/>
บอกอีกครั้ง...
สำหรับใครที่ไม่ได้อ่านข้างหน้า
ทนไม่ไหวแล้ว...
ไม่อ่านไม่เคยว่า
แต่ยอดอ่านก็มี แต่ไม่เม้น!!!
ย้ำอีกครั้งนะ ไม่เม้น ไม่อัพแล้ว!!!
เคือง โมโห ไม่ไหวแล้วโว้ย!!!
21/06/09
ปล.อีกไม่นานเกินรอ...รวมเล่ม "เดทหนึ่งวันของฉันกับนาย"
ชอทฟิคหวานๆ ของหลายๆคู่ในเอสเจ และ HaeEun Love Project
โปรเจครวมเล่มฟิคเฮอึน ของสองไรท์เตอร์ อย่างแนน กะ พี่มด (Hate U, Love U)
จะคลอดแล้วน้า...แต่เดทหนึ่งวันจะคลอดก่อน
แต่ฟิคโปรเจคจะคลอดตอนสิงหานะคับ
จะขอได้มั้ย? ว่าแฟนฟิคอุดหนุนด้วยน้า...
รักทุกคนค่ะ!!!
12/06/09
---------- Chapter 21 ----------
“ฮยอกแจ...”ลีทึกเรียกรุ่นน้องที่นั่งเหม่ออยู่แม้ว่าคนอื่นจะเริ่มลุกไปวอร์มร่างกายกันแล้ว พร้อมกับสะกิดแขนเล็กเบาๆ
“...”ฮยอกแจที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็ยังคงเหม่อต่อไป ไม่สนใจกับเสียงเรียกที่เรียกตนเองแม้แต่น้อย
“ฮยอกแจ...”ลีทึกสะกิดเรียกอีกครั้ง
“ฮะ...ครับ...พี่ลีทึก”ฮยอกแจที่สะดุ้งได้สติ หันไปหารุ่นพี่อย่างตกใจ
“นายเป็นอะไรน่ะฮยอกแจ...”ลีทึกถามอย่างเป็นห่วง
“อ๊ะ อ้อ...ผมมีเรื่องเครียดๆน่ะครับ พี่ผมโทรมาบอกว่าชอคโก้ไม่สบายน่ะฮะ ผมเลยกำลังคิดว่าจะพาไปหาหมอดีมั้ย”ฮยอกแจโกหกอย่างแนบเนียน ใบหน้าหวานใสซ่อนความจริงไว้อย่างมิดชิด
“อะจ้ะ ถ้ายังไงก็ให้พี่สาวนายพาไปรักษาดิ นายจะได้ไม่ต้องเครียด”ลีทึกกล่าวบอก
“ครับ พี่ ขอบคุณนะครับ”ฮยอกแจตอบรับเสียงใส ใบหน้าหวานยิ้มกว้างให้คนตรงหน้าอย่างเคารพ
“อื้ม...ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรนายก็ปรึกษาพี่ได้ นายก็รู้ว่าพี่เป็นห่วงนายเสมอ”ลีทึกกล่าว
“ครับพี่ ขอบคุณมากนะครับ เอ่อ...พี่ครับ เอ่อ...ทงเฮเค้า...ไปไหนเหรอ ทำไมวันนี้ไม่มาซ้อมล่ะครับ”ฮยอกแจตัดสินใจถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น บวกกับความเป็นห่วงทงเฮอีกด้วย
“อ้อ...ทงเฮน่ะเหรอ เค้าลาวันนี้กับพรุ่งนี้น่ะ แต่เค้าก็จะมาทำงานนะ แต่แค่มาซ้อมด้วยกันเท่านั้นเอง”ลีทึกตอบอย่างจริงจัง
“อ้อ...ฮะ”ฮยอกแจพยักหน้าน้อยๆ ก่อนที่จะทำหน้านิ่งๆลุกขึ้นมาซ้อมรวมกับคนอื่นอย่างรวดเร็ว
“ฮยอกแจ...จะตอบตัวเองได้เมื่อไรนะ ว่านายจะเลือกใคร”ลีทึกพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่น
--------- Continue with next 30% ---------
/>
แล้วจังหวะดนตรีแสนสนุกก็ดังขึ้นเมื่อทุกคนพร้อมที่จะซ้อมแล้ว แต่ละคนปฏิบัติหน้าที่ตัวเองได้ดี ใครที่ยืนตำแหน่งไหนก็ยืนได้ตรงตำแหน่งอย่างแม่นยำ ท่วงท่าการเต้นทุกท่าที่เหมือนกันทุกองศาและพร้อมเพรียงกันราวกับคัดลอกแบบมา
เสียงเพลงดำเนินไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับหัวใจของแต่ละคนก็ยังเต้นไปเรื่อยๆ จังหวะช้าบ้าง เร็วบ้าง มีหยุดพัก มีเริ่มต้นใหม่ แต่หัวใจของคนแต่ละคน จะหยุดพัก จะเริ่มต้นใหม่ได้จริงๆน่ะเหรอ ถ้าคนที่รักใครไปแล้ว จะหยุดพักความรักนั้นได้จริงๆน่ะเหรอ เขาจะลบล้างความรู้สึกดีๆนั้นออกจากใจได้น่ะเหรอ?
~ด้านทงเฮ~
“พี่ทงเฮคะ คืนนี้ไปดื่มกันนะคะ”เจสสิก้าหันไปชวนชายหนุ่มที่ตนกำลังกอดแขนอยู่เสียงแหลมบาดหู ทั้งสองกำลังเดินอยู่ในห้างชื่อดังในกรุงโซล ด้วยความที่เป็นเวลาเรียนจึงทำให้วัยรุ่นส่วนใหญ่หายไปหมด ทั้งสองจึงเดินเที่ยวกันอย่างเบาใจลงเล็กน้อย แต่ทงเฮก็ยังคงป้องกันตัวเองจากนักข่าว โดยการอำพรางตัว ใส่แว่นตาดำ กับหมวกมิดชิด
“อืม...แล้วแต่เธอเถอะ”ทงเฮตอบรับเสียงเรียบ เขาอยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาเซ็งยัยนี่จะตายอยู่แล้ว เอะอะอะไรก็ พี่ทงเฮคะ พี่ทงเฮขา โอ้ยยยย คนหล่อเบื่อเว้ย!!!
“พี่ทงเฮคะ...ไปดูหนังกันนะคะ เจสอยากดูเรื่อง The One I Love น่ะค่ะ เรื่องนี้เห็นเพื่อนเจสบอกว่าสนุ๊ก...สนุก พระเอกสามคนน่ารักมากๆเลยนะคะ เราไปดูกันนะคะ”เจสสิก้ายังคงออดอ้อนต่อไป โดยไม่รู้เลยว่าคนที่ตัวเองอ้อนนั้นเบื่อเธอแค่ไหน
“อืม...เอาสิ”ทงเฮพยักหน้าน้อยๆ ก่อนที่จะเดินตามเจสสิก้าที่ลากเขาไปซื้อตั๋วหนังอย่างเริงร่า ราวกับปลากระดี่ได้น้ำ
“พี่ทงเฮ...ไปซื้อป๊อปคอร์นกันนะคะ จะได้เอาไปกินในโรง”เจสสิก้ายังคงทำเสียงแหลมใส่ทงเฮต่อไป มือเรียวสวยลากแขนหนาของร่างสูงเดินไปโน้น มานี่ตามใจชอบ โดยไม่ได้ดูสีหน้าของร่างสูงเลยสักนิด ว่าทงเฮกำลังทำหน้าเซ็งเธอสุดๆ ไม่ว่าเขาจะหยิบ จะจับอะไร อยากจะโทรหาใคร เธอก็จะวีนตลอด เอะอะก็ว่าทงเฮนอกใจ เอะอะก้ว่าทงเฮโทรหาสาว ทงเฮจะซื้อของในกิ๊ก จะทำนู่นทำนี่ อะไรก็ไม่รู้ โทษนู่น โทษนี่ ยกแม่น้ำทั้งห้ามาว่าทงเฮผิด ทงเฮมีคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเธอเองก็เป็นคนอื่นสำหรับทงเฮแท้ๆ
‘ติด ติ้ด ติด’เสียงข้อความเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็ก ทำให้ร่างสูงต้องล้วงมันออกจากกระเป๋ากางเกง
“ทงเฮคะ...กิ๊กที่ไหนส่งมาเหรอคะ”เป็นเจสสิก้าอีกครั้งที่ยื่นหน้าเข้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ร่างสูงอย่างสนอกสนใจ
“คิบอมน่ะ ไม่ใช่กิ๊กที่ไหนหรอก เขาเป็นผู้ชาย”ทงเฮตอบเสียงเข้ม ก่อนจะกดเปิดข้อความขึ้นมาอ่าน
‘ไอ้ทงเฮ! จะหายไปไหนอีกนานมั้ย รู้มั้ยฮยอกแจคิดถึงแกขนาดไหน อย่าทำให้ฮยอกแจเจ็บไปกว่านี้ ฉันขอร้อง’ข้อความขนาดไม่ยาวแต่ก็ไม่สั้นปรากฎขึ้นบนหน้าจอ ทำให้ร่างสูงที่กำลังอ่านขมวดคิ้วได้ไม่น้อย การที่เขามากับเจสสิก้านี่ มันเกี่ยวอะไรกับฮยอกแจ แล้วมันก็เกี่ยวอะไรกับคิบอมด้วย หรือว่า...
‘แกสะเออะกะฮยอกแจเรอะ! แล้วแกรู้ได้ไงว่าฮยอกแจเจ็บ ฮะ!’ทงเฮที่โกรธจนเลือดขึ้นหน้า จะเอาอะไรมาห้ามก็ห้ามไม่อยู่ กดพิมข้อความตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ทงเฮคะ! สนใจเจสหน่อยสิคะ มัวแต่สนใจกับข้อความจากเพื่อนอยู่ได้”เจสสิก้าโวยวาย ใบหน้าสวยง้ำงออย่างคนมีจริต แค่มองทงเฮก็อยากจะเบือนหน้าหนี ทั้งไอ้เมคอัพที่โบ๊ะจนหนาเป็นนิ้ว แล้วยังมาแสร้งทำเป็นงอนอีก โอย...เห็นแล้วทงเฮเครียด! ทำไมสาวสมัยนี้มันช่าง...เยี่ยงนี้ฟร่ะ เทียบกับฮยอกแจไม่ติดเลยสักนิด คนนั้นอ่ะนะ ไม่ต้องเมคอัพอะไรก็น่ารัก แบบหวานๆอยู่แล้ว ยิ่งเวลางอนอะไรก็เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องมานั่งทำแสร้งอย่างนี้หรอก เฮ้อ...ใครจะดีไปกว่าฮยอกแจจะมีมั้ยน้า...
“ขอโทษครับเจส พอดีผมมีธุระกับเพื่อนนิดหน่อยนะ”ทงเฮแกล้งทำเป็นฉีกยิ้ม ก่อนที่จะเกือบโทรศัพท์เครื่องเล็กเข้ากระเป๋ากางเกงอีกครั้ง
--------- Wait for next 40 % ----------
ร่างสูงยังคงโดนลากไปโน่น มานี่ ไปเที่ยวที่โน่นที ที่นั่นที เจสสิก้าที่เห็นว่าทงเฮตามใจก็ร้องขอนู้นขอนี้อย่างคนเอาแต่ใจ ไม่ได้อะไรอย่างที่คิดก็โวยวาย ไม่ชอบนู่นก็วีน ไม่ชอบนี่ก็หยี จนทงเฮต้องตามใจไปซะทุกเรื่อง เพราะหูเขาแทบจะระเบิดเพราะเสียงแหลมๆของเจสสิก้าอยู่แล้ว หน้าก็สวยอยู่อ่ะนะ แต่นิสัยนี่สิ ไม่ไหวเลย...เฮ้อ...เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แข่งกับเจสสิก้าที่ยังมีความสุขกับการลากร่างสูงไปนู่นมานี่อย่างตามใจ จนล่วงเลยมาจนเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว ร่างสูงจึงพาเจสสิก้าไปส่ง ส่วนตัวเองก็กลับบ้านไป ตามคำสั่งของแม่
~ด้านของฮยอกแจ~
“คิบอม...ชั้นเหนื่อยจัง...เหนื่อยมากๆเลย”ฮยอกแจที่นั่งพิงหลังคิบอมอยู่ตรงระเบียงเอ่ยบอกอีกคนเสียงเหนื่อย เพราะความเพลียที่ซ้อมมาทั้งวันบวกกับท้อใจที่ไม่ว่าจะโทรไปหาทงเฮกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ไม่มีทีท่าว่าทงเฮจะรับสายเลยสักครั้ง แถมบางครั้งยังตัดสายเขาทิ้งเสียดื้อๆเลยเสียด้วย
“ที่ซ้อมวันนี้น่ะเหรอ”คิบอมถามเสียงนุ่ม
“อืม...ใช่ แต่มันก็เรื่องทงเฮด้วยแหละ เหนื่อยชะมัด”ฮยอกแจตั้งใจจะระบายความอัดอั้นให้คิบอมฟังตรงๆ เพราะรู้ว่ายังไงซะคิบอมก็ไม่ปากโป้งไปบอกใครอยู่แล้ว
“ทำไมล่ะ ทงเฮเขาทำไมเหรอ”คิบอมถามเสียงนุ่ม แม้ในใจเขาจะร้อนจนแทบระเบิดแล้วก็ตาม มือแกร่งกำแน่นเข้าหากันอย่างคนที่ไม่รู้จะระบายไปทางไหน
“เขาไม่รับโทรศัพท์ชั้นน่ะสิ เฮ้อ...เค้าทำธุระอะไรอยู่นะ”ฮยอกแจถอนหายใจแรงๆด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจ
“เขาอาจจะลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านก็ได้”คิบอมกล่าว
“อืม...เนอะ...เฮ้อ...ชั้นนี่คิดมากไปจริงๆ”ฮยอกแจกล่าวขึ้นเสียงใส ใบหน้าหวานเริ่มผุดประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ครับ ฮยอกแจคิดมากไปจริงๆ”คิบอมสมทบ ใบหน้าคมยิ้มจางๆให้กับร่างบางที่พิงหลังตัวเองอยู่ รู้ก็รู้อยู่หรอกว่ายังไงฮยอกแจก็คงไม่เห็นรอยยิ้มของเขา แต่ก็นะ เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาน่ะ มันเป็นรอยยิ้มสำหรับฮยอกแจคนเดียว
“แต่...เฮ้อ...คิบอม...นายก็น่าจะรู้นะ ว่าทงเฮแคร์ความรู้สึกชั้นขนาดไหน ต่อให้ลืมโทรศัพท์ไว้จริงๆ ก็น่าจะยืมโทรศัพท์คนอื่นโทรมาหาชั้นนินา ทงเฮแปลกไปจริงๆจริงๆนะคิบอม”ฮยอกแจกล่าวต่อเมื่อคิดได้ ใบหน้าหวานใสจึงหุบรอยยิ้มลงแทบจะทันที
“ทงเฮเขาอาจจะมีธุระด่วนมากๆ สำคัญมากๆ แล้วแขกที่เขาไปทำธุระด้วยอาจจะสำคัญ หรือใหญ่จนเขาไม่กล้าขอยืมมือถือก็ได้นะ”คิบอมยังคงกล่าวปลอบ
“จริงเหรอ คิบอม”ฮยอกแจถามเพื่อความแน่ใจ
“ไม่รู้สิครับ ผมไม่กล้ายืนยันหรอกว่าแน่หรือเปล่า แต่สำหรับผม ผมคิดอย่างนั้นนะ”
“เหรอ ถ้าคิบอมว่างั้น...ชั้นก็ว่างั้นแหละ”
“ครับ”
“เอ้อ...คิบอม ดูดาวดวงนั้นสิเห็นมั้ย ดาวอะไรน่ะ ทายซิ”ร่างเล็กชี้ไปที่กลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งที่ส่องสว่างสดใสอยู่ เสียงใสกล่าวถามอย่างสดใส ใบหน้าหวานหันมาหาคิบอมอย่างน่ารัก
“อืม...ดาวอะไรอ่ะครับ ผมไม่รู้อ่ะ ผมตกดาราศาสตร์ อิอิ”คิบอมตอบกลับขำๆ ใบหน้าคมฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะลักลอบแอบซบไปที่ไหล่บางโดยไม่ให้ฮยอกแจรู้ตัว
“อ่า...ดาวนั้นน่ะ มันเรียกว่าดาวลูกไก่ล่ะ รู้รึเปล่า”ฮยอกแจหันมาบอก แต่ด้วยจังหวะที่ฮยอกแจกำลังหันมาพอดีกับจังหวะที่คิบอมกำลังขยับตัว จึงทำให้จมูกเล็กๆของฮยอกแจกดเข้ากับแก้มป่องๆของคิบอมอย่างไม่ตั้งใจ
“อ๊ะ...”ฮยอกแจร้องออกมาเขินๆ ใบหน้าหวานใสมีสีระเรื่อไปทั่ว
“มาหลอกขโมยหอมแก้มผมนี่...แอบคิดอะไรกับผมรึเปล่า”คิบอมล้อร่างบางพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าคมประดับไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่ร่างบางไม่สามารถเห็นได้ เพราะมัวแต่นั่งเขินบิดไปมา
“บ้าเหรอ”ฮยอกแจกล่าวเบาๆ แต่มีเหรอที่คนอย่างคิบอมจะไม่ได้ยิน
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่ะครับ อย่าคิดมากสิ”คิบอมกล่าวขำๆ ก่อนที่แขนหนาจะรวบตัวร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดอย่างง่ายดาย
“คิบอมอ่า...อย่าทำงี้สิ”ฮยอกแจกล่าวพร้อมกับใช้มือเล็กๆดันอกแกร่งเบาๆ
“ฮ่ะๆ ฮยอกแจ...นายน่ารักจัง”คิบอมกล่าวขำๆจมูกโด่งซุกเข้ากับกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่มีกลิ่นจางๆของแชมพูติดอยู่อย่างรักใคร่
“เพิ่งรู้รึไงเล่า ชั้นน่ารักมานานแล้ว”ฮยอกแจกล่าวบอกอย่างน่ารัก
“อ่า...ครับ น่ารักมานาน ก็น่ารักมานาน”คิบอมพยักหน้ากับร่างเล็กพร้อมรอยยิ้มด้วยความเอ็นดูกับความน่ารัก น่าทะนุถนอมของคนตรงหน้า
“คิบอม...นายน่ะ ทำไมถึงไม่ค่อยยิ้มเลย เวลาออกรายการเห็นทำหน้าเย็นชามากๆเลย”ฮยอกแจถามเสียงใส
“อืม...คงเพราะน้ำแข็งในตัวผมมันถูกแช่ให้แข็งล่ะมั้ง”คิบอมเอ่ยขำๆ
“อ่า...คิบอมอ่ะ นายไม่ควรจะแช่น้ำแข็งในตัวนายมากนะ เพราะเวลานายไม่ยิ้มแถมทำเย็นชาอ่ะ ไม่หล่อเลย”ฮยอกแจยู่หน้าบอกอย่างน่ารัก
“อืม...ฮยอกแจก็เป็นฮีตเตอร์ร้อนๆมาละลายน้ำแข็งในตัวผมสิ”คิบอมเอ่ย
“อ่า...ถ้านายไม่มีน้ำแข็งในตัว ก็จะยิ้มได้ใช่มั้ย”ฮยอกแจถามพร้อมทำตาโตน่ารัก
“ใช่ครับ”คิบอมพยักหน้ารับ
“อืม...งั้นชั้นจะเป็นฮีตเตอร์ทำให้นายเลิกเย็นชาให้ได้เลย ฮี่ๆ”ฮยอกแจกล่าวอย่างน่ารัก ใบหน้าหวานพิงเข้ากับอกแกร่งด้วยความออดอ้อน
“ครับ...ฮยอกแจ...ลืมเรื่องเครียดๆเถอะนะ อย่าคิดอะไรมากเลย อย่างน้อยก็มีผมอยู่ข้างๆนะ”คิบอมกล่าวอย่างนุ่มนวล มือแกร่งลูบหัวเล็กเบาๆ
“อืม...ชั้นอยากจะลืมนะ แต่...ไม่รู้สิ...มันเหมือนสลัดออกจากหัวไม่ได้เลย”ฮยอกแจกล่าวตอบ ดวงตาใสมองไปยังกลุ่มดาวสุกไสวที่ตนเองเพิ่งจะแนะนำให้ร่างสูงรู้จัก ในใจเต้นสั่นไหวระรัว ความอัดอั้นในใจก่อตัวขึ้นทีละน้อย
“ไม่เป็นไรนะครับฮยอกแจ...ลืมมันซะเถอะ...ลืมมัน...”คิบอมยังคงกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน พยายามกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจ กักเก็บความโมโหเอาไว้เงียบๆ
“อืม...คิบอม...ชั้นอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆนะ ถ้าชั้นหลับไป ก็พาเข้าห้องนอนด้วยละกัน”ฮยอกแจกล่าวเสียงแผ่วก่อนที่จะหลับตากลมโตลงอย่างอ่อนเพลีย ใบหน้าใสซุกเข้ากับอกแกร่งอย่างคนที่ต้องการหาความอบอุ่น แขนเรียวเล็กเลื่อนไปเกาะไหล่หนาไว้หลวมๆ
“Love you...My lovely heater...”คิบอมกระซิบข้างใบหูเล็กเบาๆ ก่อนที่จะมองทอดสายตาไปยังกลุ่มดาวดวงเดียวกับที่ร่างเล็กจ้องมองอยู่นาน
“Love you, too....”ฮยอกแจกล่าวตอบเสียงแผ่ว ก่อนที่ความเงียบจะเข้ามาปกคลุมร่างของทั้งสอง
แสงดาวสีนวลสาดส่องลงมา สร้างความสวยงามให้แก่ท้องฟ้ายามค่ำคืน แม้แสงนั้นจะไม่สว่างเท่ากับแสงนวลของดวงจันทร์ แต่มันกลับให้ความรู้สึกสงบเงียบเมื่อจ้องมองมันนานๆ ต่างกับดวงจันทร์สีนวลทว่ากลับสว่าง ที่ยิ่งมองมันนานเท่าไรๆ ก็เหมือนกับยิ่งจะสร้างความล้าให้กับดวงตา มองได้เพียงไม่นานก็ต้องละสายตาออกมาเพราะความเจ็บปวด
ถ้าเปรียบแสงของดวงดาวและดวงจันทร์เป็นความรักแล้ว แสงของดวงดาวคงจะเป็นความรักที่อมตะกาลกระมัง เพราะดวงดาวดวงเล็กๆที่เราเห็นจากพื้นผิวโลกนั้น หารู้มั้ยว่ามันมีแสงสว่างในตนเอง แต่เพราะระยะทางที่ห่างจากโลกนั้น จึงทำให้แสงที่ส่องมาถึงโลกจึงดูไม่สว่างมากนัก ก็เหมือนกับรักที่มอบให้อยู่ห่างๆ แต่ทว่ากลับมีพลังบางอย่างซ่อนอยู่ภายใน แม้จะไม่ได้สวยสดงดงาม หวือหวา หรือดูโดดเด่น แต่กลับยั่งยืน และตลอดกาล เหมือนกับแสงดาวที่ยืนยาว ไม่วูบไหวนั้น แต่ถ้าเป็นความรักกับดวงจันทร์แล้ว มันคงจะเป็นความรักที่หวือหวา วับๆแวมๆ แม้จะดูสดสวยอยู่ภายนอก แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป คืนแล้ว คืนเล่า มันก็จะค่อยๆจางหายไป และกลับเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง
ถ้าจะถามว่าเขาอยากจะจัดการความรักของตนเองให้เหมือนดวงดาวหรือดวงจันทร์ หลายๆคนคงจะคิดว่าเขาคงตอบว่าดวงดาว เหมือนที่พระเอกนิยายเรื่องอื่นๆจะเลือก แต่สำหรับเขาแล้ว มันกลับไม่ใช่ ใช่แล้ว เขาอยากส่งมอบความรักแบบดวงจันทร์ เพราะเขาอยากจะมีโอกาสสักครั้งที่ได้แสดงความรักกับร่างบางอย่างโจ่งแจ้งไม่ใช่แค่เพียงเบื้องหลัง ไม่ใช่แค่รักอยู่ห่างๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นชั่วครั้งชั่วคราวก็ตาม แต่มันก็ยังดีกว่าการมอบความรักให้ร่างบางโดยที่รางบางไม่ได้รับรู้มันเลย
ฮยอกแจ...
ชั้นคงเป็นได้แค่นี้สินะ...
บอกใจตัวเองว่าไม่อิจฉา...
ฝืนใจ บอกใจ...
ว่าเราต้องไม่อิจฉา...
เพราะคนอย่างเรา...
มันเป็นแค่ที่ปรึกษา
แค่ ‘ที่ปรึกษา’ ไร้ค่าคนหนึ่ง
---------2 be Continue---------
565 เม้น...ให้กันได้มั้ย???
ความคิดเห็น