คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : Painful
.
.
ร่างสูงโปร่งคนดังที่คุ้นตา เดินเข้ามาด้านในมหาวิทยาลัยเคียงข้างกับหญิงสาวหน้าตาสวยหวานที่มีตำแหน่งเชียร์ลีดเดอร์คนสำคัญของคณะ มือหนาข้างหนึ่งกอบกุมมือเรียวบางของร่างเพรียวเอาไว้ พร้อมกันกับอีกข้างที่ถือหนังสือเรียนสี่ห้าเล่มของตนและคนที่อยู่ด้านข้าง
ร่างทั้งสองเดินพูดคุยหยอกล้ออย่างใกล้ชิดสนิทสนม รอยยิ้มบนใบหน้าคมและเรียวหน้าสวยบ่งบอกถึงความสุขที่ที่ทั้งคู่มี แก้มเนียนใสที่ถูกปัดแต่งด้วยบลัชออนจางๆยิ่งแดงซ่านยามที่ร่างสูงเลื่อนหน้าเข้าไปบอกกระซิบใกล้ๆ
ภาพของคนทั้งคู่กลายเป็นข่าวใหญ่ของวันในทันที นักศึกษาทั้งชายและหญิงต่างนั่งจับกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสอง รวมถึงบางกลุ่มที่โอดครวญอย่างเสียดายที่ไม่ใช่ตนที่ได้คว้าคนหน้าตาดีที่มีดีกรีความหล่อสวยไม่แพ้กับดาวเดือนของคณะมาเป็นคู่รัก
“เห้ย นั่นมันทงเฮกับฮีบินนี่หว่า ตกลงว่าแม่งได้กันแล้วหรอวะ ไอ้ทงเฮถึงเดินไปส่งที่อักษรแบบนั้น”กลุ่มรุ่นพี่ปี 4 ของคณะนิเทศศาสตร์ก็ได้ยกเรื่องของทั้งคู่มาเป็นเรื่องพูดคุยที่น่าสนใจของวันเช่นเดียวกับคนอื่น
ร่างเล็กซึ่งกำลังเดินก้มหน้าก้มตาในสภาพอิดโรยเอาสมุดโน้ตมาคืนรุ่นพี่ เมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่ตกเป็นประเด็นฮอตก็สะอึกจนแทบก้าวเท้าไม่ออก
...เป็นไปตามที่ทงเฮบอกจริงๆสินะ...
ฮยอกแจขมวดคิ้ว เพราะไม่เข้าใจในอะไรหลายๆอย่างที่กำลังเกิดขึ้น
ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกๆอย่างถึงเป็นแบบนี้.. ทั้งๆที่มันไม่ควรจะเป็นอย่างเลยด้วยซ้ำ ทำไมอะไรหลายๆถึงผิดแผนไม่เป็นไปตามอย่างที่คิด ซ้ำยังกลับกลายเป็นปัญหายุ่งวุ่นวายจนสามารถแก้ไขได้ยาก
หรือว่าตอนนี้ เขาจะทำอะไรไม่ได้เลยกันนะ?
ฮยอกแจนึกโทษตัวเองอย่างคนรู้สึกผิด
ถ้าเพียง..เขาทำอะไรเร็วกว่านี้สักสิบหรือยี่สิบนาที ทุกสิ่งทุกอย่างมันคงจะดีกว่านี้หลายเท่า ใช่ไหม..
“มึงก็โม้ไป คงยังไม่ถึงขั้นได้กันมั้ง เล่นตัวแบบนั้นทงเฮคงได้แค่จีบติดล่ะว่ะ”
“ใครจะรู้ ไอ้ทงเฮก็ใช่ว่าจะเด็กๆที่ไหน แม่งก็ฟันแล้วทิ้งมาหลายแล้วไม่ใช่ไงวะ”
“เอ่ออ..ขอโทษนะฮะ”ร่างเล็กเอ่ยขึ้นแทรกกลางวงสนทนาที่กำลังถกเถียง เขาไม่ได้อยากเสียมารยาทเท่าไรนักหรอก แต่เขาเองก็ไม่อยากจะต้องยืนทนฟังในสิ่งที่เขาไม่อยากจะรู้เท่าไรนัก
“หื้ม? อ้าว ฮยอกแจนี่มีอะไรเหรอ”จองซู รุ่นพี่คนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยทักรุ่นน้องหน้าหวานอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีฮะรุ่นพี่ พอดีผมเอาสมุดโน้ตมาคืนน่ะครับ ขอบคุณมากนะครับ”ฮยอกแจโค้งให้กับกลุ่มรุ่นพี่อย่างนอบน้อมก่อนจะยื่นสมุดโน้ตเล่มเล็กในมือให้กับร่างโปร่ง
“อ้อ ทำไมเอามาคืนเร็วจัง ยังไงก็ขอบใจนะ”
“อา..ผมลอกเสร็จเร็วน่ะครับ”
“อ่ออ...แล้วตาไปทำอะไรมาน่ะ ทำไมบวมแบบนั้น?”จองซูเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นว่าดวงตาคู่สวยของรุ่นน้องบวมเป่งเหมือนกับคนที่ร้องไห้ติดต่อกันนานหลายชั่วโมง
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีว่าผมนอนไม่พอ”ฮยอกแจปดพร้อมยกยิ้มบางๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นห่วง
“ไม่จริงน่า...ร้องไห้มาเหรอ?”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไรจริงๆฮะรุ่นพี่ รุ่นพี่เชื่อผมสิ”
“อ่า...โอเคๆ พี่ไม่เซ้าซี้ล่ะ”จองซูยอมจำนนกับคนปากแข็งตรงหน้า เขาไม่อยากจะบีบเคล้นสร้างความอึดอัดให้ใครสักเท่าไร ถ้าหากว่าเจ้าตัวอยากบอกคงบอกออกมาเอง
“ครับ รุ่นพี่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมไปก่อนนะ”
“อื้ม”จองซูพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบางๆอย่างเอ็นดูรุ่นน้องร่างเล็ก
จองซูกับฮยอกแจไม่ได้สนิทสนมกันมากมายเท่าไร แต่เพราะว่าได้อยู่ชมรมเดียวกันจึงได้พูดคุยสนิทกันมากกว่ารุ่นน้องคนอื่นๆ และเพราะฮยอกแจเป็นคนนอบน้อมเคารพรุ่นพี่ทุกคน จองซูจึงประทับใจในตัวของฮยอกแจอยู่ไม่น้อย
“เฮ้ย! น้องๆๆ อย่าเพิ่งไปๆ น้องเค้าสนิทกะทงเฮไม่ใช่หรอวะ ลองถามน้องเค้าก่อนดิ่!!!”รุ่นพี่คนหนึ่งในกลุ่มรั้งร่างเล็กเอาไว้เสียงดัง ฮยอกแจที่กำลังจะเดินแยกไปเรียนก็หันกลับมาตามเสียงเรียก
“คะ..ครับ?”
“น้องเป็นเพื่อนสนิททงเฮไม่ใช่เหรอ แล้วพอรู้เรื่องของทงเฮกับฮีบินบ้างรึเปล่าน่ะ ตกลงเค้าเป็นแฟนกันแล้วหรอ”คำถามเสียแทงใจจากเรียวปากของรุ่นพี่ทำเอาฮยอกแจสะอึก
“ทงเฮไม่ได้บอกอะไรน่ะครับ ผมไม่ทราบ ขอโทษนะครับรุ่นพี่ ผมมีเรียนน่ะฮะ”ฮยอกแจตอบปัดๆก่อนจะรีบขอตัวเดินขึ้นตึกไป
เมื่อห่างจากกลุ่มรุ่นพี่แล้ว ฮยอกแจก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มใสโดยที่เขาเองไม่ได้รู้สึกตัว
ยิ่งคิดถึงเรื่องราวของเพื่อนสนิทร่างสูง ที่ตกเป็นประเด็นฮอตกับหญิงสาวคนดังก็ยิ่งหนักใจ
ทำไม...
เขาเป็นแค่เพียงคนธรรมดาๆ..ทำไมถึงต้องแบกรับปัญหาอะไรหลายๆอย่างเอาไว้โดยที่ไม่สามารถปรึกษาใครได้ ทำไมเขาต้องเก็บมันไว้ในใจจนอึดอัดแบบนี้กันนะ
ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย เขาก็ไม่ใช่คนเย็นชา ไร้ความรู้สึกนึกคิด ขนาดที่จะสามารถเก็บทุกอย่างไว้ในใจ ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร เมื่อรู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดเป็นสิ่งที่ผิด แต่กลับทำอะไรเพื่อแก้ไขให้ดีขึ้นไม่ได้เลย
ใครกันนะ..ที่บอกว่าผู้ชายร้องไห้ไม่เป็น..
ฮยอกแจขอค้าน...
ถ้าหากไม่ได้สัมผัสกับความเจ็บปวดแบบที่เขาได้รับ...ก็คงไม่เข้าใจ
ระหว่างคาบเรียนวิชาบังคับแสนเบื่อหน่าย ฮยอกแจแอบหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กขึ้นมาดูเมื่อมีสัญญาณสั่นเตือนข้อความเข้า แต่ก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเบอร์ที่โชว์บนจอเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นตา
‘ใครวะ’คำถามปรากฏขึ้นในใจก่อนที่นิ้วเรียวจะกดเมนูใหม่ขึ้นอ่าน
‘เลิกเรียนแล้วมาหากูที่หน้าตึกอักษรด้วย’ ข้อความสั้นๆที่ปรากฏทำให้ร่างเล็กนึกก่นด่าในใจ
‘ไม่มีชื่อแซ่ว่าใครแล้วจะให้ไปหาเนี้ยนะ’ ฮยอกแจส่ายหน้าไปมาเซ็งๆก่อนจะกดลบข้อความทิ้ง
ไม่ทันที่ร่างเล็กจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า ข้อความใหม่ก็เข้ามาขัด ข้อความจากเบอร์โทรศัพท์เดิมปรากฎขึ้น ร่างเล็กขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย
‘มึงต้องมา’
ฮยอกแจอ่านข้อความจากบุคคลปริศนาเซ็งๆ ก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม เหลือบมองไปที่นาฬิกาแขวนบนผนังที่บ่งบอกว่าอีกห้านาทีคาบวิชากำลังจะหมดลง มือบางก็กวาดเครื่องเขียนลงกระเป๋าดินสอลวกๆ
ไม่รู้ว่าเพราะคำขู่จากข้อความที่สองหรืออะไรดลใจให้ขาเรียวพาร่างเล็กมายังหน้าคณะอักษรศาสตร์จุดนัดหมายที่ถูกนัดแนะตามข้อความ
“มาเร็วดีนี่”ร่างสูงโปร่งที่คุ้นตาก้าวเข้ามาหาร่างเล็กที่ยืนรออยู่หน้าตึกพร้อมทักทายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ใบหน้าคมหล่อยกยิ้มมุมปากน้อยๆ
ฮยอกแจเลิกคิ้วมองใบหน้าผู้มาใหม่อย่างไม่เข้าใจ นึกจะเล่นตลกอะไรอีก
เขายังเจ็บไม่พอ ไม่สาสมแก่ใจใช่มั้ย...
เขาไปทำอะไรทงเฮโกรธนักหนานะ..ไม่เข้าใจเลยจริงๆ...
“ทงเฮ? มึงมีธุระอะไรกับกู?”ร่างเล็กตอบกลับเสียงขุ่นด้วยความไม่พอใจ
“อ๋อ..เดี๋ยวนี้เพื่อนสนิทอย่างกูจะเรียกมึงมาเจอไม่ได้? จะเก็บเวลาไปให้ซีวอนเอาเหรอ เหอะ”
“สมองมึงคิดเป็นแต่เรื่องพวกนี้เหรอ? คิดว่ากูเสี้ยนขนาดนั้น? อย่าเอานิสัยตัวเองมาประจานให้คนอื่นรู้เลยว่ะ ใครมาได้ยินแล้วกูอายแทน”ฮยอกแจตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ทำไมเขาจะต้องเป็นฝ่ายก้มหน้ายอมทงเฮล่ะ ถ้าทำอย่างนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนโง่ที่ยอมยืนนิ่งๆให้อีกคนทำร้ายโดยไม่ป้องกันตัวอะไร
“ใครกันแน่ที่ควรจะอาย? ลองคิดดีๆ มึงหรือกูที่เป็นฝ่ายโดน’เอา’”ทงเฮยิ้มเยาะ รู้ทั้งรู้ว่าเถียงไปเขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ คนอย่างฮยอกแจน่ะ ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก
“แล้วการที่กูจะโดนใครเอามันไปข้องเกี่ยวชีวิตมึงตรงไหน? กูก็ไม่เอาขาพาดคอ รอให้มึงเอาไม่ใช่รึไง”
“เดี๋ยวนี้มึงดูช่ำชองดีนะ ร่านสมกับที่กูคิดไว้จริงๆ”
“กูเองก็บอกมึงแล้วไม่ใช่ไง? กูน่ะร่านกว่าที่มึงคิด ทำไม? มึงนึกอยากจะเอากูมาบ้างแล้วเหรอ”ฮยอกแจยกยิ้มร้ายอย่างไม่ยอมแพ้ เขาไม่ใช่ที่ระบายของใครนะ
“ให้กูเอามึง กูไปเสียตังซื้อกะหรี่ซิงๆยังดีกว่าเลย”
“เหอะ นี่มึงหมดเรื่องจะพูดกับกูแล้วใช่มั้ย? ไร้สาระแบบนี้กูไปหาอะไรแดกดีกว่า”ฮยอกแจเอ่ยก่อนจะหันหลังเดินหนีร่างสูง หากแต่พันธนาการแกร่งที่ข้อมือเล็กรั้งให้ร่างบางเดินไปไหนไม่ได้
“ปล่อยกู มึงจะรั้งกูไว้ทำไม? จะเอากูไว้ด่าเล่นหรอไอ้เหี้ย!”ฮยอกแจตวาดกลับเสียงดังพร้อมสะบัดข้อมือออกอย่างหงุดหงิด
“กูยังไม่ได้บอกเรื่องที่กูเรียกมึงมาวันนี้เลยนะ จะรีบไปไหน”ทงเฮตอบเสียงเรียบ พลางกระชับฝ่ามือบีบข้อมือเล็กแน่นขึ้น
“โอ้ย! มึงมีอะไรก็รีบบอกมา แล้วปล่อยมือกูซักที”
“มึงรอหน่อยน่ะ มีคนอยากจะเจอมึง”
“ใคร?”
“พี่ฮีบิน”คำตอบเรียบๆจากเรียวปากหยักทำให้ร่างเล็กกระตุก ในใจวูบไหวเพียงเพราะชื่อของหญิงสาวคนรักของคนตรงหน้า
ต้องการอะไรจากกู..
ทำแบบนี้มันเจ็บยิ่งกว่ามึงปฏิเสธรักกูอีกนะ
“แฟนมึงมีธุระอะไรกับกู?”ฮยอกแจเอ่ยถามเสียงแข็ง พร้อมปั้นสีหน้าเรียบเฉย พยายามกลบเกลื่อนความอ่อนไหวที่เกิดขึ้น
“กูแค่อยากจะแนะนำให้เขารู้จักกับ ‘เพื่อนสนิท’ อย่างมึงไง”ทงเฮจงใจเน้นหนักคำว่าเพื่อนสนิทให้ชัดเจนพร้อมกับยกยิ้มร้าย มือหนาละออกจากข้อมือบางทันทีที่เหลือบไปเห็นหญิงสาวที่รอคอย
“พี่ฮีบิน ทางนี้ครับ”ทงเฮโบกมือให้หญิงสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้าง
ฮยอกแจยืนมองภาพเพื่อนร่างสูงนิ่งๆไม่ได้เอ่ยปากอะไรให้กวนใจอีกฝ่าย รอยยิ้มแบบที่มีให้กับรุ่นพี่ฮีบินเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ใจดวงน้อยเต้นแรง ในใจแอบคิดอิจฉาอยากได้มันมาครอบครอง หากแต่เขาเองก็รู้ตัวดีว่า ‘เพื่อน’ อย่างเขาไม่มีสิทธิที่จะได้รับมัน
“อ้าว ทงเฮ มาเร็วจังเลยนะคะ แล้วนี่...เพื่อนสนิทที่บอกไว้น่ะเหรอ?”หญิงสาวก้าวเข้ามาหาชายหนุ่มทั้งสองพร้อมยกยิ้มหวาน ก่อนจะหันเหลือบมองเสี้ยวหน้าหวานของร่างบางข้างคนรัก
“ใช่ครับพี่ฮีบิน คนนี้น่ะ ลีฮยอกแจเพื่อนผมครับ”ทงเฮเอ่ยบอกพร้อมกับมือหนาที่เลื่อนไปฉวยหนังสือเล่มหนาในมือเรียวของหญิงสาวมาถือ
“สวัสดีครับพี่ฮีบิน ผมลีฮยอกแจครับ”ฮยอกแจแนะนำตัวพร้อมยกยิ้มอย่างเป็นมิตร
ได้เข้าใกล้รุ่นพี่คนสวยแล้ว ฮยอกแจยิ่งรู้สึกอึดอัด ทั้งความสวยความน่ารัก กริยามารยาทของเธอทำให้ฮยอกแจรู้สึกไม่สบายใจเมื่อต้องมายืนอยู่ตรงหน้า
“จ้ะ พี่ได้ยินชื่อเราจากทงเฮมาหลายครั้งแล้ว ได้ข่าวว่าเป็นแฟนกับซีวอนอย่างนั้นเหรอจ้ะ”ร่างเพรียวเอ่ยถามเสียงหวาน พร้อมกันกับขยับตัวเข้าใกล้ร่างสูงเมื่อทงเฮวาดแขนโอบเอวคอดไว้อย่างทะนุถนอม
“ฮ่ะๆ ไม่ใช่หรอกครับพี่ แค่เพื่อนน่ะ”ฮยอกแจตอบกลับพร้อมหัวเราะฝืดๆ ยิ่งมองภาพทั้งสองคนใกล้ชิดสนิทสนม ก็ยิ่งรู้สึกอยากจะหายตัวไปไกลๆจากตรงนี้
“แหมๆๆ ไม่ต้องเขินไปหรอกน่ะ พี่ไม่ได้อะไรหรอก พี่กับซีวอนเคยทำงานร่วมกันเลยรู้จักกันน่ะจ้ะ เมื่อวานพอได้ยินทงเฮเล่าว่าซีวอนมีแฟนก็เลยอยากเจอน่ะ”หญิงสาวเล่าเรื่องพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ
“อ๋อ..ไม่ใช่หรอกครับ ซีวอนไม่ใช่แฟนผม เราแค่คุยกันเฉยๆน่ะ”ฮยอกแจตอบตามความจริง รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆจางหายเมื่อบรรยากาศการสนทนามันทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“อ่า..อย่างนั้นเหรอจ้ะ”
“ครับ ยังไม่ถึงขั้นพี่กับทงเฮหรอก ฮ่ะๆ น่าอิจฉาทั้งคู่เลยนะฮะ”ฮยอกแจแสร้งยิ้ม ทั้งๆที่ในใจกำลังตะโกนคัดค้านกับสิ่งที่ตัวเองเอื้อนเอ่ย
ทงเฮเหลือบมองสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเพื่อนสนิทก็ยกยิ้มเยาะ เขารู้ดีว่าปฏิกิริยาตอบสนองของฮยอกแจต้องเป็นแบบนี้ เขาถึงได้จงใจนัดร่างเล็กมาเพื่อที่จะบอกว่าเขากับฮีบินเป็นอะไรกัน ยิ่งได้เห็นสีหน้าแววตาแบบนั้นก็ยิ่งนึกสะใจ
จำเอาไว้ มึงไม่มีทางจะมีความสุขได้ถ้าหากกูไม่อนุญาต
“เอ้อ ว่าแต่ฮยอกแจทานข้าวมารึยัง จะไปทานด้วยกันมั้ยจ้ะ พี่กับทงเฮจะไปทานอาหารอิตาเลียนตรงข้างมหาวิทยาลัยกันน่ะ”หญิงสาวเอ่ยชวน
“ไม่ดีกว่าครับ ผมจะไปทานคนเดียวน่ะ”
“อะไรกัน ไปคนเดียวจริงๆน่ะเหรอ ซีวอนนี่ใจร้ายจังเลย ทำไมปล่อยให้คนที่กำลังจีบไปทานอาหารคนเดียวได้ล่ะ”หญิงสาวเอ่ยพร้อมทำสีหน้าตกใจ
“ฮ่ะๆ เขาไม่ค่อยว่างน่ะครับ”ร่างบางตอบกลับพร้อมกับพลันสายตาเหลือบไปมองเห็นรอยยิ้มสะใจของร่างสูง ฮยอกแจก็รีบปั้นสีหน้า ฉีกยิ้มหวานออกมาราวกับสนใจในชื่อของบุคคลที่ถูกยกมาพูดถึง
“แหม..อะไรกันล่ะ แบบนี้มันน่าน้อยใจแทนจริง”
“คงไม่ต้องน้อยใจแทนหรอกมั้งครับพี่ฮีบิน ดูสีหน้าของฮยอกแจเหมือนจะไม่ได้เป็นทุกข์อะไรเลยนี่นา..พอพี่ฮีจินพูดถึงซีวอนก็ยิ้มร่าได้แล้วนะครับ”ทงเฮเหน็บแนมพลางจ้องใบหน้าหวานเขม็ง
“ฮ่ะๆ ก็แหงล่ะ มันมีความสุขออกนี่นา..”ฮยอกแจตอบรับพร้อมยกยิ้มยั่วโมโห
“เหอะ”
“แหมๆ สองคนนี้จะเถียงกันทำไม เป็นเพื่อนกันอย่าทะเลาะกันสิ”ฮีบินปรามพร้อมยกมือบางขึ้นแตะไหล่หนาของคนรัก
“ขอโทษนะครับพี่ ผมทำตัวเป็นเด็กๆอย่างที่พี่บอกจริงๆด้วย”ทงเฮที่ถูกเรียกสติกลับคืน หันไปขอโทษคนรักเสียงหวาน ไม่สนใจใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆเลยแม้แต่น้อย
เรียกให้กูอยู่มาเป็นตัวประดับเหรอ..
ฮยอกแจมองภาพตรงหน้าพลางนึกตัดพ้อในใจ ร่างเล็กหลุบตาลงมองต่ำ พยายามกลั้นหยดน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอไม่ให้ไหลออกมาให้คนตรงหน้าทั้งสองสมเพช
รักเพื่อนตัวเองแล้วไม่สมหวังยังไม่พอ ทำไมต้องให้เขามายืนเป็นก้างขวางคอทั้งสองคน ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องมายืนอยู่ที่นี่..
“อ้าว ฮยอกแจ”ร่างสูงแกร่งที่เดินผ่านเอ่ยทักร่างบางพร้อมกับรอยยิ้ม
“นั่นไง ตายยากจริงๆซะด้วยนะเด็กคนนี้”ฮีบินพึมพำว่าพร้อมส่งยิ้มหวานทักทายร่างสูงที่มาใหม่
“ทำไมวันนี้มาที่ตึกอักษรล่ะ? จะไปกินข้าวกับทงเฮเหรอ”ซีวอนเอ่ยถาม พร้อมกับมือหนาที่เลื่อนไปโอบไหล่บางอย่างถือวิสาสะ
“เปล่าน่ะ กำลังจะแยกกันแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นไปกินข้าวกับผมมั้ย ผมเพิ่งเลิกเรียนน่ะ”
“อะไรกันน่ะซีวอน มาถึงก็จะมาเอาตัวฮยอกแจไปเฉยเลยนะ ทำแบบนี้ได้ยังไงน่ะ”ฮีบินเอ่ยแซว
“ก็ดีออกนะครับพี่ฮีบิน จะได้ไม่มีใครมากวนเราไง”ทงเฮเอ่ยยิ้มๆ
“ถ้าอย่างนั้นผมกับซีวอนขอตัวก่อนนะครับ ท่าว่าทงเฮคงอยากจะไปทานข้าวกับพี่สองต่อสองน่ะ ผมไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ”ฮยอกแจเอ่ยพร้อมยกยิ้มมุมปาก สายตาจ้องมองไปที่ใบหน้าคมอย่างท้าทาย
“ก็รู้ตัวดีนี่”ทงเฮเหน็บเสียงขุ่น
“ฮ่ะๆๆ ท่าว่าทงเฮจะหิวหนักแล้วนะครับพี่ฮีบิน”ซีวอนเอ่ยล้อๆ
ฮยอกแจลอบมองเสี้ยวหน้าคมก่อนจะยกยิ้ม ดูเหมือนว่าเมื่อมีซีวอนเข้ามา มันทำให้อาการของคนที่มั่นใจในชัยชนะอย่างทงเฮมีทีท่าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
มึงคิดว่ากูจะต้องอ่อนแอ
คอยร้องไห้เวลามึงประชดกูด้วยเรื่องพี่ฮีบินใช่มั้ย..
ยังไง..กูก็ยังมีซีวอน.
นึกได้ดังนั้นแขนเล็กของฮยอกแจก็ยกขึ้นคล้องแขนแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนที่หมั่นออกกำลังกายอย่างออดอ้อน พร้อมกับเขยิบตัวเขาหาร่างสูงใหญ่ให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
“ซีวอนสนใจทงเฮเยอะกว่าชั้นอีกนะวันนี้”ฮยอกแจเอ่ยอ้อนเสียงหวาน พลางทำท่าน่ารักๆ จงใจประชดร่างสูงโปร่งตรงหน้า คิดว่าฮยอกแจจะต้องแพ้อย่างเดียวรึไงน่ะ
“อ้อนแบบนี้นี่หิวแล้วใช่มั้ยครับ ฮ่ะๆๆ”ซีวอนเอ่ยขำๆพร้อมเลื่อนมือลงมาโอบเอวคอด
“อื้อ หิวแล้ว รีบไปเถอะนะ”
“โอเคครับ ได้สิ”ซีวอนว่าพร้อมยกยิ้ม
ก่อนที่ทั้งสองจะเอ่ยลากับทงเฮและฮีบิน แล้วแยกเดินไปที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยตามที่ฮยอกแจต้องการ ซีวอนที่แอบลอบมองเสี้ยวใบหน้าหวานของคนที่เดินอยู่ด้านข้างแล้วอมยิ้มน้อยๆ
“อยากทานอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้..ที่อร่อยกว่าปากฮยอกแจน่ะ”คำตอบจากเรียวปากหยัก ทำให้คนตัวเล็กขมวดคิ้วมองหน้าร่างสูงอย่างไม่พอใจ
“ซีวอน..”
“ฮ่ะๆๆ ล้อเล่นน่ะครับอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”
“ก็อย่าพูดแบบนี้อีกละกัน ก็ไม่ชอบ”ฮยอกแจสั่งเรียบๆก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินนำร่างสูงไป
โดยที่ร่างบางก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กขึ้นมากดเมมเบอร์โทรศัพท์ใหม่ที่ส่งข้อความมาหาเขาในวันนี้
‘myspcfriend’
TBC.
TALK’
หลังจากที่เปิดตัวไปแบบ..แดบัค(?) วันนี้ขอมาแบบ..ป่วงๆ จนอาจทำให้คนเลิกติดตามอ่านฟิคนี้ไปเลย ; A; แนนก็ไม่ขอแก้ตัวใดๆ เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นคนมีอาถรรพ์กับแชพ 1 - -*
บวกกับที่เผลอพลอตหลุดตอนอินโทร จึงทำให้ต้องมาแก้พลอตใหม่ไปกว่าครึ่ง T^T เมนี่ติงสิ่งอย่างทำให้ฟิคตอนนี้มันป่วงไม่สะใจทั้งไรเตอร์เอง ทั้งคนอ่าน - -*
สำหรับที่ใครที่รู้สึกมั้ยว่ามันป่วงและไม่อยากอ่านก็ขอโทษที่แนนทำอย่างที่ทุกคนต้องการไม่ได้ ; A;แต่ถ้าสำหรับใครที่คิดว่ามันพอโอเค และอยากอ่านต่อก็ขอกระซิบว่าตอนหน้าจะเริ่มมีดราม่าหนัก ให้เกลียดทงเฮกันเล่น -/- อ้ะคึ้อ้ะคึ้ ถ้ายังไง..ชอบไม่ชอบยังไงก็ติดตามผลงานกันต่อไปเรื่อยๆนะคะ ขอบคุณทุกแรงใจค่ะ (((((:
ปล. ฟอลโล่วมาพูดคุย อัพเดท ถามไถ่ความคืบหน้า ทวงฟิค จิกฟิคกันได้ที่ @kikukikulove ค่ะ ^^
SPECIAL THANK ซน นาบี -////- คนนี้ที่เม้นให้ถึง 4 เม้น..อ่านอินโทรสั้นๆแค่ห้าหน้า แต่ว่าติดใจกันขนาดนี้ ปลื้มมากค่ะ -///- ขอบคุณที่สงสัยอะไรมาเรื่อยๆจนทำให้แนนนึกได้ว่าพลอตหลุด =[]= ฮ่าๆๆๆๆ
-น้องเนส ไม่ได้คนนี้ ไม่ได้เม้น ไม่ได้แรงใจขนาดนี้ค่ะ 555555
**เข้ามาแก้ไขคำผิดค่ะ T^T เพิ่งเห็นตอนอ่านเองอีกรอบ ฮรึกกก 10.04 PM
ความคิดเห็น