คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ดูดวงชะตาทายทัก
ตอนที่ 16
ปานวาด : "ใจจริงพี่ไม่อยากให้พ่อเค้าบังคับให้ภรณ์ไปหรอกนะ แต่มันจำเป็นจริงๆ พอถึงวันพระทีไร ก็ต้องไปทำบุญ เป็นธรรมดาอยู่แล้วเนี่ย"
ชญาดา : "ดาว่า ถ้าดาเป็นภรณ์ ดาจะเอาเวลาไปเที่ยวสถานเริงรมย์ มาเป็นเวลาไปวัดดีกว่าค่ะ" ชญาดาพูดเสร็จ ทำให้ปานวาด พิมลวรรณและพิมลรัตน์มองไปที่ชญาดา
พิมลรัตน์ : "ทำไมล่ะน้องดา?"
ชญาดา : "ดาคิดว่า การไปสถานที่เริงรมย์ หรือพวกสถานบันเทิง พอเข้าไปข้างใน มันมีสุรา พวกของมึนเมา พอหลังจากที่ดื่มสุราจนเมาแล้ว สุดท้าย ก็ได้เสียตัวด้วยกัน ในโรงแรมแห่งหนึ่ง หรือไม่ก็...พวกอพาทเมนท์อ่ะค่ะ" ชญาดาอธิบายให้ทุกๆคนฟัง ทำให้ทุกๆคนเข้าใจ
พิมลวรรณ : "จริงด้วยเหมือนอย่างที่น้องดาบอกเลย การดื่มสุรา เป็นสิ่งที่ไม่ดี มันเป็นของสิ่งเสพติดอย่างนึง (ถามปานวาด) พี่ปานว่า จริงอ่ะป่าวจ๊ะ?"
ปานวาด : "จริงสิ ที่ดาพูดไปทั้งหมด เค้าพูดถูกนะ ช่วงนี้เค้ารณรงค์เกี่ยวกับ เมาไม่ขับ ห้ามดื่มเหล้าเข้าพรรษา มันบาปจริงๆ และที่อีกอย่างนึง ถ้าดื่มสุรามากจนเมาขนาดนี้ พี่ว่า ขึ้นรถแท๊กซี่ดีกว่า หรือไม่ก็ต้องหาเพื่อนสักคนนึง มาขับรถแทนสักหน่อย" ปานวาดแสดงความคิดเห็นต่างๆนาๆ เรื่องเกี่ยวกับสุรา
พิมลรัตน์ : "แสดงว่า โครงการนี้ต้องเจ๋งแน่นอนเลยล่ะพี่"
พิมลวรรณ : "แน่นอนอยู่แล้วจ้า" หลังจากที่สิริภรณ์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ครอบครัวของพจน์ก็มาถึงที่วัด เพื่อไปทำบุญตักบาตร จากนั้น ครอบครัวของพจน์ก็ได้เจอกับแม่ชีโศรยาอีกด้วย
พจน์ : (ยกมือไหว้) "วันนี้ผมกับภรรยาและลูกสาวของผมทั้ง 5 คน มาทำบุญในวันพระครับแม่ชี"
แม่ชีโศรยา : "ดีเหมือนกันนะโยม จำไว้นะจ๊ะ หมั่นทำบุญเข้าไว้ มักจะได้บุญกุศลเยอะ เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้เกิดมาเป็นคนดีเท่านี้ก็สุขใจแล้ว"
บงกช : (ยกมือไหว้) "แม่ชีคะ พอดีอิฉันจะมาให้ลูกสาวของฉันทั้ง 5 คน มาดูดวงอ่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่า จะมีวัดไหนบ้างอ่ะค่ะ"
แม่ชีโศรยา : "ก็มีบ้างอ่ะจ้า คนเรามันแล้วแต่ดวงนะโยม แข่งศักดิ์ศรีมันแข่งได้ แต่แข่งบุญกับวาสนา มันแข่งกันไม่ได้จริงๆนะโยม" หลังจากที่ครอบครัวของพจน์ไปทำบุญเสร็จแล้ว
ต่อมา พจน์จึงไปที่วัดแห่งหนึ่ง (ซึ่งเป็นสถานที่ที่ณัฐพงษ์เคยอยู่ไว้ แต่วันนี้ณัฐพงษ์ไม่อยู่ เพราะเขาไปเรียนหนังสือ) ปานวาดจึงเดินมาถามบงกชทันที
ปานวาด : "แม่คะ ทำไมแม่ต้องพาพวกเราไปดูดวงที่วัดนี้ด้วยหรอคะ?"
บงกช : "แม่อยากให้ลูกดูดวงว่า ช่วงนี้เป็นย้งไงบ้าง มีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่า ส่วนจะดีหรือไม่ดีนั้น มันเป็นอีกเรื่องนึงลูก"
ชญาดา : "หมายถึงว่า ที่มาดูดวงวันนี้ ก็จะให้พวกเราแก้ปัญหาหรอคะ?"
บงกช : "ใช่จ้า ถ้าดวงไม่ดี ก็ต้องระวังไว้มากๆนะลูก ยิ่งลูกเราทั้ง 5 คนเป็นผู้หญิง พ่อกับแม่ก็ดูแลลูกเป็นพิเศษไงลูก" ในระหว่างที่กำลังคุยกันนั้น พระก็เดินออกจากโบสถ์ก็เห็นครอบครัวของพจน์เข้ามาในวัด
พระ : "เอ้า มากันแล้วหรอ?" พระพูดเสร็จ ครอบครัวของพจน์ก็ยกมือไหว้พระ
พจน์ : "นมัสการครับหลวงพ่อ ผมกับภรรยาและลูกสาวของผมทั้ง 5 ก็มาถึงแล้วล่ะครับ"
พระ : "เนื่องด้วยวันอะไรหรอ?"
พจน์ : "วันนี้ก็เป็นวันพระอ่ะครับหลวงพ่อ พอดี ผมพาภรรยาของผมรวมไปถึงลูกสาวของผมทั้ง 5 คน มาดูดวงอ่ะครับว่า จะมีเรื่องดีหรือไม่ดีตามมาหรือเปล่าอ่ะครับ?"
บงกช : "ใช่ค่ะหลวงพ่อ ที่อิฉันมานั้น อิฉันอยากให้หลวงพ่อมาดูดวงชีวิตของลูกสาวทั้ง 5 คนของอิฉันด้วยอ่ะค่ะ" บงกชเสริมคำพูดต่อจากพจน์ ทำให้พระได้ฟังที่พจน์และบงกชพูดมานั้น พระจึงบอกกับพจน์และบงกชขึ้นมา
พระ : "โยมพูดอะไรของโยมล่ะ โยมพจน์ โยมบงกช? พระไม่ใช่หมอดูที่มาทำนายดูดวงชะตาอะไรประมาณนั้นแหล่ะ มันเป็นเรื่องความเชื่อของแต่ละคนมากกว่า" พระพูดเสร็จ ทำให้พจน์และบงกชมองหน้ากันก่อนที่จะมาพูดกับพระขึ้นมาอีกครั้ง
พจน์ : "ผมทราบดีครับหลวงพ่อ แต่ผมอยากให้หลวงพ่อหรือว่าใครก็แล้วแต่ มาช่วยดูดวงของลูกสาวของผมทั้ง 5 คนด้วยนะครับ" พจน์ก็ยังอ้อนวอนให้พระมาดูดวงชีวิตของลูกสาวของพจน์ทั้ง 5 คน พระจึงนิ่งคิดไปสักพักใหญ่ก่อนที่จะตอบออกมา
พระ : "ถ้าโยมอยากให้อาตมาทำอย่างนั้นล่ะก็ อาตมาคงห้ามความคิดของใครไม่ได้หรอก" พระยอมใจอ่อนให้ดูดวงชีวิตของทั้ง 5 สาว ทำให้พจน์ยิ้มด้วยความดีใจ
พจน์ : "ขอบคุณมากครับหลวงพ่อ (บอกกับลูกสาวทั้ง 5 คน) ลูก ไปเข้าวัดดีกว่านะลูก" พจน์พูดเสร็จ จึงพาบงกชและลูกสาวทั้ง 5 คนเข้ามาในวิหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นวิหารของพระ พอมาถึงในวิหารแล้ว ทั้งหมดก็มานั่งที่พระพูดไว้
พระ : "โยมพจน์ อาตมาเอาสมุดกับปากกามาให้ลูกสาวของโยมทั้ง 5 คน เขียนชื่อ - นามสกุล วัน เดือน ปี เกิด เวลาที่เกิดด้วย เดี๋ยวอาตมาจะดูให้" พระพูดเสร็จ จึงยื่นสมุดปากกามาให้ทั้ง 5 สาวเขียน แต่ความจริงแล้ว พระก็เก่งวิชาความสามารถของพระที่เขาได้เรียนรู้มา ส่วนจะดีหรือไม่ดีนั้น มันแล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล เริ่มจากปานวาด เขียนชื่อและรายละเอียดทั้งหมด ต่อมาด้วยพิมลวรรณ ตามมาด้วยพิมลรัตน์ จากนั้นก็เป็นชญาดา และคนสุดท้ายก็คือ สิริภรณ์ หลังจากที่ลูกสาวของพจน์ทั้ง 5 คนเขียนในสมุดเรียบร้อยแล้ว พจน์จึงเอาสมุดมาให้พระดู พระจึงนั่งอ่านชื่อลูกสาวทั้ง 5 คน พระจึงได้ทราบวันเดือนปีเกิดของทั้ง 5 สาว พระจึงนั่งหลับตาเข้าไว้ไปสักพักนึง ก่อนที่จะบอกกับปานวาด
พระ : (บอกกับปานวาด) "โยมปานวาดใช่ไหม?"
ปานวาด : (ยกมือไหว้พระ) "ใช่ค่ะหลวงพ่อ"
พระ : "โยมเกิดวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2522 อายุ 30 ปี เวลา 12.20 น. ใช่ไหม?"
ปานวาด : "ค่ะ" ปานวาดตอบเสร็จ พระนั่งหลับตาไปสักพักใหญ่ ก่อนที่จะบอกกับปานวาด
พระ : "โยมปานวาด เป็นสาวธาตุดิน" พระตอบเสร็จ ทำให้ปานวาดทำสีหน้างงกับคำตอบของพระ
ปานวาด : "หลวงพ่อคะ ไหนลองพูดใหม่อีกทีสิคะ ดิฉันไม่เข้าใจเลย"
พระ : "โยมปานวาด เกิดในสาวธาตุดิน เป็นตัวแทนของสีส้มกับสีน้ำตาล เป็นดินที่บริสุทธิ์ ไม่มีสกปรก และเป็นคนอดทน รักความยุติธรรม หนักแน่น มั่นคง ก็หมายถึงว่า อะไรๆก็มั่นคงไปหมด ยกเว้นเพียงแต่เรื่องความรัก ระวังอย่าให้มีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ว่าแต่โยมทำงานอะไร?"
ปานวาด : "ดิฉันทำงานเป็นพนักงานธนาคารในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิค่ะ"
พระ : (ถามปานวาดต่อ) "แล้วแฟนของโยมปานวาดทำงานอะไร?"
ปานวาด : "แฟนของดิฉันทำงานเป็นสจ๊วตในสายการบินค่ะ"
พระ : "ไหน ลองเอาวันเดือนปีเกิดของแฟนของโยมหน่อยสิ" สิ้นเสียงของพระ พจน์หยิบสมุดกับปากกามาให้ปานวาดเขียนวัน เดือน ปี เกิดของภูวนาท หลังจากที่ปานวาดเขียนเสร็จแล้ว ปานวาดจึงเอาสมุดกับปากกามาส่งให้พจน์และส่งไปให้พระ พระจึงอ่านวัน เดือน ปีเกิดของภูวนาท หลับตานิ่งสักพักใหญ่ ก่อนที่จะลืมตาตอบกับปานวาดขึ้นมา
พระ : "ผู้ชายคนนี้ เค้าเป็นคู่แท้ของโยม แต่อาจจะมีมือที่สามเข้ามาบ้าง ยังไง อาตมามีวิธีเดียวที่จะให้โยมกับแฟนของโยมอยู่ด้วยกันได้ก็คือ ต้องรักกันเชื่อใจกันเอาไว้มากๆ ส่วนเรื่องแต่งงาน อาตมายังตอบไม่ได้จริงๆ" พระได้ชี้แจงให้ปานวาดฟัง ทำให้ปานวาดคิดไว้ว่า คนอย่างภูวนาทเค้าจะมีสาวอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า? หลังจากที่พระได้ดูดวงชะตาของปานวาดแล้ว ต่อไป ก็จะเป็นพิมลวรรณ พระได้อ่านชื่อ พิมลวรรณ ก่อนที่จะมองหน้าพิมลวรรณ
พระ : (พูดกับพิมลวรรณ) "โยมพิมลวรรณใช่ไหม?"
พิมลวรรณ : (ยกมือไหว้พระ) "ใช่ค่ะหลวงพ่อ"
พระ : "โยมพิมลวรรณ เกิดวันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2524 อายุ 28 ปี เวลา 08.30 น. ใช่ไหม?"
พิมลวรรณ : "ใช่ค่ะ" สิ้นเสียงของพิมลวรรณ พระนั่งหลับตานั่งสมาธิไปสักพักใหญ่ ก่อนที่จะลืมตาพูดกับพิมลวรรณ
พระ : "โยมพิมลวรรณ เป็นสาวธาตุทอง เป็นคนที่ฉลาด หลักแหลม มีความรู้ แถมชอบเอาชนะด้วย และที่สำคัญ ผู้หญิงคนนี้เสน่ห์แรงมาก" พระพูดเสร็จ ทำให้พจน์และบงกช รวมไปถึงปานวาด พิมลรัตน์ ชญาดาและสิริภรณ์ ตกใจและอึ้งกับคำพูดของพระ และไม่คิดเลยว่า พิมลวรรณจะเป็นคนแบบนี้
บงกช : "ทำไมล่ะคะ?หลวงพ่อ"
พระ : "ลูกสาวของโยมคนที่ 2 ในชาติที่แล้ว โยมเป็นเจ้าคุณหลวง ที่ทุกๆคนรักและเคารพ แถมยังเอาทาสมาเป็นเมียหลายคน ชาตินี้ โยมพิมลวรรณ เป็นคนสวย มีผู้ชายมาชอบโยม เรื่องการงาน ดีมาก การเงินก็ดี แต่เรื่องของความรัก โยมพิมลวรรณอย่าเลือกมากกับเรื่องความรักเลย เลือกคนเดียวแค่นี้ก็พอแล้ว เนื้อคู่ของโยมพิมลวรรณ จะต้องเป็นคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าโยม และที่สำคัญ เค้าเป็นคนดีด้วย"
พิมลวรรณ : "แสดงว่า นู๋มีคู่แข่งแล้วใช่ไหมคะ?"
พระ : "โยมไม่มีคู่แข่งหรอก แต่ระวังเรื่องการพูดการจาที่มาดูถูกผู้ใหญ่ของฝ่ายชายเข้าบ้างนะ" สิ้นเสียงของพระเสร็จแล้ว หลังจากที่พระได้ดูดวงของพิมลวรรณ จากนั้น พระก็ได้ดูดวงของพิมลรัตน์ พระได้อ่านชื่อของพิมลรัตน์ ก่อนที่จะมองหน้าพิมลรัตน์
พระ : (พูดกับพิมลรัตน์) "โยมพิมลรัตน์ใช่ไหม?"
พิมลรัตน์ : (ยกมือไหว้พระ) "ใช่ค่ะหลวงพ่อ"
พระ : "โยมพิมลรัตน์ เกิดวันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2526 อายุ 26 ปี เวลา 18.30 น. ใช่ไหม?"
พิมลรัตน์ : "ใช่ค่ะ" สิ้นเสียงของพิมลรัตน์ พระนั่งหลับตานั่งสมาธิไปสักพักใหญ่ ก่อนที่จะลืมตาบอกกับพิมลรัตน์
พระ : "โยมเกิดวันศุกร์ เป็นสาวธาตุน้ำ โยมคนนี้เป็นคนทำอะไรด้วยความใจเย็น แต่บางทีก็อารมณ์แปรปรวนไปหน่อย เพราะชาติที่แล้ว โยมพิมลรัตน์ เป็นผู้ชาย เป็นทหารกลับชาติมาเกิด เป็นคนที่รักชาติ รักศักดิ์ศรีของตัวโยม เป็นคนรักใครรักจริง แต่พอมาชาตินี้ โยมเป็นผู้หญิง เป็นผู้หญิงที่เก่งในเรื่องของการต่อสู้ แล้วเพื่อนของโยมในชาติที่แล้ว ก็เป็นทหารด้วย" พระพูดเสร็จ ทำให้พิมลรัตน์ที่ได้ยินคำพูดของพระเหล่านั้น ก็ได้แต่ถามพระด้วยสีหน้างงเล็กน้อย
พิมลรัตน์ : "หลวงพ่อคะ คนที่พระกำลังพูดถึงนั้น ก็คือ นาย ศุภกรณ์ เพื่อนสนิทของนู๋ในสมัยเรียนใช่ไหมคะ?"
พระ : "ใช่แล้ว โยมศุภกรณ์ เค้าเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องการเล่นดนตรี การมีความฝันอยากจะเป็นนักร้อง โยมศุภกรณ์ เค้าหนีออกจากบ้าน เพราะพ่อทะเลาะกับโยมศุภกรณ์ พออาตมามาเห็น อาตมาก็เลยเลี้ยงดูโยมศุภกรณ์มาเป็นเด็กวัดเดียวกับโยมณัฐพงษ์ไง" พระพูดเสร็จ ทำให้พิมลรัตน์รู้ว่า ศุภกรณ์ เพื่อนสนิทของพิมลรัตน์นั้น ได้เป็นเด็กวัดเดียวกับณัฐพงษ์ด้วย
พิมลรัตน์ : "ว่าแต่หลวงพ่อให้นู๋ระวังเรื่องอะไรมากที่สุดคะ?"
พระ : "เรื่องศัตรู อันนี้ต้องระวังเป็นอย่างมากเลยล่ะ และอีกเรื่องนึงที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็คือ การพูดจา ต้องพูดให้มันดีหน่อยนะ" สิ้นเสียงของพระ หลังจากที่พระได้ดูดวงของพิมลรัตน์เสร็จแล้ว พระจึงได้อ่านชื่อของชญาดา ก่อนที่จะพูดกับชญาดา
พระ : (พูดกับชญาดา) "โยมชญาดาใช่ไหม?"
ชญาดา : (ยกมือไหว้พระ) "ใช่ค่ะหลวงพ่อ"
พระ : "โยมชญาดา เกิดวันพุธที่ 28 สิงหาคม 2528 อายุ 24 ปี เวลา 20.12 น. ใช่ไหม?"
ชญาดา : "ใช่ค่ะ" สิ้นเสียงของชญาดา พระนั่งหลับตานั่งสมาธิไปสักพักใหญ่ ก่อนที่จะลืมตาบอกกับชญาดา
พระ : "โยมเกิดวันพุธ(กลางคืน) เป็นสาวธาตุไม้ โยมคนนี้ ในชาติที่แล้ว เป็นแม่ทัพ เป็นคนเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า ทำให้ภรรยาของโยมในชาติที่แล้วเสียใจมาหลายครั้ง ภรรยาของโยมก็เลยคิดสั้นฆ่าตัวตาย พอชาตินี้ โยมเป็นคนอ่อนโยน จิตใจดี เสียสละ เหมือนต้นไม้ต้นนึง"
ชญาดา : "หลวงพ่อคะ ให้ดิฉันระวังเรื่องอะไรมากที่สุดคะ?"
พระ : "เรื่องของความรักกับเพื่อนไง"
ชญาดา : "ทำไมล่ะคะ?"
พระ : "เรื่องของความรักนั้น โยมต้องระวังก็คือ ระวังแฟนของโยมจะมีใจให้กับคนอื่นนะ ทำให้โยมต้องมานั่งโศกเศร้าอีก"
ชญาดา : "แล้วเพื่อนล่ะคะ?"
พระ : "เรื่องของเพื่อน ต้องระวังเป็นอย่างมาก อย่าให้เพื่อนทำให้โยมเสียใจอีก ถึงขนาดทำร้ายร่างกายโยมก็ว่าได้"
ชญาดาได้ฟังคำพูดของพระเอาไว้แล้ว สีหน้าของชญาดาอึ้งไปตามกัน และเกิดความสงสัยขึ้นมา
ชญาดา : "เพื่อนของดิฉันเค้าทำอะไรให้ดิฉันเสียใจด้วยหรอคะหลวงพ่อ?"
พระ : "เพื่อนของโยมชญาดา อาจจะแย่งคนที่รักโยมได้ ไม่ช้านี้หรือไม่ก็สักพักแหล่ะ" สิ้นเสียงของพระ ทำให้ชญาดาคิดในใจว่า เธอกับพยัคฆ์แฟนหนุ่มของเธอ ยังไม่เคยนอกใจกับเธอแม้แต่ครั้งเดียว หลังจากที่พระได้ดูดวงชะตาของชญาดาแล้ว พระจึงอ่านชื่อของสิริภรณ์ ก่อนที่พระจะมองหน้าสิริภรณ์
พระ : (พูดกับสิริภรณ์) "โยมสิริภรณ์ใช่ไหม?"
สิริภรณ์ : (ยกมือไหว้พระ) "ใช่ค่ะหลวงพ่อ"
พระ : "โยมสิริภรณ์ เกิดวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2530 อายุ 22 ปี เวลา 07.55 น. ใช่ไหม?"
สิริภรณ์ : "ใช่ค่ะ" สิ้นเสียงของสิริภรณ์ พระนั่งหลับตานั่งสมาธิไปสักพักใหญ่ ก่อนที่จะลืมตาบอกกับสิริภรณ์
พระ : "โยมสิริภรณ์เกิดวันอาทิตย์ เป็นสาวธาตุไฟ (หันมาพูดกับพจน์และบงกช) โยมสิริภรณ์คนนี้ เค้าเป็นคนตรงไปตรงมา มั่นใจในตัวเอง ชาติที่แล้ว โยมสิริภรณ์เป็นภรรยาของคุณหลวง แต่มีความสัมพันธ์กับสามีในชาติที่แล้วอย่างลับๆ จนถูกคุณหลวงจับได้"
สิริภรณ์ : "หลวงพ่อคะ นู๋อยากจะถามหลวงพ่ออีกเรื่องนึงอ่ะค่ะ เป็นเรื่องสำคัญมากเลยล่ะค่ะ" สิริภรณ์ทำหน้าตาตื่น
พระ : "มีอะไรก็ว่ามาสิ บอกกันตรงๆก็ได้" พระพูดเสร็จ สิริภรณ์รวบรวมความกล้าก่อนที่จะถามพระอย่างมั่นอกมั่นใจ
สิริภรณ์ : "นู๋อยากจะถามหลวงพ่อว่า ในชาตินี้ของนู๋ นู๋มีสิทธิ์จะเจอเนื้อคู่ไหมคะ?" สิ้นเสียงของสิริภรณ์ ทำให้พระที่ได้ฟังคำถามของสิริภรณ์นั้น ก็รู้สึกคิดหนักพอสมควร ก่อนที่จะตอบสิริภรณ์
พระ : "โยมสิริภรณ์คงจะเจอเนื้อคู่ในไม่ช้ามานี้" พระพูดเสร็จ ทำให้สิริภรณ์ยิ้มด้วยความดีใจไม่ทันไร พระจึงพูดกับสิริภรณ์ต่ออีก
พระ : "แต่โยมต้องระวังเรื่องคู่ครองนะ เพราะจากที่พระได้ดูดวงของโยมสิริภรณ์มาเหล่านั้น โยมจะมีเนื้อคู่เยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นคนวัยทอง วัยรุ่น แม้กระทั่งวัยเดียวกับโยม รวมไปถึงคนที่มีแฟนแล้ว อย่าไปแย่งของๆใครมาเป็นของโยมเลย มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก" พระพูดเสร็จ ทำให้สีหน้าสิริภรณ์เริ่มไม่เชื่อตามที่พระพูดเอาไว้
สิริภรณ์ : "หลวงพ่อคะ แต่นู๋อยากได้แฟนเป็นคนหน้าตาดี หล่อ รวย มีอีกสักคนไหมล่ะคะ?"
พระ : "มีแน่ แต่อย่าเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นหรอกนะ เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะแหกอกโยมเอา แต่ที่อาตมาเตือนอีกเรื่องนึงก็คือ เรื่องการดื่มสุรา และก็เรื่องการทะเลาะตบตีกับคนอื่น อันนี้อาตมาเป็นห่วงจริงๆ ต้องระวังเอาไว้มากๆเลย"
พจน์ : "หลวงพ่อครับ ทำไมดวงของลูกสาวของผมทั้ง 4 คนดวงดี แต่ทำไมดวงของสิริภรณ์ไม่ดีอ่ะครับ? ทำไมผลออกมามันเป็นอย่างนี้"
พระ : "ฟังดีๆนะโยมพจน์ โยมสิริภรณ์ลูกสาวคนสุดท้องของโยม เค้าเกิดวันอาทิตย์ คนที่เกิดวันอาทิตย์นั้น มักจะอาภัพเรื่องคู่ครอง มีแฟนไม่ทันไร ก็หาแฟนใหม่กันอีกแล้ว จนกระทั่งมีความสัมพันธ์อย่างลับๆอีกด้วย เพราะชาติที่แล้ว โยมสิริภรณ์ทำกรรมมาเยอะพอสมควรล่ะ"
ความคิดเห็น