ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (FIC REBORN) THE RING วงเเหวนเเห่งโชคชะตา ตำราเเห่งความตาย

    ลำดับตอนที่ #6 : ตำราหน้าที่4 : ราชวังเเห่งอำนาจ...

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 55


     

     

     

    ตำราหน้าที่4 : ราชวังแห่งอำนาจ...

     

             ........ เหล่าเชื้อพระวงศ์....  เปรียบเสมือนเหล่าเทพผู้ปกครองเมืองตามใจตนในราชอาณาจักรวองโกเล่....  ตามตำนานตั้งแต่การก่อตั้งอาณาจักร  เชื้อพระวงศ์จะมีผู้หนึ่งที่มีพลังจิตแข็งกล้าและเป็นผู้ดูและผนึกแห่งวงแหวนเวทย์  สิ่งของต้องคำสาปในตำนานที่มีพลัง เปลี่ยนสีขาวเป็นสีดำ  เปลี่ยนทองเป็นหิน   เปลี่ยนชั่วเป็นดี  เปลี่ยนผีเป็นคน...

     

             “อา.... อากาศแปรแปรนจริงนะ ว่ามั้ยการ์เน็ต….”     หญิงสาววัย20ปี  เอ่ยขึ้นในห้องบนสุดของปราสาทราชวังอันกว้างใหญ่ไพศาลของเหล่าเชื้อพระวงศ์แต่ละคน  เธอเป็นผู้ปกปักรักษาผนึกวงแหวนเวทย์  เพราะเธอเป็นคนเดียวที่มีพลังจิตแรงกล้าที่สุดในเหล่าเชื้อพระวงศ์ด้วยกันและเป็นบุตรตรีเพียงคนเดียวของพระราชา เเม้จะได้รับการดูแลมากมาย  แต่เธอก็ไม่ได้มีความสุขเท่าไรนัก  เพราะเหล่าพี่น้องต่างอิจฉาและเกลียดชังเธอ...

              ใช่เพคะองค์หญิง  เมื่อคืนหม่อมฉันได้ยินเสียงลมพัดปรวนไปหมด  บางทีฝนก็ตก  แถมได้ข่าวว่าทางเมืองชิม่อนพันธมิตรของเราก็เกิดแผ่นดินไหวด้วยเพคะ....

              นักเวทย์ผู้ดูแลเป็นองครักษ์ประจำตัวองค์หญิงยิ้มน้อยๆ เอ่ยเสียงเรียบ  หล่อนไว้ผมสีแดงมัดแกละยาวถึงกลางหลัง  ท่าทางเอาการเอางานและจงรักภักดี....

              แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอเป็นคนอย่างไร....

              งั้นเหรอ....  ถ้าเราได้ออกไปจากปราสาทนี่ก็จะดีไม่ใช่น้อยเลยนะการ์เน็ต  เราคงจะได้ไปซื้อของและเดินเล่นในสิ่งที่ประชาชนเรียกว่าตลาดบ้าง...

              ถ้าองค์หญิงต้องการ  หม่อมฉันก็จะพาไปได้เพคะ

              การ์เน็ตยิ้มให้หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่มีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแห่งดินแดนก่อนจะมองไปยังวงแหวนเวทย์ที่ตีตราอยู่ในกล่องที่เจ้าหญิงนำติดตัวตลอดเวลา

              ไม่ได้หรอกการ์เน็ต  เราต้องดูแลวงแหวนเวทย์ที่นี่  มิฉะนั้นพลังของมันจะไปทำร้ายคนอื่นในวัง.....

              องค์หญิงยิ้มให้การ์เน็ตน้อยๆ  ก่อนผายมือบอกให้เธอกลับไป...

             กลับไปได้แล้วล่ะ  เราอยู่ได้...

              “เพคะองค์หญิง...”    การ์เน็ตก้มหัวให้เธอเล็กน้อยก่อนเดินออกจากห้องไป...

             

              ดูแลวงแหวนเวทย์?  สิ่งของต้องคำสาปอย่างนั้นน่ะเหรอ  น่ารังเกียจจริง  เจ้าหญิงเคียวโกะ

              แต่นั่นเป็นคำพูดขององครักษ์สาวสวยที่เบาจนยากยากจะมีใครได้ยิน.....

     

       

              .....

              “….”

              ชายหนุ่มผมสีทองสดสวยสองคนนั่งจ้องหน้ากันอยู่บนบัลลังค์ทองของตนเองที่สั่งให้พ่อบ้านทำมา   แต่มันเสร็จเพียงแค่หนึ่งตัว  ทำให้เขาเริ่มทะเลาะอีกแล้ว  เป็นครั้งที่34 ของวันนี้

             เฮ้ๆๆ  จิล  นั่นมันบัลลังค์ของเจ้าชายนะ  อย่าเอาตูดที่ไม่ได้ล้างเวลาเข้าห้องน้ำมาทำแบบนั้นนะ!”

              ‘เบลเฟกอล  ชายน่าตากวนโหโมอายุ 16 ปีเจ้าชายลำดับที่3แห่งอาณาจักรวองโกเล่ทุบตีฝาแฝดของตนเป็นการใหญ่   ราจิลเอลแฝดผู้พี่ เจ้าชายลำดับที่2 ไม่ยอมแพ้  ตีหัวน้องชายอย่างหมั่นไส้

              ไอ้เจ้าชายติ๊งต๊อง  ฉันเป็นแฝดคนพี่  ฉันต้องได้ก่อนแกดิวะ! ชิชิชิ”     ราจิลเอลกระชากหัวเบลเฟกอลออกไปแรงๆ จนเจ้าตัวร้องโอ้ย

              ชิชิชิชิชิ  แกเกิดก่อนฉันกี่นาทีกันเชียวไอ้หัวขี้อย่ามาล้อเล่นน่ะ ฉันจะนั่งเว้ย!”

              เบลหยิบแจกันขึ้นเขวี้ยงไปทางราจิลเอล  โชคดีที่เจ้าชายฝาแฝดผู้พี่หลบทัน

             ชิชิชิชิ ฉันเกิดก่อนแกห้านาทีไอ้เจ้าชายปัญญาอ่อน นี่แน่ะ!!”

              จิลไม่ยอมแพ้  หยิบขวดไวน์ชั้นดีราคาเหยียบล้านขึ้นมาปาใส่ผู้เป็นน้องเหมือนกับเล่นปังย่า!

              “คิดเล็กคิดน้อยจริงแกเกิดก่อนฉัน4.45 วินาทีเว้ยไอ้โง่หน้าอย่างแกน่ะทำอะไรไม่เป็นนอกจากล้างตูดแหละวะ!!!”    เบลกระโจนใส่จิล  และจิลก็กระโจนใส่เบล -*-

               ไอ้น้องชายปัญญาอ่อนนนนนน ว้ากกกกกก!!! ชิชิชิชิชิชิชิ

               “ไอ้พี่หน้าเห็บหมาทอดกรอบชิชิชิชิชิชิชิชิ ย้ากกกกก!!!”

              ‘โครม!!!!’

              และนี่คือชีวิตประจำวันของพวกเขา..... บุตรคนที่สามและสองของราชา.. -*-

     

             

              สุขสันต์วันเกิดอายุครบ22ปีนะฮ้าองค์ชายซันซัสสุดหล่อของเดี๊ยน ฮี่ๆๆๆๆ!”

              กระเทยร่างยักษ์ผู้เป็นคนรับใช้ในวังของเจ้าชายลำดับที่1  ‘ซันซัส วิ่งถือถาดเค้กถาดเบ้อเริ่มชนิดกินกันทั้งหมูบ้านไม่หมดเริงร่ามาทางเจ้าชายลำดับที่หนึ่งที่นั่งอ่านหนังสือบนโต๊ะทำงาน  เขาเป็นคนไม่พูด  โหด  และคล้ายๆ กับเด็กขาดความอบอุ่น  ทั้งชีวิตของเขามีเพียงลุซเซอเรียคนใช้ในปราสาทของตนเองที่เขาไว้ใจ  เพราะไม่มีใครรักเขาแม้แต่คนเดียว  ผู้เป็นแม่เสียไปตั้งแต่ตอนที่เขาเกิด  เขาจึงเอาแต่คิดอยู่ตลอดว่าตนเองทำให้แม่ตายไป  จนกลายเป็นเจ้าชายผู้โดดเดี่ยวและจมสู่ห้วงแห่งความบาปชั่วนิรันดร....  

              ฉันไม่อยากกิน  จะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ”      องค์ชายเอ่ยแต่สายตายังคงมองหนังสือในมือ  นัยส์ตาสีแดงชั่วร้ายของเขายังคงแฝงไปด้วยความเสียใจและรอคอยอะไรบางอย่าง....

              “หวังว่าคงไม่คิดใช่มั้ยฮ้าว่าคุณพ่อจะมาร่วมเป่าเค้กวันเกิดด้วยเนี่ย!”

              “ไม่คิด  ไม่เคยคิดด้วย

             โธ่เอ้ยนี่พี่ลุซเนี่ยเลี้ยงองค์ชายมาตั้งแต่เกิดยันโตเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้  เดี๋ยนจำได้นะฮ้าว่าตอนเด็กๆ เนี่ย ซันซัสคุงเนี่ยไม่ยอมกินเค้กวันเกิดเพราะว่ารอให้พระราชามากินด้วย  แต่ท่านก็ไม่เคยมาเยี่ยมเลยแม้แต่.. อุ้ยตาย!!”

              “เงียบไปซะลุซเซอเรีย  ฉันไม่อยากฆ่ากระเทยให้เสียอีโก้หรอกนะ

              ในมือขององค์ชายผู้สูงศักดิ์ปรากฏเปลวไฟสีดำทมิฬก่อตัวขึ้นเป็นเหมือนกับบอล แต่ว่าพลังทำลายล้างของมันคงจะไม่เหมือนซะแล้ว...

              โอเคฮ้าๆๆๆ  เดี๊ยนไม่พูดก็ได้  แต่ว่าองค์ชายน่ะต้องกินเค้กของเดี๊ยนนะฮะ  เดี๊ยนน่ะเป็นพี่เลี้ยงให้องค์ชายมาตั้งแต่เกิดนะฮะ  อย่าเย็นชากับเดี๊ยนนักสิฮ้า!”     ลุซเซอเรียทำเป็นบีบน้ำตาตามสไตล์กระเทยร่างบวมก่อนจะวางเค้กช็อกโกแลตของโปรดลงบนโต๊ะ  ซันซัสมองเค้กนั่นด้วยสายตาที่ยากจะหยั่งถึง...

             

              15  ปีก่อน เขาอายุ 7 ปี

              ท่านพ่อท่านพ่อขอรับ  วันนี้วันอะไรเอ่ย!!ฮิๆๆ’  

              เด็กชายนัยส์ตาสีแดงสด  ผมสีดำปรกหน้าเล็กน้อยวิ่งลงมาจากบนห้องของตนเอง  สองมือถือเค้กที่ลุซเซอเรียพี่เลี้ยงทำให้มาหาพ่อ....

              เค้กช็อกโกแลต.....

              วันอะไร  แกลงมาทำไม?’      ผู้เป็นพ่ออุ้มเด็กหญิงน่าตาน่ารักคนหนึ่ง  ท่าทางเธอจะอายุประมาณห้าขวบและหยอกล้อเล่นกับเธออย่างแสนรัก.... ทิ้งให้เด็กชายผู้พี่มองอย่างค้อนๆ

              พ่อไม่แม้แต่จะมองเขาเลย.....

              อ่า….ท่านพ่อคะ  พี่ซันซัสถือเค้กมาด้วย  หนูอยากกินจัง  หนูขอได้มั้ยคะพี่ซันซัส!’

              เด็กหญิงร้องขอเค้ก  เธอคือองค์หญิงเคียวโกะนั่นเอง  เธอเป็นลูกต่างมารดาของเจ้าชายซันซัส  และที่รู้ๆกัน  พระราชารักเธอที่สุด  และทรงลืมโอรสองค์แรกไป....

              วะ...วะนี้วันเกิดผมไงขอรับท่านพ่อ  ฉันไม่ให้เธอหรอกเคียวโกะ  อย่าแตะนะ!!!’

              เด็กชายปัดมือเด็กหญิงออกจากเค้กและแสดงสีหน้าไม่พอใจ  เขาอุตส่าห์เข้าครัวไปทำเลยนะเนี่ย  เผื่อว่าท่านพ่อจะชมเชยบ้าง...

              ฮะ...ฮึก  ท่านพี่  นะ หนูก็แค่ขอกินเอง แงงๆๆๆๆ ฮืออออ’      เด็กหญิงเริ่มเบะ  สร้างความไม่พอใจแก่องค์ราชาเป็นอย่างมาก 

              เพียงแค่เคียวโกะร้องไห้   พ่อถึงกับตบหน้าเขา.....

              เพียะ!!!

              ‘อะ..โอ้ย!’

              เด็กชายทรุดตัวลงบนพื้น  บนใบหน้ามีรอยแดงจ้ำเป็นรอยมือ...

              แกแกทำให้แม่ของตัวเองตายแล้วไม่พอยังทำให้เคียวโกะร้องไห้อีกเรอะ!!!’

              ‘ทะ... ท่านพ่อ

              ‘แกนี่มันปัญหารกโลกจริงๆไหนๆ เค้กอะไรของแก’   พระราชาหยิบเค้กในมือของเจ้าชายซันซัสขึ้นมา  แวบแรกเด็กชายก็ยังดีใจอยู่บ้างที่พ่อของเขาถือเค้กที่เขาทำเองไปถือ  แม้จะไม่กิน  ขอแค่คำชมบ้าง  ขอแค่คำว่า...

              สุขสันต์วันเกิด   ก็พอ....

              ผม... ผมจะดีใจมากถ้าท่านพ่อสุขสันต์วันเกิดผม... ท่านพ่อ!!!!!’

              เด็กชายนัยส์ตาเบิกโพลงเมื่อเห็นเค้กที่ตัวเองตั้งใจทำตกลงพื้นโดยฝีมือของพระราชา  เขาโยนมันลงบนพื้น  และยังเอาเท้าเหยียบมันอีกด้วย!......

              น้ำตาของเด็กชายผู้สูงส่งไหลลงช้าๆ....

              น่ารำคาญจริง!!  ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับฉันน่ะหา!!!?  แกจะไม่ฟังกันเลยใช่มั้ย!!!?’

             ราชาหยิบไม้เท้าข้างกายมาฟาดลงที่หน้าของเจ้าชายซันซัสอย่างบันดาลโทสะ  จนเลือดไหลโชกอย่าน่ากลัว  เด็กชายในตอนนั้น......

              เพลิงสีดำก่อตัวขึ้นที่มือของเขา...

              ทหาร!!!!  เอาตัวมันไปขังไว้ในห้องใต้หลังคาสามวัน!’    พระราชาสั่งทหารให้เอาตัวเด็กชายไปขังเหมือนที่เขาชอบทำเวลาเขาโกรธเจ้าชายองค์โต

              อย่าเลยนะฮ้าท่านราชา  อย่าทำเจ้าชายเลยฮ้า!!’      กระเทยคนหนึ่งผู้เป็นพี่เลี้ยงวิ่งลุกลี้ลุกลนมากอดเด็กชายเอาไว้ไม่ให้เหล่าทหารจับเด็กชายไปอีก 

              ‘….’       เด็กชายมองผู้เป็นบิดาด้วยความแค้น...

              ได้โปรดเถอะฮ้า  แผลใหญ่ขนาดนี้ต้องเป็นแผลเป็นแน่เลย  ขอให้เดี๊ยนไปทำแผลให้องค์ชายนะฮ้า

              ลุซเซอเรียรีบอุ้มเจ้าชายออกไปจากห้องโถง  ในขณะที่เพลิงสีดำที่มือของเจ้าชายยังคงก่อตัวขึ้นช้าๆ

              ลุซเซอเรีย...’     ซันซัสปรือตาขึ้นมา  เลือดยังไหลโชก...

              ฮ้าองค์ชาย  รอเดี๋ยวนะฮ้า เดี๊ยนกำลังจะพาองค์ชายไปทำแผลฮ่า

              ‘..... ฉัน... เจ็บมือ

             ‘มือไหนฮ้า?’

              ‘มะ...มือขวา...

             ‘หา!!!  ว้าย!!  องค์ชายเป็นนักเวทย์    ลุซเซอเรียกรีดร้องเมื่อเห็นไฟสีดำก่อตัวขึ้นในมือขวาของเขา มันเป็นไฟที่พลังมหาศาล  แต่ทว่ามันเป็น....

             ธะ...ธาตุอะไร?’

              ‘คะ...ความมืดฮ่า

    .

    .

    .

              นั่นมันเรื่องเมื่อก่อน... เมื่อเขารู้ว่าตนเองเป็นนักเวทย์สายความมืดที่แสนจะชั่วร้าย   องค์ชายทำการทำลายล้างทหารทุกคนที่เคยจับเขาเข้าห้องมืดเป็นการลงโทษ  ความเหี้ยมโหดของซันซัสเมื่อเขาโตขึ้นทำให้องค์ราชาทนไม่ไหว  หากมีเขาอยู่ในวังใหญ่ต่อไปทหารคงจะโดนฆ่าหมดแน่  จึงสร้างวังที่ทำจากหินสีดำทั้งหมดขนาดใหญ่โตมโหฬารให้เขา....

              อืม...”      ซันซัสเปิดผมที่ปรกหน้าของเขาเล็กน้อยออก  เผยให้เห็นแผลเป็นบนใบหน้าของเขา....

               เจ้าชายเอานิ้งจิ้มเค้กมาป้ายปากของตัวเองเบาๆ

             เค้กนี่...อร่อยดี

     

     

     

     

              ณ  วังหลวง

             อะไรนะ!!!!!?   โลหิตของนักเวทย์ไฟงั้นเรอะ!!?’’

             เสียงทรงอำนาจขององค์ราชาผู้ชั่วร้ายกังวานก้องทั่วห้องประชุมใหญ่แห่งราชอาณาจักร

            ขอรับ.... ดูเหมือนว่าเหล่า เดธพริ้นซ์จะถือกำเนิดแล้ว”      อิเอมิสึ  นายกรัฐมนตรีประจำราชอาณาจักรเอ่ยเสียงเครียด  เหตุการณ์เมื่อร้อยปีก่อนจะกลับมามั้ยนะ?

              กลับมาตามคำนายของ.... หญิงสาวแห่งโชคชะตา....

              แล้วเหตุการณ์กบฏก็ยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ  ดูเหมือนว่าพวกมันจะเรียกตัวเองว่ากบฎเทวาขอรับองค์ราชา     ชายหนุ่มผมดำขลับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเอ่ยเสียงเรียบ  เขาพกดาบติดตัวตลอดเวลา อัสวินมายานั่นเอง

              หึ...กบฎแห่งเทพงั้นเรอะ!?  ไร้รสนิยมสิ้นดี!  ว่าแต่หัวหน้ากบฎเหล่านั้นเป็นใคร?’’    ราชาถาม   ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีต่างๆ  ตัวแข็งทื่อเมื่อเอ่ยถึงเรื่อง แกนนำ

              “กะ...แกนนำของพวกนั้นมีอยู่สามคนขอรับ”      

              อิริเอะ  โชอิจิ รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีกระดกแว่นขึ้นเล็กน้อยและอ่านโพยที่ตัวเองจดมาอย่างกลัวๆ

              ก็บอกมาสิว่าใครบ้าง!?”      พระราชาปัดรายงานลงอย่างมีน้ำโห

              คะคะคะคะ  คนแรกคือ บาจิลผู้ใช้เวทย์ธาตุดิน ต่อมาคือ ดีโน่เป็นรองผู้ใช้เวทย์ธาตุธารา  และสุดท้ายคือ....

              “รีบพูดมาสิ...”    เลวี่  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ

              คน คนสุดท้าย...  คือ.....

              “….เบียคุรัน นักเวทย์แห่งความมืดขอรับ!”



    --------------------------------- ----------------------------------------------



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×