คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #62 : Chapter: 46 Because you are my sunshine
หลังจากตอนที่แล้วผ่านไป เจอคอมเม้นว่าซีวอนต่างๆนานา
แนนก็ขอแถลงการณ์ว่าแนนไม่ได้กลั่นแกล้งอะไรซีวอนทั้งนั้นนะคะ TT
อย่าเพิ่งโกรธกันนะคะ แหะๆๆ
แต่วันนี้มาอ่านเม้นนึงจากคุณ "บัว" เห็นแล้วแอบตกใจว่า..แนนทำร้ายซีวอนไปซะแล้ว T[]T
เป็นเม้นที่อ่านแล้วพูดได้คำเดียวว่า "หนูขอโทษ หนูจะไม่ทำร้ายซีวอนอีกแล้ว" ฮ่าๆๆๆๆ
และขอแจ้งแถลงไข ไขข้อข้องใจว่าอีกไม่นานฟิคจะจบแล้วจริงๆเหรอ
ขอตอบว่าจริงค่ะ จะจบภายในไม่กี่ตอนนี้แล้ว ยังไงก็ติดตามกันด้วยนะคะ
และสำหรับเนื้อหาตอนนี้ ต้องขอยกมือไหว้แฟนคลับของแม่ยกแรงๆสักนิด - * -
เพราะตอนนี้อาจจะทำร้ายจิตใจของแฟนคลับกันได้เยอะมาก
เพราะฮยอกแจจะตกลงปลงใจกับใครสักคนแล้ว
แต่!!!!! เมื่อยังไม่ถึงตอนจบ ก็อย่าเพิ่งสรุปว่าจะจบคู่ไหนนะคะ ติดตามชมกันด้วยค่ะ
ปล. ตอนหน้าเตรียมตัวกับฉากบู๊สนุกๆที่หลายๆคนอยากจะเห็นในเรื่องนี้ได้เลยค่ะ
----------CHAPTER 46----------
“มันจะเร็วไปได้ยังไง...ในเมื่อสัญญาอะไรทั้งหมดก็ลงตัวหมดแล้ว ไหนจะเสื้อผ้า คิวจองโรงรงโรงแรมมันก็ลงตัวไปหมดทุกอย่าง แล้วแกจะว่ามันเร็วไปอีกงั้นเหรอ?”หญิงผู้เป็นมารดาเอ่ยว่าด้วยอารมณ์ติดจะไม่ค่อยดีเท่าไร ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าลูกชายของเธอต่อรองอะไรต่อมิอะไร เพื่อจะยืดเยื้อให้งานแต่งงานช้าออกไป แต่จะให้เจ้าลูกชายคนนี้ยืดเยื้อออกไปอีกก็คงจะไม่ได้กระมัง ปกติจะมีก็แต่ฝ่ายหญิงที่เป็นฝ่ายไม่พร้อม แต่นี้อะไร ฝ่ายหญิงพร้อมทุกอย่างแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้ว ยังจะหาเหตุผลอะไรมาอ้างอีก
“แต่ผมไม่อยากแต่งงานนี่แม่!”ทงเฮเอ่ยออกไปตรงๆด้วยเสียงที่ติดจะดังคล้ายตวาด ใบหน้าคมแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมา ทำเอาเส้นความอดทนเส้นสุดท้ายของผู้เป็นมารดาขาดลงแทบจะทันที
‘เพี๊ยะ’เสียงฝ่ามือเรียวสวยของผู้เป็นมารดากระทบลงกับใบหน้าของชายผู้เป็นลูกชายเสียงดังลั่น ใบหน้าคมหันตามแรงตบ ก่อนที่ฝ่ามือของหญิงสาวจะสั่นระริกเมื่อรับรู้ว่าเธอได้กระทำความผิดใหญ่หลวงในใจของผู้เป็นมารดาไป
“ถ้าการแต่งงานของผมมันจะทำให้แม่มีความสุขขนาดนั้นล่ะก็...ก็ได้ผมจะแต่งงานกับเจสสิก้า! แต่แม่แน่ใจได้เลยว่าแม่จะไม่มีทางได้เห็นผมกลับมาบ้านหลังนี้อีก!”ร่างสูงตวาดเสียงลั่นด้วยแรงอารมณ์ที่ประทุขึ้น ก่อนที่เรียวขายาวจะพาร่างของเจ้าของขึ้นยังห้องนอนที่อยู่ชั้นบนของบ้านแทบจะทันทีที่สิ้นคำพูด
“มะ...แม่ขอโทษ...แม่ขอโทษ...ทงเฮ...”เสียงหวานของหญิงสาวผู้เป็นมารดาสั่นเสียเกินจะจับใจความได้ ร่างกายทั้งร่างกายสั่นสะท้าน มีเพียงมือทั้งสองที่กุมกันไว้...มือ...ที่ได้ทำร้ายลูกชายของเขา...ได้ลง...
.
.
.
“เฮ้อ...คิบอม...เหนื่อยจังเลย”เสียงหวานของคนตัวเล็กดังขึ้นข้างๆกายของคนที่ถูกเรียกชื่อ พร้อมกับแรงกดทับเบาๆที่ไหล่กว้าง เป็นการบอกว่าตอนนี้คนตัวเล็กคนนี้คงกำลังจะใช้ไหล่เขาแทนหมอนนุ่มๆเป็นที่พักผ่อนไปเสียแล้ว
“อื้ม...”คิบอมขานรับเบาๆพร้อมกับฉีกยิ้มอบอุ่น ดวงตาคมเหล่มองใบหน้าหวานที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่กับไหล่เขา
“คิบอม...รู้มั้ย...ชั้นอยากพักผ่อนแบบนี้มานานแล้วนะ...พักผ่อนแบบไม่ต้องมีงาน...ไม่ต้องมีแฟนคลับ...ไม่ต้องมีใครรู้จักเรา...ไม่ต้องมีใครมายุ่ง...และก็ไม่ต้องมีใครมาทำให้อึดอัดด้วย...”ร่างบางเอ่ยช้าๆ ทว่าความหมายกลับหนักแน่นในทุกๆท่วงคำ
“นั่นสินะ...ไม่ได้พักผ่อนแบบนี้มานานแล้วเนอะ...”เสียงทุ้มตอบกลับ ดวงตาคมมองทอดไปไกล มองไปตามทะเลลึก ที่บัดนี้แสงจันทร์กระทบบพื้นผิวน้ำ สะท้อนเป็นภาพสวยเกินนิยาม คิม คิบอมไม่ปฏิเสธเลยว่าเขาอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ซะจริงๆ
“ทำไมนะคิบอม...ทำไมชั้นถึง...”เสียงหวานที่คราแรกเหมือนจะพูดอะไรต่อถูกหยุดลงดื้อๆ เป็นเหตุทำให้คิบอมต้องหันไปมองสีหน้าของคนตัวเล็ก
“ฮยอกแจ...”มือหนาเลื่อนไปสัมผัสกับผิวแก้มใสเนียน ยามได้สัมผัสกลับยิ่งหลงใหล คนๆนี้ช่างหน้าหลงใหลเหลือเกิน...คิม คิบอมไม่ปฏิเสธเลยว่าเขาหลงฮยอกแจเสียเกินจะถอยกลับได้แล้ว แต่ความเปียกชื้นที่สัมผัสได้นั้น ก็ทำให้คิบอมถึงกับชะงัก...ฮยอกแจร้องไห้อีกแล้วสินะ...
“อย่าร้องไห้ได้มั้ย?”คิบอมถามเสียงเรียบ ดวงตาคมจ้องนิ่งลึกเข้าไปในดวงตากลมสวยของฮยอกแจ
“ทำไมล่ะ?”เสียงหวานเอ่ยถามอีกคนที่อยู่ข้างกาย...ใกล้...เสียจนรู้สึกประหม่า...มันใกล้...เสียจนปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนตรงหน้ามีอิทธิพลกับหัวใจเขาไม่น้อย...คิม คิบอม...นายทำให้ชั้นรู้สึกแปลกๆนะ!
“ทุกครั้ง...ที่เห็นน้ำตาของฮยอกแจ...ผม...เจ็บ...”ร่างสูงเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมสวยอย่างมีความหมาย...เข้าใจใช่มั้ย? เข้าใจสิ่งที่ผมอยากบอกใช่มั้ย?
“ทะ...ทำไม...ล่ะ”ร่างบางเอ่ยตะกุกตะกัก...รับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่มันแปลกไป...ความร้อนจางๆที่เกิดขึ้นบริเวณแก้มทั้งสองข้าง...ในสมองก็รู้สึกว่างเปล่าจนไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อ...คิดอะไรไม่ออก รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันอื้ออึงไปหมด...ความรู้สึกแบบนี้...มันเรียกว่าอะไรนะ...
“ผม...”คิบอมเอ่ยค้างเอาไว้ก่อนจะเงียบไป ดวงตาคมก้มมองต่ำ รู้สึกประหม่ากว่าการบอกรักครั้งไหนๆที่เคยผ่านๆมา...รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าพิเศษ...พิเศษมากกว่าคนไหนๆที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต...แต่คนตรงหน้าล่ะ...จะรู้สึกเหมือนกับเขามั้ยนะ...แล้วถ้าฮยอกแจไม่ได้คิดแบบนั้นกับเขา...เขาจะทำยังไงดี?
“รักฮยอกแจ...”ในที่สุดเสียงที่ขาดหายไปเมื่อสักครู่ก็ถูกเติมเต็มให้ครบประโยค ก่อนที่ทุกอย่างรอบกายจะแปรผันกลายเป็นความเงียบ...มีเพียงดวงตาทั้งสองคู่ที่สบกันเงียบๆ ไร้ซึ่งคำพูดใดๆที่หลุดออกจากปากของคนทั้งคู่...เงียบเกินไปมั้ย?...เขายังจะพอมีหวังต่อไปมั้ยนะ...
“อา...”ฮยอกแจเริ่มต้นเอ่ยด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน...แต่มีเหรอที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้...แล้วคิบอมจะไม่ได้ยินมัน...
“มะ...ไม่...”เสียงหวานหลุดออกจากปากตะกุกตะกัก แต่คิบอมก็พอจะเดาออกว่าฮยอกแจคงจะปฏิเสธสินะ...
“เอ่อ...มันคงเร็วไป...ขอโทษนะ...”คิบอมเอ่ยขัดฮยอกแจเรียบๆ ดวงตาคมหลุบมองต่ำ ให้ตายเถอะ...เขาไม่เคยรู้สึกประหม่าได้ขนาดนี้มาก่อนเลย...
“ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้นคิบอม...”ร่างบางเอ่ยขัดพร้อมกับมือบางที่เลื่อนไปจับฝ่ามือใหญ่เอาไว้ คิบอมก้มมองฝ่ามือตัวเองที่ได้รับสัมผัสจากอีกฝ่าย ก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้าสวยที่อยู่ใกล้เพียงอากาศกั้นอย่างไม่เข้าใจ...ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง...
“...”คิบอมเงียบ...เขาอยากฟังอะไรจากปากของฮยอกแจมากกว่าที่จะคิดไปเอง แล้วเข้าข้างตัวเองผิดๆ
“...ชั้นไม่รู้...ไม่รู้ว่านี่มันเรียกว่าอะไร...แต่ชั้นดีใจทุกครั้งที่เวลาชั้นร้องไห้ก็มีคิบอมอยู่ข้างๆ...เวลาชั้นไม่สบายใจ คิบอมก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะช่วยชั้น...ทุกครั้ง...ที่คิบอมมองตา...ตรงนี้...มันเต้นผิดจังหวะทุกครั้ง...”ฮยอกแจเอ่ยพร้อมกับแตะที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองประกอบ
“ถ้า...นี่คือสิ่งที่เรียกว่ารัก...ฉันก็คงจะรักคิบอมแล้วล่ะ...”ฮยอกแจเอ่ยก่อนจะก้มหน้างุด รู้สึกว่าตรงใบหน้ามันร้อนกว่าส่วนอื่นๆของร่างกาย มือไม้มันเหมือนจะเกะกะไปหมด ไม่รู้เลยว่าจะเอาไปไว้ตรงไหนดี...มัน...ตื่นเต้น...ประหม่า...แต่ก็รู้สึกดีไปพร้อมๆกัน...
“จริงเหรอ...ดีใจนะรู้มั้ย...”คิบอมเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ มือหนาเลื่อนไปเกลี่ยผมที่ปรกใบหน้าสวยทัดไว้ที่ใบหูเล็กอย่างหลงใหล ก่อนทีจะบรรจงก้มลงจุมพิตหน้าผากบางช้าๆทว่าอ่อนโยนเสียฮยอกแจวูบไหว ก่อนที่จะค่อยๆผละออกอย่างอ้อยอิ่ง
“ถ้าอย่างนั้น...ฮยอกแจจะตกลงเป็นแฟนกับผมมั้ย?”คิบอมเอ่ยถามเสียงเข้ม สีหน้าเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความจริงจังที่ฮยอกแจสามารถสัมผัสได้
“อืม...”พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกดึงเข้าไปกอดแน่น ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งร่าง คนตรงหน้าช่างอบอุ่นเหลือเกิน...อ้อมกอด...อ้อมแขนของคนตรงหน้า...มันช่างน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน...
“ขอบคุณนะ...ขอบคุณจริงๆ”คิบอมเอ่ยกระซิบเบาๆข้างๆใบหูเล็ก
“อื้ม...ขอบคุณนายเหมือนกัน...”ร่างบางเอ่ยกระซิบเสียงแผ่ว ก่อนจะซุกใบหน้าเข้ากับแผ่นอกแกร่งอ้อนๆ
“ผมสัญญานะ...ว่าจะดูแลฮยอกแจให้ดีที่สุด จะทำให้ดีเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะทำได้...ผมจะไม่มีวันทำร้ายฮยอกแจแน่นอน...”คิบอมกล่าว
“อื้ม...ไม่ต้องสัญญาหรอก...ชั้นเชื่อนาย...”ร่างบางเผยรอยยิ้มออกมา คิม คิบอมสาบานได้เลยว่ามันเป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยได้เห็นมา...ยิ้ม...เป็นยิ้มของเขา...เป็นยิ้มสำหรับเขา...ของคิมคิบอมคนเดียว...
“คิบอม! ฮยอกแจ! ไปนั่งทำอะไรกันอยู่ตรงนั้นน่ะ...ดึกแล้วนะ! รีบเข้าบ้านได้แล้ว พี่ลีทึกดุให้แล้วนะ”เสียงหวานของซองมินดังขึ้นขัดจังหวะคนทั้งสอง เพียงแค่ได้ยินชื่อของลีทึก คนทั้งสองก็รีบทำตามที่ซองมินว่า มือทั้งสองจับกันเอาไว้แน่น ก่อนที่ร่างทั้งสองจะพากันเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน...คงจะไม่มีใครมีความสุขเท่ากับคิมคิบอมในวันนี้ได้แล้วล่ะ...เขาเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกเลย...
“เฮ้อ...”ซองมินถอนหายใจออกมาแผ่วเบาเมื่อเห็นภาพของคนทั้งสอง...แน่ใจแล้วจริงๆน่ะเหรอฮยอกแจ...แล้วทงเฮมันมัวไปงมหอยที่ไหนเล่าโว้ย! แล้วแกอย่ามาร้องไห้ทำหน้าเป็นปลาหงอยบอกชั้นว่าแกรักเขานะเว้ย! ไอ้ปลาอืดอาด!
“ฮีชอลหายไปไหนน่ะซองมิน”ลีทึกที่เดินออกมาจากตัวบ้านเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี...หายไปไหนของเขานะ...ทำให้เป็นห่วงได้ตลอดเวลาจริงๆเลยสิ
“อยู่ในห้องนอนไม่ใช่หรอครับ...เห็นหลับสบายเชียว”ซองมินตอบคำถามคนเป็นพี่พร้อมรอยยิ้มหวานตามสไตล์
“อ้าว...เหรอ...ยังไงก็ขอบใจละกันซองมิน”ลีทึกเอ่ยงงๆ เป็นไปได้ไง...ก็เขาเพิ่งจะเข้าไปเชคในห้องนอนก่อนที่จะออกไปตามหาข้างนอกเพียงไม่นานเองเนี้ยนะ ไม่ต้องรอให้เกิดคำถามมากว่านี้ ลีทึกก็รีบเดินตรงไปยังห้องนอนของฮีชอลตามที่ซองมินบอกก มือเรียวเลื่อนเปิดประตูบานใหญ่ออก ก่อนจะพบว่าร่างที่เขาตามหากำลังนอนหลับสบายอยู่
“อ้าว...นอนอยู่จริงๆด้วย...”ลีทึกพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ร่างเพรียวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง มือเรียวปัดผมที่ปรกหน้าของร่างบางออกอย่างประณีต
“เอ๊ะ...”ความรู้สึกอุ่นๆจากของเหลวที่สัมผัสได้จากบริเวณข้างแก้มใสทำให้ร่างโปร่งต้องร้องออกมาอย่างแปลกใจ น้ำตา? ฮีชอลร้องไห้งั้นเหรอ?
“...”ริมฝีปากสวยถูกเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนที่ลีทึกจะตัดสินใจเลื่อนมือไปปัดไรผมที่ยาวระลำคอสวยออก
‘มีจริงๆด้วย’รอยสีแดงเข้มที่ถูกประดับอยู่บริเวณต้นคอขาวนี่... แค่ดูจากสีก็พอจะรู้แล้วว่าร่องรอยเหล่านี้เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาไม่นาน
“ฮันกยองงั้นเหรอ...”ชื่อของบุคคลที่ลีทึกพอจะนึกได้เป็นคนแรกหลุดออกมาจากริมฝีปากเรียวเสียงแผ่ว...จะเป็นไปได้ยังไงกัน...ในเมื่อฮันกยองก็นั่งเล่นอยู่ในกลุ่มกับพวกเขาตลอดเวลา...แล้วไม่มีทางว่ารอยนี้จะเกิดขึ้นก่อนหน้าเดินทางมาที่นี่ หรือแม้กระทั่งก่อนหน้าอาหารมื้อเย็นนี้...เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำไมตอนที่ทานอาหารเขาถึงไม่เห็นมันล่ะ ทั้งๆที่เขาก็แอบจับตามองฮีชอลอยู่ตลอดทุกการกระทำ...แล้วใครล่ะ...ที่เป็นคนทำมันขึ้นมา...จะมีสักกี่คนกันที่ทำให้ฮีชอลร้องไห้ได้...
“...หรือว่า...”เมื่อชื่อของใครอีกคนที่เขาพอจะนึกขึ้นได้ผุดขึ้นมาในหัว ลีทึกก็ถึงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ...ถ้าใช่จริงๆ...เขาก็เป็นคนนึงที่มีส่วนทำให้ฮีชอลร้องไห้...เพราะเขาเองก็ไม่สั่งห้าม...’ซีวอน’...ที่เป็นคนเสนอตัวไปตามฮีชอลตอนนั้น...ทั้งๆที่ตัวเขาก็รู้ดีว่าปัญหาความรักของสามคนนี้มันเกิดขึ้นใหญ่แค่ไหน เขาก็ยังไม่สั่งห้าม...แถมยังคิดว่าซีวอนคงจะไม่กล้าทำอะไรฮีชอลไปเสียอีก...
‘สะเพร่า’คงจะไม่คำอื่นที่พอจะอธิบายเหตุการณ์ตอนนี้ได้อีกแล้ว เขานี่มันบ้าจริงๆ...ทำไมถึงสะเพร่าปล่อยให้ฮีชอลต้องเป็นแบบนี้ได้...ทั้งๆที่คิดไว้แล้วว่าจะเป็นคนดูแลฮีชอลเอง...ก็ยังจะสะเพร่าปล่อยให้เหตุการณ์บ้าๆมันเกิดขึ้นได้อีก...
“ขอโทษ...”คงไม่มีคำพูดไหนที่ควรจะพูดในตอนนี้ได้แล้วนอกจากคำๆนี้...ขอโทษนะฮีชอล...ขอโทษที่ชั้นมันเป็นเพื่อนที่สะเพร่าจริงๆ...
----------TO BE CONTINUED---------
ความคิดเห็น