ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BEHIND...[HaeEun ft. SJ]

    ลำดับตอนที่ #15 : ♚ ( Chapter 10 ) My Baby .

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 54


     กราบบบ สวัสดีแฟนฟิคทุกคนค่ะ T^T (ปาดเหงื่อเล็กๆ)

    หลังจากประสบปัญหาชีวิต(แย่ๆ)หลายๆอย่าง แนนก็กลับมาอัพเรื่องนี้แล้ว *0*

    หลังจากที่ท้อมากมาย จะลบฟิคดี หรือจะเลิกแต่งดี แต่สุดท้ายแนนก็กลับมาอัพตามที่ทุกคนต้องการ

    แม้เรื่องนี้ ตอนนี้จะไม่ได้สนุกมากเท่าไร แต่บอกได้เลยค่ะว่า อีก 2-3 ตอน

    ฟิคเรื่องนี้จะจบแล้ว ; A; (ทำหน้าซึ้งใจ)

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้น ขอบคุณสำหรับทุกความรักของทุกคนค่ะ ไอเลิฟยูมากๆ หุหุหุ

    ปล.ชอบก็เม้น ไม่ชอบก็เม้นนะคะ ((((:

    มาลุ้นกับความรักของพี่เฮและน้องฮยอกกันเต๊อะ สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ ^^

    -----CHAPTER 10-----

     “เสียงอะไรน่ะ”ร่างสูงพึมพำกับตัวเองเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆที่ดังมาจากด้านนอก พร้อมลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานส่วนตัว มือหนาเลื่อนไปพับโน้ตบุคที่มีข้อมูลสำคัญลง แล้วหยิบอาวุธที่ซ่อนอยู่ในลิ้นชัก ตามสัญชาติญาณ

     

    มีเรื่องงั้นเหรอ

    คิดในใจพร้อมกับแง้มประตูห้องทำงานออก มองลอดออกไปด้านนอก สอดส่องหาลูกน้องหรือแม่บ้านที่ควรจะวนเวียนอยู่ไม่ห่าง

    ความแปลกประหลาดที่ได้พบจากความเงียบงันทำให้ร่างสูงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ฝ่ามือหนากระชับปืนพกในมือแน่น ระแวดระวังหากมีถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว

     

    ขาเรียวยาวค่อยๆก้าวออกจากพื้นที่ส่วนตัว เดินไปตามต้นเสียงการต่อสู้ฟาดฟันที่ดังมา

    ในทุกย่างก้าวของทงเฮ ร่างสูงรับรู้ถึงความรู้สึกประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขา ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากทุกครั้ง เขารู้สึกเหมือนกับร่างกายเคลื่อนไหวช้า จนตัวเขาเองไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ การขยับเขยื้อนอะไรก็ดูจะขัดหูขัดตา สติและความนิ่งสงบที่เขาควรมีกลับประคองไว้ได้เพียงน้อยนิด

    ก้มมองฝ่ามือของตนเองก็พบว่ามันสั่นน้อยๆ ไม่ใช่ความหวั่นกลัว แต่อาจเป็นเพราะสภาพร่างกายที่ไม่ได้ตั้งใจดูแล บวกกับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ

     

    ห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบปราศจากแม่บ้านที่มีหน้าที่ต้องปัดกวาด ทำความสะอาดในช่วงกลางวัน และเสียงการฟาดฟันที่ดังชัดเจนมากขึ้นยามที่เขาก้าวเข้าไปใกล้ ทุกสิ่งทำให้ทงเฮมั่นใจว่าต้องมีใครสักคนได้บุกเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ของเขา และเกิดการต่อสู้ขึ้นเป็นแน่

    ไม่ผิดหรอก..

    อาศัยจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังมีปัญหา และอ่อนแอ

    จู่โจมโดยไม่ให้ตั้งตัว..

    วิธีการต่อสู้แบบหมาจนตรอกแบบนี้น่ะ มีแค่มันคนเดียว.. ไอ้จองโม..

     

    อี ทงเฮ”เสียงทุ้มห้าวน้ำเสียงเย็นชาแฝงด้วยความโกรธแค้นดังขึ้นพร้อมกับร่างโปร่งที่ปรากฎตรงหน้าร่างสูง รอยยิ้มมุมปากของเจ้าตัวที่ทงเฮไม่ชอบใจถูกส่งมาให้

    ร่างสูงสบถในใจอย่างหัวเสีย นึกโทษโกรธบรรดาลูกน้องของตนที่ไร้ความสามารถจนขนาดปล่อยให้ คนพวกนี้ เข้ามาในบ้านได้ถึงชั้นใน ในพื้นที่ส่วนตัวที่น้อยคนจะมีสิทธิเข้ามาได้

    คิดแล้วก็นึกโกรธตัวเองที่ไม่คิดอะไรให้ถี่ถ้วน ปล่อยให้ลูกน้องคนสนิททั้งสองออกไปทำงานไกลตัว คนหนึ่งก็ออกไปไกลไม่รู้ว่าไปอยู่ทิศทางไหนของประเทศ อีกคนก็ออกไปทำงานบริษัท ที่โทรเรียกตอนนี้ กว่าจะมาถึงได้ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง

    มองลอดไปด้านหลังเห็นบรรดาลูกน้องที่กำลังแลกหมัด แลกอาวุธกัน สังเกตจากจำนวนคนที่มีอยู่ ก็รู้ได้ทันทีว่า การจู่โจมจากอีกฝ่ายครั้งนี้คงเตรียมการมาดีไม่น้อย

    แต่มันรู้ได้ยังไงน่ะ มีใครเป็นหนอนบ่อนไส้ คาบข่าวไปบอกงั้นเหรอ

     

    “สภาพแกมันดูไม่น่าจะใช่มาเฟียใหญ่เลยนะ”

    “ถึงยังไง ก็ไม่ได้ทำตัวน่าสมเพช เป็นหมาลอบกัดเหมือนแก่หรอกน่า..”ทงเฮเอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับยกกระบอกปืนในมือขึ้นจ่อที่หน้าอกร่างตรงหน้า

     

    หากแต่อีกฝ่ายใช้ความว่องไว เตะอาวุธสีดำในมือแกร่งจนกระเด็นไปไกล ทงเฮเงื้อหมัดหมายจะซัดเข้าใบหน้าคมของอีกร่าง หากแต่ถูกปัดป้องได้อย่างง่ายดายจนเจ้าตัวรู้สึกหงุดหงิด

     

    “แกมัน..น่าสมเพชว่ะ ไม่มีลูกน้องคนโปรดแล้วดูจะทำอะไรไม่ถูกเลยนะ ไปไหนซะล่ะ ลูกกะจ๊อกของแกน่ะ”เอ่ยถามพร้อมยกยิ้มกวนอารมณ์ สายตาที่ถูกส่งมาทั้งนึกดูถูกและสมเพช นั่นยิ่งจุดอารมณ์โกรธให้กับทงเฮ ร่างสูงขยับเข้าไปประชิด ก่อนจะซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง

    แต่เพราะความเฉื่อยชาเชื่องช้าและการเป็นรองด้านร่างกาย ทำให้ทงเฮที่มักเป็นฝ่ายนำ กลายเป็นฝ่ายถูกนำอย่างไม่คาดคิด ฝ่าเท้าหนักๆเตะอัดเข้าที่แผ่นอกแกร่งจนทงเฮเซถอยหลัง หมัดหนักจากฝ่ามือซัดเข้าที่ข้างแก้มของร่างสูงจนปากแตก

    หยดเลือดสีสดไหลไหลซึมที่ข้างมุมปาก รสชาติขมปร่าที่สัมผัสทำให้ทงเฮถ่มน้ำลายลงกับพื้น ก่อนจะหยัดกายกลับมาตั้งตัวอีกครา ก้มหลบหมัดที่ถูกส่งมาจากร่างโปร่ง พยายามใช้ช่วงจังหวะที่ตนมีโอกาสต่อสู้กลับไป หากแต่ดูเหมือนร่างกายเขาจะทรุดโทรมเกินกว่าที่คิด

    เวลาล่วงผ่าน การต่อสู้ที่ดูเหมือนว่าฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บจะเป็นฝ่ายทงเฮ บาดแผลบนใบหน้าฉกรรจ์เกินกว่าที่เคยได้รับ ร่างสูงเซจนต้องยันกายกับกำแพง ในใจนึกก่นด่าตัวเองที่ไม่ใส่ใจดูแลเพียงพอ ถึงได้กลายมาเป็นฝ่ายแพ้ยับแบบที่ไม่ควรจะเป็น

     

    “ดูสภาพแกสิอีทงเฮ สุดท้ายแล้วแกก็ต้องเป็นรองชั้นวันยันค่ำ ซึ้งใจรึยังล่ะ หึ”ร่างโปร่งเอ่ยอย่างสะใจ ยิ่งเห็นใบหน้าที่เต็มด้วยแผลที่เขาเป็นคนสร้าง สีหน้าและสายตาที่บ่งบอกชัดว่าเจ็บใจมากแค่ไหน

    “จองโม...ไม่มีทางซะหรอก..”ร่างสูงคำรามเสียงต่ำก่อนจะใช้กำลังทั้งหมดที่มีพุ่งเข้าหาอีกร่างด้วยอารมณ์ร้อนที่กำลังปะทุ

     

    ฝ่าเท้าหนักๆซัดเข้ากับสีข้างจนทงเฮเซลงไปกองกับพื้น ก่อนที่จะเปลี่ยนแรงถีบเป็นแรงกระทืบที่หน้าท้องจนร่างทั้งร่างคู้เข้าหากันด้วยความจุก รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่าน ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ทั้งเจ็บปวด อาฆาตแค้น ไม่อยากยอมรับก็ต้องฝืนใจยอมรับในสิ่งที่เกิด

    ในครั้งนี้ไม่มีทางที่เขาจะเป็นฝ่ายชนะ...อย่างแน่นอน

     

    แรงกดหนักจากฝ่าเท้าใหญ่บนหน้าอกแกร่งทำให้ทงเฮไม่อาจดันตัวลุกขึ้นยืนได้ เพียงเสี้ยวนาทีถัดมา สิ่งที่ไม่คาดคิดก็ปรากฎ

    แคว้กกก

    เสียงเนื้อผ้าฉีกจากกันดังขึ้น เมื่อปลายมีดแหลมคมกรีดเข้าที่ท่อนแขนขวาลากเป็นรอยยาว ทั้งลึกและยาว หยดโลหิตสีสดไหลซึมออกมาดูน่าสงสาร

    “ไหนๆแกก็เหมือนไม่มีแขนไม่มีขาเวลาที่ลูกกะจ๊อกแกไม่อยู่ ชั้นก็จะทำให้แกไม่สามารถใช้งาน แขนขา ของแกได้ละกันนะทงเฮ”

    “แก..”

    แสงกระทบกับแผ่นเงินคมที่ถูกยกขึ้นในอากาศ ทงเฮรู้ดีไม่อีกกี่วินาทีมันคงจะทิ่มแทงกรีดเข้ามาในร่างกายเขาอย่างปฏิเสธไม่ได้ ร่างสูงขยับหลบ

     

    พลั่ก

    มีดคมกระเด็นออกไปไกลร่างสูง พร้อมกับร่างโปร่งของคยูฮยอนที่ปรากฏ หมัดหลุนๆซัดเข้าที่ใบหน้าฝ่ายตรงข้าม ผลักให้ออกห่างจากร่างของเจ้านายที่เคารพ ผู้ที่ถูกจู่โจมไม่ทันตั้งตัวตอบกลับได้ดีไม่เท่า จนสุดท้ายเทคนิคการต่อสู้ที่ได้รับฝึกฝนดีจากทงเฮ ก็สามารถเอาชนะคนวู่วาม หุนหันพลันแล่น อย่างจองโมได้

     

    ปัง

    เสียงปืนดังลั่น ก้องไปทั่วห้องขนาดกว้าง เป็นสัญญาณของการปิดฉากการต่อสู้ครั้งนี้ลง เมื่อลูกกระสุนจากปลายกระบอกปืนพกที่ถูกหยิบมาใช้ฝังลงเข้าที่หน้าอกด้านซ้าย ในระยะขั้วหัวใจ มีจุดมุ่งหมายในการปลิดชีวิตของบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์กับเจ้านายของเขาเนิ่นนาน

     

     

    สายตาพร่าเลือนไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะที่มีอยู่น้อยนิด สิ่งสุดท้ายที่สมองได้รับรู้คือข่าวดีจากเรียวปากหยักของร่างสูงโปร่งลูกน้องคนสนิทตรงหน้า

    “พบตัวคุณฮยอกแจแล้วครับ”

     

     

    บรรยากาศขาวสะอาดเงียบสงบของโรงพยาบาลเอกชนชานเมือง ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมองไปรอบๆกาย พร้อมยกแขนขึ้นป้องตาเมื่อแสงจ้าเข้าสาดกระทบกับประสาทการมองเห็น พลันสายตาพบเข้ากับบาดแผลใหญ่ถูกพันไว้ด้วยผ้าก๊อซสีขาวที่มีรอยเลือดสีแดงซึมออกมาเป็นวงกว้าง

    'หนักขนาดนี้เลยเหรอ'

     

    "คุณชายตื่นแล้วเหรอครับ"ลูกน้องคนสนิททั้งสองที่นั่งอยู่ที่โซฟาเยี่ยมไข้ปรี่ตัวเข้ามาหาเจ้านายอย่างกะตือรือร้น

    "คยูฮยอน..กลับมานี่ทำไม? เรื่องที่ให้ตามถึงไหนแล้ว"ไม่สนใจคำถามหรือสีหน้าที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงของทั้งสอง กลับถามถึงสิ่งสำคัญที่อยากรู้

    "ผมหาที่พักของคุณฮยอกแจเจอแล้วครับคุณชาย และผมได้ลองเจาะหาข้อมูลเกี่ยวกับที่ดิน พบว่าชื่อเจ้าของบ้านถูกโอนไปโอนมาในระยะเวลาสั้นๆแค่หนึ่งปีถึงสามปี และที่สำคัญทุกคนล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลปาร์คครับ"

     

    "ตระกูลปาร์ค?"

    "ครับ รวมถึงคุณจองซูด้วยครับคุณชาย"

    "จองซูมันเป็นใคร"

    "คุณจองซูเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลปาร์คครับ"คำตอบที่ได้รับทำให้ร่างสูงปิดปากเงียบ มือหนากำเข้าหากันแน่นด้วยความหงุดหงิด นึกโมโหโทษตัวเองที่ไม่ได้ไต่ถามอะไรคนรักให้ถี่ถ้วน เพียงเพราะนึกว่าเป็นคนที่รู้จัก ที่ไม่มีพิษภัยอันตรายใด

     

    "เตรียมรถ วันนี้ชั้นจะไปหาฮยอกแจ"หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมเอ่ยสั่งเสียงเรียบ

    "แต่ว่าอาการคุณชาย..."มินโฮขัด

    "อย่ามาขัด ชั้นจะออกโรงพยาบาลวันนี้ คยูฮยอนไปเตรียมรถ มินโฮไปจัดการเรื่องเงิน"

    "ครับนาย"เมื่อได้รับคำสั่ง ร่างสูงโปร่งทั้งสองก็โค้งรับอย่างขัดไม่ได้ ก่อนเดินออกจากห้องพยาบาลไป

    ร่างสูงค่อยๆลุกจากเตียงช้าๆ กัดฟันทนกับบาดแผลฉกรรจ์ที่ต้นแขนขวา มือหนาปลดเสื้อคนไข้ออกลวกๆ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อเชิตตัวโคร่งที่มินโฮคงเป็นคนเตรียมเอาไว้

    ไม่ได้คิดสนใจความเจ็บปวดจากบาดแผลใหญ่ที่เกิด ในใจคิดถึงแค่เพียงคนตัวเล็กเจ้าของรอยยิ้มหวาน ผู้ที่จะเป็นกำลังใจและกำลังกายของเขา

     

    รถยนต์คันสวยแล่นเข้าจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ตกแต่งในสไตล์เรียบง่ายกลางหุบเขาลึก คยูฮยอนที่เป็นคนขับรถเอ่ยบอกรายละเอียดคร่าวๆให้เจ้านายฟัง แต่ไม่ทันจะจบคำ ร่างสูงก็เปิดประตูก้าวออกไปจากรถอย่างรีบร้อน

     

    "เฮ้อ..สงสารคุณชายกับคุณฮยอกแจว่ะ"มินโฮเอ่ยบอกเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างเซ็งๆ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าไม่ควรจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายแสดงความคิดเห็นในเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย แต่มันก็อดไม่ได้ ที่ต้องเห็นเจ้านายทั้งสองมาผิดใจกันเพราะเรื่องของคนนอก

    "ก็จะทำไงได้ล่ะ"คยูฮยอนไหวไหล่น้อยๆ ถึงเขาจะรู้สึกเหมือนมินโฮ แต่ก็ใช่ว่ามานั่งบ่นนั่งเครียดแล้วจะสามารถทำอะไรให้เรื่องมันจะดีขึ้นได้

     

     

    'ติ้ง ต่อง'

    เสียงออดดังเข้าไปทั่วในตัวบ้าน เรียกให้ผู้อาศัยที่อยู่ด้านในเดินออกมาเปิดประตูให้เพราะคิดว่าเจ้าของบ้านเป็นคนมาหา

     

    "ทะ..ทงเฮ"

    แต่เมื่อได้เห็นภาพร่างคนตรงหน้า และพบว่าตัวเองคิดผิดไปถนัด เข่าเล็กก็แทบทรุดลงกับพื้น ความรู้สึกหลากหลายในใจตีกันจนมั่วไปหมด ทั้งคิดถึงและหวงหา แต่ก็ยังคงถือทิฐิ ตั้งโทษทั้งโกรธและโมโห 

    "ฮยอกแจครับ กลับบ้านเรากันเถอะนะ"ทงเฮเอ่ยพร้อมรวบกายบางที่ไม่พบหน้ามานานเข้ามากอดแน่น ใบหน้าคมซบลงกับแผ่นหลังเล็ก ถ่ายทอดความอบอุ่นผ่านสัมผัสกาย บ่งบอกความในใจให้อีกฝ่ายรับรู้ว่ารักและคิดถึงมากเพียงใด

     

    "ไม่ทงเฮ"ร่างเล็กขัดขืนพร้อมดิ้นหนีอ้อมแขนแกร่งของคนรัก

    "โอ้ย.."ร่างสูงร้องขึ้นเมื่อร่างกายอีกคนสัมผัสเข้ากับปากแผลที่ยังไม่สมาน แต่เพราะเสียงร้องนั่นจึงทำให้คนช่างงอนหยุดขัดขืน

    "ทงเฮ..เป็นอะไร"ถามอีกฝ่ายเสียงแผ่ว เหลือบตามองไปเห็นผ้าพันแผลสีสะอาดมีรอยเลือดสีสดซึมก็ชะงักนิ่งไม่ขยับเขยื้อนกาย 

     

    เมื่อเห็นคนตรงหน้าหยุดดื้อรั้น ร่างสูงก็กระชับกอดเข้าแน่นขึ้นพร้อมยกยิ้มยินดี 

    "คิดถึง"ถ้อยคำหวาน สั้นๆหากแต่งแทนความรู้สึกที่มีทั้งหมด ส่งผลให้ใจดวงน้อยที่เคยแข็งกร้าว และมีกำแพงหนามากั้นขวางก็อ่อนยวบยาบทลายกำแพงในใจลงในแทบจะทันที

    มือหนาค่อยๆยกขึ้นทาบแก้มนุ่มทั้งสอง ปลายนิ้วแกร่งลูบไล้แผ่วเบาอย่างทะนุถนอม ก่อนที่ใบหน้าจะเคลื่อนเข้าหากันช้าๆ เรียวปากทั้งสองสัมผัสแตะเข้าหากันเพียงแผ่วเบาก็สามารถสร้างความวาบหวามให้กับร่างทั้งสอง

     

    แต่ในที่สุดความสุขที่เพิ่งจะได้สัมผัส ก็พังทลายสิ้นลงเมื่อคนตัวเล็กเรียกสติกลับคืน เรียวมือบางดันอกแกร่งออกห่าง ก่อนจะเลื่อนกลับมาเช็ดเรียวปากอิ่มของตนอย่างรุนแรง ราวกลับเกลียดชังคนตรงหน้ามาเนิ่นนาน

     

    "นายมานี่..นายต้องการอะไร?"

    "ฮยอกแจคนดี..กลับบ้านเรากันนะครับ"เอ่ยเสียงนุ่มพร้อมจ้องลึกเข้าไปในตาคู่สวย

    "ไม่..ทงเฮ.. ตระกูลนายฆ่าพ่อแม่ชั้น ตระกูลนายมันชั่ว! ชั้นรู้นะ ที่นายทำดีกับชั้นตลอดมานี่ ก็เพราะต้องการจะแก้แค้นชั้นใช่มั้ย!? ต้องการจะทำร้ายกันใช่มั้ย?"

     

    "ฮยอกแจ..เอาอะไรมาพูด ใจเย็นๆนะ แล้วฟังผม ให้ผมเข้าไปอธิบายเรื่องราวทั้งหมดข้างในนะครับคนดี"ร่างสูงใช้น้ำเย็นเข้าลูบคนช่างพยศที่ไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆ ฝ่ามือแกร่งกุมมือเล็กเอาไว้พร้อมออกแรงบีบเบาๆบอกให้อีกคนสงบ

    "ชั้นมีเวลาให้นายแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นล่ะ"ฮยอกแจลังเลสักพักก็ตอบรับคำขอพร้อมสะบัดมือหนีจากการกอมกุม หันหลังเดินนำพาอีกคนไปที่ห้องรับแขก

    ร่างสูงยกยิ้มอย่างสุขใจ อย่างน้อยเขาก็ยังพอมีโอกาสที่จะได้ทำความเข้าใจกับคนรัก

     

    "มีอะไรว่ามา"

    "ฮยอกแจไปฟังเรื่องนั้นมากจากนายปาร์คจองซูใช่ไหมครับ?"เปิดบทสนทนาในสิ่งที่อยากรู้ทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา

    "แล้วทำไม? ชั้นจะฟังเรื่องจริงจากใครมันผิดด้วยเหรอ? เหอะ”ฮยอกแจตอบกลับฉุนๆ ไม่เข้าใจในสิ่งที่ร่างตรงหน้าต้องการจะสื่อ แค่ต้องการปั่นหัวเขาเล่นหรือโกหกปดปล้อนอะไรให้เขาใจอ่อนอย่างนั้นหรือ

     

    "แล้วฮยอกแจรู้มั้ยว่าตระกูลปาร์ค เคยมีเรื่องไม่ถูกกับตระกูลลี"

    "ปัญหา? ปัญหาอะไรงั้นเหรอ? ปัญหาที่ฆ่าพ่อแม่ชั้นแล้วเอาไปฝากไว้กับตระกูลนั้น? หรือปัญหาโลกแตกอะไรอีกล่ะ"ฮยอกแจประชดกลับ ยังคงยึดมั่นในความคิดของตัวเองโดยไม่ฟังเหตุผลใด

    "มันไม่ใช่เลยฮยอกแจ.. ลดทิฐิลงแล้วใช้เหตุผลหน่อยได้มั้ย ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างตระกูลลีกับตระกูลปาร์คน่ะ คือคุณพ่อฆ่าพ่อของจองซู คนที่เคยทำร้ายนายตอนเด็กต่างหาก"

    "หึ.... แล้วยังไง? จะบอกว่าพ่อนายเป็นบุญคุณกับชั้นงั้นเหรอ"

    “ไม่ใช่เลยครับ”

    “แล้วอะไร? ต้องการจะพูดอะไรก็รีบๆพูด รำคาญ”ตอบกลับเสียงตวัด เรียวขาเล็กไขว้หากัน เบือนหน้ามองไปด้าน

     

    "คนที่ฆ่าพ่อแม่ของนายน่ะไม่ใช่คนตระกูลลีเลย คนที่ฆ่าพ่อแม่นายน่ะคือตระกูลคิมต่างหากล่ะ ซึ่งตระกูลคิมน่ะเป็นพันธมิตรกับตระกูลปาร์ค เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลลีกับตระกูลปาร์คมันดีแย่ยังไงก็คงจะรู้นะ”ทงเฮเอ่ยบอกตามความจริง ดวงตาคู่คมจดจ้องใบหน้าหวานนิ่ง

    “ปั้นเรื่องโกหกอีกแล้วงั้นเหรอลีทงเฮ? เอาอะไรมาพูด พี่จองซูเขาไม่มีทางโกหกชั้นหรอก”ฮยอกแจเถียงกลับเสียงแข็ง ยังคงยึดมันในทิฐิความคิดตัวเอง ยังคงมองว่า อดีต คนรักตรงหน้าเป็นคนหลอกลวงที่เขาไม่อาจเชื่อถือได้

    “ฮยอกแจ...ผมพูดจริงนะครับ เชื่อผมสิ”ทงเฮเถียงเอื่อยๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมจองซูถึงมีอิทธิพลต่อความคิดของฮยอกแจได้มากมายถึงเพียงนี้

    ขนาดเขาที่จริงใจกับฮยอกแจมาโดยตลอดตั้งแต่ที่รู้จักกัน ยังไม่อาจจะอธิบายอะไรให้ฮยอกแจเข้าใจได้เลยแม้แต่นิด

    ปาร์คจองซู มันเป็นคนเลวที่กล้ามากที่ใช้ความเชื่อใจของคนรักของเขาให้เป็นประโยชน์ มาทำร้ายเขาแบบนี้ เขารู้ดีเลยล่ะว่าใครกันที่เป็นคนคาบข่าวเขาไปบอกให้กับตระกูลคิม

    ที่แท้ก็เป็นพวกหมาลอบกันที่มากันเป็นฝูงนี่เอง

     

    “ออกไปซะเถอะทงเฮ ต่อให้นายจะลากหลักฐานบ้าบออะไรชั้นก็ไม่มีทางเชื่อคนอย่างนายอีกแล้ว”

    “ฮยอกแจ...”ทงเฮเอ่ยพร้อมเลื่อนมือไปจับมือบางเอาไว้

    “ปล่อยนะ.. นายไม่ใช่คนรักของชั้นแล้ว เพราะฉะนั้นนายจะไม่มีสิทธิจะมาทำรุ่มร่ามแบบนี้อีกแล้วนะ”ฮยอกแจเอ่ยพร้อมสะบัดฝ่ามือของอดีตคนรักทิ้ง เป็นสัญญาณบอกลาให้คนตรงหน้าจบบทสนทนาและออกจากบ้านหลังนี้ไป

     

    ลีฮยอกแจน่ะ...ไม่มีทางจะเป็นคนโง่เหมือนเดิมอีกแล้ว

     

    “ฮยอกแจ.. แต่ที่ผมพูดไปมันเป็นความจริงทั้งหมด”

    “มันไม่ใช่หรอก..หยุดโกหกชั้นซักที จำเอาไว้ซะ ชั้นไม่ได้รักนายอีกต่อไปแล้ว

    -----END OF CHAPTER-----

     

     

    ฮื้อออ ทำไมฮยอกแจดราม่าแบบนี้ ; A; ทำไมพี่เฮบาดเจ็บขนาดเน้ฮยอกแจยังไม่ยอมเห็นใจ เชื่อในความรักล่ะ T^T ไรเตอร์เองก็ดราม่า ฟิคมาแบบป่วงๆชีวิต 55555555 ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกแรงใจอีกครั้งค่ะ

    ชอบก็เม้นไม่ชอบก็เม้น ไอเลิฟยูวววว

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×