คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เพื่อนชายคนสนิทของพิมลรัตน์
ตอนที่ 7
พจน์ : (ถามชญาดา) "แล้วชญาดาล่ะ เหนื่อยบ้างไหมลูก?"
ชญาดา : "ไม่อ่ะค่ะพ่อ การที่ดาสอนเด็กในมหาวิทยาลัย ก็สนุกดีนะคะพ่อ"
พจน์ : (ถามสิริภรณ์) "แล้วสิริภรณ์ล่ะ เหนื่อยบ้างไหมลูก?"
สิริภรณ์ : "วันนี้เหนื่อยสิคะคุณพ่อขา ไหนก็จะต้องเรียนหนังสือ งานถ่ายแบบลงปกนิตยสารอีก เหนื่อยแทบแย่เลยค่ะ"
พจน์ : "เหนื่อยก็ต้องทนสิลูก สิริภรณ์ฟังพ่อนะ เรื่องเรียนกับเรื่องงานมันเป็นของคู่กัน แต่ใจจริงพ่ออยากให้สิริภรณ์เรียนหนังสือให้จบ ส่วนเรื่องงานเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีไม่ใช่หรอ?"
พิมลรัตน์ : "ใช่ ยัยภรณ์ พ่อพูดถูก เอาเรื่องเรียนของเธอให้รอดก่อนดีกว่าเอาไหม?"
สิริภรณ์ : (ลุกขึ้นมาต่อว่าพิมลรัตน์) "ทำไมล่ะ? ฉันจะทำอะไรมันเป็นเรื่องของฉัน พี่ไม่มีสิทธิ์ที่จะยุ่งกับฉันด้วย"
พิมลรัตน์ : "ทำไมล่ะ? ทีเวลาเรื่องพี่ภูแฟนของพี่ปาน เธอก็ยังถามถึงเค้าได้อยู่เลย แล้วทำไมพี่จะถามถึงเรื่องนี้ไม่ได้ล่ะ"
สิริภรณ์ : "ก็ฉันอยากรู้นี่ไงล่ะ"
พจน์ : "พอๆเถอะ นี่เวลาอยู่บ้านนะ ไม่ใช่สนามมวยที่จะมาชกต่อยกัน เป็นพี่น้องกันก็ต้องรักกันสิ"
บงกช : (พูดกับชญาดา) "ดา"
ชญาดา : "มีอะไรหรอคะแม่?"
บงกช : "เดี๋ยววันนี้ ดากับแม่ไปสวดมนต์กันในห้องพระนะลูก"
ชญาดา : "ค่ะแม่"
บงกช : (พูดกับปานวาด พิมลวรรณ พิมลรัตน์และสิริภรณ์) "นู๋ปาน นู๋วรรณ นู๋รัตน์และนู๋ภรณ์ ก็อย่าลืมสวดมนต์ก่อนนอนนะลูก หรือไม่ก็สวดมนต์ในห้องพระก็ได้ลูก"
ทั้ง 4 คน : "ค่ะ"
บงกช : (พูดกับป้าแจง) "ป้าแจง"
ป้าแจง : "มีอะไรหรอคะ?คุณบงกช"
บงกช : "ป้าอย่าลืมรีดกางเกงเสื้อผ้าสีขาว มาให้ฉันและดานะ"
ป้าแจง : "ได้ค่ะ" ป้าแจงพูดเสร็จจึงรีบออกไป ทั้ง 4 คน ปานวาด พิมลวรรณ พิมลรัตน์และสิริภรณ์จึงเดินแยกย้ายกัน เหลือเพียงแต่ชญาดาคนเดียว ที่ช่วยป้าแจงล้างจาน หลังจากที่ป้าแจงเดินออกไปรีดผ้าในห้อง ชญาดาจึงมีหน้าที่ช่วยแจงล้างจานเช็ดถูภายในห้องครัว
พจน์ : "ชญาดา"
ชญาดา : (เดินไปหาพจน์) "มีอะไรหรอคะพ่อ?"
พจน์ : "พ่อว่า ไม่ต้องช่วยป้าแจงทำงานบ้านนะ เหนื่อยเปล่าๆ"
ชญาดา : "ไม่เป็นไรค่ะพ่อ เรื่องแม่บ้านแม่เรือน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดาเองค่ะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ" ชญาดายังยืนยันคำเดิม ทำให้พจน์และบงกชเข้าใจ จึงให้ชญาดาล้างจานทำความสะอาดในห้องครัวต่อไป
เวลา ผ่านไป ในห้องไหว้พระ บงกช ชญาดาและพิมลวรรณ เข้ามาสวดมนต์ด้วยความพร้อมเพรียงกัน ในระหว่างที่ทั้งสามคนแม่ลูกสวดมนต์ด้วยความคล่องแคล่วว่องไวอยู่นั้น ภายในห้องนอนของหญิงสาวทั้ง 5 คน ก็เหลือเพียงแต่ปานวาด พิมลรัตน์และสิริภรณ์ กำลังนอนหลับอยู่ จู่ๆ สิริภรณ์เกิดอาการนอนไม่หลับนอนดิ้นไปดิ้นมา ยกมือทั้งสองข้างของเธอปิดหู เพื่อไม่อยากได้ยินเสียงสวดมนต์ของบงกช ชญาดาและพิมลวรรณ ทำให้พิมลรัตน์และปานวาดลุกขึ้นออกจากเตียง
ปานวาด : "ภรณ์ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?"
สิริภรณ์ : "พี่ปาน ฉันนอนไม่หลับอ่ะ ไม่อยากได้ยินเสียงสวดมนต์บ้าๆบอๆหรอก"
พิมลรัตน์ : "นี่! ยัยภรณ์ ในห้องพระกำลังสวดมนต์อยู่ ถ้านอนไม่หลับก็อย่าดิ้นได้ป่าวล่ะ คนกำลังสวดมนต์ ได้บุญได้กุศลนะ"
สิริภรณ์ : "ไม่หรอก สวดมนต์นี่เหรอ จะได้บุญน่ะ ไม่เชื่อหรอก และไม่มีทางด้วย"
ปานวาด : "ภรณ์ ฟังให้ดีนะ ที่รัตน์พูดมาทั้งหมด เค้าหวังดีนะ เค้าอยากให้ภรณ์สวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญไว้ซะ ไม่ใช่วันๆภรณ์จะนั่งแต่งตัว แต่งหน้า ทาปาก ไปไหนมาไหนแบบนี้ เรื่องหน้าตา จะสวยหรือไม่สวย มันไม่สำคัญหรอก แต่ดูที่นิสัยใจคอ ต้องเป็นคนดี หมั่นทำจิตใจให้บริสุทธิ์นะ" ปานวาดเตือนสิริภรณ์ด้วยความหวังดีและอยากให้สิริภรณ์นั้น สวดมนต์ไหว้พระเหมือนชญาดา
พิมลรัตน์ : "และอีกอย่างนึงนะ ต้องหมั่นนั่งสมาธิ นั่งวิปัสสนากรรมฐานเข้าใจไหม?" พิมลรัตน์เสริมอีกคน
สิริภรณ์ : "นั่งวิปัสสนากรรมฐานมันคือไรอ่ะ ฉันไม่รู้จักอ่ะ?"
พิมลรัตน์ : "เอ้า พี่นึกว่าเธอจะรู้จักซะอีก พี่จะบอกให้นะ การนั่งวิปัสสนากรรมฐานนะ ก็คือ การนั่งสมาธิสิ การนั่งสมาธิต้องกำหนดหายใจเข้าและออกด้วย เข้าใจหรือยัง?"
สิริภรณ์ : "เข้าใจแล้ว ขอบใจนะ แต่ไม่ต้องล่ะ เพราะว่าฉันไม่ชอบไปสวดมนต์และไปวัดหรอก เชอะ" สิริภรณ์พูดเสร็จนอนลงบนเตียง ทั้งปานวาดและพิมลรัตน์ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อว่า สิริภรณ์มักจะไม่ชอบสวดมนต์ นั่งสมาธิและไปวัดสักเท่าไหร่
พิมลรัตน์ : "ยัยภรณ์เอ้ย เธอน่าจะไปวัดมากกว่าในผับอีก" พิมลรัตน์พูดกับสิริภรณ์ที่กำลังหลับอยู่ด้วยสีหน้าเซ็งและนอนบนเตียงต่อ ทำให้ปานวาดก็พลอยนอนหลับบนเตียงไปด้วย
วันต่อมา พิมลรัตน์ใส่รองเท้าผ้าใบพร้อมกับกระเป๋าสะพาย ส่วนบงกชก็เดินออกจากห้องแต่งตัว เพราะบงกชเพิ่งแต่งตัวเสร็จแล้ว ป้าแจงจึงเดินเข้ามาถามพิมลรัตน์
ป้าแจง : "นู๋รัตน์คะ"
พิมลรัตน์ : (หันมาถามป้าแจง) "มีอะไรหรือเปล่าฮะป้าแจง?"
ป้าแจง : "ป้าอยากจะให้นู๋รัตน์ซื้อขนมเปียกปูนมาให้ป้าหน่อยนะคะ ซื้อตอนกลับบ้านด้วย"
พิมลรัตน์ : "ได้เลยฮะป้า เดี๋ยวนู๋จะซื้อขนมมาฝากให้ป้าด้วย"
ป้าแจง : "งั้น นู๋รัตน์อย่าลืมดูแลคุณบงกชด้วยนะคะ เดี๋ยวป้าจะตบรางวัลให้นู๋รัตน์เป็นอย่างงามด้วย"
พิมลรัตน์ : "ป้าแจงไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะฮะ เรื่องแม่ของฉันเดี๋ยวฉันดูแลให้ ป้าดูแลบ้านให้ดีๆนะ" พิมลรัตน์พูดเสร็จจึงเดินออกจากบ้านพร้อมกับบงกช ส่วนป้าแจงก็มีหน้าที่ดูแลบ้าน ส่วนสิริภรณ์จึงเดินออกมาในชุดนักศึกษา จึงถามป้าแจง
สิริภรณ์ : (หันมาถามป้าแจง) "ป้าแจง"
ป้าแจง : "มีอะไรหรือเปล่าคะ?นู๋ภรณ์"
สิริภรณ์ : "ป้าไปหยิบรองเท้ามาให้นู๋หน่อย"
ป้าแจง : "ได้ค่ะ" ป้าแจงพูดเสร็จ จึงรีบวิ่งแจ้นไปหยิบรองเท้าส้นสูงมาให้สิริภรณ์ด้วยความรวดเร็ว และใส่รองเท้าให้กับสิริภรณ์
ป้าแจง : "เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหนูภรณ์"
สิริภรณ์ : "ขอบใจมากนะป้า งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ"
ป้าแจง : "ค่ะ" สิ้นเสียงคำพูดของป้าแจง สิริภรณ์เดินไปที่รถยนต์ของสิริภรณ์ขับออกจากบ้านไป ปล่อยให้ป้าแจงเฝ้าบ้านเพียงคนเดียว ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ทำงานของบงกชและพิมลรัตน์ บงกชและพิมลรัตน์เดินมาถึงที่ร้านอาหาร จึงเดินเข้าไปทักทายเจ้าของร้านอาหาร หลังจากที่คุยกันเสร็จแล้ว ทั้งสองแม่ลูกก็แยกย้ายกันทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
ในระหว่างที่พิมลรัตน์กำลังกวาดถูในร้านอาหารนั้น จู่ๆมีชายหนุ่มหล่อเท่ เดินเข้ามาในร้านอาหาร พร้อมสะพายกระเป๋ากีต้าร์อยู่ด้วย จึงเดินเข้าไปหาพิมลรัตน์ทันที
พิมลรัตน์ : "สวัสดีค่ะ ร้านอาหารยินดีต้อนรับค่ะ" พิมลรัตน์พูดเสร็จ จึงมองหน้าไปที่ชายหนุ่มคนนี้และก็รู้สึกตกใจเมื่อได้เจอเพื่อนสนิทที่ไม่ ได้พบกันมาตั้งนาน
พิมลรัตน์ : "เฮ้ย! นายกร" พิมลรัตน์ร้องด้วยความดีใจ เมื่อชายหนุ่มที่สนิทกับพิมลรัตน์นั้นมาที่ร้านอาหารอยู่ด้วย ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็คือ ศุภกรณ์ เพื่อนสนิทของพิมลรัตน์ มาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมตอนต้น
ศุภกรณ์ : "นี่! ยัยรัตน์ใช่ไหม?"
พิมลรัตน์ : "ก็ใช่สิ ฉันไม่ได้เจอกับนายตั้งนานเลยว่ะ" พิมลรัตน์พูดเสร็จจึงเดินเข้าไปกอดศุภกรณ์ด้วยความดีใจ
พิมลรัตน์ : "ว่าแต่นายกรเหอะ นายหายหัวไปไหนมา (มองศุภกรณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะพูดกับเขา) ทำไมนายไม่โทรมาหาฉันฮะ?"
ศุภกรณ์ : "ก็ฉันจะโทรหาเธอได้ไงฮะ ก็ที่ฉันหายไปนะ ก็วันนี้ฉันอยากจะมีข่าวดีจะมาบอกเธอด้วย"
พิมลรัตน์ : "ถ้างั้น นายมานั่งก่อนสิ" พิมลรัตน์พูดเสร็จ ศุภกรณ์ลากเก้าอี้มานั่งเพื่อคุยกับพิมลรัตน์
พิมลรัตน์ : "ว่าแต่นายกรมีข่าวดีจะบอกอะไรฉันล่ะ?"
ศุภกรณ์ : "ข่าวดีก็คือ ฉันอยากจะมาสมัครเป็นนักร้องน่ะสิ ฉันอยากจะบอกกับเธอเรื่องนี้เป็นคนแรกไง"
พิมลรัตน์ : "จริงหรอวะ?"
ศุภกรณ์ : "จริงดิ ถ้าฉันไม่ได้บอกข่าวนี้กับเธอนะ ป่านนี้ฉันคงไม่กล้าบอกหรอก"
พิมลรัตน์ : (ยกมือจับไหล่ของศุภกรณ์) "เฮ้ย! นายอย่าเพิ่งคิดมากสิวะ เรื่องแค่นี้บอกฉันได้นะโว้ย ถ้านายอยากให้ฉันทำอะไร บอกฉันมาได้เลย เดี๋ยวฉันจะสนับสนุนให้นายเต็มที่เลย"
ความคิดเห็น