คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ยัยตัวร้ายกับนายเด็กวัด
ตอนที่ 10
ชญาดา : "ดาจะไปว่าพี่ได้ไงล่ะคะ คนอย่างพี่พยัคฆ์ จะเป็นคนแบบนั้นได้ไงล่ะคะ?"
พยัคฆ์ : "ถ้างั้น วันนี้พี่ไปส่งน้องดาเลยนะครับ"
ชญาดา : "ได้ค่ะ" ชญาดาพูดเสร็จเดินไปขึ้นรถของพยัคฆ์ทันที รถของพยัคฆ์ขับออกจากมหาวิทยาลัยทันที ที่คอนโดของพยัคฆ์ พยัคฆ์และชญาดาเดินเข้ามาถึงห้องของเขา ซึ่งที่นี่ ชญาดาไม่เคยเข้ามา แต่เป็นครั้งแรกที่ชญาดาเข้ามาพร้อมกับพยัคฆ์ที่คอนโดของเขา
พยัคฆ์ : "เป็นไงครับน้องดา? คอนโดของพี่สวยไหม?"
ชญาดา : "สวยค่ะ ห้องก็สวยดีนี่คะพี่พยัคฆ์ ว่าแต่พี่พยัคฆ์อยู่คนเดียวหรอคะ?"
พยัคฆ์ : "อยู่คนเดียวสิครับ" พยัคฆ์พูดเสร็จ ก้มลงหอมแก้มชญาดา 1 ครั้ง โดยที่ชญาดาไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ชญาดา : "แล้วไม่เหงาบ้างหรอคะ?"
พยัคฆ์ : "ไม่เหงาหรอกครับ สบายดีออกจะตาย"
ชญาดา : "ถ้าอย่างนั้น ดาขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ"
พยัคฆ์ : "ถ้าน้องดากลับบ้านล่ะก็...เดี๋ยวพี่ไปส่งน้องดาที่บ้านดีกว่านะครับ" พยัคฆ์พูดเสร็จ พยัคฆ์ยกมือโอบไหล่ของชญาดา และเดินออกจากห้องคอนโดของเขาไป หลังจากที่เขาปิดในห้องเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่บ้านของพจน์ ในขณะที่ป้าแจงกำลังทำความสะอาดบ้านอยู่ รถของพยัคฆ์ก็แล่นเข้ามาในบ้านของพจน์ ป้าแจงได้ยินเสียงรถของพยัคฆ์ดังขึ้น จึงรีบเปิดประตูหน้าบ้านทันที รถของพยัคฆ์ก็แล่นเข้าในบ้านทันที ทั้งสองคนก็ลงจากรถของพยัคฆ์พร้อมกัน
ป้าแจง : "กลับมาแล้วหรอคะนู๋ดา?"
ชญาดา : "กลับมาแล้วค่ะป้าแจง ว่าแต่ทุกๆคนทานข้าวกันหมดหรือยังคะ?" ชญาดาถามป้าแจง ป้าแจงกำลังจะตอบ แต่พจน์ก็ออกมาจากบ้านซะก่อน
พจน์ : "ยังหรอกลูก เพราะทุกๆคนกำลังรอเราอยู่ลูก"
ชญาดา : (ยกมือไหว้พจน์) "สวัสดีค่ะพ่อ ดาต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ดามาช้า"
พจน์ : "ไม่เป็นไรหรอกลูก แค่ดามาถึงบ้าน พ่อก็ดีใจแล้วลูก (พูดเสร็จหันมาพูดกับพยัคฆ์) เอ้า พยัคฆ์ วันนี้มาส่งดาหรอลูก?"
พยัคฆ์ : (ยกมือไหว้พจน์) "สวัสดีครับคุณพ่อ พอดีผมขับรถผ่านที่มหาวิทยาลัยอ่ะครับ ก็ได้เจอกับน้องดา ก็เลยมาส่งน้องดาถึงบ้านเลยล่ะครับ"
พจน์ : "ถ้างั้น พยัคฆ์ มากินข้าวที่บ้านเราดีไหมลูก?"
พยัคฆ์ : (ปฏิเสธ) "ไม่เป็นไรหรอกครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมหาที่อื่นกินดีกว่านะครับ ถ้าอย่างนั้น... ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ (ยกมือไหว้พจน์) สวัสดีครับคุณพ่อ"
พจน์ : "สวัสดีลูก ขับรถให้ดีๆนะลูก" พจน์พูดกับพยัคฆ์ด้วยความเป็นห่วง พยัคฆ์เดินขึ้นรถของเขาไป รถของเขาก็แล่นออกจากบ้านของพจน์ทันที ส่วนชญาดาก็ยังเป็นห่วงพยัคฆ์ด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าพยัคฆ์จะเป็นอะไร จึงเดินเข้าบ้านพร้อมกับพจน์และป้าแจงทันที
วัน ต่อมา ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เป็นมหาวิทยาลัยของสิริภรณ์ที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ สิริภรณ์และพัชรี หรือชื่อที่ทุกๆคนเรียกเธอว่า "เชอรี่" สิริภรณ์เดินเข้ามาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เดินด้วยความสง่างาม รวดเร็ว ว่องไว แต่ที่ยิ่งกว่านั้น มีหนุ่มๆมารุมขายขนมจีบเธอ เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆในมหาวิทยาลัย ในระหว่างที่สิริภรณ์กำลังเดินอย่างสง่างามอยู่นั้น สิริภรณ์ก็เดินไปชนกับ ณัฐพงษ์ เข้าอย่างจัง
สิริภรณ์/ณัฐพงษ์ : "โอ๊ย! (ร้องพร้อมกัน)" ทำให้ทั้งสองคนเจ็บตัวด้วยกันทั้งคู่ สิริภรณ์ลุกขึ้นยกมือปัดฝุ่นที่ติดในกระโปรงของเธอและชี้หน้าด่าณัฐพงษ์ อย่างแรง
สิริภรณ์ : (ชี้หน้าด่าณัฐพงษ์ด้วยน้ำเสียงโกรธ) "นี่! นาย นายเดินประสาอะไรฮะ ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย ดูสิกระโปรงของฉันเลอะหมดเลย"
ณัฐพงษ์ : "อ้าว นี่คุณ กรุณาพูดให้มันดีๆหน่อยก็ได้นะครับ คนสวยๆอย่างคุณมีหนุ่มมารุมมาชอบคุณเยอะ แต่ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับว่า คุณยังสวยยังไม่พอ ยังมาปากหมาด้วยซ้ำไป (นิ่งคำพูดสักพักใหญ่ ทำให้สีหน้าของสิริภรณ์โกรธจัด) อ๋อ หรือจะเรียกคุณว่า คุณหนูปากปีจอไงล่ะครับ" ณัฐพงษ์พูดเสร็จ ทำให้สิริภรณ์โกรธและโมโหเป็นอย่างมากที่ณัฐพงษ์มาต่อว่าเธออย่างแรง
สิริภรณ์ : (ร้องกริ๊ดอย่างเสียงดัง) "กริ๊ดดดดดดดดดด นายนี่จะมากเกินไปแล้วนะ" สิริภรณ์กำลังจะต่อว่าณัฐพงษ์ แต่พัชรีก็เดินเข้ามาปกป้องสิริภรณ์ เพื่อมาต่อว่าณัฐพงษ์อย่างแรง
พัชรี : "นี่! คุณ คุณเป็นใครไม่ทราบ อยู่ๆมาต่อว่าเพื่อนของฉันอย่างนี้ได้ยังไง คนจนๆอย่างนายนี่นะ เพื่อนของฉันเค้าไม่ชอบคนอย่างนายมาทำเป็นผัวหรอก"
สิริภรณ์ : (เดินเข้ามาหาณัฐพงษ์และยกมือกอดอกตัวเอง) "ใช่แล้ว เรื่องผู้ชายน่ะหรอ เชอะ คนอย่างฉัน ฉันชอบผู้ชายที่หน้าตาหล่อ รวยๆ เหมือนพระเอกหนังต่างหาก ที่ฉันอยากจะทำมาเป็นผัว นี่ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ ฉันพูดจริงๆด้วย 55555+" สิริภรณ์หัวเราะด้วยความสะใจที่ได้เยาะเย้ยกับณัฐพงษ์ และเดินออกไปพร้อมกับพัชรีเพื่อนสนิทของเธอ ปล่อยให้ณัฐพงษ์ยืนงงอยู่คนเดียว หลังจากที่เลิกเรียนกันเสร็จแล้ว ณัฐพงษ์เดินเข้ามาที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งณัฐพงษ์นั้น เป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ มาตั้งแต่เด็กๆ ณัฐพงษ์จึงถูกเลี้ยงดูจากพระในวัดแห่งหนึ่ง สอนให้ณัฐพงษ์เป็นคนดี หมั่นทำบุญ ถึงแม้ว่าฐานะทางบ้านของเขายากจนมาก แต่ณัฐพงษ์ก็ยังเป็นคนดีของสังคม ทั้งเรียนหนังสือเก่งอีกด้วย ณัฐพงษ์จึงเดินไปถึงที่วัด และก็เจอม้านั่งอยู่ จึงนั่งคิดถึงเหตุการณ์ที่สิริภรณ์มาต่อว่าณัฐพงษ์เข้าอย่างจัง
สิริภรณ์ : "นี่! นายเดินประสาอะไรฮะ ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย ดูสิกระโปรงของฉันเลอะหมดเลย" ณัฐพงษ์ได้นึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นจนได้ แต่ที่ยิ่งกว่านั้น สิริภรณ์ยังเอ่ยสเป๊คผู้ชายที่สิริภรณ์ชอบต่อหน้าณัฐพงษ์อีกด้วย
สิริภรณ์ : "ใช่แล้ว เรื่องผู้ชายน่ะหรอ เชอะ คนอย่างฉัน ฉันชอบผู้ชายที่หน้าตาหล่อ รวยๆ เหมือนพระเอกหนังต่างหาก ที่ฉันอยากจะทำมาเป็นผัว นี่ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ ฉันพูดจริงๆด้วย 55555+" ณัฐพงษ์ได้นึกถึงเหตุการณ์ที่สิริภรณ์มาต่อว่าเขาอย่างแรง จนมาถึงตอนที่ณัฐพงษ์ยังเป็นเด็กๆ จำได้ว่า ณัฐพงษ์กับสิริภรณ์กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน แต่หัวใจของเขาก็ยังแอบรักและแอบชอบสิริภรณ์อยู่ดี ทันใดนั้นเอง สิริภรณ์ในวัยเด็กเกิดหกล้มขึ้นมา ณัฐพงษ์ในวัยเด็กจึงวิ่งเข้าไปช่วยชีวิตสิริภรณ์มาจนได้ แต่ณัฐพงษ์เองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า สิริภรณ์ในวัยเด็กจะเป็นเด็กน่ารัก พอสิริภรณ์โตเป็นสาว จะมีนิสัยร้ายกาจ ดูถูกคนจน ชอบรสนิยมคนรวยอีกต่างหาก พระจึงเดินเข้ามาจึงมาเจอกับณัฐพงษ์ที่กำลังนั่งเครียดอยู่
พระ : "เป็นอะไรหรือเปล่า? โยมณัฐพงษ์ ทำหน้าเครียดเลย"
ณัฐพงษ์ : (ยกมือไหว้พระ) "นมัสการครับหลวงพ่อ ที่ผมเครียดเพราะว่า มีคนจะมาต่อว่าผมนี่ครับ"
พระ : "ใครรึ?"
ณัฐพงษ์ : "ก็คนที่ชื่อ สิริภรณ์ อ่ะครับ ไม่รู้ว่าจะเป็นคนเดียวกับ ตอนเด็กๆอยู่หรือเปล่าอ่ะครับ?"
พระ : "นายยังจำชื่อเค้าได้น่ะหรอ?"
ณัฐพงษ์ : "ใช่ครับ ผมยังจำผู้หญิงคนนี้ได้ดีครับหลวงพ่อ จนตอนนี้เค้ายังสวยเหมือนเดิมอ่ะครับ แต่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีอ่ะครับ ว่าทำไมสิริภรณ์ถึงเป็นคนที่ร้ายกาจ รสนิยมคนรวยๆมาเป็นแฟน และอีกอย่างชอบดูถูกคนจนอีกต่างหากอ่ะครับ หรือว่า ผมเคยทำอะไรให้เค้าในชาติที่แล้วอ่ะครับ ชาตินี้เขาก็เลยเอาคืน?" ณัฐพงษ์ถามพระด้วยสีหน้าสงสัยที่สุด เพราะตัวเขาเองยังไม่รู้ว่า ชาติที่แล้วณัฐพงษ์เคยสร้างเวรสร้างกรรมให้สิริภรณ์อยู่หรือไม่?
พระได้ยินคำถามของณัฐพงษ์ ได้เพียงแค่หลับตานิ่งเข้าไว้ ก่อนที่จะลืมตาตอบกับณัฐพงษ์ไปตรงๆ
พระ : "ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะ ชาติที่แล้ว โยมเคยทำให้โยมสิริภรณ์เสียใจมาหลายครั้งเหมือนกัน ทั้งๆที่โยมสิริภรณ์รักโยมมากเช่นเดียวกัน ก็เลยถูกชะตากัน พอมาชาตินี้ โยมสิริภรณ์ก็เอาคืน เหมือนที่ชาติที่แล้วไง" พระขยายความให้ณัฐพงษ์เข้าใจ ทำให้ณัฐพงษ์รู้ว่า ชาติที่แล้ว ณัฐพงษ์จีบสาวไปทั่ว ทำให้สิริภรณ์เสียใจ แต่มาถึงชาตินี้ สิริภรณ์เป็นฝ่ายเอาคืนแทน
ณัฐพงษ์ : "เข้าใจแล้วครับหลวงพ่อ ผมไม่รู้จะทำยังไงดีอ่ะครับ หลวงพ่อมีวิธีแก้ไหมอ่ะครับ?"
พระ : "มีวิธีเดียวที่นายจะทำได้ก็คือ นายต้องหมั่นทำดีให้กับโยมสิริภรณ์ให้มากๆ ถึงแม้ว่าโยมสิริภรณ์จะไม่ชอบหน้านายเรื่องฐานะของนายสักเท่าไหร่นะ นายก็ยังทำดีกับโยมสิริภรณ์ต่อไป"
ณัฐพงษ์ : "แล้วถ้าสิริภรณ์เค้าไม่ชอบหน้าผมอีกขี้นมาล่ะครับ?" ณัฐพงษ์แย้ง
พระ : "ถ้าโยมสิริภรณ์ไม่ยอมทำดีกับนายอีกล่ะก็ เดี๋ยวสักวันโยมสิริภรณ์ก็จะรู้เอง ว่าเวรกรรมมันมีจริง ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าหรอก"
ณัฐพงษ์ : "ขอบคุณมากครับหลวงพ่อ ผมสัญญานะครับ ว่าผมจะพยายามทำดีกับสิริภรณ์ให้ได้" ณัฐพงษ์พูดเสร็จ พระยิ้มเมื่อณัฐพงษ์เชื่อฟังที่พระพูดมาทั้งหมด พระจึงเดินไปที่โบสถ์วัดทันที ณัฐพงษ์จึงเริ่มทำทุกวิถีทาง เพื่อให้เขา เอาชนะใจสิริภรณ์ให้ได้ ที่บ้านของภูวนาท ภูวนาทกำลังเดินคุยโทรศัพท์กับปานวาดอย่างหน้าบาน
ภูวนาท : "ถ้าผมว่าง ผมอยากจะมาหาพ่อแม่ของคุณปานที่บ้านด้วยอ่ะครับ เดี๋ยวเจอกันนะครับ แค่นี้นะครับ" ภูวนาทวางสายโทรศัพท์ของเขา ทันใดนั้นเอง อนิรุทธิ์ก็เดินเข้ามาบ้านพร้อมกับฟ้าใส น้องสาวคนเดียวของภูวนาทและอนิรุทธิ์ เธอเป็นเด็กสาววัย 23 ปี เป็นคนรักพี่ชายทั้งสองคนมากๆอีกด้วย
ภูวนาท : "อ้าว กลับมาแล้วหรอรุทธิ์ ฟ้าใส?"
อนิรุทธิ์ : "กลับมาแล้วครับ ผมก็เลยมารับน้องฟ้าซะเลย"
ฟ้าใส : "สวัสดีค่ะพี่ภู สบายดีไหมคะ?"
ภูวนาท : "สบายดีสิ ได้ข่าวว่าจะหางานทำอยู่ไม่ใช่หรอ? มาถึงมาเดินกอดพี่ซะเลยเนี่ย"
ฟ้าใส : "โถ จะไม่ให้น้องสาวสุดสวยของพี่กอดได้ไงล่ะคะ ก็วันนี้หนูกำลังหางานทำอยู่น่ะสิคะ ช่วงนี้หางานยากมากๆๆๆๆเลย"
อนิรุทธิ์ : "จริงเหมือนอย่างที่น้องฟ้าพูดน่ะสิครับพี่ภู น้องฟ้าใสเค้าเรียนหนังสือจบแล้ว แต่เหลือเพียงแต่ว่าจะหางานทำที่ไหนดีมากกว่าน่ะสิครับ?" อนิรุทธิ์เห็นด้วยกับคำพูดของฟ้าใสจริงๆ เพราะฟ้าใสเพิ่งเรียนจบมามาดๆ แต่ก็หางานทำไม่ได้สักกะที ก็เลยอาสาให้ภูวนาทช่วย
ภูวนาท : "ถ้างั้น... เดี๋ยวพี่จะพาน้องฟ้าใสไปหางานทำที่เหมาะกับเค้ามากกว่านะ"
ฟ้าใส : "แล้วพี่ภูกับพี่รุทธิ์จะหางานทำให้หนูอีกเมื่อไหร่อ่ะคะ?"
อนิรุทธิ์ : "น้องฟ้าใสครับ พี่ว่าใจเย็นๆดีกว่านะครับ อีกหน่อยก็คงจะรู้เอง" อนิรุทธิ์พูดเสร็จ ทำให้ฟ้าใสเข้าใจคำพูดของอนิรุทธิ์ จึงตัดสินใจว่า งานทำที่ฟ้าใสได้นั้น มันคืออะไรกันแน่?
ความคิดเห็น