ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พี่น้อง 5 ธาตุ ภาค 1

    ลำดับตอนที่ #10 : ยัยตัวร้ายกับนายเด็กวัด

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 53


    ตอนที่ 10

         ชญาดา  :  "ดาจะไปว่าพี่ได้ไงล่ะคะ  คนอย่างพี่พยัคฆ์  จะเป็นคนแบบนั้นได้ไงล่ะคะ?"

        พยัคฆ์  :  "ถ้างั้น  วันนี้พี่ไปส่งน้องดาเลยนะครับ" 

        ชญาดา  :  "ได้ค่ะ"  ชญาดาพูดเสร็จเดินไปขึ้นรถของพยัคฆ์ทันที  รถของพยัคฆ์ขับออกจากมหาวิทยาลัยทันที  ที่คอนโดของพยัคฆ์  พยัคฆ์และชญาดาเดินเข้ามาถึงห้องของเขา  ซึ่งที่นี่  ชญาดาไม่เคยเข้ามา  แต่เป็นครั้งแรกที่ชญาดาเข้ามาพร้อมกับพยัคฆ์ที่คอนโดของเขา

        พยัคฆ์  :  "เป็นไงครับน้องดา?  คอนโดของพี่สวยไหม?"

        ชญาดา  :  "สวยค่ะ  ห้องก็สวยดีนี่คะพี่พยัคฆ์  ว่าแต่พี่พยัคฆ์อยู่คนเดียวหรอคะ?"

     

        พยัคฆ์  :  "อยู่คนเดียวสิครับ"  พยัคฆ์พูดเสร็จ  ก้มลงหอมแก้มชญาดา  1  ครั้ง  โดยที่ชญาดาไม่ได้ขัดขืนอะไร  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

        ชญาดา  :  "แล้วไม่เหงาบ้างหรอคะ?"

        พยัคฆ์  :  "ไม่เหงาหรอกครับ  สบายดีออกจะตาย"

        ชญาดา  :  "ถ้าอย่างนั้น  ดาขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ"

        พยัคฆ์  :  "ถ้าน้องดากลับบ้านล่ะก็...เดี๋ยวพี่ไปส่งน้องดาที่บ้านดีกว่านะครับ"  พยัคฆ์พูดเสร็จ  พยัคฆ์ยกมือโอบไหล่ของชญาดา  และเดินออกจากห้องคอนโดของเขาไป  หลังจากที่เขาปิดในห้องเรียบร้อยแล้ว  ส่วนที่บ้านของพจน์  ในขณะที่ป้าแจงกำลังทำความสะอาดบ้านอยู่  รถของพยัคฆ์ก็แล่นเข้ามาในบ้านของพจน์  ป้าแจงได้ยินเสียงรถของพยัคฆ์ดังขึ้น  จึงรีบเปิดประตูหน้าบ้านทันที  รถของพยัคฆ์ก็แล่นเข้าในบ้านทันที  ทั้งสองคนก็ลงจากรถของพยัคฆ์พร้อมกัน

     

        ป้าแจง  :  "กลับมาแล้วหรอคะนู๋ดา?"

        ชญาดา  :  "กลับมาแล้วค่ะป้าแจง  ว่าแต่ทุกๆคนทานข้าวกันหมดหรือยังคะ?"  ชญาดาถามป้าแจง  ป้าแจงกำลังจะตอบ  แต่พจน์ก็ออกมาจากบ้านซะก่อน

        พจน์  :  "ยังหรอกลูก  เพราะทุกๆคนกำลังรอเราอยู่ลูก"

        ชญาดา  :  (ยกมือไหว้พจน์)  "สวัสดีค่ะพ่อ  ดาต้องขอโทษด้วยนะคะ  ที่ดามาช้า"

        พจน์  :  "ไม่เป็นไรหรอกลูก  แค่ดามาถึงบ้าน  พ่อก็ดีใจแล้วลูก  (พูดเสร็จหันมาพูดกับพยัคฆ์)  เอ้า  พยัคฆ์  วันนี้มาส่งดาหรอลูก?"

        พยัคฆ์  :  (ยกมือไหว้พจน์)  "สวัสดีครับคุณพ่อ  พอดีผมขับรถผ่านที่มหาวิทยาลัยอ่ะครับ  ก็ได้เจอกับน้องดา  ก็เลยมาส่งน้องดาถึงบ้านเลยล่ะครับ"

        พจน์  :  "ถ้างั้น  พยัคฆ์  มากินข้าวที่บ้านเราดีไหมลูก?"

        พยัคฆ์  :  (ปฏิเสธ)  "ไม่เป็นไรหรอกครับคุณพ่อ  เดี๋ยวผมหาที่อื่นกินดีกว่านะครับ  ถ้าอย่างนั้น...  ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ  (ยกมือไหว้พจน์)  สวัสดีครับคุณพ่อ"

        พจน์  :  "สวัสดีลูก  ขับรถให้ดีๆนะลูก"  พจน์พูดกับพยัคฆ์ด้วยความเป็นห่วง  พยัคฆ์เดินขึ้นรถของเขาไป  รถของเขาก็แล่นออกจากบ้านของพจน์ทันที  ส่วนชญาดาก็ยังเป็นห่วงพยัคฆ์ด้วยความเป็นห่วง  กลัวว่าพยัคฆ์จะเป็นอะไร  จึงเดินเข้าบ้านพร้อมกับพจน์และป้าแจงทันที

       

    วัน ต่อมา  ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง  เป็นมหาวิทยาลัยของสิริภรณ์ที่กำลังเรียนหนังสืออยู่  สิริภรณ์และพัชรี  หรือชื่อที่ทุกๆคนเรียกเธอว่า  "เชอรี่"  สิริภรณ์เดินเข้ามาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้  เดินด้วยความสง่างาม  รวดเร็ว  ว่องไว  แต่ที่ยิ่งกว่านั้น  มีหนุ่มๆมารุมขายขนมจีบเธอ  เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆในมหาวิทยาลัย  ในระหว่างที่สิริภรณ์กำลังเดินอย่างสง่างามอยู่นั้น  สิริภรณ์ก็เดินไปชนกับ  ณัฐพงษ์  เข้าอย่างจัง

        สิริภรณ์/ณัฐพงษ์  :  "โอ๊ย!  (ร้องพร้อมกัน)"  ทำให้ทั้งสองคนเจ็บตัวด้วยกันทั้งคู่  สิริภรณ์ลุกขึ้นยกมือปัดฝุ่นที่ติดในกระโปรงของเธอและชี้หน้าด่าณัฐพงษ์ อย่างแรง

        สิริภรณ์  :  (ชี้หน้าด่าณัฐพงษ์ด้วยน้ำเสียงโกรธ)  "นี่!  นาย  นายเดินประสาอะไรฮะ  ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย  ดูสิกระโปรงของฉันเลอะหมดเลย"

        ณัฐพงษ์  :  "อ้าว  นี่คุณ  กรุณาพูดให้มันดีๆหน่อยก็ได้นะครับ  คนสวยๆอย่างคุณมีหนุ่มมารุมมาชอบคุณเยอะ  แต่ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับว่า  คุณยังสวยยังไม่พอ  ยังมาปากหมาด้วยซ้ำไป  (นิ่งคำพูดสักพักใหญ่  ทำให้สีหน้าของสิริภรณ์โกรธจัด)  อ๋อ  หรือจะเรียกคุณว่า  คุณหนูปากปีจอไงล่ะครับ"  ณัฐพงษ์พูดเสร็จ  ทำให้สิริภรณ์โกรธและโมโหเป็นอย่างมากที่ณัฐพงษ์มาต่อว่าเธออย่างแรง 

        สิริภรณ์  :  (ร้องกริ๊ดอย่างเสียงดัง)  "กริ๊ดดดดดดดดดด  นายนี่จะมากเกินไปแล้วนะ"  สิริภรณ์กำลังจะต่อว่าณัฐพงษ์  แต่พัชรีก็เดินเข้ามาปกป้องสิริภรณ์  เพื่อมาต่อว่าณัฐพงษ์อย่างแรง

     

        พัชรี  :  "นี่!  คุณ  คุณเป็นใครไม่ทราบ  อยู่ๆมาต่อว่าเพื่อนของฉันอย่างนี้ได้ยังไง  คนจนๆอย่างนายนี่นะ  เพื่อนของฉันเค้าไม่ชอบคนอย่างนายมาทำเป็นผัวหรอก"

        สิริภรณ์  :  (เดินเข้ามาหาณัฐพงษ์และยกมือกอดอกตัวเอง)  "ใช่แล้ว  เรื่องผู้ชายน่ะหรอ  เชอะ  คนอย่างฉัน  ฉันชอบผู้ชายที่หน้าตาหล่อ  รวยๆ  เหมือนพระเอกหนังต่างหาก  ที่ฉันอยากจะทำมาเป็นผัว  นี่ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ  ฉันพูดจริงๆด้วย  55555+"  สิริภรณ์หัวเราะด้วยความสะใจที่ได้เยาะเย้ยกับณัฐพงษ์  และเดินออกไปพร้อมกับพัชรีเพื่อนสนิทของเธอ  ปล่อยให้ณัฐพงษ์ยืนงงอยู่คนเดียว  หลังจากที่เลิกเรียนกันเสร็จแล้ว  ณัฐพงษ์เดินเข้ามาที่วัดแห่งหนึ่ง  ซึ่งณัฐพงษ์นั้น  เป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่  มาตั้งแต่เด็กๆ  ณัฐพงษ์จึงถูกเลี้ยงดูจากพระในวัดแห่งหนึ่ง  สอนให้ณัฐพงษ์เป็นคนดี  หมั่นทำบุญ  ถึงแม้ว่าฐานะทางบ้านของเขายากจนมาก  แต่ณัฐพงษ์ก็ยังเป็นคนดีของสังคม  ทั้งเรียนหนังสือเก่งอีกด้วย  ณัฐพงษ์จึงเดินไปถึงที่วัด  และก็เจอม้านั่งอยู่  จึงนั่งคิดถึงเหตุการณ์ที่สิริภรณ์มาต่อว่าณัฐพงษ์เข้าอย่างจัง

        สิริภรณ์  :  "นี่!  นายเดินประสาอะไรฮะ  ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย  ดูสิกระโปรงของฉันเลอะหมดเลย"  ณัฐพงษ์ได้นึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นจนได้  แต่ที่ยิ่งกว่านั้น  สิริภรณ์ยังเอ่ยสเป๊คผู้ชายที่สิริภรณ์ชอบต่อหน้าณัฐพงษ์อีกด้วย

     

        สิริภรณ์  :  "ใช่แล้ว  เรื่องผู้ชายน่ะหรอ  เชอะ  คนอย่างฉัน  ฉันชอบผู้ชายที่หน้าตาหล่อ  รวยๆ  เหมือนพระเอกหนังต่างหาก  ที่ฉันอยากจะทำมาเป็นผัว  นี่ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ  ฉันพูดจริงๆด้วย  55555+"  ณัฐพงษ์ได้นึกถึงเหตุการณ์ที่สิริภรณ์มาต่อว่าเขาอย่างแรง  จนมาถึงตอนที่ณัฐพงษ์ยังเป็นเด็กๆ  จำได้ว่า  ณัฐพงษ์กับสิริภรณ์กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน  แต่หัวใจของเขาก็ยังแอบรักและแอบชอบสิริภรณ์อยู่ดี  ทันใดนั้นเอง  สิริภรณ์ในวัยเด็กเกิดหกล้มขึ้นมา  ณัฐพงษ์ในวัยเด็กจึงวิ่งเข้าไปช่วยชีวิตสิริภรณ์มาจนได้  แต่ณัฐพงษ์เองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า  สิริภรณ์ในวัยเด็กจะเป็นเด็กน่ารัก  พอสิริภรณ์โตเป็นสาว  จะมีนิสัยร้ายกาจ  ดูถูกคนจน  ชอบรสนิยมคนรวยอีกต่างหาก  พระจึงเดินเข้ามาจึงมาเจอกับณัฐพงษ์ที่กำลังนั่งเครียดอยู่

        พระ  :  "เป็นอะไรหรือเปล่า?  โยมณัฐพงษ์  ทำหน้าเครียดเลย"

        ณัฐพงษ์  :  (ยกมือไหว้พระ)  "นมัสการครับหลวงพ่อ  ที่ผมเครียดเพราะว่า  มีคนจะมาต่อว่าผมนี่ครับ"

        พระ  :  "ใครรึ?"

        ณัฐพงษ์  :  "ก็คนที่ชื่อ  สิริภรณ์  อ่ะครับ  ไม่รู้ว่าจะเป็นคนเดียวกับ  ตอนเด็กๆอยู่หรือเปล่าอ่ะครับ?"

        พระ  :  "นายยังจำชื่อเค้าได้น่ะหรอ?"

        ณัฐพงษ์  :  "ใช่ครับ  ผมยังจำผู้หญิงคนนี้ได้ดีครับหลวงพ่อ  จนตอนนี้เค้ายังสวยเหมือนเดิมอ่ะครับ  แต่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีอ่ะครับ  ว่าทำไมสิริภรณ์ถึงเป็นคนที่ร้ายกาจ  รสนิยมคนรวยๆมาเป็นแฟน  และอีกอย่างชอบดูถูกคนจนอีกต่างหากอ่ะครับ  หรือว่า  ผมเคยทำอะไรให้เค้าในชาติที่แล้วอ่ะครับ  ชาตินี้เขาก็เลยเอาคืน?"  ณัฐพงษ์ถามพระด้วยสีหน้าสงสัยที่สุด  เพราะตัวเขาเองยังไม่รู้ว่า  ชาติที่แล้วณัฐพงษ์เคยสร้างเวรสร้างกรรมให้สิริภรณ์อยู่หรือไม่?

       

    พระได้ยินคำถามของณัฐพงษ์  ได้เพียงแค่หลับตานิ่งเข้าไว้  ก่อนที่จะลืมตาตอบกับณัฐพงษ์ไปตรงๆ

        พระ  :  "ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะ  ชาติที่แล้ว  โยมเคยทำให้โยมสิริภรณ์เสียใจมาหลายครั้งเหมือนกัน  ทั้งๆที่โยมสิริภรณ์รักโยมมากเช่นเดียวกัน  ก็เลยถูกชะตากัน  พอมาชาตินี้  โยมสิริภรณ์ก็เอาคืน  เหมือนที่ชาติที่แล้วไง"  พระขยายความให้ณัฐพงษ์เข้าใจ  ทำให้ณัฐพงษ์รู้ว่า  ชาติที่แล้ว  ณัฐพงษ์จีบสาวไปทั่ว  ทำให้สิริภรณ์เสียใจ  แต่มาถึงชาตินี้  สิริภรณ์เป็นฝ่ายเอาคืนแทน

        ณัฐพงษ์  :  "เข้าใจแล้วครับหลวงพ่อ  ผมไม่รู้จะทำยังไงดีอ่ะครับ  หลวงพ่อมีวิธีแก้ไหมอ่ะครับ?"

        พระ  :  "มีวิธีเดียวที่นายจะทำได้ก็คือ  นายต้องหมั่นทำดีให้กับโยมสิริภรณ์ให้มากๆ  ถึงแม้ว่าโยมสิริภรณ์จะไม่ชอบหน้านายเรื่องฐานะของนายสักเท่าไหร่นะ  นายก็ยังทำดีกับโยมสิริภรณ์ต่อไป"

        ณัฐพงษ์  :  "แล้วถ้าสิริภรณ์เค้าไม่ชอบหน้าผมอีกขี้นมาล่ะครับ?"  ณัฐพงษ์แย้ง

     

        พระ  :  "ถ้าโยมสิริภรณ์ไม่ยอมทำดีกับนายอีกล่ะก็  เดี๋ยวสักวันโยมสิริภรณ์ก็จะรู้เอง  ว่าเวรกรรมมันมีจริง  ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าหรอก"

        ณัฐพงษ์  :  "ขอบคุณมากครับหลวงพ่อ  ผมสัญญานะครับ  ว่าผมจะพยายามทำดีกับสิริภรณ์ให้ได้"  ณัฐพงษ์พูดเสร็จ  พระยิ้มเมื่อณัฐพงษ์เชื่อฟังที่พระพูดมาทั้งหมด  พระจึงเดินไปที่โบสถ์วัดทันที  ณัฐพงษ์จึงเริ่มทำทุกวิถีทาง  เพื่อให้เขา  เอาชนะใจสิริภรณ์ให้ได้  ที่บ้านของภูวนาท  ภูวนาทกำลังเดินคุยโทรศัพท์กับปานวาดอย่างหน้าบาน

        ภูวนาท  :  "ถ้าผมว่าง  ผมอยากจะมาหาพ่อแม่ของคุณปานที่บ้านด้วยอ่ะครับ  เดี๋ยวเจอกันนะครับ  แค่นี้นะครับ"  ภูวนาทวางสายโทรศัพท์ของเขา  ทันใดนั้นเอง  อนิรุทธิ์ก็เดินเข้ามาบ้านพร้อมกับฟ้าใส  น้องสาวคนเดียวของภูวนาทและอนิรุทธิ์  เธอเป็นเด็กสาววัย  23  ปี  เป็นคนรักพี่ชายทั้งสองคนมากๆอีกด้วย

        ภูวนาท  :  "อ้าว  กลับมาแล้วหรอรุทธิ์  ฟ้าใส?"

        อนิรุทธิ์  :  "กลับมาแล้วครับ  ผมก็เลยมารับน้องฟ้าซะเลย"

     

        ฟ้าใส  :  "สวัสดีค่ะพี่ภู  สบายดีไหมคะ?"

        ภูวนาท  :  "สบายดีสิ  ได้ข่าวว่าจะหางานทำอยู่ไม่ใช่หรอ?  มาถึงมาเดินกอดพี่ซะเลยเนี่ย"

        ฟ้าใส  :  "โถ  จะไม่ให้น้องสาวสุดสวยของพี่กอดได้ไงล่ะคะ  ก็วันนี้หนูกำลังหางานทำอยู่น่ะสิคะ  ช่วงนี้หางานยากมากๆๆๆๆเลย"

        อนิรุทธิ์  :  "จริงเหมือนอย่างที่น้องฟ้าพูดน่ะสิครับพี่ภู  น้องฟ้าใสเค้าเรียนหนังสือจบแล้ว  แต่เหลือเพียงแต่ว่าจะหางานทำที่ไหนดีมากกว่าน่ะสิครับ?"  อนิรุทธิ์เห็นด้วยกับคำพูดของฟ้าใสจริงๆ  เพราะฟ้าใสเพิ่งเรียนจบมามาดๆ  แต่ก็หางานทำไม่ได้สักกะที  ก็เลยอาสาให้ภูวนาทช่วย

        ภูวนาท  :  "ถ้างั้น...  เดี๋ยวพี่จะพาน้องฟ้าใสไปหางานทำที่เหมาะกับเค้ามากกว่านะ"

        ฟ้าใส  :  "แล้วพี่ภูกับพี่รุทธิ์จะหางานทำให้หนูอีกเมื่อไหร่อ่ะคะ?"

        อนิรุทธิ์  :  "น้องฟ้าใสครับ  พี่ว่าใจเย็นๆดีกว่านะครับ  อีกหน่อยก็คงจะรู้เอง"  อนิรุทธิ์พูดเสร็จ  ทำให้ฟ้าใสเข้าใจคำพูดของอนิรุทธิ์  จึงตัดสินใจว่า  งานทำที่ฟ้าใสได้นั้น  มันคืออะไรกันแน่?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×