ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (FIC REBORN) THE RING วงเเหวนเเห่งโชคชะตา ตำราเเห่งความตาย

    ลำดับตอนที่ #9 : ตำราหน้าที่7 : เดธพริ้นซ์ใจร้อนกับเดธพริ้นซ์สุดเนียน

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 55





     ตำราหน้าที่6 : เดธพริ้นซ์ใจร้อนกับเดธพริ้นซ์สุดเนียน

     

              ...

              “…”

              สองคน คนหนึ่งตัวสูงหล่อเท่ห์  อีกคนหนึ่งตัวเล็กเท่าตุ๊กตาทั่วไปกำลังจ้องมองกันอย่างเนิ่นนานมานับชั่วโมง  ก่อนที่โกคุเทระจะเอ่ยปากทำลายความเงียบนั้นก่อน

              มันเป็นเป็นเรื่องจริงป่ะเนี่ย?”   เขาหยิบซิการ์ออกมาเป่าอย่างครุ่นคิด  สองตาคมงามนั่นก็ยังจ้องตุ้กตาพูดได้ที่เล่าเรื่องให้เข้าฟังเมื่อชั่วโมงก่อนอย่างไม่อยากเชื่อ  แน่นอนว่าเกิดมาเขาไม่เคยได้เฉียดกรายเข้าโรงเรียน  จึงไม่เคยรู้เรื่องแบบนี้แม้แต่น้อย

              จี.... คือเขา  เขากำเนิดมาจากนักเวทย์แห่งวายุในตำนาน

              .... เรื่องราวในโลกนี้มีหลายเรื่องที่เชื่อไม่ได้และเป็นความจริงนะครับ”  ฟงยิ้มน้อยๆขณะอ้าปากงับซาลาเปาที่เขาเป็นคนทำขึ้นมาเอง

              ฮะ  เฮ้ย!   นายน่ะกินของแบบนี้ได้ด้วยเรอะ เป็นตุ๊กตาไม่ใช่รึไง?”    โกคุเทระโวยวายก่อนจะรีบหยิบซาลาเปาออกมาจากปากฟงและกินเอง(?)  เรียกรอยยิ้มจากตุ๊กตานั้นได้เป็นอย่างดี

              “^ ^”

              “ยิ้มอะไรวะ!”    โกคุเทระกระโดดขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็วและหย่อนขาลงมาสองข้าง  ในขณะที่ฟงก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนตักของเขาเหมือนกัน

              คุณนี่ฮาดีนะ  อย่าสูบสิครับ”     ฟงหยิบซิการ์ชั้นดีจากปากของโกคุเทระและโยนลงคลองน้ำไป   ทำให้เจ้าตัวโวยวายใหญ่

              เฮ้ยไอ้เจ้าบ้า!!!!!   อย่าสิ  โธ่เว่ยเห็นมั้ยว่ามันตกน้ำไปแล้วน่ะ ไอ้บ้าเอ้ยฉันไม่น่าหลงเชื่อแกเลย  ไปเลยเว้ยไอ้ตุ๊กตาต้องสาปติงต๊อง  ตอนนี้ฉันอยากอยู่แบบนี้ไม่ต้องมายุ่งเลย”    โกคุเทระปัดตัวตุ๊กตาตัวน้อยออก  แต่ก็ไม่แม้แต่จะถูกตัวมัน  ฟงกระโดดหลบทันและหันมายิ้มตามฉบับหนุ่มฮ่องกงจอมใจเย็น

               ...อย่าทำเป็นพูดเหมือนตัวเองไม่รู้เรื่อง  คุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่าโชคชะตาเป็นสิ่งที่มือาจบิดเบือน  ต่อให้มันเป็นเรื่องราวแสนร้ายกาจหรือพาให้ชื้นหัวใจสักเพียงใด  เพียงสิ่งเดียวที่มนุษย์จะทำได้คือข้ามผ่านมันไปโดยไม่เสียความเป็นตัวของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง

              “ตั้งแต่ตื่นมาแกก็เอาแต่พูดถึงเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิตแบบนี้ น่ารำคาญจริง”   โกคุเทระบ่นอุบอิบ  ก่อนจะคว้าผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนต้นไม้ใหญ่มากิน  ทว่าลมก็พัดพาผลนั้นตกไปซะก่อน ทำให้เขารู้สึกหัวเสียนักเชียว   โธ่เว้ย!!!  ไอ้ลมบ้า  แกจะมาพัดอะไรตอนนี้วะ?”

             “สายลมน่ะเป็นสิ่งที่เราหยิบจับมันไม่ได้  แต่ก็รับรู้ว่ามันมีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

             “อะไรของนายฟงพูดเป็นลิเกไปได้ เป็นญาติกับสุนทรภู่หรือเช็กสเปียร์รึไง!”

              “คุณกำลังลนลาน...  กำลังไม่แน่ใจ  กำลังสับสน  ว่าอะไรกันแน่คือของจริง  คำพูดของผมหรือสันชาตญาณของคุณเอง

              “รู้...รู้ได้ไง

              “สายลม   เวทย์นี้ต้องเป็นผู้ชายที่ปราดเปรื่องรวดเร็ว  กราดเกรี้ยวเหมือนพายุ  อ่อนโยนเหมือนอากาศยามฤดูใบไม้ผลิ

              “....

               “ยามใดที่มันพัดพาไปที่ใด  สายลมนี่แหละจะนำเอาทั้งความสุขและความทุกข์ไปยังที่นั้น   เหมือนกับอากาศที่ผู้คนพากันสูดดมเพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน  แม้บางครั้งบางคราวมนุษย์จะลืมประโยชน์ของมัน ไม่ใส่ใจมัน แต่ถ้าขาดอากาศเหล่านั้นแม้เพียงนาทีเดียวก็ตายกันทั้งโลกได้...

             นัยส์ตาสีนิลของฟงมองไปยังท้องฟ้ากว้างไกลก่อนจะเล่าเรื่องเก่าๆ ให้ชายหนุ่มที่ฟังอย่างเงียบๆ

             ผมเป็นคนเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน  ที่บังเอิญโดนคำสาปตุ๊กตาเข้าน่ะครับ  ทำให้การเจริญเติบโตของผมหยุดชะงัด  ผมได้แต่อยู่นิ่งๆอย่างนั้นมาตลอด  จนได้ข่าวคราวของเดธพริ้นซ์

              “…”

             “แน่นอนว่ารู้จักกับเหล่านักเวทย์ในตำนานรุ่นแรก  รู้แม้กระทั่งการตายของพวกนั้น  ผมอยู่ในเหตุการณ์  เรียกง่ายๆ  ผมเป็นเพื่อนกับจี....

             “…”

              “ผมรู้ว่าคุณรู้เรื่องการตายของเขาเรียบร้อยแล้ว  เรื่องเสาหลักเมืองที่หักลงมาทั้งเจ็ดนั่น  ผมก็รู้นะว่ามันเป็นยังไง  ตอนนั้นนั่นแหละที่ผมถูกสาปเข้า  หน้าที่ของผมมีเพียงช่วยให้คุณแก้แค้นสำเร็จ  จากนั้นผมก็จะหลุดจากคำสาปพวกนั้นเสียที

              ทันใดนั้นเองฟงก็ใช้ศอกเล็กๆนั่นกระทุ้งเข้าที่หัวของโกคุเทระจนล้มลงตกต้นไม้  ร่างสูงมีสีหน้าแสดงความเจ็บปวด เลือดไหลซึมขึ้นมาที่มุมปากนั่น  เขาลุกขึ้นยืนกำหมัดแน่น นัยส์ตาสีเขียวจางปรับเ      ปลี่ยนให้เป็นสีแดงฉานราวกับเลือดด้วยความโกรธ

              แก!!!  อย่ามาอารมณ์ขึ้นๆลงได้มั้ยวะ!?”

              ฟงยิ้มน้อยๆ ให้กับชายหนุ่มอย่างพึงพอใจ  เขาเป็นคนที่ยุแล้วจะยอมทำทุกอย่าง  ตอนนี้จิตใจของเขากำลังแปรปรวนกับความทรงจำจางๆนั่น  เสียดายที่เขาเป็นคนหัวแข็ง  ความเคียดแค้นและความทรงจำที่จีใส่ให้ไว้ในสมองจึงแสดงผลไม่มากนัก

              นักฆ่านุ่มนวลอย่างเขาจึงต้องจัดการเอง....

              หึหึ... สมกับเป็นโลหิตของชายคนนั้น...จี  ผู้ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นนักเวทย์ที่ใจกล้าและมุทะลุที่สุดในพวกนักเวทย์ในตำนาน แต่ก็มีความเยือกเย็นในขณะเดียวกัน ตรงตามการคาดคะเนเป๊ะๆ  เวลาที่เขาโกรธดวงตานั้นจะเป็นสีแดงราวกับเลือดเหมือนกับจีไม่มีผิด  และสุดยอดจิตสังหารนั่นสมควรที่จะได้รับการฟื้นฟูแล้วสินะ  ฟงคิดยิ้มๆ

              ผมจะเริ่มฝึกคุณให้เก่ง....  คุณจะต้องแก้แค้นให้กับจีให้ได้นะครับ......

     

    -------

          
                 “ยามาโมโตะ   ยามาโมโตะ!!!!”       ตุ๊กตาตัวน้อยถีบอกของชายหนุ่มให้กระเถิบไปห่างๆ   ตั้งแต่เมื่อคืนที่ถ่ายทอดพลังแห่งธาราแล้วมันนอนหลับไปนี่เอาแต่กอดตุ๊กตาไม่ยอมห่าง  แถมยังละเมออีกนะว่าเป็นโดเรมอนมาเข้าฝัน

              ไอ้ฟาย  ตรูมีผมเว้ยไม่ใช่เถิกเกรียนอย่างโดราเอมอน!

              “งึมๆ  โดราเอม่อนนน  ทำอารายซักอย่างซิ!!”

              บักเนียน...  มันท่องสคริปต์โนบิตะได้อีก  อะไรจะเป๊ะปานนั้น!

             ผัวะ!!!!

              โคโรเนโร่เอากระบอกปืนฟาดเข้าที่หลังของยามาโมโตะอย่างแรง  จนเจ้าตัวสะดุ้งตื่น อะ..อ้าว   ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย  เพื่อนฉันล่ะ  หายไปไหนหมด”    ยามาโมโตะหันซ้ายขวา  พบแต่เพียงปราสาทมหาใหญ่ของใครบางคน ฝาผนังตกแต่งด้วยศิลปะโบราณสไตล์โมเสก ห้องที่โปร่งและเป็นโดมด้านบนยิ่งทำให้ที่นี่ดูโอ่อ่าตระการตาเข้าไปอีก

              ว่าแต่บ้านใครฟระ!?

             สควอโล่ทุกคน!!!!”     ยามาโมโตะวิ่งออกไปนอกประตูพบกับสวนใหญ่โตมโหฬารและน้ำพุตระการตา  แต่เขาต้องอยู่ในคุกนี่  นี่มันอะไรกัน!!!

              “นี่คือบ้านของนาย... เว้ยเฮ้ย”    โคโรเนโร่ลอยตามออกมาจากข้างใน และนำของบางอย่างติดมือมาด้วย

              นี่อะไร... นายคิดจะเอาอะไรมาให้เดธพริ้ซ์อย่างฉันอ้ะ?!”   ยามาโมโตะตกใจกับคำพูดของตัวเอง   แถมยังตบหน้าตัวเองเบาๆ ด้วยความงง  ทำไมเขาถึงรู้จักไอ้หมอนี่นะตุ๊กตาตัวนี้....

              นักฆ่าที่ค่าจ้างราคาแพงที่สุด.... โคโรเนโร่

              ทำหน้าเหมือนระลึกชาติได้แล้วเลยนะเว้ยเฮ้ย!” 

              “ก็ระลึกได้อะดิ  อะ...แต่  นี่บ้านฉันเหรอ?”   ยามาโมโตะเอานิ้วจิ้มหน้าตัวเองอีกครั้งก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ ด้วยความสนใจ

              “ก็ไม่เชิงเว้ยเฮ้ย  ตอนนี้ที่นี่คือวังเดธพริ้นซ์

              “...วัง  เดธพริ้นซ์?”    ยามาโมโตะทวน ภาพในสมองเริ่มคำนวนไปมาราวกับจะบีบหัวเขาให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ชายหนุ่มกุมขมับตัวเองด้วยความงุนงง  ก่อนภาพต่างๆ จะฉายเข้ามาในหัวอีกครั้งเหมือนดูหนังสามมิติ

              อะ...อะไรกัน  นี่มัน  ร่างกายของข้าร่างกายของข้าหายไปไหน!?  ข้า..’   เขาเห็นคนๆหนึ่ง  ที่มีหน้าตาคล้ายกับเขาอย่างกับแกะ ร่างนั้นกำลังวิ่งพล่านไปทั่วหุบเขาแห่งหนึ่งและร้องตะโกนไปทั่วอย่างไร้จุดหมาย.......

              ทำไมเขารู้สึกเหมือนเป็นชายคนนั้นล่ะ?

              ความเจ็บปวดนี้ เหมือนกันไม่มีผิด!

              ทันใดที่เขารู้สึกตัวอีกที  เจ้าโคโรเนโร่ตัวแสบก็หายไปไหนก็ไม่รู้  ปล่อยให้ยามาโมโตะยืนเอ๋ออยู่คนเดียวให้ห้องโถงกว้างขวางเหมือนสนามกีฬา  เขามองไปรอบๆ กายก็ค้นพบกับวัตถุบางอย่างที่น่าจะเป็นของลับของปราสาทนี้  สมุดพกสีทองเปล่งประกายในกล่องแก้วที่ตั้งตระหง่านอยู่บนบันไดชั้นสูงสุด  ด้วยความสงสัย  เขาจึงรีบไปหยิบมันมาดู

              ตำราแห่งความตาย

               ตำราแห่งความตายเหรออะไรกันเนี่ย มีของปรัมปราอยู่ในปราสาทนี้ด้วยงั้นเหรอ ก็เข้าใจอ่ะนะว่ามันคือปราสาทเดธพริ้นซ์  แต่มันจะมีจริงรึไอ้ของพวกนี้  ถึงแม้ว่านี่จะเป็นยุคแห่งนักเวทย์ก็เถอะนะ  มันก็ไม่น่าจะเชื่อถือได้นี่นา    ยามาโมโตะคิดในใจ  ก่อนจะค่อยๆ งัดกล่องแก้วนั่นขึ้นมาช้าๆ และเปิดกุญแจออก  อ้ะ... กุญแจไม่ได้ล็อกนี่นา  จะเสียบไว้ทำไมอ่ะ   ยามาโมโตะสงสัย เมื่อเขาพลิกไปยังสมุดพกหน้าแรกนั่น กลับต้องพบกับความประหลาดใจ

              บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

              เพราะติดคุกตั้งแต่ห้าขวบ  ยามาโมโตะเลยอ่านหนังสือไม่ออก.... - -

              “อะไรอ่ะ  ตัวหนังสือยากๆ เต็มไปหมดเลยอ่ะ  ถ้าเกิดมันใช้ภาษาง่ายๆ ก็พอได้อยู่นะแต่นี่มันยามาโมโตะเอามือเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะพลิกกระดาษหน้าถัดไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดกับภาพๆ หนึ่ง

              หญิงสาวที่มีปีกเปลือยกายลงเล่นน้ำในบ่อน้ำสีเลือด... (มันหื่นสินะ)

              “…”   ยามาโมโตะมองภาพนั้นอย่างพินิจพิจารณา  เมื่อพลิกกระดาษต่อจากนั้นไปเรื่อยๆ กระดาษหนังสือต่อจากนั้นกลับไม่มีตัวอักษรหรือภาพอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว  แม้จะเปิดไปถึงแผ่นสุดท้ายก็ไม่พบอะไรเลยนอกจากกลิ่นโชยกระดาษไม้เก่าๆ ที่เล็ดลอดมาจากหนังสือที่ถูกทิ้งร้างมาเนิ่นนาน

              อะไรกันเนี่ย  ทำไมมันไม่มีอะไรเลยอ่ะ”  ยามาโมโตะเอ่ยเสียงเบา  ก่อนจะพับหนังสือเล่มหนาเข้าที่เดิม  พร้อมเหมาะกับโคโรเนโร่ที่เดินเข้ามาพอดี

              นายโชคดีมากเว้ยเฮ้ยยามาโมโตะ   ฉันน่ะพานายมาที่นี่ก่อนใคร  อีกสักสองสามวันพวกนั้นก็คงจะตามมา

              “พวกไหนแล้วสควอโล่กับเพื่อนฉันคนอื่นๆ หายไปไหนกันหมด

              “ปลอดภัยดีทุกคนเว้ยเฮ้ย  เมื่อคืนเกิดเหตุการณ์นิดหน่อยในคุกใต้ดิน นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะว่าฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเว้ยเฮ้ย!”   

              แล้วใครจะมาอยู่ที่นี่อีก...  เดธพริ้นซ์อีกหกคนใช่มั้ย?”

              “ถูกต้องเว้ยเฮ้ย! แต่ก็มีผู้หญิงคนนึงนะ ถ้าเธอมาก็ช่วยดูแลด้วยละกัน ปราสาทนี้ความจริงก็อยู่ในตลาดย่านตัวเมืองวองโกเล่นั่นแหละ แต่เราอาศัยภาพลวงตาซ่อนเอาไว้ทำให้คนภายนอกเห็นว่าที่นี่เป็นเพียงบ้านเช่าเก่าๆ หลังหนึ่งเท่านั้นเอง”  

              “เหรอ ฮ่ะๆ ดีจังนะที่ทุกคนยังปลอดภัย  เดี๋ยวชั้นไปพักบนห้องนะ จะเรียกใช้อะไรก็บอกได้นายามาโมโตะยิ้มและเดินขึ้นบันไดไป  โคโรเนโร่ได้แต่อ้าปากค้าง นี่สินะที่เขาเรียกว่าสัญชาตญาณที่อุเก็ทสึใส่ไว้ให้ในสมองของเขา  เพราะอย่างนั้นจึงคุ้นชินกับที่นี่โดยไม่รู้ตัวสินะ

              “…”   โคโรเนโร่ไม่พูดอะไร  ก่อนสายตาสีฟ้าสดนั่นจะหันไปเจอกับร่องรอยการเปิดหนังสือ   ตำราแห่งความตาย  ตุ๊กตาน้อยคลี่หนังสือเล่มนั้นออกก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว

              ดีแล้วที่เจ้านั่นอ่านหนังสือไม่ออก...  นิสัยแบบนั้นจะทำให้งานของเราเสียได้  ยิ่งยามาโมโตะเป็นเดธพริ้นซ์แห่งธาราด้วยแล้วนั้นเราจำเป็นต้องฝึกฝนเจ้านั้นให้มาก  เพราะความใจดีของมันนั่นแหละจะทำให้มันตายเอง  ทั้งๆที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ถ้าเพียงลืมเลือนความแค้นไปแม้เสี้ยววินาทีเดียวก็อาจจะทำให้แผนการล้างแค้นนี้จบไม่สวยแน่”     โคโรเนโร่เปิดหน้าหนังสือพวกนั้นต่อไปเรื่อยๆ  ก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าหญิงสาวที่เปลือยกายลงเล่นน้ำนั้น...

              จุกนมสีฟ้าสดเรืองแสงเล็กน้อย  ทันใดนั้นรูปภาพที่ควรจะเป็นหญิงสาวกลับกลายเป็นชายหนุ่มผู้สวมชุดนักรบในตำนาน ธารเลือดสีแดงสดยังคงชัดเจนในรูปภาพนั้น  ฉากหลังเป็นเหล่าเดธพริ้นซ์ทั้งหกที่ถืออาวุธบางอย่างในมือ  เลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณส่งกลิ่นคาวจนอยากอาเจียน เมื่อมองไปมองมาดีๆ  ชายที่ใส่ชุดนักรบคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน

              ซาวาดะ  สึนะโยชิ   ผู้แบกรับความเคียดแค้นที่โหดร้ายที่สุด

              โคโรเน่โร่ค่อยๆ ปิดหนังสือลงอย่างทะนุถนอม  ก่อนจะหยิบจุกนมสีเทาปนดำออกมาถือไว้ในมือ

              รัล.... ขอโทษนะ ยกโทษให้ฉันด้วย ฉันต้องทำเเบบนี้ เเม้มันจะเป็นเรื่องร้ายสำหรับพวกเขา

              โคโรเนโร่มองจุกนมสีหม่นด้วยสายตาที่ยากจะหยั่งถึง  ก่อนที่ริมฝีปากแห้งผากของตุ๊กตาจะเอ่ยเสียงเล็กออกมาอย่างยากลำบาก

              ไม่สิ  ไม่....  ไม่ต้องยกโทษให้ก็ได้

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×