนะ ปีหน้าลูกก็ขึ้นเลขสองเป็นหนุ่มแล้ว”คุณแม่ยังสวยเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มหวาน
“ไม่ล่ะครับแม่ ปีนี้ผมไม่ค่อยอยากทำอะไรเลย”ฮยอกแจเอ่ยบอกตามความรู้สึก ชายหนุ่มมองใบหน้าของมารดาสลับกับพี่สาว
“อยากได้อะไรมั้ยล่ะลูก เสื้อผ้าใหม่ๆ โทรศัพท์ใหม่มั้ย”หัวหน้าครอบครัวเอ่ยถามขึ้น
“ไม่ล่ะฮะ ผมว่าเปลืองออกนะ”
‘ติ้งต่อง’เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น พี่สาวคนสวยจึงรีบวิ่งไปต้อนรับตามหน้าที่ ฮยอกแจเหลือบไปมองที่ประตูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ใครกันที่มีธุระอะไรกับบ้านเขาตั้งแต่เช้าวันเสาร์แบบนี้
“ฮยอกแจ ออกมานี่หน่อยสิ”ผู้เป็นพี่ตะโกนเรียกน้องชายเสียงดัง ฮยอกแจจึงรีบลุกจากโต๊ะอาหารเดินไปตามเสียงเรียก แต่ภาพของบุคคลที่ยืนรออยู่หน้าประตูทำให้ฮยอกแจรู้สึกชาไปทั้งร่าง บุคคลที่เขาไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบเจอในวันสำคัญแบบนี้
หญิงสาววัยกลางคน ในชุดสีดำสนิท ใบหน้าสวยที่ถูกปกปิดร่องรอยด้วยเครื่องสำอางชั้นดี แต่ทว่าแววตาที่ส่งมากลับดูเศร้าสร้อยจนน่าใจหาย ในมือมีกล่องของขวัญขนาดไม่ใหญ่มาก ห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญสีส้มลายลูกไก่ คาแรกเตอร์การ์ตูนที่เขาเคยชื่นชอบสมัยประถม ...มารดาของลีทงเฮ...
“สะ..สวัสดีครับ”ฮยอกแจก้มหัวโค้งหัวให้กับหญิงสาวตรงหน้า ฮยอกแจรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ในสมองมันหนักอึ้ง สับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมจู่ๆมารดาของทงเฮถึงมาหาเขาในวันเกิด ทั้งๆที่เขาไม่ได้ติดต่อกับทงเฮ หรือเข้าไปที่บ้านหลังนั้นได้ประมาณสองเดือนแล้ว
“ทงเฮเขามีของขวัญให้ฮยอกแจน่ะจ้ะ วันนี้เขาไม่ว่างเอามาให้ด้วยตัวเอง แต่เขาฝากแม่มากำชับว่าให้เปิดมันตอนอยู่คนเดียว แล้วก็มีความสุขมากๆนะจ้ะ สุขสันต์วันเกิดจ้ะ”หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญให้กับร่างบาง ฮยอกแจเลื่อนมือไปรับกล่องนั้นมาด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ ยิ้มรับขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดที่เขาไม่คิดว่าจะได้รับ
หลังจากนั้น มารดาของทงเฮก็จากไป โดยไม่ได้เข้ามาทักทายอะไรต่อ ทั้งโซราและฮยอกแจกลับมาทานอาหารเช้าจนเสร็จ ก่อนที่บิดากับมารดาจะออกไปซุปเปอร์มาร์เกตเพื่อซื้อของใช้เข้าบ้าน พี่สาวคนสวยก็กลับเข้าห้องส่วนตัวไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย
ฮยอกแจเปิดประตูเข้าห้องนอนของเขาอย่างอ่อนแรง เขายังรู้สึกแปลกใจและสับสนไม่หายที่ได้รับกล่องของขวัญจากมารดาของทงเฮ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทงเฮไม่เอามาให้เอง หรือไม่ก็เอามาให้วันจันทร์ที่มหาวิทยาลัยก็ได้ และที่สำคัญ ระยะเวลาที่ห่างกันไปนานขนาดนี้ ถ้าทงเฮจำเขาไม่ได้จริงๆหรือไม่มีความผูกพันใดๆกับเขา ทำไมถึงจำวันเกิดเขาได้กันล่ะ
ฮยอกแจนั่งลงบนเตียง ค่อยๆบรรจแกะกระดาษห่อของขวัญลายน่ารักออกช้าๆ ในใจก็อดถามไม่ได้ว่าคนที่ตั้งใจเลือกกระดาษห่อของขวัญลายนี้คือใคร จะใช่เจ้าของของขวัญหรือไม่ รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้าเล็กน้อย ความสุขที่เกิดขึ้นในใจเพียงเล็กน้อยทำให้ฮยอกแจอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
เมื่อกล่องของขวัญถูกเปิดออก ฮยอกแจก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัย มือบางค่อยๆหยิบสิ่งของที่อยู่ด้านในออกวางบนเตียงช้าๆ เทปคาเซตเก่าๆ 4-5 ม้วน ที่มีกระดาษเล็กๆแปะติดเขียนบอกวันเวลาเอาไว้ พร้อมกับกล่องใส่ซีดี ที่บรรจุแผ่นซีดีจำนวนเกือบสิบแผ่นเอาไว้ ที่มีตัวอักษรบอกวันที่และชื่อเพลงในแผ่น ทุกๆอย่างถูกเรียงเอาไว้อย่างเป็นลำดับอย่างประณีตเรียบร้อย
ก่อนที่ฮยอกแจจะเห็นซองใส่ดีวีดีหนึ่งแผ่นที่ถูกวางไว้ล่างสุดของจำนวนสิ่งของทั้งหมด ลายมือหวัดๆที่คุ้นเคยเขียนบอกวันที่และเวลาที่ใหม่ที่สุด ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง กวาดสายตามองเลขวันที่หลายๆครั้งเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้ตาฝาด
...วันที่ที่ระบุว่าเวลาล่วงเลยผ่านมาเพียงหนึ่งเดือน...
...ช่วงเวลาที่เขากับทงเฮไม่ได้ติดต่อกัน...
ร่างเล็กรีบถลานำแผ่นดีวีดีแผ่นนั้นไปเปิดในโน้ตบุคเครื่องเล็ก นิ้วเรียวรีบคลิ๊กเม้าท์เร่งเปิดเพื่อดูข้อมูลที่อยู่ด้านใน ใจดวงน้อยเต้นโครมครามเสียงดังอย่างตื่นเต้น ทงเฮมีอะไรจะบอกเขาอย่างนั้นเหรอ ไฟล์วีดีโอความยาวประมาณ 20 นาทีเป็นไฟล์เดียวที่ถูกบันทึกเอาไว้ ฮยอกแจรีบกดเปิดมันทันที
(จิ้มจึ้กเปิดเพลงเคล้าอารมณ์)
ให้เพลงนี้เป็นเพลงหนึ่งของเธอ
ฉันเขียนมาจากใจ ฉันให้เธอ
แค่อยากเอ่ยคำว่ารักเธอ เป็นเพลงสุดท้าย
เสียงทำนองกีต้าร์เบาๆดังขึ้นพร้อมกับไฟล์ที่ถูกเล่น ก่อนที่ภาพของชายหนุ่มร่างสูงที่คุ้นเคย บุคคลที่ฮยอกแจคิดถึง ห่วงหา อาวรณ์ ปรากฏบนจอ กีต้าร์โปร่งเครื่องดนตรีตัวโปรดของเจ้าตัวถูกถืออยู่ในมือแกร่งที่เคยกุมมือของฮยอกแจเอาไว้ ชายหนุ่มส่งยิ้มเล็กน้อยให้กับกล้องวีดีโอที่กำลังอัดภาพของตน
ใบหน้าหล่อคมซีดเซียวไร้เลือดฝาดในแบบที่ฮยอกแจไม่เคยเห็น แขนแกร่งที่เคยมีกล้ามเนื้อแน่น กลับดูซูบเซียว เท่าที่สังเกตได้ทงเฮน่าจะผอมลงจากครั้งสุดท้ายที่ฮยอกแจพบเจอประมาณ 5-6 กิโล..
ฮยอกแจเม้มปากแน่นมองภาพของคนที่มีอิทธิพลกับเขา นิ้วเรียวเผลอจิกโต๊ะเขียนหนังสือแน่น รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์แปลกๆปรากฎขึ้นในใจเขา แต่กลับบอกอารมณ์ไม่ถูกว่ามันเป็นอย่างไร
“สวัสดี..ฮยอกแจคนดี”เสียงทุ้มต่ำที่แหบพร่าดังจากลำโพงโนตบุคเครื่องหรู ฮยอกแจกดเร่งเสียงให้ดังขึ้น เขาอยากมั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดมากไปเองว่าเสียงของทงเฮคล้ายกับคนกำลังป่วย
“นายคงจะตกใจสินะว่าทำไมอยู่ดีๆฉันถึงเปลี่ยนไป ทำเหมือนไม่รู้จักนาย แล้วจู่ๆก็กลับมา อัดวีดีโอบ้าๆอะไรก็ไม่รู้ให้นายฟัง” ฮยอกแจพยักหน้าหงึกหงัก เห็นด้วยกับสิ่งที่คนในวีดีโอพูด ร่างเล็กนั่งเงียบนิ่งรอฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะบอก
“วันนี้วันเกิดนายใช่มั้ย วันนี้นายคงได้รับของขวัญเยอะแยะเลยใช่มั้ย ตอนนี้นายอายุ 19 แล้วสินะ ยินดีด้วยนะฮยอกแจ...”คำอวยพรจากอีกฝ่ายเงียบลงพร้อมกับรอยยิ้มที่จางหายไปจากใบหน้า
“ตอนที่นายกำลังดูคลิปนี้ นายคงกำลังสงสัยใช่มั้ยว่าชั้นต้องการสื่ออะไร...
ฮยอกแจ... ชั้นเสียดายจังที่จะไม่ได้อยู่ฉลองวันเกิดอายุ 19 ปีของชั้นกับนาย เพราะนายคงไม่รู้หรอก ว่าฉันมีเวลาเหลือไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้ว ฮ่ะๆๆ มันดูโง่มากใช่มั้ย? นายคงกำลังจะด่าชั้นในใจว่าคิดจะทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีอีกแล้วหรอ ฮ่ะๆ ชั้นยอมให้นายด่านะ เพราะชั้นก็คิดว่าชั้นกำลังมันอยู่...
อืม..ฮยอกแจ..จำได้ใช่มั้ย? วันที่ 13 กุมพาก่อนวาเลนไทน์ที่ชั้นไม่ได้กลับบ้านพร้อมนาย... ชั้นไม่ได้หายไปไหนหรอก ชั้นไปหาหมอมา หมอบอกว่าชั้นเป็นเนื้องอกในสมอง และมันมากเกินกว่าจะเยียวยาด้วยการผ่าตัด... ตั้งแต่ชั้นรู้ข่าว ชั้นตกใจมากเลยล่ะ เพราะชั้น....ไม่เคยรู้มาก่อนเลย...
หมอบอกว่าชั้นมีเวลาเหลือไม่มาก ชั้นเลยตัดสินใจทิ้งแผนการที่จะเซอร์ไพร้ส์นายวันวาเลนไทน์ เพราะชั้นไม่อยากเป็นไอ้เห็นแก่ตัวไงล่ะ.. ชั้นไม่อยากผูกมัดนายไว้กับคนที่ใกล้ตายอย่างชั้น ชั้นกลัวว่านายจะรับไมม่ได้ถ้าหากรู้ความจริง ชั้นเลยตัดสินใจแกล้งทำเป็นไม่รู้จักนาย ทั้งๆที่...มันยากมากเลยนะรู้มั้ย?
สภาพนายตอนที่นายหน้าเศร้า ตาแดง และบอกว่าจำคนผิดน่ะ มันแย่สุดยอดเลย มันเกือบทำให้ชั้นกระชากตัวนายเข้ามากอด แล้วบอกว่าชั้นจำนายได้ ชั้นไม่เคยลืมนายได้เลยสักครั้งเลยฮยอกแจ...
ชั้นขอโทษนะที่ไม่ยอมบอกความจริง.. ทั้งๆที่ถ้าบอกมันไปเราคงจะได้ใช้เวลาด้วยกันมากกว่านี้...แต่ชั้นกลัวว่านายจะรับไม่ได้ เปลี่ยนไป เอาใจชั้นทุกๆอย่าง ทำดีกับชั้นมากเกินปกติ ชั้นเลยต้องทำแบบนี้ เย็นชาใส่นาย ร้ายใส่นาย แต่ขนาดนี้นายยังคอยวิ่งตามชั้นตลอดเลย.. ชั้นไม่รู้ว่านายรู้ตัวรึเปล่า ว่าชั้นแบบมองนายตลอดเวลาที่เดินตามชั้น มันตลกมากเลยนะ.. เพราะชั้นเองก็ยังแอบหวังในใจลึกๆว่านายจะตามชั้น แม้ว่าชั้นจะทำเลวๆลงไป..
อย่างน้อย...มันก็พอจะบอกชั้นได้ว่า...นายก็คิดเหมือนกับที่ชั้นคิดใช่มั้ย? นายคงอยากได้ยินคำๆนี้ ที่ชั้นไม่เคยได้บอกกับนายเลยสักครั้ง แต่ชั้นเชื่อนะ...ว่านายคงสัมผัสกับมันได้ สัมผัสมันด้วยหัวใจ ผ่านการกระทำทุกๆสิ่งที่ทำให้ไป...ถึงความสัมพันธ์ของเรามันจะคลุมเครือ จนบางครั้งชั้นก็รู้สึกกระอักกระอ่วน..แต่วันนี้ เวลานี้ ชั้นอยากจะบอกนายให้รู้เอาไว้ว่า ชั้นรักนาย รัก..แบบที่ไม่ใช่แค่เพื่อนกันรักกัน..แต่เป็นแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักใครสักคนได้...”
ที่รัก รัก ฉันรักเธอหมดใจ
และต่อจากนี้ แม้ฉันต้องลาไป
จะรักจะห่วงใย แบบนี้ตลอดไป...
หยาดน้ำตาใสๆไหลจากดวงตาคู่สวยอาบแก้มขาวเนียนของฮยอกแจอย่างห้ามไม่อยู่ ความจริงที่ได้รับมันทำให้ฮยอกแจทั้งดีใจ และเสียใจ ปะปนกันจนเขาเองก็บอกความรู้สึกของตนไม่ถูก เสียงสะอื้นไห้ดังขึ้น ลาดไหล่บางสั่นสะท้าน
“ฮึก..ทำไม...ฮึก...ทำไมล่ะทงเฮ...ทำไมนายถึงไม่บอกกัน...ฮึก...ทำไมถึงไม่อยู่รอฟัง..ว่าฉันรักนายมากแค่ไหน ทำไม...”
รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏบนใบหน้าคมอีกครา ทงเฮยกกีต้าร์โปร่งขึ้นวางบนตักพร้อมจะบรรเลงเพลงที่ตั้งใจจะมอบให้ร่างเล็ก นิ้วเรียวยาวค่อยๆกรีดไปตามสายกีต้าร์ช้าๆ
“เพลงนี้...มันคือเพลงสุดท้ายที่ชั้นจะร้องให้นาย...สัญญานะฮยอกแจ...สัญญาว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข รอยยิ้มของนายมันสวยมากเลยนะ อย่าละทิ้งให้มันหายไป...แล้วเมื่อไรที่นายคิดถึงชั้น..ให้ฟังเพลง..ทุกๆเพลงที่เคยร้องให้ฟัง..”
ทงเฮเอ่ยบอกด้วยเสียงที่สั่นพร่า ดวงตาคู่คมมีน้ำตาคลอคล้ายกับมันพร้อมจะหลั่งไหลออกมาในทุกๆที เสียงอ่อนโยนที่ฮยอกแจรักค่อยๆขับกล่อมบทเพลงรักหวานซึ้ง เนื้อหาความหมายที่ทำให้ฮยอกแจปล่อยโฮออกมาไม่หยุด
ถึงแม้ว่าเพลงนี้จะเหลือเพลงสุดท้าย...
ประโยคสุดท้ายของบทเพลงดังขึ้นพร้อมกับเสียงขาดห้วงของคนในวีดีโอ หยดน้ำตาลูกผู้ชายไหลหยดลงบนกีต้าร์หยดแล้วหยดเล่า ก่อนที่วีดีโอที่ถูกอัดจะถูกตัดลงไป...
แม้คลิปวีดีโอของขวัญจากคนที่ฮยอกแจรักมากที่สุดจะถูกปิดลงไปแล้ว แต่เสียงสะอึกสะอื้นจากเจ้าของวันเกิดยังดังต่อเนื่องไม่หยุด ไม่ใช่ว่าเขากำลังเสียใจ..แต่เขากลับปลื้มใจ และดีใจมากที่สุด...
อย่างน้อย..เขาก็ได้รู้ว่าคนแรกที่เขารัก...ก็รักเขาเช่นเดียวกัน...
ทงเฮรักเขาจนถึงนาทีสุดท้ายที่มีลมหายใจ..ไม่ต่างจากเขา...ที่จะรักทงเฮ..ตราบนาน..เท่านาน..
“ฮึก..ทงเฮ...ชั้นสัญญา..ฮยอกแจสัญญา...ว่าฮยอกแจจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อนาย..เพื่อทงเฮที่รัก...ที่รักของชั้น....ฮึก...จากวันนี้...จนถึงนาทีสุดท้ายที่มีลมหายใจ อึก...ฮืออออ..รอชั้นนะ..ฮึก..อีก..ไม่กี่สิบปี..ชั้นจะไปหานาย..ฮึก..ทงเฮ..”
END
ฮึก...อย่าว่าแต่รีดเดอร์ที่น้ำตาพรากเพราะความดราม่า TT^TT
ตอนนี้แนนเองก็ไม่ต่างจากกันค่ะ อ้ะฮิ้งงง
ชอบไมชอบยังไงบอกกันได้เลยนะคะ ^^
ปล. เรื่องนี้อาจจะมีพาร์ธต่อก็ได้ค่ะ แล้วแต่ว่าจะมีเสียงรีเควสหรือไม่ หุหุ สวัสดีค่ะ
ความคิดเห็น