ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BEHIND...[HaeEun ft. SJ]

    ลำดับตอนที่ #12 : ♚ ( Chapter 7 ) Truth .

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 54


     *ปาดเหงื่อหอบแฮ่กและกราบสวัสดีรีดเดอร์ทุกคน*

    สวัสดีค่ะทุกคน ^^ ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะสำหรับตอนนี้ เนื่องจากแนนเจอปัญหา...ของความ “ตัน” และฟีลไม่ให้ตลอดเวลา อารมณ์ฟิคมันเริ่มเข้าดราม่า แต่ไรเตอร์ยังเฮฮาบ้าเกรียน =  =*

    มันจึงทำให้ตอนนี้คลอดออกมาช้า แต่สัญญาได้เลยว่า..มัน “บีบคั้น” ความสงสัย ความงงงวยและความน่าติดตาม บอกได้เลยว่าไคลแมกซ์ของเรื่องกำลังเดินทางมาถึงแล้วค่ะ ^^ ดูจากพลอตของฟิคเรื่องนี้แล้ว

    คำนวณไปๆมาๆนึกได้ว่า...อีกประมาณไม่เกิน 5 ตอน (ถ้าไม่มี NC เข้ามาแทรกฟิคเรื่องนี้จะจบลงแล้ว *0*)

    หลายคนอาจจะหาว่าโม้ แต่แนนบอกได้เลยว่าไม่ได้โม้จริงๆน้ออออ ^^

    สำหรับเพื่อนๆหลายคนที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วม แนนขอเป็นกำลังใจให้ และขอ RIP กับอนาคตของบ้านแนนค่ะ T^T เพราะน้ำมันกำลังจะมา -  -*

    เอาเป็นว่าแพล่มมามากพอแล้ว ไปอ่านฟิคกันเถอะค่ะ ชอบไม่ชอบยังไงเม้นบอกกันได้เลยนะคะ ^^

    +++++CHAPTER 7+++++

    ...วันเวลาที่เลยผ่าน สามารถลบล้างความทรงจำสำคัญในครั้งอดีตได้แน่หรือ?...

     

    ช่วงบ่ายแก่ๆในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านชอปปิ้งศูนย์รวมแฟชั่นใหญ่ใจกลางเมือง ร้านอาหารอิตาเลี่ยนราคาแพงที่มีลูกค้าวีไอพีเข้ามาใช้บริการพร้อมกับชายหนุ่มร่างโปร่งอีกคนที่มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ กอซซิปซุบซิบวงการไฮโซอยู่บางครั้งบางคราว

    “พี่จองซูทำงานอะไรเหรอ ทำไมเห็นว่างออกมาหาผมทุกครั้งเลย”ฮยอกแจเอ่ยถามขณะม้วนเส้นพาสต้าในจานส่งเข้าปาก

    “อ่อ.. พี่ทำงานลงทุนสินค้ากับเพื่อนน่ะ ไม่ใช่งานยิ่งใหญ่อะไรนักเท่าไรหรอก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเชคอะไรตลอดเวลาน่ะ”

    “ดีจังนะครับ”

    “แล้วนายล่ะฮยอกแจ ไม่ได้ทำงานพิเศษอะไรเลยเหรอ ครอบครัวอุปถัมป์เขาไม่ได้มอบหมายหน้าที่ หรือการงานอะไรให้นายหรอกเหรอ”

    “อ่ะ..เอ้อ..ก็...มีนิดหน่อยนั่นแหละ แต่ว่าไม่ได้อะไรมากหรอกครับ”ฮยอกแจเผลอกัดริมฝีปากแรง รู้สึกผิดที่เกือบเผลอบอกความลับออกไปให้อีกฝ่ายรู้ เพียงเพราะลืมตัวไปกับความสนิทสนมของเขากับคนตรงหน้า

    “ฮ่ะๆๆ นายนี่โชคดีจริงๆเลยนะ”จองซูเลิกคิ้วน้อยๆ เมื่อจับสังเกตอาการที่แปลกไปของน้องชายได้ แต่ทว่ารอยยิ้มบางๆที่ประดับใบหน้าอ่อนหวานก็ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่ติดค้างสนใจอะไร

    “ฮ่ะๆ ก็คงอย่างนั้นล่ะ”

    ครืดดด ครืดดดสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่ว่างอยู่ใกล้มือสั่นเบาๆ ชื่อของปลายสายปรากฏขึ้นบนจอ ทำให้ร่างเล็กรีบคว้าโทรศัพท์กดรับ ก่อนจะลุกขึ้นขอตัวแยกออกไปคุยด้านนอกทันที

    เพราะไม่อยากให้ชายที่นั่งตรงข้ามรู้ว่าใครที่เป็นคนโทรเข้า เพราะบทเรียนที่เคยได้รับมันคอยย้ำเตือนความเจ็บปวดในใจไว้เสมอ เขาไม่ควรไว้ใจใครมากกว่าตัวเองและ ครอบครัว ในปัจจุบันของเขา

     

    ต่อให้ใครสำคัญกับฮยอกแจมากเพียงไหนในอดีต แต่ในปัจจุบันคนที่ฮยอกแจสนใจและให้ความสำคัญมีเพียง..ลีทงเฮ..

     

    แค่ลีทงเฮเท่านั้น

     

    “อื้อ ตอนนี้อยู่ข้างนอกน่ะ”ร่างเล็กที่เดินออกมาด้านนอกของร้านอาหารกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ตอบรับปลายสายที่ถือรออยู่ ฮยอกแจสอดสายตาลอดกระจกมองเข้าไปปด้านใน สังเกตดูอาการพี่ชายว่ามีท่าทีสงสัยอะไรหรือไม่ เมื่อเห็นว่าจองซูไม่มีทีท่าสงสัย ฮยอกแจจึงเดินทิ้งห่างจากหน้าร้านไปอีกระยะ

    ก่อนจะเริ่มบทสนทนากับบุคคลปลายสาย ตอบคำถามความสมัครใจ และตกลงนัดแนะร้านอาหารที่จะออกไปทานดินเนอร์ด้วยกันหลังจากนี้

    “ทงเฮมารับสิ ไม่เอาคยูฮยอน”ฮยอกแจตวัดเสียงใส่ปลายสาย ไม่ชอบใจเท่าไรนักที่อีกฝ่ายไม่ยอมขับรถมารับตนทั้งๆที่บอกว่าอยากไปทานข้าวด้วยกัน

    “ไม่อยากขับนี่”

    “ทำไมแต่ก่อนยังขับมาได้ เดี๋ยวนี้โปรหมดรึไง? หรือขาอ่อนเปลี้ย ถึงไม่ยอมมารับ”

    “อย่าเอาแต่ใจสิครับ”ทงเฮเลือกใช้ไม้อ่อนกล่อมคนรัก

    เขารู้ดีว่าฮยอกแจชอบให้เขาขับรถไปรับด้วยเหตุผลที่ว่ามันทำให้เจ้าตัวรู้สึกเหมือนเจ้าหญิง และนอกจากนั้นมันก็ทำให้คนรักซาบซึ้งกว่าการให้ลูกน้องไปรับแทน แต่เพราะแผนที่ตั้งใจจะเซอร์ไพร้ส์คนตัวเล็กมันกำลังค้ำคอ เขาจึงต้องขัดใจ ไม่ยอมทำตามที่อีกฝ่ายกระเง้ากระงอดอ้อนขอ

    “งั้น ชั้นไม่ไป”

    “ไม่ได้ครับ”ทงเฮเริ่มเปลี่ยนมาใช้ไม้แข็งบ้าง ยังไงฮยอกแจก็คือฮยอกแจ ต่อให้เขาใช้ไม้อ่อนเกลี้ยกล่อมยังไง คนสวยจอมดื้อรั้นก็ไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม

    “ทำไม”

    “บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ รออยู่ที่นั่นน่ะแหละ เดี๋ยวอีกชั่วโมงคยูฮยอนจะไปรับ”

    “ไม่”

    “อย่าดื้อ ทำตามที่บอกนะ แค่นี้ล่ะ ถ้ามาช้า คืนนี้ถึงพรุ่งนี้ตอนบ่ายไม่ต้องนอน”

    “เออ”คนตัวเล็กตอบรับปลายสายอย่างหงุดหงิด นิ้วเรียวกดตัดสายทิ้ง เรียวปากอิ่มเมมเข้าหากันแน่น ไม่พอใจสักเท่าไร ที่ต้องเป็นฝ่ายตามใจคนรักอย่างทงเฮ

     

     

     

    “หืม..อะไรน่ะ”ด้านจองซูที่นั่งคอยน้องชายคุยโทรศัพท์ในร้าน ร่างโปร่งสังเกตเห็นสร้อยเงินเส้นเล็กที่ตกอยู่กับพื้นบริเวณใกล้ๆโต๊ะอาหาร มือเรียวเลื่อนไปหยิบมันขึ้นดู เผื่อว่ามันอาจจะเป็นของที่ฮยอกแจทำตกไว้

     “สร้อยข้อมือ...เหรอ”ทงเฮขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น สร้อยเส้นนี้ไม่ใช่สร้อยที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป เพราะการออกแบบที่ซับซ้อน วัสดุเกรดเอที่ยากจะหาได้ทั่วไป สีหม่นของตัวเส้น รวมถึงความประณีตในทุกรายละเอียดของงาน มันไม่ใช่สิ่งของที่สามารถหาซื้อกันได้ง่ายแม้จะมีเงินมากสักเพียงใด

    หากไม่ใช่สมบัติที่สืบทอดส่งต่อกัน ก็คงจะเป็นการออกแบบที่รังสรรค์เพื่อบุคคลจำนวนหนึ่งเท่านั้น จองซูรู้สึกคุ้นกับลวดลายการออกแบบของสร้อยเส้นนี้ เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้เห็นสร้อยที่คล้ายกันนี้มาก่อน เพียงแต่นึกไม่ออกว่าเมื่อใด ที่ไหน และเป็นสมบัติของใคร

    “หืมม..”จองซูเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อปลายนิ้วสัมผัสถึงความขรุขระของเนื้อสร้อยเงินเส้นสวย

    จองซูจดจ้องมองสิ่งของในฝ่ามือเขม็ง แววตาอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว มือเรียวบางทั้งสองกำเข้าหากันแน่น ทันทีที่ได้เห็นสัญลักษณ์แปลกๆที่ซ่อนอยู่ด้านในของสร้อย

     

    ...มังกร สัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง...

     

    ไม่ผิดแน่...จองซูมั่นใจว่าสร้อยเส้นที่อยู่ในมือนี้เป็นสร้อยที่เขาเคยเห็นมาก่อน...

    เขาจำได้ดี ครั้งแรกที่เขาเห็นมัน คือวันที่ น้องชาย คนที่เขามีความผูกพัน รักใคร่ แม้ไม่ใช่พี่น้องทางสายเลือด ได้หายไปจากบ้านหลังใหญ่ของเขาครบหนึ่งเดือนเต็ม

    จองซูจำได้ดี เจ้าของสร้อยเส้นนี้ได้มอบสัมผัสรุนแรงบนใบหน้าเขาจนปลายลิ้นสัมผัสถึงความขมปร่าของคาวเลือด สร้อยเส้นนี้มันกระทบกับโหนกแก้มเขาแรงจนเกิดรอยแผลใหญ่ ที่ปัจจุบันมันยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เขานึกสมเพชตัวเองเล่น

    เสียงปืนที่เขาเกลียดจับใจ ดังลั่นแทรกเข้าในโสตประสาทของเด็กหนุ่มวัยสิบเก้า พร้อมกับเสียงกรีดร้องของมารดา ภาพของเสื้อเชิตสีอ่อนถูกย้อมด้วยสีแดงของโลหิตที่ไหลจากบาดแผลฉกรรจ์บริเวณอกด้านซ้ายของหัวหน้าครอบครัว เสียงลมหายใจดังเฮือกสุดท้าย สายตาที่จ้องมองมาที่เขาอย่างมีความหวัง

    นับจากนั้น ชีวิตของจองซู...ก็ต้องเผชิญกับคำว่า เด็กไม่มีพ่อ  

    ...เพราะพวกมัน...ไอ้พวกมาเฟียตระกูลลี...

     

     

     

    “พี่จองซู”เสียงหวานของร่างเล็กปลุกให้จองซูตื่นจากห้วงความคิด

    จองซูหันมองใบหน้าหวานของเจ้าของเสียงด้วยสายตาเรียบนิ่ง ไร้อารมณ์ใดที่สื่อผ่านแววตาว่างเปล่า ฮยอกแจสังเกตเห็นสร้อยเงินเส้นเล็กที่เขากำลังตามหาในมือของอีกฝ่าย ดวงตากลมสวยเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจ ใจดวงน้อยเต้นแรงระรัวในอก

    เขาทำได้เพียงแต่หวังลึกๆในใจ หวังให้พี่ชายตรงหน้าไม่ล่วงรู้อะไรไปมากเกินไปกว่าสร้อยเงินธรรมดา ที่ถูกออกแบบขึ้นไม่ซ้ำใคร และไม่มีความหมายใดๆที่เกินกว่าของขวัญล้ำค่าจากคนพิเศษเท่านั้น

    “อ้าว..มาแล้วเหรอฮยอกแจ”จองซูยกยิ้มบางๆให้กับร่างเล็ก แววตาคู่สวยเปลี่ยนกลับมาอ่อนโยนเช่นเดิม ดั่งที่เคยมีเสมอเมื่ออยู่กับคนตรงหน้า

    “เอ่อ..ครับ”ฮยอกแจรับคำ ก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเก่า

    “ของนายรึเปล่าน่ะ พี่เห็นมันตกอยู่”จองซูเอ่ยพร้อมกับแบมือยื่นสร้อยเส้นสวยไปทางร่างเล็ก

    “อ๊ะ พี่เก็บได้เหรอ ขอบคุณนะครับ”ฮยอกแจแสร้งยิ้มเจื่อน มือบางเลื่อนไปหยิบสร้อยข้อมือเส้นหรูจากมือเรียว ใจดวงน้อยที่เคยเต้นแรงค่อยๆสงบลงช้าๆเมื่อเห็นว่าจองซูไม่มีท่าทางติดใจอะไร

    “อื้ม สวยดีนะ ใครให้มาเหรอ”

    “ครอบครัวน่ะฮะ”ฮยอกแจฝืนยิ้มบางๆ รีบเก็บสร้อยใส่กระเป๋าของตน

    “อืม..ใช่ครอบครัวลีรึเปล่าน่ะ?”คำถามจากเรียวปากสวยทำให้ฮยอกแจสะดุ้งน้อยๆ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง พี่จองซูรู้..อย่างนั้นเหรอ?

    “ไม่ใช่น่ะครับพี่ ครอบครัวที่อุปถัมป์ผมไม่ใช่ครอบครัวลีครับ”ฮยอกแจกล่าวปดอีกครั้ง ร่างเล็กเม้มปากแน่น หลบสายตามองลงที่อาหารตรงหน้า มือบางหยิบส้อมม้วนเส้นพาสต้าช้าๆ ปิดบังอาการสั่นน้อยๆที่มีแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อสักครู่

    “นายไม่รู้ความจริงงั้นเหรอ?”จองซูเอ่ยเรียบๆ มือเรียวหยิบช้อนส้อมขึ้น ทานอาหารของตนบ้าง เขาไม่อยากกดดันฮยอกแจ เพราะฮยอกแจคือน้องชายที่เขารัก และเอ็นดูเสมือนน้องชายแท้ๆ ถึงแม้ไม่ได้ติดต่อกันมานานนับสิบปี และเขาเองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการทำอย่างนั้น

     

    นอกจากนั้น...

    ความจริงมันก็อาจจะเป็นผลดีต่อตัวฮยอกแจเองด้วยซ้ำไป

     

    .

    .

    .

     

    “ฮะ?”ฮยอกแจเลิกคิ้วมองพี่ชาย

    “ครอบครัวนั้น...อาจไม่ได้ดีอย่างที่นายคิดนะ”จองซูสบตากับน้องชายนิ่ง แววตาจริงจังจากพี่ชายทำให้ฮยอกแจรู้สึกสับสนระคนกระอักกระอ่วน

    “ครับพี่?”

     

     

    “นายเคยสงสัยไม่ใช่เหรอไง ว่าทำไมนายต้องมาทำงานที่บ้านพี่?”จองซูเอ่ยถามต่อ แววตาที่ยากจะเดาความรู้สึกของเขาทำให้ฮยอกแจรู้สึกไหวหวั่น

     

    เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆจองซูถึงหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาเอ่ย.. เพราะจองซูน่าจะเป็นผู้ที่เข้าใจที่สุดว่าเขาไม่อยากจะเอื้อนเอ่ยถึงประเด็นนี้

    ทั้งเพราะอดีตที่ช่างโหดร้าย ไม่น่าจดจำ ความเจ็บปวดทรมาณที่รุมเร้าจนเขากลายเป็นเด็กซึมเศร้า ความบอบช้ำที่ถูกสร้างทั้งบนร่างกายและฝังลงลึกในจิตใจ

    อดีตที่เขาพยายามจะลบเลือน และไม่เคยคิดจะขุดมันขึ้นมาบั่นทอนชีวิตที่ดีในปัจจุบัน เพราะมันคือเหตุผลที่ทำให้ฮยอกแจต้องเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นฮยอกแจในปัจจุบันนี้..

     

    ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นไร้คำพูดใดหลุดออกจากเรียวปากสีเชอร์รี่หวาน มีเพียงสายตาที่สั่นไหวส่งให้กับพี่ชายตรงหน้า เงียบนิ่งรอฟังคำชี้แจงที่จะทำให้เขากระจ่างในความสับสน

     

    .

    .

    .

     

    “มะ...ไม่จริง”เสียงหวานหลุดรอดแผ่วเบาจากปากหลังจากที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากพี่ชาย ลาดไหล่บอบบางกระตุกสั่นสะท้าน ดวงตากลมสวยคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ฮยอกแจหลุบสายตามองลงต่ำ

    เขาพยายามกลั้นไม่ให้ น้ำตา สัญลักษณ์ของความอ่อนแอไหลรินลงอาบแก้ม ดังที่ใครคนนึงเคยพร่ำบอกเขาเสมอ ...ฮยอกแจที่เข้มแข็ง ห้ามเสียน้ำตาให้ใครง่ายๆ...

     

     

    บรรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบสงัดหลังจากเรื่องเล่าจากเรียวปากบางของจองซูจบลง มือเรียวบางรวบช้อนส้อมวางลง รู้สึกกระอักกระอ่วนเกินกว่าจะทานอะไรเข้าไปได้อีก โครงหน้าเรียวหันหนีไปทางอื่นไม่อยากมองเห็นน้องชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม

     

    ...แม้มันจะเจ็บปวด แต่ก็ดีกว่าให้ฮยอกแจมารู้ความจริงภายหลัง...

    +++++END OF THIS CHAPTER+++++

    คอมเม้นกันเยอะๆนะคะ ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×