ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] ..BEWITCH.. HaeEun

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : What...

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 54


      

     

     

     



    ตกลงสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด..มันมันผิดมาตั้งแต่ต้นเหรอ?

     

    ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่หน้าคณะนิเทศศาสตร์ มีโต๊ะหินเล็กๆตั้งอยู่ ที่นี่เป็นที่นั่งเล่นประจำของฮยอกแจ ซองมิน และทงเฮ ที่มักจะมานั่งทานข้าวกล่อง พูดคุย นั่งเล่นกีต้าร์ ติวหนังสือ หรือลอกเลคเชอร์ด้วยกันในเวลาพักระหว่างคาบเรียน แต่ในวันนี้ที่โต๊ะกลับมีเพียงแค่ฮยอกแจคนเดียว เพราะทั้งซองมิน และทงเฮต่างต้องไปทำหน้าที่คนรักที่ดี ต้องไปทานอาหารกับแฟน ใช้เวลาร่วมกันตามประสาคนมีความรัก

     

    เที่ยงวันนี้ฮยอกแจตัดสินใจไม่ทานอาหารกลางวัน แต่เลือกที่จะใช้เวลากับการอ่านทบทวนบทเรียนเพื่อเตรียมตัวกับการสอบย่อยที่จะมีในวันพรุ่งนี้ แต่ไม่ว่าจะอ่านกี่รอบ ก็ดูเหมือนว่าเนื้อหาในหนังสือไม่เข้าหัวเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว เพราะเรื่องที่คนตัวเล็กคิดถึงอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ใช่เรื่องใครอื่น นอกจากเพื่อนสนิทคนสำคัญที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นอาทิตย์

     

    ทุกๆวันฮยอกแจเอาแต่ถามตัวเองในคำถามเดิมๆ โทษตัวเองซ้ำๆ ย้ำว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มสร้างปัญหาทุกอย่างให้วุ่นวาย เป็นคนที่ทำให้ทงเฮเปลี่ยนไปเป็นไปเป็นคนละคนกับที่รู้จักมาตลอดเกือบสิบปี

    จากที่เคยเป็นคนสดใสร่าเริง ยิ้มง่าย อัธยาศัยดี เอาใจใส่เพื่อนๆก็กลายเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย เย็นชา ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และที่สำคัญคือรอยยิ้มกว้างที่ฮยอกแจชอบแอบมองก็หายไป เหลือเพียงรอยยิ้มมุมปากที่ดูไม่จริงใจกับใครสักคน

     

    ตั้งแต่ที่มึงนิสัยเปลี่ยนไป...รู้มั้ยว่ากูเสียใจมากแค่ไหน ทงเฮ..

    เพราะวันนั้นใช่มั้ย...ตอนนี้มึงถึงด่ากูสารพัดคำหยาบ.

    เพราะถ้าหากไม่มี วันนั้น ทุกวันนี้มึงคงจะไม่ดูถูกเหยียดหยามกูใช่มั้ยทงเฮ.

     

    สายลมเอื่อยๆพัดพาให้ความเย็นปะทะกับใบหน้าหวาน มือบางพับหนังสือเล่มหนาที่กำลังอ่านลง ก่อนที่จะเอนหลังพิงต้นไม้ต้นใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน นี่เขาไม่ได้พักผ่อนเต็มที่มากี่วันแล้วนะ.. ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องกับซีวอน.. หรือว่าก่อนหน้านั้น..สักสองปีกันนะ?

    ดวงตากลมโตสีดำขลับปิดลงสนิท ปิดกั้นตัวเองกับโลกภายนอกพร้อมทิ้งตัวด่ำดิ่งในห้วงความคิดที่ต่อให้พยายามสลัดอย่างไรก็ไม่ยอมออกไปจากสมองเสียที

     

    บางครั้งเขาก็อยากจะนึกเข้าข้างตัวเองว่าที่ร่างสูงคอยด่าคอยพูดคำร้าย แสดงออกว่าโมโหหงุดหงิด เพราะเรื่องซีวอน เป็นเพราะว่าทงเฮนั้นหึงหวงตน ไม่อยากให้ไปเข้าใกล้ใครคนไหน

    แต่เพราะหลายๆเหตุการณ์ คำพูดหลายๆคำพูดที่ออกจากปาก มันก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าทงเฮไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแบบนั้นเลย

    ก็แค่...รู้สึกกลัวว่าสิ่งที่เคยมีจะหายไปใช่มั้ย?

     

    จะเข้าข้างตัวเองได้อย่างไรกันล่ะ.. ก็ในเมื่อทงเฮคอยเอ่ยย้ำพร่ำบอกกับเขาว่าฮีบินน่ารัก และถูกใจมากเพียงใด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทงเฮเจอฮีบิน ก็ไม่มีเวลาไหนที่เขาจะไม่ได้ยินชื่อของหญิงสาวจากปากของเพื่อนรักติดต่อกันเกินสองวันเลยสักครั้ง

    คำถามแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย ความใส่ใจคนที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาคนเดิมๆในทุกๆวัน มันกรีดลึกเข้าไปในใจของคนฟัง ทั้งสีหน้าท่าทางการแสดงออกที่บอกว่าดีใจแค่ไหนที่ได้พูดถึงรุ่นพี่คนนั้น

    ไม่มีทางหรอก..

    ไม่มีแม้แต่ความหวัง...

    ลี ฮยอกแจน่ะ..ไม่มีสิทธิที่จะได้รับในสิ่งที่เทียมเท่ากับฮีบินหรอก...

     

     

    “ฮยอกแจ มานั่งทำอะไรตรงนี้น่ะครับ”ร่างสูงแกร่งที่คุ้นเคยเดินเข้ามานั่งที่ฝั่งตรงข้ามพร้อมเอ่ยทักทาย ฮยอกแจลืมตามองใบหน้าหล่อตรงหน้าแล้วก็เบือนหนี

    ...ในเวลาแบบนี้ เขาไม่อยากจะเจอหน้าเชว ซีวอนเลยจริงๆ...

     

    “มาทำไมน่ะ? วันนี้อาจารย์ปล่อยเร็วรึไง?”

    “ก็ปล่อยตามตารางแหละครับ แต่ผมแค่อยากมาเจอหน้าฮยอกแจ”เอ่ยบอกตามตรงพร้อมยกยิ้มอ่อนโยน มือหนาเลื่อนไปกุมมือบางเอาไว้ ไล้นิ้วโป้งสัมผัสกับหลังมือแผ่วเบา

     

    “ซีวอน..อย่าทำแบบนี้กับชั้นอีกได้มั้ย? ก็บอกหลายครั้งแล้วไงว่าชั้นไม่ชอบน่ะ”ชักมือกลับพร้อมว่าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ร่างเล็กมองใบหน้าคมนิ่งบ่งบอกว่าสิ่งที่พูดไม่ใช่สิ่งล้อเล่น

    “ทำไมล่ะครับ? กำลังคิดมากอะไรรึเปล่าน่ะฮยอกแจ มีอะไรก็บอกผมได้นะครับ”ร่างสูงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อรู้ว่าตัวเองทำในสิ่งที่ไม่ควรทำลงไป

    “เฮ้อ..เปล่าหรอก แค่เครียดๆเรื่องสอบนิดหน่อยน่ะ”ฮยอกแจตอบปัดๆพร้อมกับเปิดหนังสือที่ตนเพิ่งจะปิดลงออก ก่อนจะก้มหน้าอ่าน แทนการตัดบทสนทนากับร่างแกร่งตรงข้าม

    “ถ้าผมทำอะไรไม่ถูกใจไป..ขอโทษด้วยนะฮยอกแจ ผมแค่อยากจะให้ฮยอกแจรู้สึกสนิทใจกับผมน่ะ”

    “.....?”ฮยอกแจไม่เอ่ยอะไรตอบ เพียงแต่เงยหน้าเลิกคิ้วมองแทนคำถาม

    “เอ่อ...ถ้าฮยอกแจจะอ่านหนังสือ ผมไม่กวนก็ได้นะครับ”เมื่อเห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มอึดอัดเกินกว่าที่จะแก้ ซีวอนจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายออกไป

     

    “อื้ม..ขอบคุณนะ”คนตัวเล็กพยักหน้ารับเบาๆแม้ไม่ได้เงยหน้าจากหนังสือที่กำลังแสร้งทำเป็นอ่าน

    “ว่าแต่..งานโฮมมะรืนนี้ ฮยอกแจมีเพื่อนไปรึยังน่ะ จะไปกับผมได้มั้ยครับ?”ซีวอนเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่มาหาร่างบางระหว่างที่ลุกจากโต๊ะหินโต๊ะเล็ก พร้อมยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง

    “อื้อ..ยังหรอก ไว้เดี๋ยวค่อยนัดเวลากันอีกทีทางโทรศัพท์ละกันนะ”

    “โอเคครับ..จะเอาอย่างนั้นก็ได้”ร่างสูงกล่าวยิ้มๆ พร้อมยกมือขึ้นโบกลาคนตัวเล็ก แล้วหันหลังเดินจากไปตามที่ได้เอื้อนเอ่ยก่อนหน้านี้

     

    “เฮ้อออ..งานโฮมอีกแล้วเหรอ”ฮยอกแจปิดหนังสือลงพึมพำกับตัวเองอย่างเซ็งๆ เมื่อนึกถึงงานโฮมที่ซีวอนเพิ่งชวนเมื่อสักครู่

     

    งานเลี้ยงฉลองสังสรรค์ใหญ่ประจำปีที่รวมเอาบรรดารุ่นพี่สี่คณะที่เพิ่งจบไปไม่นานมาพบปะ พูดคุยรวมถึงแนะนำเรื่องอนาคตการงานให้กับรุ่นน้อง และคณะทั้งสี่มาร่วมงานก็คือ วิศกรรมศาสตร์ นิเทศศาสตร์ อักษรศาสตร์ และนิติศาสตร์ที่ต่างขึ้นชื่อในเรื่องหน้าตาและความสามารถของคนในคณะ

     

     นอกจากนั้น งานครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดี ที่บรรดากลุ่มสาวๆจะให้ความสำคัญมากกว่างานเลี้ยงฉลองอื่นๆ เพราะมันเป็นเพียงโอกาสเดียวในปีที่จะได้พบเจอและทำความรู้จักกับคนต่างคณะที่ยากจะเจอในเวลาอื่นพวกเธอจึงใช้ช่วงเวลานี้ให้เป็นโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่เธอต้องการ รวมทั้งการแข่งขันในด้านการแต่งตัวที่พวกเธอต้องแต่งออกมาให้ดูสวยเด่นสะดุดตา เพื่อที่จะได้เป็น เจ้าหญิงของงาน

     

    ฮยอกแจไม่ได้เป็นคนประเภทที่ชอบแต่งตัวประกวดประขันกับใคร งานครั้งนี้จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ที่เขาต้องมานั่งใส่ใจในเรื่องเสื้อผ้าที่จะใส่เท่าไรนัก แต่เรื่องที่เขากังวลในตอนนี้ก็คือเรื่องที่เขาต้องไปงานนั่นกับซีวอน และแน่นอนว่าทงเฮคงต้องไปกับพี่ฮีบิน

    ถ้าหากวันนั้นทงเฮเจอเขากับซีวอน เขาอยากจะรู้ว่าเพื่อนสนิทจะทักเขาว่าอะไร จะยังจะมีทีท่าโกรธโมโหเขาเหมือนครั้งก่อนอยู่หรือไม่ และถ้าหากได้พูดคุยกัน เขาจะมีโอกาสถามไถ่ถึงความเป็นไปของทงเฮมั้ย

    เพราะตั้งแต่ไม่ได้พบหน้ากัน ก็ดูเหมือนทงเฮจะไม่ได้เข้าเรียนในหลายๆวิชา ไม่รู้ว่าป่วย หรือว่าติดธุระอะไรรึเปล่า ...ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ายังเป็นห่วง แต่ก็ไม่อยากจะก้าวก่ายเกินไปจนดูน่ารำคาญ...

     

     

    “รุ่นพี่ฮยอกแจครับ”เสียงทุ้มนุ่มของร่างโปร่งที่เดินมาหยุดตรงหน้าทำให้ฮยอกแจต้องเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าคนที่เรียกตนคือใคร คนตัวเล็กก็ยิ้มกว้างพร้อมเอ่ยปากชวนให้นั่งด้วยกัน

    “ไหงวันนี้มาหาพี่ล่ะคยูฮยอน?”

    “ผมแค่บังเอิญเดินผ่านมาเจอไก่แจ้นั่งหน้างออยู่คนเดียวเลยเข้ามาทักน่ะครับ ฮ่ะๆ”ตอบคำถามพลางกลั้วหัวเราะอย่างคนขี้เล่น

    “ตลอดอ่ะนาย ชั้นไม่ไก่ซะหน่อยนะ ฮ่ะๆๆ แล้วนี่ไม่มีเรียนบ่ายแล้วเหรอน่ะ?”

    “จะว่ามีก็มี จะว่าไม่มีก็ไม่มีครับ”คยูฮยอนตอบพร้อมยักคิ้วกวนๆ

    “เอ๊ะ ยังไงเนี้ย? เริ่มงงกับนายแล้วนะเจ้าบ้า!!”คนตัวเล็กโวยวายลั่นพร้อมฟาดเข้าที่ไหล่กว้าง

    “ก็เปล่าหรอกครับ...ผมเห็นวันนี้พี่ไม่ยอมไปทานข้าว ผมเลยซื้อไอ้นี่มาให้ ทานรองท้องซะนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นไก่แคระ”ร่างโปร่งเอ่ยบอกพร้อมยืนแซนวิชชิ้นโตให้รุ่นพี่ตัวเล็กพร้อมยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวครบสามสิบสองซี่

    “นายเป็นสโตคเกอร์แอบดูชั้นหรือไงน่ะไอ้เด็กเอ๋อ ฮ่ะๆๆ แต่ยังไงก็ขอบใจมากนะ”ฮยอกแจยิ้มหวานพร้อมกับรับแซนวิชจากมืออีกคนมาแกะออก แล้วงับคำเล็กๆตามมารยาท

     

    “พี่ไม่ได้กินข้าวเที่ยงกี่วันแล้วน่ะ แบบนี้เดี๋ยวก็น๊อคเอาหรอกนะพี่”คยูฮยอนเตือนด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับสีหน้ากังวลทีแสดงออกชัดเจน

    “นายนี่เป็นรุ่นน้อง หรือคุณลุงเนี้ย บ่นชั้นตลอดเลยนะ หุบปากไปเลยๆ”ฮยอกแจเถียงกลับ

    “พี่ชอบทำตัวเป็นเด็กแบบนี้อยู่เรื่อยนี่ ผมเป็นห่วงพี่นะครับ”คยูฮยอนบ่นกลับ ก่อนจะเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยสีหน้าจริงจัง บ่งบอกถึงความรู้สึกในใจที่มีกับรุ่นพี่ตรงหน้า

    ฮยอกแจได้เห็นสายตาของรุ่นน้องก็ชะงัก เพราะเขารู้ดีว่าคยูฮยอนรู้สึกอย่างไร แต่ถึงแม้คยูฮยอนจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เขาก็ไม่สามารถตอบรับความรักจากคยูฮยอนได้ เพราะไม่ว่าเมื่อไร คนที่ฮยอกแจใส่ใจดูแลมีเพียง เพื่อนสนิท คนเดียวเท่านั้น

     

    ครืดด ครืดดดมือถือเครื่องเล็กในกระเป๋ากางเกงสแลคตัวบางสั่นเบาๆ เจ้าของเครื่องจึงเลื่อนไปหยิบมันขึ้นมาเปิดดู เพื่อหยุดความอึดอัดที่เริ่มก่อขึ้นในบทสนทนา

     

    ‘spcfriend: ร่านจังนะ

    ข้อความสั้นๆที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทำเอาคนตัวเล็กนิ่งงัน มือบางบีบเข้าหากันแน่น รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่คำด่าหยาบๆแบบนี้ถูกใช้กับเขาบ่อยครั้ง จนเขาเริ่มจะทนรับมันไม่ไหว

    ขนาดไม่ได้เจอ ไม่ได้พูดคุย หรือติดต่อกันหลายวัน แทนที่จะถามถึงความเป็นไป หรือไม่ก็เรื่องการเรียน รายงาน การบ้าน แต่กลับทักเขาด้วยคำด่าร้ายๆดูถูกเขา ไม่แตกต่างจากครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน

    ...บางครั้ง ถ้ามึงรู้เหตุผลก็คงจะดีกว่านี้นะทงเฮ...

     

    แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึงล่ะฮยอกแจพิมข้อความตอบกลับก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนหนังสือ เพื่อที่จะได้สังเกตเห็นง่ายๆหากมีข้อความตอบกลับมา

    “เพื่อนเหรอครับรุ่นพี่?”คยูฮยอนเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของร่างบางดูไม่สู้ดี

    “อื้ม...นิดหน่อยน่ะ”

     

    “พี่ทงเฮเหรอครับ?”คยูฮยอนถามต่ออย่างรู้ดี แค่เห็นท่าทางแปลกๆของร่างตรงหน้า เขาก็พอจะเดาได้แล้วล่ะว่ารุ่นพี่คนน่ารักเป็นอะไรและเป็นแบบนี้เพราะใคร

    จริงอยู่ที่เขารู้สึกกับฮยอกแจมากเกินกว่าคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง แต่เพราะรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่สามารถไปแทนที่ใครคนนั้นในใจของฮยอกแจได้ เขาจึงทำได้เพียงคอยมองอยู่ห่างๆ เข้ามาดูแลทุกครั้งยามที่ต้องการ ไม่ทิ้งให้เหงาคนเดียวหากไม่มีใครอยู่ด้วย คอยเทคแคร์ ดูแลทำหน้าที่รุ่นน้องที่ดีไปเรื่อยๆ หวังแค่เพียงได้เป็นคนที่ฮยอกแจยอมเปิดใจระบายความทุกข์อะไรให้ฟังบ้าง แค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว...

     

    ถึงแม้ว่าเขาจะทำใจยอมรับได้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับฮยอกแจ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกรู้สาเมื่อเห็นว่า คนที่ใช่มากกว่าเขา ทำร้ายร่างเล็กตรงหน้า ทั้งด้วยวาจาและการกระทำ

    ...เขาเกลียดทงเฮ...ไม่ใช่เพราะทงเฮเป็นคนทำให้เขาไม่สมหวังในความรัก แต่เป็นเพราะทงเฮทำร้ายคนที่เขารักจนบอบช้ำต่างหากล่ะ

     

    “อื้ม..ก็ทงเฮนั่นแหละ”ฮยอกแจตอบกลับเนือยๆ ก่อนจะเหลือบตาลงไปมองโทรศัพท์อีกครั้งก็เห็นว่าข้อความใหม่ถูกส่งเข้ามา

    ‘spcfriend: แค่ซีวอนไม่พอ ต้องเอาคยูฮยอนด้วยเหรอมึง โคตรส่ำส่อนเลยว่ะ

    “ลบมันเถอะครับ อย่าตอบเลย”คยูฮยอนแนะแกมขอร้อง สายตาเศร้าสร้อยดูน่าสงสารของร่างโปร่งที่ส่งมาทำให้ฮยอกแจขัดไม่ได้ ปลายนิ้วกดลบข้อความใหม่ทิ้ง ก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กใส่กระเป๋าเป้ เพื่อที่เขาจะไม่หยิบมันขึ้นมาเปิดดูอีกง่ายๆ

     

     

     

    เมื่อรอมาได้สักระยะ แล้วยังไม่ได้ข้อความตอบกลับจากอีกฝ่าย ทงเฮก็เก็บโทรศัพท์มืออถือของตัวเองพร้อมสบถอย่างหัวเสีย เมื่อสักครู่ที่เขาเดินผ่านโต๊ะประจำหน้าคณะ แล้วเห็นว่าเพื่อนสนิทตัวเล็กนั่งอยู่กับรุ่นน้องที่เขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าจึงส่งข้อความไปหา

    แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความว่างเปล่า นั่นยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้เขามากขึ้นไปอีกหลายเท่า เขาไม่ชอบใจเวลาที่ฮยอกแจอยู่กับคนอื่น แล้วไม่ยอมตอบกลับข้อความเขา เพราะมันเหมือนฮยอกแจลดความสำคัญของเขาลง เขาไม่ชอบที่จะเป็นรองใคร และจะไม่มีทางที่จะยอมให้ฮยอกแจไปรักใครนอกจากเขา

     

    “ทงเฮคะ..เป็นอะไรรึเปล่า?”หญิงสาวข้างกายเอ่ยถามเมื่อเห็นความผิดปกติของคนรัก

    “เปล่าน่ะ ไม่มีอะไรหรอก เมื่อกี้เพื่อนส่งข้อความมาบอกว่างานมีปัญหานิดหน่อย”ทงเฮเอ่ยโกหกคำโต พร้อมฉีกยิ้มหวานกลบเกลื่อนความจริงไม่ให้คนรักสงสัย มือหนาเลื่อนไปโอบเอวร่างเพรียวเอาไว้อย่างที่เคยทำเป็นประจำ

     

    แม้ว่าภายนอกทงเฮไม่ได้แสดงออกอะไร แต่ในใจเขากำลังร้อนรน อยากจะเดินกลับไปหาเพื่อนสนิทตัวเล็กที่เดินผ่านมา อยากจะชกหน้าไอ้รุ่นน้องคนนั้นสักทีสองที แล้วบอกว่าลี ฮยอกแจเป็น ของของเขา ของเขาคนเดียวเท่านั้น

    ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกหวง ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ร่างเล็ก ไม่ว่าจะเป็นซีวอนหรือคยูฮยอน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขารู้สึกรักชอบฮยอกแจในฐานะคนรักหรือลึกซึ้งเกินกว่าเพื่อน

    เขารู้ดีว่าฮยอกแจรักเขามากแค่ไหน และพร้อมที่จะทำอะไรให้เขาบ้างหากเอ่ยปากขอ เพราะอย่างนั้นเขาจึงหวงก้าง ไม่อยากให้ฮยอกแจไปรักไปชอบใคร ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เขาคงจะไม่ได้ทำอะไรตามใจได้เท่าที่อยากทำ


    การที่มีฮยอกแจไว้เล่นเวลาเหงา มันก็ทำให้ชีวิตเขามีสีสันขึ้นไปอีกแบบ

    ฮยอกแจน่ะ..มีค่าเอาไว้ให้แกล้งให้ปั่นหัวเล่น...

    แต่ไม่มีทางที่เขาจะเป็นฝ่ายถูกฮยอกแจปั่นหัวหรอก.

     

     

     

     

    เหตุการณ์เมื่อสองปีที่ผ่านมา...

    ร่างเล็กในชุดนักเรียนม.ปลายชายเสื้อหลุดลุ่ยยิ้มกว้างสดใสวิ่งเข้าไปหาเพื่อนรักที่นัดเอาไว้หน้าร้านขนมใกล้บ้าน มือบางกระชับม้วนกระดาษเอาไว้แน่น

    “ทงเฮ...กูมีอะไรจะบอก..กูสอบติดที่ม. K ล่ะ”ฮยอกแจเอ่ยบอกเพื่อนรักเสียงหวาน รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขที่มีอยู่เต็มเปี่ยม

    “อื้ม ก็ดีแล้วนี่... มึงจะได้ไม่ต้องโดนแม่ดุ”ร่างสูงตอบกลับพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

    “ใช่มั้ยล่ะ..กูพยายามอ่านหนังสือจนปวดหัวไปหมด สุดท้ายก็จะได้อยู่ที่เดียวกับมึงแล้ว มึงก็จะเข้าที่นี่เหมือนกันใช่มั้ย?”ฮยอกแจถามต่ออย่างอยากรู้อยากเห็น

     

    จากที่แอบอ่านใบสอบถามเรื่องมหาวิทยาลัยในอนาคตของทงเฮ อันดับหนึ่งที่ทงเฮเลือกคือมหาวิทยาลัย K มหาวิทยาลัยรัฐบาลแถวบ้านที่ทงเฮสามารถสอบเข้าได้สบายๆ เขาเองอยากเรียนที่เดียวกับเพื่อนรักตัวสูงที่แอบชอบจึงต้องพยายามเรียนกวดวิชาอย่างหนักเพื่อที่จะสอบติด

    เมื่อเช้าตอนที่ไปเชคบอร์ดรายชื่อหน้ามหาวิทยาลัย เขาก็ได้พบข่าวดี เขาสอบติดอย่างที่หวัง ถึงแม้จะเป็นอันดับท้ายๆ แต่ยังไงเขาก็ได้ชื่อว่าพยายามจนสำเร็จแล้ว

     

     

    “กูไม่ได้สอบน่ะ”ประโยคที่หลุดจากปากหยักของคนตรงหน้าทำให้ฮยอกแจหุบยิ้มลงอย่างไม่อยากเชื่อ ตกลงว่าสิ่งที่เขาพยายามมาตลอดเทอมนี้มันไร้ผล...อย่างนั้นเหรอ?

    “ละ..แล้ว..แล้วมึงสอบเข้าที่ไหนวะ?”ฮยอกแจถามเสียงสั่นพร่า น้ำตาหยดใสๆเอ่อคลอพร้อมที่จะไหลออกอาบแก้ม ทั้งเสียใจ...ทั้งผิดหวัง...รู้สึกเหมือนกับแบกรับความหนักของภูเขาทั้งลูกเอาไว้บนแผ่นหลัง

    “กูจะเข้าเอกชน”

    “ห๊ะ..ทะ...ทำไม?”

    “กูอยากเรียนที่เดียวกับพี่ฮีบิน”คำตอบที่ได้รับทำเอาฮยอกแจค้าง น้ำตาที่กั้นไว้ไหลลงอาบแก้มช้าๆ สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งตัว

    “ทำไม..ทำไมมึงทำแบบนี้ล่ะ”

    “ฮยอกแจมึงเป็นอะไร? มึงสอบติดแล้วนะเว้ย กูแค่เข้าเอกชน แต่ไม่ได้หมายความว่ามึงกับกูจะไม่ได้เจอกันนี่”ทงเฮถามด้วยความตกใจเมื่อหยาดน้ำตาของเพื่อนรัก

    “กูไม่ได้อยากเข้าม. K ... แต่กูอยากเรียน...”ฮยอกแจสะอื้นไห้ปิดปากเงียบสักพักก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมาด้วยเสียงแผ่วเบา “กับมึง”

     

    “มึงจะบ้าเหรอ? มึงร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้เนี้ยนะ ไอ้บ้า”ทงเฮว่าพร้อมผลักหัวคนตัวเล็กพลางกลั้วหัวเราะร่า

    “มึง...ไม่ตลก”ฮยอกแจเอ่ยเรียบๆพร้อมมองหน้าเพื่อนสนิทแววตาจริงจัง

    “....มึงหมายความว่าไง?”

     

     

    “กู...อยากเข้ามหาลัยเดียวกับมึง”

     

    “เพราะกูน่ะ...”

     

     

     

    “รักมึง”

    คำสุดท้ายที่หลุดจากเรียวปากอิ่มทำให้บรรยากาศรอบกายทั้งสองเงียบงัน แม้จะมีผู้คนมากมายเดินผ่าน แต่เขาก็ไม่สัมผัสถึงสิ่งภายนอกรอบกายแม้แต่น้อย

     

    “ฮยอกแจ..อย่าอำกูเล่น”

    “กูไม่ได้อำ..กูคิดกับมึงจริงๆ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “กูขอโทษว่ะมึง...แต่กูไม่ได้เคยคิดกับมึงเกินเพื่อนเลย”


    -----END-----

    TALK’

    เกลียดทงเฮ Y_________Y ฮรึกกกกก

    แต่งเองเกลียดเอง หมั่นไส้ เกลียด เกลียด เกลียด ฮื้ออออ ; A;

     

    (ดึงสติกลับคืน) ตอนนี้แต่งขึ้นมาอย่างป่วงๆ เพิ่มตัวละคร เพิ่มความชัดเจนในเรื่อง -  -* ความจริง ความนู่นความนี่อีกมากมาย ถึงมันจะไม่ค่อยดราม่าตามที่คิด แต่ว่า...ตอนนี้ไรเตอร์เกลียดทงเฮมากค่ะ ; A;

     

    ก่อนอื่นต้องขอบคุณเม้นที่มีให้แนนมาอย่างล้นหลาม

    ฟิคเรื่องนี้แดบัคมากมายมหาศาล -///- ขอบคุณที่เลือกอ่านฟิคป่วงๆเรื่องนี้และชมเชยค่ะ (ปาดน้ำตา)

    แม้ว่าจะไม่ได้ดีเลิศเหมือนฟิคอื่นใด แต่มันก็มาจากแรงกายแรงใจแรงสมองของไรเตอร์ตาดำๆคนนี้นะคะ (:

    ขอบคุณทุกคนจริงๆ..ที่ทำให้แนนมีวันนี้..

    ขอบคุณแรงใจทุกแรงที่ยังยื้อให้แนนไม่ลบเรื่องนี้นะคะ <3 รักทุกคนมากจริงๆๆค่ะ

     

    ปล.ขอคอมเม้นฟิคน้อยๆเรื่องนี้ด้วยนะคะ (ทำมือรูปหัวใจ) ซารังเฮโยวววว

    แก้ไขคำผิดตามที่น้องซนนาบีบอกค่ะ ; A; ขอบคุณมากๆเน้อ <3 12.11.11 @8.56

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×