คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #63 : Chapter:47 Everything gonna be end (ฉากบู๊ของฮีนิมทงเฮเจสสิก้า)
แนนมาแล้วค๊าาา
ต้องแจ้งให้ทราบสักนิดว่าที่หายไปไม่ใช่ว่าอะไร...
หายไปเพราะแนนรีไรท์ตอนนี้ใหม่ทั้งหมด.
เพราะกลัวเนื้อหาจะไม่โดนและไม่แรงพอ. >////<
และเพราะ..นั่นแหละ. เมนแนนเข้าไปในกรม. TT
มันจึงออกมาในเวลาที่นานประมาณครึ่งเดือน T_____T
แต่บอกได้เลยว่า...ไม่ว่าแม่ยกเฮอึน หรือแม่ยกบอมฮยอก
จะกรี๊ดกร๊าดด้วยความสะใจ...เพราะฉากบู๊ของฮีนิม. และเจสสก้า.ที่ทุกคนรอคอยค่ะ
ชอบไม่ชอบยังไงเม้นกันด้วยนะคะ เพราะมันคือบทที่แนนทุ่มเทกับมันมากๆค่ะ
ปล.แม่ยกเฮอึนอาจจะมีกรี๊ดกร๊าดกันนะคะ >////<
@บัว แนนไม่ได้เป็นไรค่า..เรื่องเม้นที่แล้ว
แต่คือพออ่านปั๊ป มันเป็นอะไรที่โดนมาก เพราะว่าคนที่เม้นได้สะใจไรท์เตอร์
เห็นแล้วโดน ต้องรีบอ่านใหม่อีกรอบคือเม้นของคุณบัวนี้แหละค่า
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
----------CHAPTER 47---------
“เจสสิก้า...ออกมาหาพี่หน่อย ไปที่ร้านเดิมนะ...วันนี้พี่ไม่ว่างไปรับ...”สิ้นเสียงทุ้ม นิ้วเรียวก็กดตัดสายที่เขาเป็นฝ่ายโทรออกทิ้งอย่างไม่คิดจะสนใจ ก่อนจะเดินไปคว้ากระเป๋าสตางค์ มือถือ และกุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องนอนไป
“อ้าว...ทงเฮจะออกไปไหนลูก”เสียงหวานของผู้เป็นมารดาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ก็ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืน เธอก็ยังไม่ได้พูดคุยกับลูกชายเลยแม้แต่น้อย
“ธุระ”ทงเฮเอ่ยเสียงตวัด ยอมรับว่าเขาก็ยังรู้สึกโกรธผู้เป็นแม่อยู่ไม่น้อย เขาไม่เข้าใจเลย...ว่าเขายอมทำทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่ขอ ไม่เคยมีขัดคำสั่ง แต่ทำไมกะอีแค่เรื่องนี้ ที่เป็นเรื่องของชีวิต ของใจเขา แม่ถึงไม่ยอมให้เขาตัดสินใจเองนะ
“แล้วไม่กินข้าวเช้าก่อนเหรอลูก...แล้วจะกลับกี่โมง”ผู้เป็นแม่ยังเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงที่มีมันมีมากมาย เป็นห่วงมากเกินกว่าเป็นห่วงตัวเองเสียด้วยซ้ำ แต่คำตอบที่ได้รับกลับกลายเป็นการเดินจากไปโดยไร้คำตอบใดๆจากปากของชายหนุ่ม นั่นยิ่งทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
“เฮ้อ...”เสียงถอนหายใจเบาๆดังจากร่างสูงโปร่งของทงเฮที่บัดนี้ได้เข้ามานั่งในรถที่สตาร์ธเครื่องพร้อมจะออกตัว คิดถึงการกระทำที่ตัวเองเพิ่งทำลงไปก็รู้สึกผิด ทั้งๆที่รู้ดีว่าที่ผู้เป็นแม่ทำนั้น ได้ทำเพราะความเป็นห่วงตนแท้ๆ
“ไอ้เรื่องบ้าๆมันต้องจบๆลงไปวันนี้นี่แหละ เฮ้อ!”พูดกับตัวเองก่อนจะจัดการออกรถไป จุดหมายอยู่ที่สถานที่ที่ตนได้นัดเจสสิก้าเอาไว้ เขาจะต้องจบเรื่องทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ภายในวันนี้ เขาจะได้ไปจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับฮยอกแจให้เรื่องราวทุกอย่างมันดีขึ้นให้ได้
...ฮยอกแจ...นายจะให้อภัยคนเลวๆอย่างชั้นอีกครั้งได้มั้ย...
.
.
.
“พี่ทงเฮมีอะไรคะ...เรียกเจสมาแต่เช้าเลย”เสียงของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมๆกับร่างเพรียวที่เดินเข้ามานั่งในโต๊ะที่มีทงเฮนั่งรออยู่แล้ว
“เอาวีดีโอมาให้พี่”ทงเฮเอ่ยสั่งเสียงเข้ม ดวงตาคมฉายแววเอาจริงเสียจนเจสสิก้าเองถึงกับรู้สึกกลัวชายตรงหน้าขึ้นมา
“อะไรกัน...เจสก็ให้พี่ทงเฮไปแล้วนี่คะ แล้วจะมีวีดีโออะไรอีก”เจสสิก้าแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง พร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกว่าเธอกำลังพูดเรื่องจริง
“อย่ามาโกหก...เธอส่งวีดีโอบ้าๆนั่นไปให้ฮยอกแจใช่มั้ย? นอกจากเธอแล้วก็คงไม่มีใครจะมีแผ่นซีดีนั่นหรอก”ทงเฮเอ่ยคาดคั้น
“ว๊า...ความลับแตกซะแล้ว...”หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงที่ปั้นแต่งขึ้นมาให้ดูน่ารัก แต่ทว่าดวงตาคมสวยกลับฉายแววร้ายกาจขัดกับท่าทางที่คล้ายสำนึกผิด แต่กับทงเฮ...ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการกระทำของเธอทั้งหมดเป็นการเสแสร้งขึ้นมาทั้งนั้น
“ไม่ต้องมาพูดแบบนั้นเลย...เธอทำมันไปทำไม”ทงเฮกดเสียงต่ำ คล้ายจะเป็นการกดอารมณ์ร้อนที่เกิดขึ้นไม่ให้มันประทุไปด้วย
“ค่ะ...เจสส่งไปเอง...แล้วทำไมล่ะคะ? ก็มันบังอาจมาทำให้พี่ทงเฮทำแบบนี้กับเจส...ถ้าไม่มีมันสักคน พี่ทงเฮก็ต้องรักเจส พี่ทงเฮก็คงจะเต็มใจแต่งงานกับเจส...มันไม่ใช่ความผิดของเจสเลยนะคะ...มันเป็นความผิดของนังนั่น...นังนั่นคนเดียว...”เจสสิก้าเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่บ่งบอกอารมณ์ของเธอตอนนี้...มันแฝงไปด้วยความโกรธ...ความเกลียด...ความริษยา...ความอาฆาต...เธอเกลียดฮยอกแจเหลือเกิน...เกลียดผู้ชายคนนั้น...กะอีแค่ผู้ชายคนเดียว...ทำไมเธอถึงสามารถเอาชนะเธอได้ทุกๆอย่าง...
‘เปี๊ยะ’เสียงฝ่ามือหน้ากระทบกับแก้มสวยดังลั่นทั่วห้อง ร่างเพรียวที่เป็นฝ่ายถูกกระทำได้แต่ยืนนิ่งงันทำอะไรไม่ถูก คล้ายกับทั่วห้องเงียบสนิท เจสสิก้าไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่น้อยก่อนที่ร่างสูงจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น
“มันไม่ใช่เพราะเขาหรอกเจสสิก้า...ต่อให้จะไม่มีฮยอกแจ พี่ก็ทำใจรักเธอไม่ลงหรอก...ต่อให้โลกนี้มีเราสองคน...พี่ก็จะไม่มีวันทำใจรักเธอได้หรอก! ดูตัวเธอซะก่อนสิ ใครจะไปรักเธอได้...ฮยอกแจเขาดีกว่าเธอทุกอย่าง!”ความจริงที่มันอัดอั้นในใจทงเฮมานานถูกเปิดเผย สายตาคมจดจ้องไปที่ร่างเพรียวตรงหน้านิ่ง ความรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งไม่ชอบใจในร่างตรงหน้าถูกสื่อออกมาผ่านสายตาคมคู่นั้น
“ไม่จริง...พี่ทงเฮโกหก! เจสครบทุกอย่าง! ทั้งหน้าตา ครอบครัว ฐานะ แถมเจสเป็นผู้หญิงนะคะ! นังนั่นมันเป็นผู้ชาย! เจสไม่มีทางเชื่อหรอกว่าผู้ชายจะมีดีกว่าผู้หญิง! แล้วนังนั่นก็ไม่ได้รักพี่ด้วย...พี่ทงเฮก็รู้...แต่เจสสิ...เจสรักพี่นะคะ...รักพี่มาตลอด...”แต่ถึงกระนั้นเจสสก้ายังคงไม่ยอมแพ้ เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดจะเศร้าระคนโกรธแค้น....ในชีวิตเธอ...ไม่เคยได้รับความพ่ายแพ้...แต่ทำไม...กับผู้ชายคนเดียว...ทำไมเธอถึงเอาชนะไม่ได้ล่ะ?
“พี่พูดความจริงทั้งหมดเจส...ใช่...เธอมีทุกสิ่งทุกอย่างครบ ทั้งหน้าตาก็สวย หุ่นก็ดี ครอบครัวก็มีหน้าตาในสังคม ฐานะก็ไม่ใช่ว่าจะตกต่ำ แต่สิ่งที่เธอไม่มีคือความจริงใจไงล่ะ! ถ้าเธอมีความจริงใจซักนิด ใส่ใจอะไรรอบๆตัวซักหนอย พี่ก็คงจะรักเธอจริงๆนั่นแหละ! แล้วพี่คิดว่าเธอคงไม่ได้รักพี่จริงหรอก...เพราะถ้าเธอรักพี่จริง...เธอต้องกล้าที่จะยอมทำให้พี่มีความสุข นั่นมันถึงจะเรียกว่าความรัก! แต่นี่เธอกลับทำทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข หาทุกสิ่งทุกอย่างที่จะมารั้งพี่...นี่น่ะเหรอความรัก...นี่น่ะเหรอความสุขของเธอ...”คำพูดกึ่งคำสั่งสอนหลุดออกมาจากปากของทงเฮ
“ไม่...ไม่จริง...เจสรักพี่...เจสรักพี่ทงเฮมากนะคะ...ที่เจสทำไปทุกอย่างก็เพื่อเรานะคะ...เจสรักพี่ อยากแต่งงานกับพี่...นี่น่ะเหรอ...ที่ไม่เรียกว่ารัก”เจสสิก้าเอ่ยเสียงสั่น มือเรียวของหญิงสาวสั่นระริก รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบดับวูบ...เธอไม่เคยโดนปฎิเสธ...และนี่ก็เป็นการปฏิเสธที่ดูเลวร้ายกับเธอยิ่งนัก
“ไม่หรอก...เธอไม่รู้จักความรักจริงๆหรอกเจสสิก้า...ขอโทษนะ พี่คงแต่งงานกับเธอไม่ได้จริงๆ พี่รักฮยอกแจ”ร่างสูงเอ่ยเสียงเข้ม ยืนยันในคำพูด และความรู้สึกของตัวเอง
“หึ...งั้นเหรอคะ...เจสไม่รู้จักความรักจริงๆน่ะเหรอคะ...”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด มือเรียวสวยกำแน่น เล็บยาวสวยที่ตกแต่งด้วยลวดลายสวยงามบ่งบอกถึงความสูงของราคาของมันจิกลงกับเนื้อแน่น
“...”ทงเฮไม่ตอบอะไรมีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ปกคลุม
“ได้ค่ะ...ต่อให้ไม่มีมันพี่ก็จะไม่รักเจสใช่มั้ยคะ...ถ้าอย่างนั้น...ต่อให้มันตายหรือไม่ตายก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร!”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง
“เธอหมายความว่าอะไร”ทงเฮถามกลับเมื่อคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าคงจะคิดอะไรที่เป็นอันตรายกับฮยอกแจแน่ๆ
“ก็หมายความตามที่พูดแหละค่ะ”หญิงสาวเอ่ยตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆ ใบหน้าสวยเบือนมองทางอื่น ไม่คิดสนใจคนตรงหน้าที่คุยด้วยแม้แต่น้อย
“เธอ...คงไม่...”
“ถ้าไม่มีอะไรสำคัญแล้ว...เจสไปนะคะ แล้วไม่ต้องคิดจะห้ามเจสด้วย...มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ”หญิงสาวเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนที่ร่างเพรียวสวยจะเดินจากไป ทิ้งให้อีกร่างได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่เบื้องหลังของเธอ
.
ฮยอกแจ...ชั้นเป็นห่วงนาย..
เจสสิก้า...เธอจะทำอะไรคนที่พี่รัก.
.
.
‘กริ๊ง..กริ๊ง...’เสียงโทรศัพท์เครื่องเล็กดังขึ้นในกระเป๋ากางเกงของลีทึก ที่กำลังนั่งอยู่ที่เบาะหน้าสุดในรถตู้ ขณะเดินทางกลับจากวันหยุดพักผ่อนของพวกเขา
“อ่า...ใครโทรมานะตอนนี้”ลีทึกที่กำลังจะเคลิ้มหลับตามเมมเบอร์คนอื่นๆสะดุ้งเบาๆเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตนดังขึ้น มือเรียวรีบควานหาโทรศัพท์ก็จะรีบกดรับ
“พี่ครับ ฮยอกแจเป็นยังไงบ้างครับ?”เสียงสั่นเครือของบุคคลที่ไม่ได้มาท่องเที่ยวในครั้งนี้ดังขึ้นทางปลายสาย
“หื้มมม นายเป็นอะไรไปน่ะทงเฮ? ฮยอกแจก็สบายดี ไม่ได้มีอะไรนี่”ดวงตาคู่สวยเหลือบไปมองรุ่นน้องที่เป็นบุคคลที่สามในบทสนทนาที่กำลังหลับอยู่ที่เบาะด้านหลัง ก่อนจะตอบกลับไปตามที่เห็น
“จริงเหรอครับ...ผมเป็นห่วงเค้าจังครับ”
“อื้มม จริงสิ ว่าแต่ว่านายเป็นอะไร ดูเสียงสั่นๆนะ”
“พี่ครับ..เจสสิก้า..เจสสิก้าเค้าบอกว่าเค้าจะทำร้ายฮยอกแจครับ ผมเป็นห่วงเขา”พูดจบทงเฮก็ปล่อยโฮใส่ลีทึกอย่างไม่อาย
“เดี๋ยวก่อนทงเฮ นายเล่าให้ชั้นฟังหน่อยได้มั้ยว่า ว่าเขาจะทำอะไร แล้วทำไมนายถึงรู้ว่าเขาจะทำร้ายฮยอกแจน่ะ”ลีทึกกดเสียงลงต่ำ มือเรียวยกขึ้นป้องปากกันไม่ให้เมมเบอร์ที่อยู่นนั่งด้านหลังตื่นตกใจ
“ก็เจสสิก้าเขาบอกกับผมแบบนี้น่ะครับพี่ลีทึก...”แล้วทงเฮก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลีทึกฟัง ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับฮยอกแจ เรื่องงานแต่งงาน รวมถึงเรื่องที่ทำให้เขาเป็นกังวลอยู่ตอนนี้
“จริงเหรอทงเฮ นายแน่ใจใช่มั้ย?”ลีทึกถามย้ำเสียงเครียด เพราะเท่าที่เขาได้ฟังมา เจสสิก้าคงไม่ใช่ผู้หญิงที่ล้อเล่นกับอะไรแบบนี้เป็นแน่
“ครับ จริงๆครับพี่ พี่..ผมเป็นห่วงฮยอกแจมากนะ ผมจะทำยังไงดี”
“อา..โอเคๆ เดี๋ยวพี่จะลองคุยกับทางผู้ใหญ่นะ ไว้ยังไงแล้วเราค่อยคุยกันดีกว่า ตอนนี้พี่เดินทางอยู่คงคุยอะไรได้ไม่สะดวก อีกอย่างนายต้องใจเย็นๆเข้าไว้ ถ้านายใจร้อนแบบนี้อาจจะพลาดพลั้งทำอะไรตามแผนที่เจสสิก้าวางไว้ก็ได้”
“ครับ..ครับ.”เมื่อได้ยินคำเตือนจากผู้เป็นพี่ ปลายสายก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนลง ทั้งคู่คุยกันต่อสองสามประโยคก่อนจะวางสายไป มือเรียวเก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าดังเดิม ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“เจสสิก้าทำอะไรทงเฮน่ะ”ฮีชอลที่ลีทึกคิดว่ากำลังหลับอยู่ข้างๆกาย เอ่ยถามทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาขึ้น
“อ้าว.นายไม่ได้หลับหรอกเหรอฮีชอล”
“อื้ม..นั่งฟังนายคุยกับทงเฮอยู่ นายตอบคำถามชั้นได้แล้ว”ขึ้นเสียงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบคำถามตน ดวงตากลมสวยลืมขึ้นจ้องอีกฝ่ายนิ่ง
“เจสสิก้าไม่พอใจที่ทงเฮขอยกเลิกงานแต่ง เธอเลยขู่ว่าจะทำร้ายฮยอกแจน่ะ”
“งั้นเหรอ...หึ”ร่างเพรียวไม่เอ่ยอะไรมากมาย เพียงแค่ยกยิ้มมุมปากนิ่งๆไม่เอื้อนเอ่ยอะไรต่อ ดวงตากลมสวยเสมองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยความคิดวางแผนอะไรไปเงียบๆ
“ถ้าอย่างนายก็อย่าผลีผลาม ทำอะไรให้เป็นข่าวละกันนะ”ลีทึกเอ่ยเตือนเสียงเรียบ เพราะเขารู้ดีว่า ถึงเขาห้ามอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี.
.
.
.
“ชั้นลงตรงนี้ล่ะ”ฮีชอลเอ่ยเรียบๆเมื่อรถตู้ชะลอลง เพื่อเลี้ยวเข้าที่จอดรถของหอพักของพวกเขา ก่อนที่ร่างเพรียวจะเปิดประตูรถออกแล้วรีบกระโดดลงโดยไม่ได้คำนึงถึงอันตรายที่อาจจะได้รับ ขาเรียวยาวก้าวฉับๆวิ่งเลาะเข้าไปในที่จอดรถ ดวงตากลมสวยสอดส่ายมองหารถคันที่คาดว่าจะต้องมาจอดรออยู่แล้ว
“ยังไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะ.เจสสิก้า”ขาเรียวก้าวฉับๆเมื่อเห็นรถคันสวยที่จอดอยู่ใกล้ๆกับลิฟท์ตัวที่พวกเขาใช้ขึ้นหอ ดวงตาสวยจดจ้องเข้าไปในรถคันนั้นนิ่งๆ เงาขยุกหยิกคล้ายกับกำลังค้นหาสิ่งของบางอย่างที่เบาะข้างที่นั่งคนขับ ทำให้ฮีชอลมั่นใจได้ว่าเจ้าตัวคงรู้ว่าเป้าหมายของตนได้มาถึงแล้ว
ในขณะที่รถตู้คันใหญ่ได้ขับมาจอดที่หน้าลิฟท์ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูรถคันหรูถูกเปิดออก ร่างเพรียวด้านในก้าวลงจากรถด้วยความรีบร้อน
เมื่อประตูรถตู้เปิดออก สมาชิกในวงทุกคนก็ทยอยกันลงอย่างเอื่อยเฉื่อย ด้วยเพราะความเหนื่อยล้าที่ได้รับจากการเดินทาง ร่างเล็กของฮยอกแจที่เดินลงมาพร้อมกับเป้ใบโตที่ใส่เสื้อผ้าสัมภาระของตนเองเอาไว้
“นังฮยอกแจ!”เสียงกร้าวของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับร่างเพรียวสวยของเจสสิก้าที่ขยับเข้าใกล้กับร่างเล็กของฮยอกแจ ดวงหน้าสวยของหญิงสาวบูดบึ้งแสดงออกถึงความโกรธแค้นเกลียดชังในร่างตรงหน้า
“เจสสิก้า”ร่างเล็กเอ่ยเสียงแผ่ว ไหล่บางสั่นไหวเบาๆด้วยความกลัวที่เริ่มเข้าเกาะกุม
“แก.แกทำร้ายชีวิตชั้น!! พี่ทงเฮเขายกเลิกงานแต่งงานของชั้นก็เพราะแก! เพราะฉะนั้นแก! ตายซะเถอะ!”สิ้นเสียงของเจสสิก้า วัตถุสีดำสนิทขนาดพอดีมือก็ถูกยกขึ้นจ่อตรงไปที่ร่างตรงหน้า
“เจสสิก้า เธอจะทำอะไรน่ะ!!!!”ลีทึกที่อยู่ใกล้ที่สุดเอ่ยเสียงดังด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่เคยคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆตรงหน้าจะกล้าทำอะไรที่บ้าบิ่นมากขนาดนี้
“เงียบไปเถอะค่ะพี่ลีทึก เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับพี่!”ดวงตาคมตวัดมองรุ่นพี่ที่เอ่ยเตือนเพียงครู่ ก่อนจะเบือนกลับมาจดจ้องที่ร่างตรงหน้าอีกครั้ง
“แก..แกทำลายทุกๆอย่างที่ชั้นควรจะได้!! แกควรจะตายๆไปซะ!!!”ในขณะที่นิ้วเรียวสวยเตรียมจะเหนี่ยวรั้งไกปืน ดวงตากลมสวยของฮยอแจก็ปิดลงด้วยความหวาดกลัว ร่างทั้งร่างไม่ขยับเขยื้อนใดๆราวกับถูกตรึงเอาไว้
“เจสสิก้าเธอจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ!”คิบอมตะโกนเสียงดัง เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์มีความอันตรายมากขึ้น
“ทำไมล่ะ! ทำไมชั้นจะทำไม่ได้!! ก็เพราะมัน..เพราะมันคนเดียว!”
.
.
.
.
.
“แพ้แล้วพาลแบบนี้สมกับเป็นเธอดีนะ เจสสิก้า”เสียงหวานนุ่มทว่าเยือกเย็นดังขึ้นพร้อมกับแขนเรียวของใครบางคนที่วางพาดไหล่เล็กของเจสสิก้า
“พะ..พี่...”
“ทำไม? ตกใจอะไรมากเหรอ..ที่ได้เห็นพี่ในระยะใกล้ขนาดนี้. ว่าไง? น้องเจสสิก้า?”ร่างเพรียวเอ่ยเย็นๆพร้อมกระตุกรอยยิ้มมุมปาก
“อ่ะ..เอ่อ...เอ่อ...”หญิงสาวลนลานทำอะไรไม่ถูก บุคคลที่อยู่ตรงหน้าช่างน่ากลัวในสายตาเธอเหลือเกิน
“ว่าไง..นังเจสสิก้า!! เธอจะทำอะไรน้องชั้น ห๊ะ!? ชั้นถามน่ะ ได้ยินมั้ย”ตะคอกเสียงลั่นไปทั่วโดยไม่คิดกลัวว่าใครจะมาพบเข้า ดวงตากลมสวยจดจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวนิ่ง เธอไม่สมควรจะต่อกรกับคนตรงหน้านี้เลย ...
“ฮีชอล พอ...”ลีทึกเอ่ยห้ามเพื่อนเสียงสั่น
“เงียบไปเหอะน่า! นายจะยอมให้นังนี่มันฆ่าน้องรึไง?!”เอ่ยพร้อมกับเลื่อนมือไปบีบคางสวยของเจสสิก้า ร่างของหญิงสาวสั่นน้อยๆด้วยความกลัว เธอรู้สึกว่าช่วงเวลาที่คิมฮีชอลยืนอยู่ตรงหน้าเป็นอะไรที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิต
“พี่ฮีชอลฮะ พอเถอะ”ฮยอกแจเอ่ยแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ นั่นเป็นการเรียกสติของเจสสิก้าให้หวนคืน หญิงสาวสะบัดหน้าออกจากพันธนาการ ปลายกระบอกปืนที่เคยตกไปอยู่ข้างลำตัวถูกยกขึ้นจ่อไปที่ร่างบางอีกครั้ง
“แกไม่ต้องมายุ่งเรื่องของชั้น!!!”หญิงสาวตวาดกร้าว
“แต่ชั้นต้องยุ่ง”
‘เพี๊ยะ’ เสียงเย็นๆของฮีชอลดังขึ้น พร้อมกับเสียงกระทบกันของผิวหนัง ใบหน้าสวยของหญิงสาวหันไปตามแรงตบ ดวงตาสวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ร่างทั้งร่างรู้สึกนิ่งชาราวกับไม่สามารถขยับเขยื้อน บริเวณมุมปากเรียวสวยมีเลือดสีสดที่ไหลจากบาดแผล
“พี่ครับ!!!”เสียงของเมมเบอร์คนหนึ่งดังก้องไปทั่ว แต่นั่นก็ไม่ได้เรียกความสนใจจากผู้ที่ถูกเรียกได้เลย รอยยิ้มร้ายที่แสยะออกมาบอกได้ถึงอารมณ์โกรธของฮีชอลที่มีอยู่ได้ชัดเจน
“แก!!!”เจสสิก้าหวีดร้องเสียงดัง เป็นจังหวะที่ใครบางคนวิ่งเข้ามาคว้าตัวฮยอกแจ แล้วใช้ตัวเองเป็นเกาะกำบัง พร้อมกับเสียงปืนพกของหญิงสาวที่ดังลั่นขึ้น
‘ปัง’
‘พลั่ก’
“ทงเฮ!!!!”เมมเบอร์ทุกคนเรียกชื่อของบุคคลที่วิ่งเข้ามาใหม่ด้วยความตกใจ ในขณะที่ฮีชอลใช้แรงที่มีผลักร่างสวยของเจสสิก้าลงกับพื้นแล้วฟาดมือลงไปที่ใบหน้าสวยไม่ยั้งแรง ความโกรธแค้นที่สะสมด้วยเวลาทำให้ขีดความอดทนของเขาขาดผึงจนไม่มีใครเข้าไปห้ามได้
“ฮีชอล! หยุดได้แล้ว ฮีชอล!”ร่างสูงของฮันกยองวิ่งเข้าไปคว้าร่างเพรียวออก มือหนาคว้าเอวบางเอาไว้ เขากลัว กลัวว่าฮีชอลจะถูกมองไม่ดี เขากลัวว่าฮีชอลจะถูกทำโทษ เขายอมรับว่าเขาอาจจะเป็นพี่ที่ไม่ดี แต่เขาก็ยอมถูกตราหน้าว่าเป็นพี่ที่ไม่เป็นห่วงน้อง เพื่อที่จะได้รั้งร่างเพรียวเอาไว้ ได้ปกป้องร่างตรงหน้าเอาไว้ด้วยอ้อมแขนของเขา
“ทงเฮ..ฮือ.. ทงเฮ.. ทงเฮอย่าตายนะ นายจะตายไม่ได้ ฮืออออ”อีกด้านหนึ่ง ฮยอกแจก็เอ่ยพร้อมน้ำตา มือบางจิกเสื้อบริเวณไหล่ของทงเฮเอาไว้พร้อมกับเขย่าแรงๆเพื่อเรียกสติคนที่นอนนิ่งอยู่บนตักเขา
“ซองมิน นายโทรเรียกรถพยาบาลซะ”
“ครับ”
.
.
.
นายจะตายไม่ได้นะทงเฮ..
---------TO BE CONTINUE---------
(ยิ้มชั่วร้ายเล็กๆ) แหะๆๆๆ มีอะไรมาให้คิดอีกนิดนึงแล้วว่า...ตกลงคู่ไหนกันแน่หว่า...ตอนจบ
ชอบกันมั้ยคะสำหรับฉากบู๊นี้ >///< ยังไงแนนก็ต้องขอฝากตัวด้วยค่าาา
ความคิดเห็น