NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] :: HaeEun & 83line :: Alternative Love ll SJ

    ลำดับตอนที่ #3 : [SF HaeEun] - เพลงสุดท้าย P.1/2 #ดราม่า

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 54


     สวัสดีค่ะแฟนฟิกที่รักของแนนทุกคน อ้ะคึอ้ะคึ หลังจากที่แต่ง SF เกรียนมาสองเรื่อง

    มีรีดเดอร์หลายคนรีเควสอยากอ่านแนวอื่นบ้าง คึคึ แนนก็เลยจัดมาให้เลยค่ะสำหรับดราม่าเรื่องนี้

    ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคเพลง คือเพลง เพลงสุดท้าย ของพี่ๆวงแคลช

    สำหรับพาร์ธนี้เป็นพาร์ธแรกของเรื่อง หรือเรียกได้ว่าเป็นพาร์ธอินโทร ยังไม่ได้มีเนื้อหาอะไรมากมายทีเกี่ยวข้องกับเพลง แนนเลยขออนุญาตไม่ลงเพลงให้นะคะ

    และก็ต้องบอกไว้ว่าพาร์ธนี้อาจจะยังไม่ดราม่าโดนใจ แม่ยกมาม่าน้ำตาตกใน

    แต่รับรองได้เลยค่ะ พาร์ธหน้า น้ำตาตกในกันแน่นอน อ้ะคึอ้ะคึ (มีความสุขในการทำแฟนฟิกร้องไห้ -  -*)

    ถูกใจไม่ถูกใจยังไงก็บอกกันคอมเม้นกันได้นะคะ ^^

    สำหรับแฟนฟิกที่สงสัยว่า แนนจะเอาฟิกไปขายที่งาน World Y Fiction วันที่ 30 ต.ค.นี้มั้ย

    ขอบอกเลยว่าไปค่ะ อยู่บูท F9 ข้างๆบ้านอึนเฮเลยค่ะ ใครไปก็แวะไปทักทายกันได้เน้อออ

    และแนนก็ได้นำฟิกทั้งสามเล่มของแนนไปขายด้วยค่ะ ^^

    ไม่ขอแพล่มอะไรต่อแล้ว ไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ ^^

     

    LAST SONG…(HaeEun)

    ท่ามกลางความวุ่นวายในช่วงบ่ายวันศุกร์ก่อนวันงาน Open House แนะนำคณะในมหาลัย K มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังในกรุงโซล บูทของคณะนิเทศศาสตร์ที่จัดกิจกรรมให้มีการแสดงสั้นๆ แบ่งกลุ่มกันตามสาขาแขนงที่เรียน ทั้งด้านแสดงละคร การเต้น การร้องแตกต่างกันไป

     

    ชายร่างบางในชุดนักศึกษาตัวโคร่ง ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกจากกางเกง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยอมตามกระแสแฟชั่นชุ่มเหงื่อลู่ลงแนบแก้มเนียนที่เปลี่ยนสีเป็นแดงปลั่ง เพราะอุณหภูมิอากาศในหน้าร้อน บวกกับการฝึกซ้อมการแสดงเต้นของกลุ่มเขา มือบางหยิบขวดน้ำขวดใหญ่ขึ้นซด พร้อมกับมืออีกข้างยกขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลตามข้างแก้มจนน่ารำคาญ

     

    “โอ้ยยย โคตรร้อนเลยว่ะ”เพื่อนสนิทร่างโปร่งเอ่ยขึ้นเซ็งๆ มือหนาคว้าผ้าผืนหนาที่วางกองไว้ข้างเป้ขึ้นมาซับเหงื่อ ก่อนจะคว้าขวดน้ำของตนยกดื่มบ้าง อากาศมันจะร้อนอะไรนักหนานะ

     

    “ร้อนคนเดียวไงมึง? กูก็ร้อนเหมือนกันนะ”ร่างบางว่าพลางตีแขนเรียวของร่างสูงไปทีนึง

    “เออๆๆ แล้วคณะนิติแฟนมึงนี่ทำอะไรวะ กูคิดภาพไม่ออกเลย ให้คนมานั่งฟังกฎหมายเหรอ หรือว่าไง”

    “แฟนกู? ใครวะ?”ร่างบางเลิกคิ้วถามเมื่อไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย

    “ทำมาถามใครวะ ก็ไอ้ทงเฮไงมึง อย่ามาทำปิดบัง กูรู้นะว่ามึงกะมันซัมติงรองกันอยู่”

     

    “บ้าดิวะ กูกับทงเฮไม่ได้เป็นไรกัน แค่เพื่อนกันเว้ย”ปฏิเสธเสียงแข็ง ทำหน้าจริงจัง ไม่ชอบใจเท่าไรที่ใครมองว่าเขากับคนที่ถูกพูดถึงเป็นอะไรกัน เขากล้ายืนยันว่าเขากับทงเฮเป็นเพียงเพื่อนใกล้บ้าน ที่รู้จักเล่นด้วยกันตั้งแต่สมัยเด็กๆ ไม่ได้มีความสัมผัสอะไรเกินเลย ที่สำคัญเขากับทงเฮต่างก็เป็นผู้ชายทั้งคู่

     

    “อ่อ..เหรออออ”

    “เออดิวะ มึงนี่ชอบเพ้อเจ้อตลอด กูบอกเพื่อนก็เพื่อนดิ”

     

    “แล้วเพื่อนอะไรมันต้องไปไหนมาไหนด้วยกันทุกวันวะ? ไหนจะต้องคอยรับคอยส่งที่บ้านอีก โน่นไง พูดถึงก็เดินมาโน่นละ”`พูดพร้อมพยักเพยิดไปทางร่างสูงที่เดินมาทางเขาทั้งสอง ใบหน้าหล่อคม รอยยิ้มหวานเอกลักษณ์ละลายใจทั้งบรรดาผู้หญิงและเก้งกวาง หนุ่มฮอตประจำคณะนิติศาสตร์ ว่าที่เดือนมหาลัย

     

    “จะกลับบ้านยัง?”ผู้มาใหม่ยิ้มทักทายให้เพื่อนในกลุ่มคนตัวเล็ก ก่อนยิงคำถามเดิมๆที่ต้องถามไถ่อยู่ทุกวันหลังเลิกเรียนหรือกิจกรรมชมรม

     

    “มาเร็วไปป่ะมึง”ฮยอกแจถามเสียงขุ่น ไม่พอใจเท่าไรนักที่ร่างสูงมาหาไม่ถูกเวลา ยิ่งเห็นใบหน้าและรอยยิ้มกวนๆของเพื่อนตัวแสบ เขาก็ยิ่งหงุดหงิด

     

    “บูทกูเสร็จนานแล้ว ทำไมพวกมึงยังซ้อมไม่เสร็จกันอีกล่ะ ที่กูเห็นมึงก็เต้นได้กันแล้วนี่หว่า”ตอบกลับพลางโยนกระเป๋าเป้มือไปที่กองกระเป๋าเป้ที่วางกองสุมกันอยู่

     

    “รีบพาเมียกลับบ้านหรอวะทงเฮ”ซีวอนหนุ่มฮอตจากคณะบริหารที่เดินผ่านเอ่ยแซวพลางกลั้วหัวเราะ

     

    “กลับไปบูทมึงเถอะซีวอน เมื่อกี้กูเห็นฮีฮยองกำลังว๊ากหาคนช่วยงานอยู่”ทงเฮตอบกลับยกยิ้มขำ เขาไม่คิดสนใจกับคำแซวของคนรอบข้างมากเท่าไรนัก เพราะเขาชินชากับมันเสียแล้วล่ะ

     

    “กูขี้เกียจ”

     

    “แล้วก็ว่างมาปากหมาแถวนี้อ่ะนะมึง”ร่างเล็กแขวะ ใบหน้าหวานฉายแววไม่พอใจ รู้สึกขุ่นเคืองยามผู้ใดเอ่ยถึงความสัมพันธ์ของเขากับทงเฮ

     

    “เขินกูก็บอกมาเหอะฮยอกแจ”

    “มึงกลับบูทไป ก่อนจะเจอตีน”

    "เออๆ กูไปก็ได้วะ เมียมึงนี่โหดสัดอ่ะเฮ"เอ่ยพร้อมตบบ่าทงเฮเบาๆก่อนจะเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มขำๆของร่างสูง

     

    ภาพความสัมพันธ์ลึกซึ้งของทงเฮและฮยอกแจไม่ใช่สิ่งแปลกตาสำหรับคนในมหาวิทยาลัย ซ้ำยังเป็นหัวข้อประเด็นหลักของกลุ่มสาวๆที่มักถูกหยิบยกมากล่าวยามมีเวลาว่าง

     

    คนหนึ่งก็ชายหนุ่มหน้าตาดี มีผลการเรียนในอันดับต้นๆของคณะ มีงานอดิเรกที่น่าสนใจ คือการร้องเพลงและเล่นดนตรี โดยเฉพาะเสียงทุ้มอบอุ่นหวานหูที่บรรดาสาวๆในและนอกมหาลัยต่างใฝ่ฝันว่าสักครั้งจะได้ฟังบทเพลงรักซึ้งๆจากทงเฮบ้าง

     

    อีกคนก็ชายหนุ่มตัวเล็ก ร่างกายบอบบาง ขึ้นชื่อด้านการเต้นประเภทฮิพฮอพป๊อปปิ้งเบรกแดนซ์ หากแต่เพราะใบหน้าหวานละม้ายคล้ายไปทางหญิงสาว ทำให้บุคคลที่ให้ความสนใจและเข้ามาตีสนิทชิดใกล้มักเป็นเป็นฝ่ายชายมากกว่าฝ่ายหญิง

     

     

     

    ...เพียงแต่ทงเฮและฮยอกแจไม่ใช่คนรักกัน..

     

    ถึงแม้ว่าภายนอกทั้งสองจะดูสนิทสนมกันมาก แต่นั่นก็มีสาเหตุมาจากบ้านของเขาทั้งสองอยู่ใกล้กัน ทำให้รู้จักกันตั้งแต่วัยเด็ก ทงเฮและฮยอกแจต่างเติบโตขึ้นมาด้วยกัน อยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน อยู่โรงเรียนเดียวกัน กลุ่มเพื่อนคล้ายๆกัน ถึงแม้จะอยู่ต่างห้องกันก็ตามแต่ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของเขาห่างไกลกันลงแม้แต่น้อย

     

    ถึงแม้ว่าการกระทำ การแสดงออก ความห่วงใย ความใส่ใจที่ทงเฮมีให้ฮยอกแจมันดูจะมากเกินกว่าที่เพื่อนสนิทควรจะมี และถึงแม้ว่าฮยอกแจจะไม่ได้รังเกียจในสิ่งที่ทงเฮมอบให้ ซ้ำยังพึงพอใจกับมันมากก็ตาม

     

    ...เขาทั้งสองคนก็ไม่คิดจะก้าวข้ามเส้นบางๆที่ขีดกั้นเขาทั้งสองเอาไว้...

     

     

     

    เคยพร่ำบอกหัวใจนะมีแต่เธอ เเต่เธอ ผู้เป็นที่หนึ่ง

    ข้อความสุดซึ้งที่เคยผ่านเพลงมากมาย

    ทุกเพลงที่มีความหมายใช้เพียงปากกาด้ามหนึ่ง ซึ่งกรองจากหัวใจ

     

     

    "ฮยอกแจ กูลองอัดเพลงใหม่เมื่อคืน มึงจะฟังมั้ย"ทงเฮเอ่ยถามร่างบางข้างกาย ในระหว่างทางเดินกลับบ้าน มือหนาหยิบไอพอดคู่ใจออกจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะยื่นหูฟังข้างหนึ่งให้เพื่อนรัก

     

    "ก็บังคับกูฟังอยู่แล้วนี่มึง"ฮยอกแจเอ่ยเหน็บแนม แต่มือบางก็หยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงที่เปิดขึ้น

     

    ...ทำนองเพลงรักซึ้งๆ บรรเลงด้วยกีต้าร์โปร่งเครื่องดนตรีคู่ใจของเจ้าของเสียงนุ่มที่ขับร้องบทเพลง...

     

    "เพราะดีนี่มึง เขียนได้ไงวะ? ตั้งแต่รู้จักมึงยังไม่เคยเห็นมึงมีแฟนสักคน แต่เสือกเขียนเพลงรักเก่งชิบ"

    “กูเก่งไง"

    "อ้อออ หรอ"

    "แน่นอน"ทงเฮยักคิ้วกวน พร้อมยิ้มกริ่มไม่เอ่ยอะไรต่อ มือหนาดึงหูฟังจากใบหูเล็กกลับคืนหลังจากเพลงจบ พันสายหูฟังกับไอพอดเครื่องหรูลวกๆแล้วจัดการยัดมันกลับเข้ากระเป๋ากางเกงอีกครั้ง

     

    ...ทงเฮและฮยอกแจหลงใหลในเสียงดนตรี...

     

    ...ต่างกันเพียงแค่ทงเฮชอบร้องเพลงเล่นดนตรี แต่ฮยอกแจชอบเต้นรำคิดท่าเต้นใหม่ๆ...

     

    ฮยอกแจรักทุกเพลงที่ทงเฮร้อง โดยเฉพาะเพลงที่ร้องให้เขาฟัง บ่อยครั้งที่เขาโทรไปอ้อนขอให้ทงเฮร้องเพลงให้ฟังกลางดึกเพราะสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย เสียงนุ่มที่แฝงด้วยความด้วยความอ่อนโยนของทงเฮสามารถกล่อมให้ฮยอกแจหลับสนิทได้จนถึงเช้า

     

     

    ไออุ่นเธอที่มีช่างงดงาม เหมือนแสงดวงจันทรา ของค่ำคืน

    อ้อมกอด อบอุ่นที่คุ้นเคย ซึ้งใจไม่เคยลืม

     

     

    ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม วันขึ้นปีใหม่ ผู้คนส่วนใหญ่ต่างพากันออกไปเที่ยว ฉลอง ดื่มกินกับครอบครัว คนรัก หรือเพื่อนฝูงข้างนอกบ้าน แต่ฮยอกแจกลับเลือกที่จะนั่งดื่มโกโก้อุ่นๆในสวนหน้าบ้านมองท้องฟ้ากว้าง ที่งดงามไม่ต่างจากงานเทศกาลที่ประดับดาตกแต่งแสงสีระยิบระยับ

    "ทำไมปีนี้กูซวยจังวะ"ร่างสูงเดินถือแก้วโกโก้ร้อนกับห่อขนมขบเคี้ยวซองใหญ่ในมือมานั่งข้างฮยอกแจเอ่ยถามเสียงขุ่น

     

    "พูดเหมือนมึงซวยคนเดียว"

    "แต่กูซวยกว่านะ ครอบครัวพากันทิ้งไปเที่ยวอเมกา แล้วยังซ้ำต้องมานั่งฉลองแดกโกโก้อยู่ที่บ้านกับมึงอีก"บ่นพลางยกโกโก้ร้อนๆขึ้นจิบ รสชาติหวานของโกโก้ทำให้ทงเฮเบ้ปาก เขาเกลียดรสหวานบาดคอนี่จริงๆ แต่เพราะอากาศรอบกายที่หนาวเย็น เขาจึงจำใจต้องฝืนดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆในมือ

     

    “ก็กูไม่อยากออกไปข้างนอก มึงก็รู้ดีนิ”ฮยอกแจเถียง มือบางเลื่อนไปหยิบขนมขบเคี้ยวที่ทงเฮหยิบติดมือมาแกะออกทาน

     

    “เออ กูไม่เถียงและ ว่าแต่ทำไมบ้านมึงไม่มีกาแฟเลยวะ บ้านมึงแอนตี้คาเฟอินขนาดนั้น?”

    “เปล่า มีแต่กูไม่อยากให้มึงแดก หัดแดกอะไรหวานๆบ้างก็ดีนะ”

    “สัด นี่ตกลงว่าที่กูต้องทนแดกไอ้โกโก้นี่เพราะมึงแค่ไม่อยากให้กูแดกกาแฟ?”

    “เออ”

    “มึงแม่ง..”

     

    “กูหนาว”ฮยอกแจเอ่ยขัดเรียบๆ หันหน้ามองเพื่อนรักพร้อมรอยยิ้ม

    “ให้กูไปเอาผ้าห่มมั้ย”

    "อืม บนโซฟามีอยู่"

    "กูขี้เกียจเข้าบ้านว่ะ เอางี้มานี่เดี๋ยวกูกอดมึงเอง"ร่างสูงเอ่ยสรุปก่อนจะดึงเพื่อนรักตัวเล็กเข้ามาใกล้ แขนแกร่งโอบรอบเอวบางไว้ ถ่ายทอดความอบอุ่นผ่านอ้อมกอดและวงแขนแกร่ง 

     

    "อืม สุขสันต์วันปีใหม่นะมึง"ฮยอกแจเหลือบมองด้านข้างของใบหน้าคมแล้วอมยิ้มน้อยๆ

     

    "มึงก็เหมือนกัน ลีฮยอกแจ"สัมผัสอุ่นจากริมฝีปากเรียวประทับลงที่หน้าผากมน ฮยอกแจหลับตาลงรับสัมผัสจากร่างสูงโดยไม่ขัดขืน ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำหวานให้มากความ ก็สามารถรับรู้ความหมายทุกอย่างด้วยการกระทำ 

     


    เคยต้องเจ็บ ก็มีแต่เธอผู้เดียวที่คอยเฝ้าดูไม่ห่าง
    แม้ตอนอ้างว้างก้มีแต่เธอช่วยปลอบ
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเคยทำผิด

    เธอไม่โกรธที่สุดในหัวใจ

     

    ...13 กุมภาพันธ์ วันก่อนวันวาเลนไทน์...

     

    บรรยากาศทั้งมหาวิทยาลัยถูกเปลี่ยนเป็นสีชมพูต้อนรับเทศกาลวันแห่งความรักที่กำลังมาถึง คู่รักหวานแหววพากันนั่งพูดคุยนัดแนะกิจกรรมที่จะทำด้วยกันในวันพรุ่งนี้ ส่วนบรรดาหนุ่มสาวที่ไม่มีคู่ก็มานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนคร่ำครวญระบายความรู้สึกตามประสาคนโสดแทน

     

    "กูอิจฉาว่ะ"จู่ๆคยูฮยอนโพล่งขึ้นหลังจากนั่งเงียบมองคู่รักที่เดินผ่านไปมา

    "อิจฉาเหี้ยไรวะ"ฮยอกแจที่นอนฟุบกับโต๊ะเงยหน้าขึ้นถาม

    "ก็พวกมึงยังดีที่มีคนให้สวีท แต่กูนี่ดิ ตามจีบน้องโซราไม่ติด เพราะโดนไอ้แก่ทึกเป็ดนั่นชิงตัดหน้า!!

    "กูว่ามึงไร้น้ำยาเองมากกว่าเถอะ อีกอย่างกูสวีทห่าไรกับใครที่ไหน ไม่มี"

    “ทงเฮไง”

    “สัด กูบอกแล้วว่าทงเฮไม่ใช่แฟน”

    “อ้อออ หรออออ”

     

    ติ้ด ติ้ด ติ้ด โทรศัพท์เครื่องเล็กที่วางอยู่บนหนังสือดังขึ้น มือบางเลื่อนไปหยิบขึ้นมาดู และพบว่ามีข้อความใหม่ถูกส่งมาถึงเขา

     

    กลับบ้านเองได้นะมึง? From: ทงเฮของฮยอกแจ

     

    ฮยอกแจฉีกยิ้มขำกับข้อความที่ได้รับ บ่อยครั้งที่ทงเฮมีกิจกรรมธุระสำคัญ จนเค้าต้องกลับบ้านคนเดียว แล้วมันจะลำบากอะไรที่วันนี้เค้าต้องกลับคนเดียวอีกครั้ง แล้วไหนจะสรรพนามแปลกๆนี่อีก สงสัยทงเฮจะกินยาผิดขวดนะ

    “แฟนมึงส่งมาอ่ะดิ”คยูฮยอนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    “เปล่า ทงเฮส่งมา”

    “ก็นั่นแหละ แฟนมึง หรือมึงจะบอกว่ามากกว่าแฟนวะ สามี?”

    “พ่อมึง -   -* กูไม่อยากจะคุยกับมึงและ กูบอกว่าไม่ใช่แฟน”

    “เชื่อตายอ่ะ”

     

    ฮยอกแจเบื่อที่จะเถียงต่อก็ไม่พูดจาอะไร นั่งเปิดหนังสืออ่านผ่านๆตัดบทสนทนาที่เขาไม่ค่อยอยากจะได้ยินมากเท่าไรนัก

     

     

     

    ...14 กุมภาพันธ์...

     

    “มึงเห็นทงเฮป่ะ”ฮยอกแจกระซิบถามร่างโปร่งที่นั่งที่โต๊ะเลคเชอร์พร้อมสำหรับบทเรียนที่กำลังจะเริ่ม

    “มึงอยู่บ้านใกล้กันยังไม่เห็นแล้วมึงมาถามกูเนี้ยนะ”

    “กูไม่เห็นทงเฮตั้งแต่เช้า โทรไปก็ไม่รับสายกู”

     

    “มันไม่สบายเปล่า มึงก็คิดมาก”คยูฮยอนตอบปัด พลางยกมือขึ้นโบ้ยไปทางอาจารย์ผู้สอนด้านหน้าที่จ้องมาที่เขาทั้งสองเขม็ง

     

    “เออ..ก็คงงั้น”ฮยอกแจพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ มือบางหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาจดชอทโน้ตบทเรียนเงียบๆไม่รบกวนสมาธิเพื่อนรักต่อ แต่มือบางอีกข้างก็ยังกุมมือถือในมือเอาไว้แน่น

     

    ...เผื่อว่าใครที่ได้เห็นมิสคอลเกือบ 20 สายจะโทรกลับมา...

     

    “วาเลนไทน์ทั้งทำไมมึงหน้าหงอยแบบนั้น”คยูฮยอนเอ่ยถามเพื่อนหลังจากวิชาภาคเช้าจบลง ร่างเล็กกอดหนังสือสองสามเล่มไว้แน่น แต่ในมือยังคงกำโทรศัพท์ไว้ไม่ปล่อย ...ไม่มีการตอบรับใดๆจากทงเฮ...

     

    “ไม่โทรหาที่บ้านล่ะ”

    “แม่ทงเฮบอกว่าทงเฮออกมาเรียน แต่ก่อนกูเข้าเรียนกูก็ไปคณะนิติมา กูก็ไม่เจอ”

    “ติดธุระ?”

    “กูถามเพื่อนทงเฮหมดแล้ว ไม่มีใครเห็นมันมาเลย”

     

    “งั้น..ไปหาแฟน?”คำถามเรียบๆ หากแต่กรีดลึกเข้ากลางใจของคนฟังจนฮยอกแจตัวชาทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเหมือนถูกทับแรงๆที่หัว นั่นสินะ...ก็วันนี้วันวาเลนไทน์นี่นา

     

    “ทงเฮไม่มีแฟน”ฮยอกแจปฏิเสธเสียงแข็ง เขาคิดว่าเขามั่นใจว่าทงเฮไม่มีแฟนหรือคนที่แอบชอบ แม้ว่าความรู้สึกข้างในจะแอบเถียงและหวั่นไหวไปมากก็ตามแต่

     

    “อืม”คยูฮยอนพยักหน้ารับเรียบๆ เขาเองก็รู้สึกผิดที่เผลอพูดในสิ่งที่คิดออกไป โดยลืมแคร์ความรู้สึกของเพื่อนรักที่เป็นผู้ฟังอยู่

     

    หลังจากเรียนในภาคบ่ายจบ ฮยอกแจก็จัดการกวาดหนังสือและเครื่องเขียนใส่กระเป๋า โยนทิ้งช่อดอกไม้ การ์ด จดหมายสารภาพรัก และของขวัญที่ไม่สำคัญที่ได้รับจากผู้ชายที่เข้ามาจีบทิ้งลงถังขยะ

     

    คยูฮยอนที่เดินตามหลังมาได้แต่มองอึ้งๆ แอบนึกสงสารเจ้าของของขวัญอยู่ไม่น้อย หากได้มาเห็นว่าของขวัญที่ตนตั้งใจให้ถูกกวาดลงไปนอนแอ้งแม้งในถังขยะเรียบร้อย

     

    “ไปกันเถอะ”

    “โอเค”

     

    ร่างบางเดินทอดน่องเอื่อยๆไปตามทางกลับบ้าน โดยมีคยูฮยอนเดินตามหลังฟังเพลงจากมือถือเครื่องหรูเงียบๆ คยูฮยอนเลือกที่จะไม่พูดอะไรเพราะเขารู้ดีว่าฮยอกแจคงอยากจะใช้ความคิดกับตัวเองมากกว่าที่เขาจะเข้าไปก้าวก่าย เพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้ความจริงตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับทั้งสองคนเท่าไรนัก

     

    “ทงเฮเหรอลูก เขากลับมาตั้งแต่บ่ายแล้วล่ะจ้ะ แต่บอกว่าไม่สบายไม่อยากให้ใครเข้าไปกวนน่ะ ฮยอกแจมีอะไรจะฝากบอกทงเฮมั้ยล่ะจ้ะ”หญิงสาววัยกลางคน มารดาของทงเฮเอ่ยบอกเพื่อนสนิทของลูกชายพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น

    “เขาเป็นอะไรน่ะฮะ? ทำไมไม่รับโทรศัพท์ผมเลย”ร่างเล็กถามต่อ ดวงตาคู่สวยมีน้ำใสๆเอ่อคลอ เขาเป็นห่วงทงเฮมากเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกได้ ทงเฮไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง...

     

    “น่าจะเครียดเรื่องเรียนล่ะมั้งจ้ะ ฮยอกแจไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวเจ้านั่นก็หายดี”

    “ฮะ งั้นผมไปนะฮะ”

     

    หลังจากที่เดินออกจากบ้านของทงเฮ ฮยอกแจก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมาอีก มีเพียงแค่รอยยิ้มบางๆที่ส่งให้คยูฮยอนตอนที่แยกกัน ร่างเล็กเดินกลับบ้านโดยไม่ได้คุยกับใคร เก็บตัวอยู่ในห้อง ร้องไห้เงียบๆ เป็นห่วง กังวล คิดมากเกี่ยวกับคนที่หายไปจากชีวิต

     

    “นายไปอยู่ไหนกันนะทงเฮ”

     

    ผ่านไปหลายวัน ฮยอกแจยังคงติดต่อทงเฮไม่ได้สักครั้ง แม้จะเพียรกดโทรหา ใช้เบอร์แปลกโทรหา ก็ไม่มีการตอบรับใดๆจากอีกฝ่าย เวลายิ่งผ่านฮยอกแจยิ่งเป็นห่วง แค่อยากรู้ว่าสบายดี หรือไม่สบายเป็นอะไร อาการหนักไหม จะไปหาที่บ้านเหตุผลเดิมๆจากมารดาของทงเฮก็ทำให้เขาต้องถอยกลับบ้านทั้งๆที่ไม่ได้ทราบความคืบหน้าใดๆสักนิด

     

    “มึงควรจะแดกข้าวนะฮยอกแจ”คยูฮยอนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักเอาแต่เขี่ยอาหารในจานเล่นไปมาไม่ยอมทานเข้าไปดีๆสักที

     

    “เรื่องของกู”

    “เรื่องของมึง แต่สายตากู มึงผอมลงมากนะรู้เปล่า”

     

    “เออ..กูรำคาญ”ฮยอกแจตัดบทก่อนคว้ากระเป๋าเป้ลุกจากโต๊ะ เดินออกจากโรงอาหารไป

     

    เขาทานอาหารอะไรไม่ลงมาหลายวันแล้ว เขาแค่อยากได้ยินข่าวของทงเฮบ้าง ไม่ว่าจะเป็นข่าวร้ายหรือข่าวดีอะไร ก็ขอแค่ให้เขาได้รู้ ว่าเพื่อนเขาไม่ได้จากไปไหน เพียงเท่านั้นก็พอ...

     

    “ฮึก..ฮึก...นาย..อยู่ไหน..กัน..นะ..”เสียงสะอื้นไห้ดังจากปากอิ่มของร่างเล็ก เขากำลังสับสนเหลือเกิน ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร ควรจะเลือกทางไหน จะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เขาได้พบกับทงเฮ

     

    เวลาที่เขาร้องไห้ เสียใจ หรือรู้สึกไม่ดี หากได้อยู่ใกล้ทงเฮ จะมีฝ่ามืออุ่นๆที่คอยเช็ดน้ำตาให้ มีปลายนิ้วเรียวยาวที่ค่อยเกลี่ยแก้มใสแผ่วเบา มีเสียงทุ้มอ่อนโยนที่คอยร้องเพลงปลอบเขา คอยบอกให้เขาหยุดร้องไห้ และพร่ำบอกคำสัญญา..ที่จะไม่ห่างกันไปไกล..

     

    ...แต่ทุกๆอย่างในเวลานี้ มันไม่อะไรสักอย่างที่เป็นเหมือนดั่งเก่า...

     

    ตอนนี้...ฮยอกแจกำลังร้องไห้ โดยที่ไม่มีทงเฮอยู่ข้างกาย

     

    “ว้ายย พี่ทงเฮ หายไปไหนมาคะ ไม่ได้เจอตั้งนาน”เสียงวี๊ดว้ายของกลุ่มหญิงสาวดังขึ้นเรียกความสนใจของฮยอกแจได้เพราะชื่อบุคคลที่พวกเธอเรียก

     

    ฮยอกแจมองภาพชายร่างสูงในชุดนักศึกษาถูกระเบียบ เสื้อเชิตขาวพอดีตัวที่ถูกทับด้วยกางเกงสแลคขายาวความยาวตามที่ถูกกำหนด เส้นผมสีดำเข้ม และทรงผมที่ตัดสั้นขึ้น ...เหมือนไม่ใช่ทงเฮที่รู้จัก...

     

    “ทงเฮ”ร่างเล็กเอ่ยเรียกชื่อของคนที่เดินผ่านตรงหน้าเสียงแผ่ว ใจดวงน้อยเต้นแรงราวกับว่ามันกำลังจะหลุดออกมาข้างนอก รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าสวยหวานที่หายไปตลอดอาทิตย์ถูกพาย้อนกลับมาอีกครั้ง

     

     

    หากแต่ความสุขของฮยอกแจกลับไม่จีรังดังที่เคยมีมาก่อน รอยยิ้มหวานค่อยๆจางหายไปจากใบหน้า ร่างทั้งร่างชาวาบราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็นที่มีก้อนน้ำแข็งผสมอยู่ เพียงเพราะได้ยินประโยคที่หลุดจากปากชายตรงหน้าที่เขาเฝ้าห่วงหาตลอดเวาที่ห่างกัน

     

     

    “ขอโทษนะ นายเป็นใครน่ะ? คนรู้จักเหรอ? ไม่เคยเห็นจะจำได้”

     

    +++++END PART COMING SOON+++++

     

    คึคึ จะบอกว่าทำไมตัดจบค้างล่ะเซ่~~

    ขอแพล่มสักนิดว่าเพื่อความดราม่าค่ะ อ้ะคึอ้ะคึ

    ติดตามอ่านตอนจบตอนหน้ากันนะคะ รับรองว่าทุกคนจะไม่ผิดหวัง ^^

    ขอบคุณมากค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×