คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตำราหน้าที่7 : เดธพริ้นซ์ใจร้อนกับเดธพริ้นซ์สุดเนียน
ตำราหน้าที่6 : เดธพริ้นซ์ใจร้อนกับเดธพริ้นซ์สุดเนียน
“...”
“
”
สองคน คนหนึ่งตัวสูงหล่อเท่ห์ อีกคนหนึ่งตัวเล็กเท่าตุ๊กตาทั่วไปกำลังจ้องมองกันอย่างเนิ่นนานมานับชั่วโมง ก่อนที่โกคุเทระจะเอ่ยปากทำลายความเงียบนั้นก่อน
“มันเป็น? เป็นเรื่องจริงป่ะเนี่ย?” เขาหยิบซิการ์ออกมาเป่าอย่างครุ่นคิด สองตาคมงามนั่นก็ยังจ้องตุ้กตาพูดได้ที่เล่าเรื่องให้เข้าฟังเมื่อชั่วโมงก่อนอย่างไม่อยากเชื่อ แน่นอนว่าเกิดมาเขาไม่เคยได้เฉียดกรายเข้าโรงเรียน จึงไม่เคยรู้เรื่องแบบนี้แม้แต่น้อย
จี.... คือเขา เขากำเนิดมาจากนักเวทย์แห่งวายุในตำนาน
“.... เรื่องราวในโลกนี้มีหลายเรื่องที่เชื่อไม่ได้และเป็นความจริงนะครับ” ฟงยิ้มน้อยๆขณะอ้าปากงับซาลาเปาที่เขาเป็นคนทำขึ้นมาเอง
“ฮะ เฮ้ย! นายน่ะกินของแบบนี้ได้ด้วยเรอะ เป็นตุ๊กตาไม่ใช่รึไง?” โกคุเทระโวยวายก่อนจะรีบหยิบซาลาเปาออกมาจากปากฟงและกินเอง(?) เรียกรอยยิ้มจากตุ๊กตานั้นได้เป็นอย่างดี
“^ ^”
“ยิ้มอะไรวะ!” โกคุเทระกระโดดขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็วและหย่อนขาลงมาสองข้าง ในขณะที่ฟงก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนตักของเขาเหมือนกัน
“คุณนี่ฮาดีนะ อย่าสูบสิครับ” ฟงหยิบซิการ์ชั้นดีจากปากของโกคุเทระและโยนลงคลองน้ำไป ทำให้เจ้าตัวโวยวายใหญ่
“เฮ้ยไอ้เจ้าบ้า!!!!! อย่าสิ โธ่เว่ย! เห็นมั้ยว่ามันตกน้ำไปแล้วน่ะ ไอ้บ้าเอ้ย! ฉันไม่น่าหลงเชื่อแกเลย ไปเลยเว้ยไอ้ตุ๊กตาต้องสาปติงต๊อง ตอนนี้ฉันอยากอยู่แบบนี้ไม่ต้องมายุ่งเลย” โกคุเทระปัดตัวตุ๊กตาตัวน้อยออก แต่ก็ไม่แม้แต่จะถูกตัวมัน ฟงกระโดดหลบทันและหันมายิ้มตามฉบับหนุ่มฮ่องกงจอมใจเย็น
“...อย่าทำเป็นพูดเหมือนตัวเองไม่รู้เรื่อง คุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่าโชคชะตาเป็นสิ่งที่มือาจบิดเบือน ต่อให้มันเป็นเรื่องราวแสนร้ายกาจหรือพาให้ชื้นหัวใจสักเพียงใด เพียงสิ่งเดียวที่มนุษย์จะทำได้คือข้ามผ่านมันไปโดยไม่เสียความเป็นตัวของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง”
“ตั้งแต่ตื่นมาแกก็เอาแต่พูดถึงเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิตแบบนี้ น่ารำคาญจริง” โกคุเทระบ่นอุบอิบ ก่อนจะคว้าผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนต้นไม้ใหญ่มากิน ทว่าลมก็พัดพาผลนั้นตกไปซะก่อน ทำให้เขารู้สึกหัวเสียนักเชียว “โธ่เว้ย!!! ไอ้ลมบ้า แกจะมาพัดอะไรตอนนี้วะ?”
“สายลมน่ะเป็นสิ่งที่เราหยิบจับมันไม่ได้ แต่ก็รับรู้ว่ามันมีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง”
“อะไรของนายฟง? พูดเป็นลิเกไปได้ เป็นญาติกับสุนทรภู่หรือเช็กสเปียร์รึไง!”
“คุณกำลังลนลาน... กำลังไม่แน่ใจ กำลังสับสน ว่าอะไรกันแน่คือของจริง คำพูดของผมหรือสันชาตญาณของคุณเอง”
“รู้...รู้ได้ไง”
“สายลม เวทย์นี้ต้องเป็นผู้ชายที่ปราดเปรื่องรวดเร็ว กราดเกรี้ยวเหมือนพายุ อ่อนโยนเหมือนอากาศยามฤดูใบไม้ผลิ”
“....”
“ยามใดที่มันพัดพาไปที่ใด สายลมนี่แหละจะนำเอาทั้งความสุขและความทุกข์ไปยังที่นั้น เหมือนกับอากาศที่ผู้คนพากันสูดดมเพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน แม้บางครั้งบางคราวมนุษย์จะลืมประโยชน์ของมัน ไม่ใส่ใจมัน แต่ถ้าขาดอากาศเหล่านั้นแม้เพียงนาทีเดียวก็ตายกันทั้งโลกได้...”
นัยส์ตาสีนิลของฟงมองไปยังท้องฟ้ากว้างไกลก่อนจะเล่าเรื่องเก่าๆ ให้ชายหนุ่มที่ฟังอย่างเงียบๆ
“ผมเป็นคนเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ที่บังเอิญโดนคำสาปตุ๊กตาเข้าน่ะครับ ทำให้การเจริญเติบโตของผมหยุดชะงัด ผมได้แต่อยู่นิ่งๆอย่างนั้นมาตลอด จนได้ข่าวคราวของเดธพริ้นซ์”
“
”
“แน่นอนว่ารู้จักกับเหล่านักเวทย์ในตำนานรุ่นแรก รู้แม้กระทั่งการตายของพวกนั้น ผมอยู่ในเหตุการณ์ เรียกง่ายๆ ผมเป็นเพื่อนกับจี....”
“
”
“ผมรู้ว่าคุณรู้เรื่องการตายของเขาเรียบร้อยแล้ว เรื่องเสาหลักเมืองที่หักลงมาทั้งเจ็ดนั่น ผมก็รู้นะว่ามันเป็นยังไง ตอนนั้นนั่นแหละที่ผมถูกสาปเข้า หน้าที่ของผมมีเพียงช่วยให้คุณแก้แค้นสำเร็จ จากนั้นผมก็จะหลุดจากคำสาปพวกนั้นเสียที”
ทันใดนั้นเองฟงก็ใช้ศอกเล็กๆนั่นกระทุ้งเข้าที่หัวของโกคุเทระจนล้มลงตกต้นไม้ ร่างสูงมีสีหน้าแสดงความเจ็บปวด เลือดไหลซึมขึ้นมาที่มุมปากนั่น เขาลุกขึ้นยืนกำหมัดแน่น นัยส์ตาสีเขียวจางปรับเ ปลี่ยนให้เป็นสีแดงฉานราวกับเลือดด้วยความโกรธ
“แก!!! อย่ามาอารมณ์ขึ้นๆลงได้มั้ยวะ!?”
ฟงยิ้มน้อยๆ ให้กับชายหนุ่มอย่างพึงพอใจ เขาเป็นคนที่ยุแล้วจะยอมทำทุกอย่าง ตอนนี้จิตใจของเขากำลังแปรปรวนกับความทรงจำจางๆนั่น เสียดายที่เขาเป็นคนหัวแข็ง ความเคียดแค้นและความทรงจำที่จีใส่ให้ไว้ในสมองจึงแสดงผลไม่มากนัก
นักฆ่านุ่มนวลอย่างเขาจึงต้องจัดการเอง....
‘หึหึ... สมกับเป็นโลหิตของชายคนนั้น...จี ผู้ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นนักเวทย์ที่ใจกล้าและมุทะลุที่สุดในพวกนักเวทย์ในตำนาน แต่ก็มีความเยือกเย็นในขณะเดียวกัน ตรงตามการคาดคะเนเป๊ะๆ เวลาที่เขาโกรธดวงตานั้นจะเป็นสีแดงราวกับเลือดเหมือนกับจีไม่มีผิด และสุดยอดจิตสังหารนั่นสมควรที่จะได้รับการฟื้นฟูแล้วสินะ’ ฟงคิดยิ้มๆ
“ผมจะเริ่มฝึกคุณให้เก่ง.... คุณจะต้องแก้แค้นให้กับจีให้ได้นะครับ......”
-------
“ยามาโมโตะ ยามาโมโตะ!!!!” ตุ๊กตาตัวน้อยถีบอกของชายหนุ่มให้กระเถิบไปห่างๆ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ถ่ายทอดพลังแห่งธาราแล้วมันนอนหลับไปนี่เอาแต่กอดตุ๊กตาไม่ยอมห่าง แถมยังละเมออีกนะว่าเป็นโดเรมอนมาเข้าฝัน
ไอ้ฟาย ตรูมีผมเว้ยไม่ใช่เถิกเกรียนอย่างโดราเอมอน!
“งึมๆ โดราเอม่อนนน ทำอารายซักอย่างซิ!!”
บักเนียน... มันท่องสคริปต์โนบิตะได้อีก อะไรจะเป๊ะปานนั้น!
ผัวะ!!!!
โคโรเนโร่เอากระบอกปืนฟาดเข้าที่หลังของยามาโมโตะอย่างแรง จนเจ้าตัวสะดุ้งตื่น “อะ..อ้าว ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย เพื่อนฉันล่ะ หายไปไหนหมด” ยามาโมโตะหันซ้ายขวา พบแต่เพียงปราสาทมหาใหญ่ของใครบางคน ฝาผนังตกแต่งด้วยศิลปะโบราณสไตล์โมเสก ห้องที่โปร่งและเป็นโดมด้านบนยิ่งทำให้ที่นี่ดูโอ่อ่าตระการตาเข้าไปอีก
ว่าแต่บ้านใครฟระ!?
“สควอโล่! ทุกคน!!!!” ยามาโมโตะวิ่งออกไปนอกประตูพบกับสวนใหญ่โตมโหฬารและน้ำพุตระการตา แต่เขาต้องอยู่ในคุกนี่ นี่มันอะไรกัน!!!
“นี่คือบ้านของนาย... เว้ยเฮ้ย” โคโรเนโร่ลอยตามออกมาจากข้างใน และนำของบางอย่างติดมือมาด้วย
“นี่อะไร... นายคิดจะเอาอะไรมาให้เดธพริ้ซ์อย่างฉัน? อ้ะ?!” ยามาโมโตะตกใจกับคำพูดของตัวเอง แถมยังตบหน้าตัวเองเบาๆ ด้วยความงง ทำไมเขาถึงรู้จักไอ้หมอนี่นะ? ตุ๊กตาตัวนี้....
นักฆ่าที่ค่าจ้างราคาแพงที่สุด.... โคโรเนโร่
“ทำหน้าเหมือนระลึกชาติได้แล้วเลยนะเว้ยเฮ้ย!”
“ก็ระลึกได้อะดิ อะ...แต่ นี่บ้านฉันเหรอ?” ยามาโมโตะเอานิ้วจิ้มหน้าตัวเองอีกครั้งก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ ด้วยความสนใจ
“ก็ไม่เชิงเว้ยเฮ้ย ตอนนี้ที่นี่คือวังเดธพริ้นซ์”
“...วัง เดธพริ้นซ์?” ยามาโมโตะทวน ภาพในสมองเริ่มคำนวนไปมาราวกับจะบีบหัวเขาให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ชายหนุ่มกุมขมับตัวเองด้วยความงุนงง ก่อนภาพต่างๆ จะฉายเข้ามาในหัวอีกครั้งเหมือนดูหนังสามมิติ
‘อะ...อะไรกัน นี่มัน ร่างกายของข้า! ร่างกายของข้าหายไปไหน!? ข้า..’ เขาเห็นคนๆหนึ่ง ที่มีหน้าตาคล้ายกับเขาอย่างกับแกะ ร่างนั้นกำลังวิ่งพล่านไปทั่วหุบเขาแห่งหนึ่งและร้องตะโกนไปทั่วอย่างไร้จุดหมาย.......
ทำไมเขารู้สึกเหมือนเป็นชายคนนั้นล่ะ?
ความเจ็บปวดนี้ เหมือนกันไม่มีผิด!
ทันใดที่เขารู้สึกตัวอีกที เจ้าโคโรเนโร่ตัวแสบก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ปล่อยให้ยามาโมโตะยืนเอ๋ออยู่คนเดียวให้ห้องโถงกว้างขวางเหมือนสนามกีฬา เขามองไปรอบๆ กายก็ค้นพบกับวัตถุบางอย่างที่น่าจะเป็นของลับของปราสาทนี้ สมุดพกสีทองเปล่งประกายในกล่องแก้วที่ตั้งตระหง่านอยู่บนบันไดชั้นสูงสุด ด้วยความสงสัย เขาจึงรีบไปหยิบมันมาดู
‘ตำราแห่งความตาย’
‘ตำราแห่งความตายเหรอ? อะไรกันเนี่ย มีของปรัมปราอยู่ในปราสาทนี้ด้วยงั้นเหรอ ก็เข้าใจอ่ะนะว่ามันคือปราสาทเดธพริ้นซ์ แต่มันจะมีจริงรึไอ้ของพวกนี้ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นยุคแห่งนักเวทย์ก็เถอะนะ มันก็ไม่น่าจะเชื่อถือได้นี่นา’ ยามาโมโตะคิดในใจ ก่อนจะค่อยๆ งัดกล่องแก้วนั่นขึ้นมาช้าๆ และเปิดกุญแจออก ‘อ้ะ... กุญแจไม่ได้ล็อกนี่นา จะเสียบไว้ทำไมอ่ะ’ ยามาโมโตะสงสัย เมื่อเขาพลิกไปยังสมุดพกหน้าแรกนั่น กลับต้องพบกับความประหลาดใจ
บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เพราะติดคุกตั้งแต่ห้าขวบ ยามาโมโตะเลยอ่านหนังสือไม่ออก.... - -
“อะไรอ่ะ ตัวหนังสือยากๆ เต็มไปหมดเลยอ่ะ ถ้าเกิดมันใช้ภาษาง่ายๆ ก็พอได้อยู่นะแต่นี่มัน”ยามาโมโตะเอามือเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะพลิกกระดาษหน้าถัดไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดกับภาพๆ หนึ่ง
หญิงสาวที่มีปีกเปลือยกายลงเล่นน้ำในบ่อน้ำสีเลือด... (มันหื่นสินะ)
“
” ยามาโมโตะมองภาพนั้นอย่างพินิจพิจารณา เมื่อพลิกกระดาษต่อจากนั้นไปเรื่อยๆ กระดาษหนังสือต่อจากนั้นกลับไม่มีตัวอักษรหรือภาพอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว แม้จะเปิดไปถึงแผ่นสุดท้ายก็ไม่พบอะไรเลยนอกจากกลิ่นโชยกระดาษไม้เก่าๆ ที่เล็ดลอดมาจากหนังสือที่ถูกทิ้งร้างมาเนิ่นนาน
“อะไรกันเนี่ย ทำไมมันไม่มีอะไรเลยอ่ะ” ยามาโมโตะเอ่ยเสียงเบา ก่อนจะพับหนังสือเล่มหนาเข้าที่เดิม พร้อมเหมาะกับโคโรเนโร่ที่เดินเข้ามาพอดี
“นายโชคดีมากเว้ยเฮ้ยยามาโมโตะ ฉันน่ะพานายมาที่นี่ก่อนใคร อีกสักสองสามวันพวกนั้นก็คงจะตามมา”
“พวกไหน? แล้วสควอโล่กับเพื่อนฉันคนอื่นๆ หายไปไหนกันหมด”
“ปลอดภัยดีทุกคนเว้ยเฮ้ย เมื่อคืนเกิดเหตุการณ์นิดหน่อยในคุกใต้ดิน นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะว่าฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเว้ยเฮ้ย!”
“แล้วใครจะมาอยู่ที่นี่อีก... เดธพริ้นซ์อีกหกคนใช่มั้ย?”
“ถูกต้องเว้ยเฮ้ย! แต่ก็มีผู้หญิงคนนึงนะ ถ้าเธอมาก็ช่วยดูแลด้วยละกัน ปราสาทนี้ความจริงก็อยู่ในตลาดย่านตัวเมืองวองโกเล่นั่นแหละ แต่เราอาศัยภาพลวงตาซ่อนเอาไว้ทำให้คนภายนอกเห็นว่าที่นี่เป็นเพียงบ้านเช่าเก่าๆ หลังหนึ่งเท่านั้นเอง”
“เหรอ ฮ่ะๆ ดีจังนะที่ทุกคนยังปลอดภัย เดี๋ยวชั้นไปพักบนห้องนะ จะเรียกใช้อะไรก็บอกได้นา”ยามาโมโตะยิ้มและเดินขึ้นบันไดไป โคโรเนโร่ได้แต่อ้าปากค้าง นี่สินะที่เขาเรียกว่าสัญชาตญาณที่อุเก็ทสึใส่ไว้ให้ในสมองของเขา เพราะอย่างนั้นจึงคุ้นชินกับที่นี่โดยไม่รู้ตัวสินะ
“
” โคโรเนโร่ไม่พูดอะไร ก่อนสายตาสีฟ้าสดนั่นจะหันไปเจอกับร่องรอยการเปิดหนังสือ ตำราแห่งความตาย ตุ๊กตาน้อยคลี่หนังสือเล่มนั้นออกก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว
“ดีแล้วที่เจ้านั่นอ่านหนังสือไม่ออก... นิสัยแบบนั้นจะทำให้งานของเราเสียได้ ยิ่งยามาโมโตะเป็นเดธพริ้นซ์แห่งธาราด้วยแล้วนั้นเราจำเป็นต้องฝึกฝนเจ้านั้นให้มาก เพราะความใจดีของมันนั่นแหละจะทำให้มันตายเอง ทั้งๆที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ถ้าเพียงลืมเลือนความแค้นไปแม้เสี้ยววินาทีเดียวก็อาจจะทำให้แผนการล้างแค้นนี้จบไม่สวยแน่” โคโรเนโร่เปิดหน้าหนังสือพวกนั้นต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าหญิงสาวที่เปลือยกายลงเล่นน้ำนั้น...
จุกนมสีฟ้าสดเรืองแสงเล็กน้อย ทันใดนั้นรูปภาพที่ควรจะเป็นหญิงสาวกลับกลายเป็นชายหนุ่มผู้สวมชุดนักรบในตำนาน ธารเลือดสีแดงสดยังคงชัดเจนในรูปภาพนั้น ฉากหลังเป็นเหล่าเดธพริ้นซ์ทั้งหกที่ถืออาวุธบางอย่างในมือ เลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณส่งกลิ่นคาวจนอยากอาเจียน เมื่อมองไปมองมาดีๆ ชายที่ใส่ชุดนักรบคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน
ซาวาดะ สึนะโยชิ ผู้แบกรับความเคียดแค้นที่โหดร้ายที่สุด
โคโรเน่โร่ค่อยๆ ปิดหนังสือลงอย่างทะนุถนอม ก่อนจะหยิบจุกนมสีเทาปนดำออกมาถือไว้ในมือ
“รัล.... ขอโทษนะ ยกโทษให้ฉันด้วย ฉันต้องทำเเบบนี้ เเม้มันจะเป็นเรื่องร้ายสำหรับพวกเขา”
โคโรเนโร่มองจุกนมสีหม่นด้วยสายตาที่ยากจะหยั่งถึง ก่อนที่ริมฝีปากแห้งผากของตุ๊กตาจะเอ่ยเสียงเล็กออกมาอย่างยากลำบาก
“ไม่สิ ไม่.... ไม่ต้องยกโทษให้ก็ได้”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น