คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตำราหน้าที่4 : ราชวังเเห่งอำนาจ...
ตำราหน้าที่4 : ราชวังแห่งอำนาจ...
‘ ........ เหล่าเชื้อพระวงศ์.... เปรียบเสมือนเหล่าเทพผู้ปกครองเมืองตามใจตนในราชอาณาจักรวองโกเล่.... ตามตำนานตั้งแต่การก่อตั้งอาณาจักร เชื้อพระวงศ์จะมีผู้หนึ่งที่มีพลังจิตแข็งกล้า! และเป็นผู้ดูและผนึกแห่งวงแหวนเวทย์ สิ่งของต้องคำสาปในตำนานที่มีพลัง ‘เปลี่ยนสีขาวเป็นสีดำ เปลี่ยนทองเป็นหิน เปลี่ยนชั่วเป็นดี เปลี่ยนผีเป็นคน...’
“อา.... อากาศแปรแปรนจริงนะ ว่ามั้ยการ์เน็ต
.” หญิงสาววัย20ปี เอ่ยขึ้นในห้องบนสุดของปราสาทราชวังอันกว้างใหญ่ไพศาลของเหล่าเชื้อพระวงศ์แต่ละคน เธอเป็นผู้ปกปักรักษาผนึกวงแหวนเวทย์ เพราะเธอเป็นคนเดียวที่มีพลังจิตแรงกล้าที่สุดในเหล่าเชื้อพระวงศ์ด้วยกันและเป็นบุตรตรีเพียงคนเดียวของพระราชา เเม้จะได้รับการดูแลมากมาย แต่เธอก็ไม่ได้มีความสุขเท่าไรนัก เพราะเหล่าพี่น้องต่างอิจฉาและเกลียดชังเธอ...
“ใช่เพคะองค์หญิง เมื่อคืนหม่อมฉันได้ยินเสียงลมพัดปรวนไปหมด บางทีฝนก็ตก แถมได้ข่าวว่าทางเมืองชิม่อนพันธมิตรของเราก็เกิดแผ่นดินไหวด้วยเพคะ....”
นักเวทย์ผู้ดูแลเป็นองครักษ์ประจำตัวองค์หญิงยิ้มน้อยๆ เอ่ยเสียงเรียบ หล่อนไว้ผมสีแดงมัดแกละยาวถึงกลางหลัง ท่าทางเอาการเอางานและจงรักภักดี....
แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอเป็นคนอย่างไร....
“งั้นเหรอ.... ถ้าเราได้ออกไปจากปราสาทนี่ก็จะดีไม่ใช่น้อยเลยนะการ์เน็ต เราคงจะได้ไปซื้อของและเดินเล่นในสิ่งที่ประชาชนเรียกว่า’ตลาด’บ้าง...”
“ถ้าองค์หญิงต้องการ หม่อมฉันก็จะพาไปได้เพคะ”
การ์เน็ตยิ้มให้หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่มีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแห่งดินแดนก่อนจะมองไปยังวงแหวนเวทย์ที่ตีตราอยู่ในกล่องที่เจ้าหญิงนำติดตัวตลอดเวลา
“ไม่ได้หรอกการ์เน็ต เราต้องดูแลวงแหวนเวทย์ที่นี่ มิฉะนั้นพลังของมันจะไปทำร้ายคนอื่นในวัง.....”
องค์หญิงยิ้มให้การ์เน็ตน้อยๆ ก่อนผายมือบอกให้เธอกลับไป...
“กลับไปได้แล้วล่ะ เราอยู่ได้...”
“เพคะองค์หญิง...” การ์เน็ตก้มหัวให้เธอเล็กน้อยก่อนเดินออกจากห้องไป...
‘ดูแลวงแหวนเวทย์? สิ่งของต้องคำสาปอย่างนั้นน่ะเหรอ น่ารังเกียจจริง เจ้าหญิงเคียวโกะ’
แต่นั่นเป็นคำพูดขององครักษ์สาวสวยที่เบาจนยากยากจะมีใครได้ยิน.....
“.....”
“
.”
ชายหนุ่มผมสีทองสดสวยสองคนนั่งจ้องหน้ากันอยู่บนบัลลังค์ทองของตนเองที่สั่งให้พ่อบ้านทำมา แต่มันเสร็จเพียงแค่หนึ่งตัว ทำให้เขาเริ่มทะเลาะอีกแล้ว เป็นครั้งที่34 ของวันนี้
“เฮ้ๆๆ จิล นั่นมันบัลลังค์ของเจ้าชายนะ อย่าเอาตูดที่ไม่ได้ล้างเวลาเข้าห้องน้ำมาทำแบบนั้นนะ!”
‘เบลเฟกอล’ ชายน่าตากวนโหโมอายุ 16 ปีเจ้าชายลำดับที่3แห่งอาณาจักรวองโกเล่ทุบตีฝาแฝดของตนเป็นการใหญ่ ‘ราจิลเอล’แฝดผู้พี่ เจ้าชายลำดับที่2 ไม่ยอมแพ้ ตีหัวน้องชายอย่างหมั่นไส้
“ไอ้เจ้าชายติ๊งต๊อง ฉันเป็นแฝดคนพี่ ฉันต้องได้ก่อนแกดิวะ! ชิชิชิ” ราจิลเอลกระชากหัวเบลเฟกอลออกไปแรงๆ จนเจ้าตัวร้องโอ้ย
“ชิชิชิชิชิ แกเกิดก่อนฉันกี่นาทีกันเชียวไอ้หัวขี้! อย่ามาล้อเล่นน่ะ ฉันจะนั่งเว้ย!”
เบลหยิบแจกันขึ้นเขวี้ยงไปทางราจิลเอล โชคดีที่เจ้าชายฝาแฝดผู้พี่หลบทัน
“ชิชิชิชิ ฉันเกิดก่อนแกห้านาทีไอ้เจ้าชายปัญญาอ่อน นี่แน่ะ!!”
จิลไม่ยอมแพ้ หยิบขวดไวน์ชั้นดีราคาเหยียบล้านขึ้นมาปาใส่ผู้เป็นน้องเหมือนกับเล่นปังย่า!
“คิดเล็กคิดน้อยจริง! แกเกิดก่อนฉัน4.45 วินาทีเว้ยไอ้โง่! หน้าอย่างแกน่ะทำอะไรไม่เป็นนอกจากล้างตูดแหละวะ!!!” เบลกระโจนใส่จิล และจิลก็กระโจนใส่เบล -*-
“ไอ้น้องชายปัญญาอ่อนนนนนน ว้ากกกกกก!!! ชิชิชิชิชิชิชิ”
“ไอ้พี่หน้าเห็บหมาทอดกรอบ! ชิชิชิชิชิชิชิชิ ย้ากกกกก!!!”
‘โครม!!!!’
และนี่คือชีวิตประจำวันของพวกเขา..... บุตรคนที่สามและสองของราชา.. -*-
“สุขสันต์วันเกิดอายุครบ22ปีนะฮ้าองค์ชายซันซัสสุดหล่อของเดี๊ยน ฮี่ๆๆๆๆ!”
กระเทยร่างยักษ์ผู้เป็นคนรับใช้ในวังของเจ้าชายลำดับที่1 ‘ซันซัส’ วิ่งถือถาดเค้กถาดเบ้อเริ่มชนิดกินกันทั้งหมูบ้านไม่หมดเริงร่ามาทางเจ้าชายลำดับที่หนึ่งที่นั่งอ่านหนังสือบนโต๊ะทำงาน เขาเป็นคนไม่พูด โหด และคล้ายๆ กับเด็กขาดความอบอุ่น ทั้งชีวิตของเขามีเพียงลุซเซอเรียคนใช้ในปราสาทของตนเองที่เขาไว้ใจ เพราะไม่มีใครรักเขาแม้แต่คนเดียว ผู้เป็นแม่เสียไปตั้งแต่ตอนที่เขาเกิด เขาจึงเอาแต่คิดอยู่ตลอดว่าตนเองทำให้แม่ตายไป จนกลายเป็นเจ้าชายผู้โดดเดี่ยวและจมสู่ห้วงแห่งความบาปชั่วนิรันดร....
“ฉันไม่อยากกิน จะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ” องค์ชายเอ่ยแต่สายตายังคงมองหนังสือในมือ นัยส์ตาสีแดงชั่วร้ายของเขายังคงแฝงไปด้วยความเสียใจและรอคอยอะไรบางอย่าง....
“หวังว่าคงไม่คิดใช่มั้ยฮ้าว่าคุณพ่อจะมาร่วมเป่าเค้กวันเกิดด้วยเนี่ย!”
“ไม่คิด ไม่เคยคิดด้วย”
“โธ่เอ้ย! นี่พี่ลุซเนี่ยเลี้ยงองค์ชายมาตั้งแต่เกิดยันโตเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้ เดี๋ยนจำได้นะฮ้าว่าตอนเด็กๆ เนี่ย ซันซัสคุงเนี่ยไม่ยอมกินเค้กวันเกิดเพราะว่ารอให้พระราชามากินด้วย แต่ท่านก็ไม่เคยมาเยี่ยมเลยแม้แต่.. อุ้ยตาย!!”
“เงียบไปซะลุซเซอเรีย ฉันไม่อยากฆ่ากระเทยให้เสียอีโก้หรอกนะ”
ในมือขององค์ชายผู้สูงศักดิ์ปรากฏเปลวไฟสีดำทมิฬก่อตัวขึ้นเป็นเหมือนกับบอล แต่ว่าพลังทำลายล้างของมันคงจะไม่เหมือนซะแล้ว...
“โอเคฮ้าๆๆๆ เดี๊ยนไม่พูดก็ได้ แต่ว่าองค์ชายน่ะต้องกินเค้กของเดี๊ยนนะฮะ เดี๊ยนน่ะเป็นพี่เลี้ยงให้องค์ชายมาตั้งแต่เกิดนะฮะ อย่าเย็นชากับเดี๊ยนนักสิฮ้า!” ลุซเซอเรียทำเป็นบีบน้ำตาตามสไตล์กระเทยร่างบวมก่อนจะวางเค้กช็อกโกแลตของโปรดลงบนโต๊ะ ซันซัสมองเค้กนั่นด้วยสายตาที่ยากจะหยั่งถึง...
15 ปีก่อน เขาอายุ 7 ปี
‘ท่านพ่อ! ท่านพ่อขอรับ วันนี้วันอะไรเอ่ย!!ฮิๆๆ’
เด็กชายนัยส์ตาสีแดงสด ผมสีดำปรกหน้าเล็กน้อยวิ่งลงมาจากบนห้องของตนเอง สองมือถือเค้กที่ลุซเซอเรียพี่เลี้ยงทำให้มาหาพ่อ....
เค้กช็อกโกแลต.....
‘วันอะไร แกลงมาทำไม?’ ผู้เป็นพ่ออุ้มเด็กหญิงน่าตาน่ารักคนหนึ่ง ท่าทางเธอจะอายุประมาณห้าขวบและหยอกล้อเล่นกับเธออย่างแสนรัก.... ทิ้งให้เด็กชายผู้พี่มองอย่างค้อนๆ
พ่อไม่แม้แต่จะมองเขาเลย.....
‘อ่า
.ท่านพ่อคะ พี่ซันซัสถือเค้กมาด้วย หนูอยากกินจัง หนูขอได้มั้ยคะพี่ซันซัส!’
เด็กหญิงร้องขอเค้ก เธอคือองค์หญิงเคียวโกะนั่นเอง เธอเป็นลูกต่างมารดาของเจ้าชายซันซัส และที่รู้ๆกัน พระราชารักเธอที่สุด และทรงลืมโอรสองค์แรกไป....
‘วะ...วะนี้วันเกิดผมไงขอรับท่านพ่อ ฉันไม่ให้เธอหรอกเคียวโกะ อย่าแตะนะ!!!’
เด็กชายปัดมือเด็กหญิงออกจากเค้กและแสดงสีหน้าไม่พอใจ เขาอุตส่าห์เข้าครัวไปทำเลยนะเนี่ย เผื่อว่าท่านพ่อจะชมเชยบ้าง...
‘ฮะ...ฮึก ท่านพี่ นะ หนูก็แค่ขอกินเอง แงงๆๆๆๆ ฮืออออ’ เด็กหญิงเริ่มเบะ สร้างความไม่พอใจแก่องค์ราชาเป็นอย่างมาก
เพียงแค่เคียวโกะร้องไห้ พ่อถึงกับตบหน้าเขา.....
เพียะ!!!
‘อะ..โอ้ย!’
เด็กชายทรุดตัวลงบนพื้น บนใบหน้ามีรอยแดงจ้ำเป็นรอยมือ...
‘แก! แกทำให้แม่ของตัวเองตายแล้วไม่พอยังทำให้เคียวโกะร้องไห้อีกเรอะ!!!’
‘ทะ... ท่านพ่อ’
‘แกนี่มันปัญหารกโลกจริงๆ! ไหนๆ เค้กอะไรของแก’ พระราชาหยิบเค้กในมือของเจ้าชายซันซัสขึ้นมา แวบแรกเด็กชายก็ยังดีใจอยู่บ้างที่พ่อของเขาถือเค้กที่เขาทำเองไปถือ แม้จะไม่กิน ขอแค่คำชมบ้าง ขอแค่คำว่า...
สุขสันต์วันเกิด ก็พอ....
‘ผม... ผมจะดีใจมากถ้าท่านพ่อสุขสันต์วันเกิดผม... ท่านพ่อ!!!!!’
เด็กชายนัยส์ตาเบิกโพลงเมื่อเห็นเค้กที่ตัวเองตั้งใจทำตกลงพื้นโดยฝีมือของพระราชา เขาโยนมันลงบนพื้น และยังเอาเท้าเหยียบมันอีกด้วย!......
น้ำตาของเด็กชายผู้สูงส่งไหลลงช้าๆ....
‘น่ารำคาญจริง!! ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับฉันน่ะหา!!!? แกจะไม่ฟังกันเลยใช่มั้ย!!!?’
ราชาหยิบไม้เท้าข้างกายมาฟาดลงที่หน้าของเจ้าชายซันซัสอย่างบันดาลโทสะ จนเลือดไหลโชกอย่าน่ากลัว เด็กชายในตอนนั้น......
เพลิงสีดำก่อตัวขึ้นที่มือของเขา...
‘ทหาร!!!! เอาตัวมันไปขังไว้ในห้องใต้หลังคาสามวัน!’ พระราชาสั่งทหารให้เอาตัวเด็กชายไปขังเหมือนที่เขาชอบทำเวลาเขาโกรธเจ้าชายองค์โต
‘อย่าเลยนะฮ้าท่านราชา อย่าทำเจ้าชายเลยฮ้า!!’ กระเทยคนหนึ่งผู้เป็นพี่เลี้ยงวิ่งลุกลี้ลุกลนมากอดเด็กชายเอาไว้ไม่ให้เหล่าทหารจับเด็กชายไปอีก
‘
.’ เด็กชายมองผู้เป็นบิดาด้วยความแค้น...
‘ได้โปรดเถอะฮ้า แผลใหญ่ขนาดนี้ต้องเป็นแผลเป็นแน่เลย ขอให้เดี๊ยนไปทำแผลให้องค์ชายนะฮ้า’
ลุซเซอเรียรีบอุ้มเจ้าชายออกไปจากห้องโถง ในขณะที่เพลิงสีดำที่มือของเจ้าชายยังคงก่อตัวขึ้นช้าๆ
‘ลุซเซอเรีย...’ ซันซัสปรือตาขึ้นมา เลือดยังไหลโชก...
‘ฮ้าองค์ชาย รอเดี๋ยวนะฮ้า เดี๊ยนกำลังจะพาองค์ชายไปทำแผลฮ่า’
‘..... ฉัน... เจ็บมือ’
‘มือไหนฮ้า?’
‘มะ...มือขวา...’
‘หา!!! ว้าย!! องค์ชายเป็นนักเวทย์’ ลุซเซอเรียกรีดร้องเมื่อเห็นไฟสีดำก่อตัวขึ้นในมือขวาของเขา มันเป็นไฟที่พลังมหาศาล แต่ทว่ามันเป็น....
‘ธะ...ธาตุอะไร?’
‘คะ...ความมืดฮ่า’
.
.
.
นั่นมันเรื่องเมื่อก่อน... เมื่อเขารู้ว่าตนเองเป็นนักเวทย์สายความมืดที่แสนจะชั่วร้าย องค์ชายทำการทำลายล้างทหารทุกคนที่เคยจับเขาเข้าห้องมืดเป็นการลงโทษ ความเหี้ยมโหดของซันซัสเมื่อเขาโตขึ้นทำให้องค์ราชาทนไม่ไหว หากมีเขาอยู่ในวังใหญ่ต่อไปทหารคงจะโดนฆ่าหมดแน่ จึงสร้างวังที่ทำจากหินสีดำทั้งหมดขนาดใหญ่โตมโหฬารให้เขา....
“อืม...” ซันซัสเปิดผมที่ปรกหน้าของเขาเล็กน้อยออก เผยให้เห็นแผลเป็นบนใบหน้าของเขา....
เจ้าชายเอานิ้งจิ้มเค้กมาป้ายปากของตัวเองเบาๆ
“เค้กนี่...อร่อยดี”
ณ วังหลวง
“อะไรนะ!!!!!? โลหิตของนักเวทย์ไฟงั้นเรอะ!!?’’
เสียงทรงอำนาจขององค์ราชาผู้ชั่วร้ายกังวานก้องทั่วห้องประชุมใหญ่แห่งราชอาณาจักร
“ขอรับ.... ดูเหมือนว่าเหล่า ‘เดธพริ้นซ์’ จะถือกำเนิดแล้ว” อิเอมิสึ นายกรัฐมนตรีประจำราชอาณาจักรเอ่ยเสียงเครียด เหตุการณ์เมื่อร้อยปีก่อนจะกลับมามั้ยนะ?
กลับมาตามคำนายของ.... หญิงสาวแห่งโชคชะตา....
“แล้วเหตุการณ์กบฏก็ยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าพวกมันจะเรียกตัวเองว่า’กบฎเทวา’ขอรับองค์ราชา” ชายหนุ่มผมดำขลับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเอ่ยเสียงเรียบ เขาพกดาบติดตัวตลอดเวลา ‘อัสวินมายา’ นั่นเอง
“หึ...กบฎแห่งเทพงั้นเรอะ!? ไร้รสนิยมสิ้นดี! ว่าแต่หัวหน้ากบฎเหล่านั้นเป็นใคร?’’ ราชาถาม ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีต่างๆ ตัวแข็งทื่อเมื่อเอ่ยถึงเรื่อง ‘แกนนำ’
“กะ...แกนนำของพวกนั้นมีอยู่สามคนขอรับ”
อิริเอะ โชอิจิ รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีกระดกแว่นขึ้นเล็กน้อยและอ่านโพยที่ตัวเองจดมาอย่างกลัวๆ
“ก็บอกมาสิว่าใครบ้าง!?” พระราชาปัดรายงานลงอย่างมีน้ำโห
“คะคะคะคะ คนแรกคือ ‘บาจิล’ ผู้ใช้เวทย์ธาตุดิน ต่อมาคือ ‘ดีโน่’เป็นรองผู้ใช้เวทย์ธาตุธารา และสุดท้ายคือ....”
“รีบพูดมาสิ...” เลวี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ
“คน คนสุดท้าย... คือ.....”
“
.เบียคุรัน นักเวทย์แห่งความมืดขอรับ!”
ความคิดเห็น