คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : What...
ตกลงสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด..มันมันผิดมาตั้งแต่ต้นเหรอ?
ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่หน้าคณะนิเทศศาสตร์ มีโต๊ะหินเล็กๆตั้งอยู่ ที่นี่เป็นที่นั่งเล่นประจำของฮยอกแจ ซองมิน และทงเฮ ที่มักจะมานั่งทานข้าวกล่อง พูดคุย นั่งเล่นกีต้าร์ ติวหนังสือ หรือลอกเลคเชอร์ด้วยกันในเวลาพักระหว่างคาบเรียน แต่ในวันนี้ที่โต๊ะกลับมีเพียงแค่ฮยอกแจคนเดียว เพราะทั้งซองมิน และทงเฮต่างต้องไปทำหน้าที่คนรักที่ดี ต้องไปทานอาหารกับแฟน ใช้เวลาร่วมกันตามประสาคนมีความรัก
เที่ยงวันนี้ฮยอกแจตัดสินใจไม่ทานอาหารกลางวัน แต่เลือกที่จะใช้เวลากับการอ่านทบทวนบทเรียนเพื่อเตรียมตัวกับการสอบย่อยที่จะมีในวันพรุ่งนี้ แต่ไม่ว่าจะอ่านกี่รอบ ก็ดูเหมือนว่าเนื้อหาในหนังสือไม่เข้าหัวเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว เพราะเรื่องที่คนตัวเล็กคิดถึงอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ใช่เรื่องใครอื่น นอกจากเพื่อนสนิทคนสำคัญที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นอาทิตย์
ทุกๆวันฮยอกแจเอาแต่ถามตัวเองในคำถามเดิมๆ โทษตัวเองซ้ำๆ ย้ำว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มสร้างปัญหาทุกอย่างให้วุ่นวาย เป็นคนที่ทำให้ทงเฮเปลี่ยนไปเป็นไปเป็นคนละคนกับที่รู้จักมาตลอดเกือบสิบปี
จากที่เคยเป็นคนสดใสร่าเริง ยิ้มง่าย อัธยาศัยดี เอาใจใส่เพื่อนๆก็กลายเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย เย็นชา ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และที่สำคัญคือรอยยิ้มกว้างที่ฮยอกแจชอบแอบมองก็หายไป เหลือเพียงรอยยิ้มมุมปากที่ดูไม่จริงใจกับใครสักคน
ตั้งแต่ที่มึงนิสัยเปลี่ยนไป...รู้มั้ยว่ากูเสียใจมากแค่ไหน ทงเฮ..
เพราะวันนั้นใช่มั้ย...ตอนนี้มึงถึงด่ากูสารพัดคำหยาบ.
เพราะถ้าหากไม่มี ‘วันนั้น’ ทุกวันนี้มึงคงจะไม่ดูถูกเหยียดหยามกูใช่มั้ยทงเฮ.
สายลมเอื่อยๆพัดพาให้ความเย็นปะทะกับใบหน้าหวาน มือบางพับหนังสือเล่มหนาที่กำลังอ่านลง ก่อนที่จะเอนหลังพิงต้นไม้ต้นใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน นี่เขาไม่ได้พักผ่อนเต็มที่มากี่วันแล้วนะ.. ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องกับซีวอน.. หรือว่าก่อนหน้านั้น..สักสองปีกันนะ?
ดวงตากลมโตสีดำขลับปิดลงสนิท ปิดกั้นตัวเองกับโลกภายนอกพร้อมทิ้งตัวด่ำดิ่งในห้วงความคิดที่ต่อให้พยายามสลัดอย่างไรก็ไม่ยอมออกไปจากสมองเสียที
บางครั้งเขาก็อยากจะนึกเข้าข้างตัวเองว่าที่ร่างสูงคอยด่าคอยพูดคำร้าย แสดงออกว่าโมโหหงุดหงิด เพราะเรื่องซีวอน เป็นเพราะว่าทงเฮนั้นหึงหวงตน ไม่อยากให้ไปเข้าใกล้ใครคนไหน
แต่เพราะหลายๆเหตุการณ์ คำพูดหลายๆคำพูดที่ออกจากปาก มันก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าทงเฮไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแบบนั้นเลย
ก็แค่...รู้สึกกลัวว่าสิ่งที่เคยมีจะหายไปใช่มั้ย?
จะเข้าข้างตัวเองได้อย่างไรกันล่ะ.. ก็ในเมื่อทงเฮคอยเอ่ยย้ำพร่ำบอกกับเขาว่าฮีบินน่ารัก และถูกใจมากเพียงใด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทงเฮเจอฮีบิน ก็ไม่มีเวลาไหนที่เขาจะไม่ได้ยินชื่อของหญิงสาวจากปากของเพื่อนรักติดต่อกันเกินสองวันเลยสักครั้ง
คำถามแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย ความใส่ใจคนที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาคนเดิมๆในทุกๆวัน มันกรีดลึกเข้าไปในใจของคนฟัง ทั้งสีหน้าท่าทางการแสดงออกที่บอกว่าดีใจแค่ไหนที่ได้พูดถึงรุ่นพี่คนนั้น
ไม่มีทางหรอก..
ไม่มีแม้แต่ความหวัง...
ลี ฮยอกแจน่ะ..ไม่มีสิทธิที่จะได้รับในสิ่งที่เทียมเท่ากับฮีบินหรอก...
“ฮยอกแจ มานั่งทำอะไรตรงนี้น่ะครับ”ร่างสูงแกร่งที่คุ้นเคยเดินเข้ามานั่งที่ฝั่งตรงข้ามพร้อมเอ่ยทักทาย ฮยอกแจลืมตามองใบหน้าหล่อตรงหน้าแล้วก็เบือนหนี
...ในเวลาแบบนี้ เขาไม่อยากจะเจอหน้าเชว ซีวอนเลยจริงๆ...
“มาทำไมน่ะ? วันนี้อาจารย์ปล่อยเร็วรึไง?”
“ก็ปล่อยตามตารางแหละครับ แต่ผมแค่อยากมาเจอหน้าฮยอกแจ”เอ่ยบอกตามตรงพร้อมยกยิ้มอ่อนโยน มือหนาเลื่อนไปกุมมือบางเอาไว้ ไล้นิ้วโป้งสัมผัสกับหลังมือแผ่วเบา
“ซีวอน..อย่าทำแบบนี้กับชั้นอีกได้มั้ย? ก็บอกหลายครั้งแล้วไงว่าชั้นไม่ชอบน่ะ”ชักมือกลับพร้อมว่าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ร่างเล็กมองใบหน้าคมนิ่งบ่งบอกว่าสิ่งที่พูดไม่ใช่สิ่งล้อเล่น
“ทำไมล่ะครับ? กำลังคิดมากอะไรรึเปล่าน่ะฮยอกแจ มีอะไรก็บอกผมได้นะครับ”ร่างสูงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อรู้ว่าตัวเองทำในสิ่งที่ไม่ควรทำลงไป
“เฮ้อ..เปล่าหรอก แค่เครียดๆเรื่องสอบนิดหน่อยน่ะ”ฮยอกแจตอบปัดๆพร้อมกับเปิดหนังสือที่ตนเพิ่งจะปิดลงออก ก่อนจะก้มหน้าอ่าน แทนการตัดบทสนทนากับร่างแกร่งตรงข้าม
“ถ้าผมทำอะไรไม่ถูกใจไป..ขอโทษด้วยนะฮยอกแจ ผมแค่อยากจะให้ฮยอกแจรู้สึกสนิทใจกับผมน่ะ”
“.....?”ฮยอกแจไม่เอ่ยอะไรตอบ เพียงแต่เงยหน้าเลิกคิ้วมองแทนคำถาม
“เอ่อ...ถ้าฮยอกแจจะอ่านหนังสือ ผมไม่กวนก็ได้นะครับ”เมื่อเห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มอึดอัดเกินกว่าที่จะแก้ ซีวอนจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายออกไป
“อื้ม..ขอบคุณนะ”คนตัวเล็กพยักหน้ารับเบาๆแม้ไม่ได้เงยหน้าจากหนังสือที่กำลังแสร้งทำเป็นอ่าน
“ว่าแต่..งานโฮมมะรืนนี้ ฮยอกแจมีเพื่อนไปรึยังน่ะ จะไปกับผมได้มั้ยครับ?”ซีวอนเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่มาหาร่างบางระหว่างที่ลุกจากโต๊ะหินโต๊ะเล็ก พร้อมยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง
“อื้อ..ยังหรอก ไว้เดี๋ยวค่อยนัดเวลากันอีกทีทางโทรศัพท์ละกันนะ”
“โอเคครับ..จะเอาอย่างนั้นก็ได้”ร่างสูงกล่าวยิ้มๆ พร้อมยกมือขึ้นโบกลาคนตัวเล็ก แล้วหันหลังเดินจากไปตามที่ได้เอื้อนเอ่ยก่อนหน้านี้
“เฮ้อออ..งานโฮมอีกแล้วเหรอ”ฮยอกแจปิดหนังสือลงพึมพำกับตัวเองอย่างเซ็งๆ เมื่อนึกถึงงานโฮมที่ซีวอนเพิ่งชวนเมื่อสักครู่
งานเลี้ยงฉลองสังสรรค์ใหญ่ประจำปีที่รวมเอาบรรดารุ่นพี่สี่คณะที่เพิ่งจบไปไม่นานมาพบปะ พูดคุยรวมถึงแนะนำเรื่องอนาคตการงานให้กับรุ่นน้อง และคณะทั้งสี่มาร่วมงานก็คือ วิศกรรมศาสตร์ นิเทศศาสตร์ อักษรศาสตร์ และนิติศาสตร์ที่ต่างขึ้นชื่อในเรื่องหน้าตาและความสามารถของคนในคณะ
นอกจากนั้น งานครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดี ที่บรรดากลุ่มสาวๆจะให้ความสำคัญมากกว่างานเลี้ยงฉลองอื่นๆ เพราะมันเป็นเพียงโอกาสเดียวในปีที่จะได้พบเจอและทำความรู้จักกับคนต่างคณะที่ยากจะเจอในเวลาอื่นพวกเธอจึงใช้ช่วงเวลานี้ให้เป็นโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่เธอต้องการ รวมทั้งการแข่งขันในด้านการแต่งตัวที่พวกเธอต้องแต่งออกมาให้ดูสวยเด่นสะดุดตา เพื่อที่จะได้เป็น ‘เจ้าหญิงของงาน’
ฮยอกแจไม่ได้เป็นคนประเภทที่ชอบแต่งตัวประกวดประขันกับใคร งานครั้งนี้จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ที่เขาต้องมานั่งใส่ใจในเรื่องเสื้อผ้าที่จะใส่เท่าไรนัก แต่เรื่องที่เขากังวลในตอนนี้ก็คือเรื่องที่เขาต้องไปงานนั่นกับซีวอน และแน่นอนว่าทงเฮคงต้องไปกับพี่ฮีบิน
ถ้าหากวันนั้นทงเฮเจอเขากับซีวอน เขาอยากจะรู้ว่าเพื่อนสนิทจะทักเขาว่าอะไร จะยังจะมีทีท่าโกรธโมโหเขาเหมือนครั้งก่อนอยู่หรือไม่ และถ้าหากได้พูดคุยกัน เขาจะมีโอกาสถามไถ่ถึงความเป็นไปของทงเฮมั้ย
เพราะตั้งแต่ไม่ได้พบหน้ากัน ก็ดูเหมือนทงเฮจะไม่ได้เข้าเรียนในหลายๆวิชา ไม่รู้ว่าป่วย หรือว่าติดธุระอะไรรึเปล่า ...ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ายังเป็นห่วง แต่ก็ไม่อยากจะก้าวก่ายเกินไปจนดูน่ารำคาญ...
“รุ่นพี่ฮยอกแจครับ”เสียงทุ้มนุ่มของร่างโปร่งที่เดินมาหยุดตรงหน้าทำให้ฮยอกแจต้องเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าคนที่เรียกตนคือใคร คนตัวเล็กก็ยิ้มกว้างพร้อมเอ่ยปากชวนให้นั่งด้วยกัน
“ไหงวันนี้มาหาพี่ล่ะคยูฮยอน?”
“ผมแค่บังเอิญเดินผ่านมาเจอไก่แจ้นั่งหน้างออยู่คนเดียวเลยเข้ามาทักน่ะครับ ฮ่ะๆ”ตอบคำถามพลางกลั้วหัวเราะอย่างคนขี้เล่น
“ตลอดอ่ะนาย ชั้นไม่ไก่ซะหน่อยนะ ฮ่ะๆๆ แล้วนี่ไม่มีเรียนบ่ายแล้วเหรอน่ะ?”
“จะว่ามีก็มี จะว่าไม่มีก็ไม่มีครับ”คยูฮยอนตอบพร้อมยักคิ้วกวนๆ
“เอ๊ะ ยังไงเนี้ย? เริ่มงงกับนายแล้วนะเจ้าบ้า!!”คนตัวเล็กโวยวายลั่นพร้อมฟาดเข้าที่ไหล่กว้าง
“ก็เปล่าหรอกครับ...ผมเห็นวันนี้พี่ไม่ยอมไปทานข้าว ผมเลยซื้อไอ้นี่มาให้ ทานรองท้องซะนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นไก่แคระ”ร่างโปร่งเอ่ยบอกพร้อมยืนแซนวิชชิ้นโตให้รุ่นพี่ตัวเล็กพร้อมยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวครบสามสิบสองซี่
“นายเป็นสโตคเกอร์แอบดูชั้นหรือไงน่ะไอ้เด็กเอ๋อ ฮ่ะๆๆ แต่ยังไงก็ขอบใจมากนะ”ฮยอกแจยิ้มหวานพร้อมกับรับแซนวิชจากมืออีกคนมาแกะออก แล้วงับคำเล็กๆตามมารยาท
“พี่ไม่ได้กินข้าวเที่ยงกี่วันแล้วน่ะ แบบนี้เดี๋ยวก็น๊อคเอาหรอกนะพี่”คยูฮยอนเตือนด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับสีหน้ากังวลทีแสดงออกชัดเจน
“นายนี่เป็นรุ่นน้อง หรือคุณลุงเนี้ย บ่นชั้นตลอดเลยนะ หุบปากไปเลยๆ”ฮยอกแจเถียงกลับ
“พี่ชอบทำตัวเป็นเด็กแบบนี้อยู่เรื่อยนี่ ผมเป็นห่วงพี่นะครับ”คยูฮยอนบ่นกลับ ก่อนจะเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยสีหน้าจริงจัง บ่งบอกถึงความรู้สึกในใจที่มีกับรุ่นพี่ตรงหน้า
ฮยอกแจได้เห็นสายตาของรุ่นน้องก็ชะงัก เพราะเขารู้ดีว่าคยูฮยอนรู้สึกอย่างไร แต่ถึงแม้คยูฮยอนจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เขาก็ไม่สามารถตอบรับความรักจากคยูฮยอนได้ เพราะไม่ว่าเมื่อไร คนที่ฮยอกแจใส่ใจดูแลมีเพียง ‘เพื่อนสนิท’ คนเดียวเท่านั้น
‘ครืดด ครืดดด’มือถือเครื่องเล็กในกระเป๋ากางเกงสแลคตัวบางสั่นเบาๆ เจ้าของเครื่องจึงเลื่อนไปหยิบมันขึ้นมาเปิดดู เพื่อหยุดความอึดอัดที่เริ่มก่อขึ้นในบทสนทนา
‘spcfriend: ร่านจังนะ’
ข้อความสั้นๆที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทำเอาคนตัวเล็กนิ่งงัน มือบางบีบเข้าหากันแน่น รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่คำด่าหยาบๆแบบนี้ถูกใช้กับเขาบ่อยครั้ง จนเขาเริ่มจะทนรับมันไม่ไหว
ขนาดไม่ได้เจอ ไม่ได้พูดคุย หรือติดต่อกันหลายวัน แทนที่จะถามถึงความเป็นไป หรือไม่ก็เรื่องการเรียน รายงาน การบ้าน แต่กลับทักเขาด้วยคำด่าร้ายๆดูถูกเขา ไม่แตกต่างจากครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน
...บางครั้ง ถ้ามึงรู้เหตุผลก็คงจะดีกว่านี้นะทงเฮ...
‘แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึงล่ะ’ฮยอกแจพิมข้อความตอบกลับก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนหนังสือ เพื่อที่จะได้สังเกตเห็นง่ายๆหากมีข้อความตอบกลับมา
“เพื่อนเหรอครับรุ่นพี่?”คยูฮยอนเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของร่างบางดูไม่สู้ดี
“อื้ม...นิดหน่อยน่ะ”
“พี่ทงเฮเหรอครับ?”คยูฮยอนถามต่ออย่างรู้ดี แค่เห็นท่าทางแปลกๆของร่างตรงหน้า เขาก็พอจะเดาได้แล้วล่ะว่ารุ่นพี่คนน่ารักเป็นอะไรและเป็นแบบนี้เพราะใคร
จริงอยู่ที่เขารู้สึกกับฮยอกแจมากเกินกว่าคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง แต่เพราะรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่สามารถไปแทนที่ใครคนนั้นในใจของฮยอกแจได้ เขาจึงทำได้เพียงคอยมองอยู่ห่างๆ เข้ามาดูแลทุกครั้งยามที่ต้องการ ไม่ทิ้งให้เหงาคนเดียวหากไม่มีใครอยู่ด้วย คอยเทคแคร์ ดูแลทำหน้าที่รุ่นน้องที่ดีไปเรื่อยๆ หวังแค่เพียงได้เป็นคนที่ฮยอกแจยอมเปิดใจระบายความทุกข์อะไรให้ฟังบ้าง แค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว...
ถึงแม้ว่าเขาจะทำใจยอมรับได้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับฮยอกแจ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกรู้สาเมื่อเห็นว่า ‘คนที่ใช่มากกว่าเขา’ ทำร้ายร่างเล็กตรงหน้า ทั้งด้วยวาจาและการกระทำ
...เขาเกลียดทงเฮ...ไม่ใช่เพราะทงเฮเป็นคนทำให้เขาไม่สมหวังในความรัก แต่เป็นเพราะทงเฮทำร้ายคนที่เขารักจนบอบช้ำต่างหากล่ะ
“อื้ม..ก็ทงเฮนั่นแหละ”ฮยอกแจตอบกลับเนือยๆ ก่อนจะเหลือบตาลงไปมองโทรศัพท์อีกครั้งก็เห็นว่าข้อความใหม่ถูกส่งเข้ามา
‘spcfriend: แค่ซีวอนไม่พอ ต้องเอาคยูฮยอนด้วยเหรอมึง โคตรส่ำส่อนเลยว่ะ’
“ลบมันเถอะครับ อย่าตอบเลย”คยูฮยอนแนะแกมขอร้อง สายตาเศร้าสร้อยดูน่าสงสารของร่างโปร่งที่ส่งมาทำให้ฮยอกแจขัดไม่ได้ ปลายนิ้วกดลบข้อความใหม่ทิ้ง ก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กใส่กระเป๋าเป้ เพื่อที่เขาจะไม่หยิบมันขึ้นมาเปิดดูอีกง่ายๆ
เมื่อรอมาได้สักระยะ แล้วยังไม่ได้ข้อความตอบกลับจากอีกฝ่าย ทงเฮก็เก็บโทรศัพท์มืออถือของตัวเองพร้อมสบถอย่างหัวเสีย เมื่อสักครู่ที่เขาเดินผ่านโต๊ะประจำหน้าคณะ แล้วเห็นว่าเพื่อนสนิทตัวเล็กนั่งอยู่กับรุ่นน้องที่เขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าจึงส่งข้อความไปหา
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความว่างเปล่า นั่นยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้เขามากขึ้นไปอีกหลายเท่า เขาไม่ชอบใจเวลาที่ฮยอกแจอยู่กับคนอื่น แล้วไม่ยอมตอบกลับข้อความเขา เพราะมันเหมือนฮยอกแจลดความสำคัญของเขาลง เขาไม่ชอบที่จะเป็นรองใคร และจะไม่มีทางที่จะยอมให้ฮยอกแจไปรักใครนอกจากเขา
“ทงเฮคะ..เป็นอะไรรึเปล่า?”หญิงสาวข้างกายเอ่ยถามเมื่อเห็นความผิดปกติของคนรัก
“เปล่าน่ะ ไม่มีอะไรหรอก เมื่อกี้เพื่อนส่งข้อความมาบอกว่างานมีปัญหานิดหน่อย”ทงเฮเอ่ยโกหกคำโต พร้อมฉีกยิ้มหวานกลบเกลื่อนความจริงไม่ให้คนรักสงสัย มือหนาเลื่อนไปโอบเอวร่างเพรียวเอาไว้อย่างที่เคยทำเป็นประจำ
แม้ว่าภายนอกทงเฮไม่ได้แสดงออกอะไร แต่ในใจเขากำลังร้อนรน อยากจะเดินกลับไปหาเพื่อนสนิทตัวเล็กที่เดินผ่านมา อยากจะชกหน้าไอ้รุ่นน้องคนนั้นสักทีสองที แล้วบอกว่าลี ฮยอกแจเป็น ‘ของ’ของเขา ของเขาคนเดียวเท่านั้น
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกหวง ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ร่างเล็ก ไม่ว่าจะเป็นซีวอนหรือคยูฮยอน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขารู้สึกรักชอบฮยอกแจในฐานะคนรักหรือลึกซึ้งเกินกว่าเพื่อน
เขารู้ดีว่าฮยอกแจรักเขามากแค่ไหน และพร้อมที่จะทำอะไรให้เขาบ้างหากเอ่ยปากขอ เพราะอย่างนั้นเขาจึงหวงก้าง ไม่อยากให้ฮยอกแจไปรักไปชอบใคร ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เขาคงจะไม่ได้ทำอะไรตามใจได้เท่าที่อยากทำ
การที่มีฮยอกแจไว้เล่นเวลาเหงา มันก็ทำให้ชีวิตเขามีสีสันขึ้นไปอีกแบบ
ฮยอกแจน่ะ..มีค่าเอาไว้ให้แกล้งให้ปั่นหัวเล่น...
แต่ไม่มีทางที่เขาจะเป็นฝ่ายถูกฮยอกแจปั่นหัวหรอก.
เหตุการณ์เมื่อสองปีที่ผ่านมา...
ร่างเล็กในชุดนักเรียนม.ปลายชายเสื้อหลุดลุ่ยยิ้มกว้างสดใสวิ่งเข้าไปหาเพื่อนรักที่นัดเอาไว้หน้าร้านขนมใกล้บ้าน มือบางกระชับม้วนกระดาษเอาไว้แน่น
“ทงเฮ...กูมีอะไรจะบอก..กูสอบติดที่ม. K ล่ะ”ฮยอกแจเอ่ยบอกเพื่อนรักเสียงหวาน รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขที่มีอยู่เต็มเปี่ยม
“อื้ม ก็ดีแล้วนี่... มึงจะได้ไม่ต้องโดนแม่ดุ”ร่างสูงตอบกลับพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
“ใช่มั้ยล่ะ..กูพยายามอ่านหนังสือจนปวดหัวไปหมด สุดท้ายก็จะได้อยู่ที่เดียวกับมึงแล้ว มึงก็จะเข้าที่นี่เหมือนกันใช่มั้ย?”ฮยอกแจถามต่ออย่างอยากรู้อยากเห็น
จากที่แอบอ่านใบสอบถามเรื่องมหาวิทยาลัยในอนาคตของทงเฮ อันดับหนึ่งที่ทงเฮเลือกคือมหาวิทยาลัย K มหาวิทยาลัยรัฐบาลแถวบ้านที่ทงเฮสามารถสอบเข้าได้สบายๆ เขาเองอยากเรียนที่เดียวกับเพื่อนรักตัวสูงที่แอบชอบจึงต้องพยายามเรียนกวดวิชาอย่างหนักเพื่อที่จะสอบติด
เมื่อเช้าตอนที่ไปเชคบอร์ดรายชื่อหน้ามหาวิทยาลัย เขาก็ได้พบข่าวดี เขาสอบติดอย่างที่หวัง ถึงแม้จะเป็นอันดับท้ายๆ แต่ยังไงเขาก็ได้ชื่อว่าพยายามจนสำเร็จแล้ว
“กูไม่ได้สอบน่ะ”ประโยคที่หลุดจากปากหยักของคนตรงหน้าทำให้ฮยอกแจหุบยิ้มลงอย่างไม่อยากเชื่อ ตกลงว่าสิ่งที่เขาพยายามมาตลอดเทอมนี้มันไร้ผล...อย่างนั้นเหรอ?
“ละ..แล้ว..แล้วมึงสอบเข้าที่ไหนวะ?”ฮยอกแจถามเสียงสั่นพร่า น้ำตาหยดใสๆเอ่อคลอพร้อมที่จะไหลออกอาบแก้ม ทั้งเสียใจ...ทั้งผิดหวัง...รู้สึกเหมือนกับแบกรับความหนักของภูเขาทั้งลูกเอาไว้บนแผ่นหลัง
“กูจะเข้าเอกชน”
“ห๊ะ..ทะ...ทำไม?”
“กูอยากเรียนที่เดียวกับพี่ฮีบิน”คำตอบที่ได้รับทำเอาฮยอกแจค้าง น้ำตาที่กั้นไว้ไหลลงอาบแก้มช้าๆ สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งตัว
“ทำไม..ทำไมมึงทำแบบนี้ล่ะ”
“ฮยอกแจมึงเป็นอะไร? มึงสอบติดแล้วนะเว้ย กูแค่เข้าเอกชน แต่ไม่ได้หมายความว่ามึงกับกูจะไม่ได้เจอกันนี่”ทงเฮถามด้วยความตกใจเมื่อหยาดน้ำตาของเพื่อนรัก
“กูไม่ได้อยากเข้าม. K ... แต่กูอยากเรียน...”ฮยอกแจสะอื้นไห้ปิดปากเงียบสักพักก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมาด้วยเสียงแผ่วเบา “กับมึง”
“มึงจะบ้าเหรอ? มึงร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้เนี้ยนะ ไอ้บ้า”ทงเฮว่าพร้อมผลักหัวคนตัวเล็กพลางกลั้วหัวเราะร่า
“มึง...ไม่ตลก”ฮยอกแจเอ่ยเรียบๆพร้อมมองหน้าเพื่อนสนิทแววตาจริงจัง
“....มึงหมายความว่าไง?”
“กู...อยากเข้ามหาลัยเดียวกับมึง”
“เพราะกูน่ะ...”
“รักมึง”
คำสุดท้ายที่หลุดจากเรียวปากอิ่มทำให้บรรยากาศรอบกายทั้งสองเงียบงัน แม้จะมีผู้คนมากมายเดินผ่าน แต่เขาก็ไม่สัมผัสถึงสิ่งภายนอกรอบกายแม้แต่น้อย
“ฮยอกแจ..อย่าอำกูเล่น”
“กูไม่ได้อำ..กูคิดกับมึงจริงๆ”
“กูขอโทษว่ะมึง...แต่กูไม่ได้เคยคิดกับมึงเกินเพื่อนเลย”
-----END-----
TALK’
เกลียดทงเฮ Y_________Y ฮรึกกกกก
แต่งเองเกลียดเอง หมั่นไส้ เกลียด เกลียด เกลียด ฮื้ออออ ; A;
(ดึงสติกลับคืน) ตอนนี้แต่งขึ้นมาอย่างป่วงๆ เพิ่มตัวละคร เพิ่มความชัดเจนในเรื่อง - -* ความจริง ความนู่นความนี่อีกมากมาย ถึงมันจะไม่ค่อยดราม่าตามที่คิด แต่ว่า...ตอนนี้ไรเตอร์เกลียดทงเฮมากค่ะ ; A;
ก่อนอื่นต้องขอบคุณเม้นที่มีให้แนนมาอย่างล้นหลาม
ฟิคเรื่องนี้แดบัคมากมายมหาศาล -///- ขอบคุณที่เลือกอ่านฟิคป่วงๆเรื่องนี้และชมเชยค่ะ (ปาดน้ำตา)
แม้ว่าจะไม่ได้ดีเลิศเหมือนฟิคอื่นใด แต่มันก็มาจากแรงกายแรงใจแรงสมองของไรเตอร์ตาดำๆคนนี้นะคะ (:
ขอบคุณทุกคนจริงๆ..ที่ทำให้แนนมีวันนี้..
ขอบคุณแรงใจทุกแรงที่ยังยื้อให้แนนไม่ลบเรื่องนี้นะคะ <3 รักทุกคนมากจริงๆๆค่ะ
ปล.ขอคอมเม้นฟิคน้อยๆเรื่องนี้ด้วยนะคะ (ทำมือรูปหัวใจ) ซารังเฮโยวววว
แก้ไขคำผิดตามที่น้องซนนาบีบอกค่ะ ; A; ขอบคุณมากๆเน้อ <3 12.11.11 @8.56
ความคิดเห็น