คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เรื่องแปลกประหลาดที่ได้เผชิญ...
เรื่องแปลกประหลาดที่ได้เผชิญ...
เมื่อสามสิบเอ็ดนาทีก่อนหน้านี้ โดยประมาณ
ดราโก เทอร์เทรสใช้ชีวิตอย่างเด็กวัยรุ่นธรรมดาทั่วไป เขากำลังเดินอยู่บนถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนในยามค่ำคืนของเมืองดัลเนร์ สาเหตุที่ผู้คนออกมาเดินจนเต็มถนนในค่ำคืนนี้ก็เพราะว่าในคืนนี้เมืองที่เขาอาศัยอยู่ตั้งแต่จำความได้นั้นกำลังมีงานเฉลิมฉลองการกลับมาของ
ปีเตอร์ ออร์ดิออนลูกชายคนเดียวของผู้ว่าการประจำเมือง
ดราโกไม่ได้ออกมาเดินบนถนนเพื่อร่วมงานฉลองดังกล่าวแต่เขาออกมาซื้ออาหารสำหรับหมาของคุณยายเดซี่ที่ร้านอาหารสัตว์เลี้ยงเดลาซีซึ่งตั้งอยู่ตรงถนนที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับงานที่จัดขึ้น หลังจากที่ซื้ออาหารสำหรับเจ้าหมาแล้วเขาก็ออกมาจากร้านและรีบสาวเท้าเดินกลับบ้านทันที โดยไม่แม้แต่จะเหลียวไปมองบริเวณที่จัดงานกันอย่างครึกครื้นนั่น
ขณะที่เขากำลังเดินออกมานั้นเองจู่ ๆ เสียงของผู้คนรอบตัวเขาก็ค่อยหรี่ลงจนมันเงียบหายไป อากาศทั่วทั่งบริเวณที่เขาเดินผ่านก็เย็นขึ้นอย่างรวดเร็วมันไม่ได้เย็นแบบอากาศในฤดูหนาวแต่ว่าเย็นยะเยือกแบบที่ทำให้คนเราขนลุกเมื่อเวลาที่เรารู้สึกกลัวบางอย่าง
ภาพผู้คนที่เดินพูดคุยแลกเปลี่ยนบทสนทนาและหัวเราะในบางเรื่องที่เพื่อนของเขาเหล่านั้นพูด ทุกคนดูมีความสุขและไม่มีวี่แววของความไม่สบายใจอยู่บนใบหน้าของพวกเขาเลย ภาพเหล่านั้นดูเหมือนค่อยๆลอยออกห่างจากดราโกไปเรื่อยๆในความรู้สึกของเขา อากาสรอบๆ ตัวเขาก็เย็นขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดเวลาที่ผ่านไปเลยทีเดียว
ในตอนนี้เด็กหนุ่มไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาเดินเพื่อรีบกลับไปบ้านอีกต่อไปแล้ว เขาหยุดชะงักและมองไปรอบๆ พบว่าตอนนี้เขาไม่ได้เดินอยู่บนถนนเส้นเดิมปูด้วยแผ่นหินขรุขระที่มุ่งไปยังบ้านของยายของเขาอีกต่อไป ภาพบ้านเรือนตรงหน้าหายไปแล้วและถูกแทนที่ด้วยภาพป่าสนที่ต้นของมันดูเหมือนกับว่าสูงไม่มีที่สิ้นสุดในความมืดของยามค่ำคืน บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยหิมะหนาหลายนิ้วที่เกาะอยู่ตามลำต้นกิ่งก้านของต้นสนและบนพื้นที่เขายืนอยู่ก็เป็นพื้นที่ปูด้วยหิมะที่จับตัวจนกลายเป็นน้ำแข็งเช่นกัน จากความทรงจำเขาจำได้ว่าไม่มีแม้แต่ต้นสนสักต้นทั้งในเมืองดัลเนร์และบริเวณใกล้เคียงของเมือง แม้สภาพโดยรอบจะมืดสลัวจนแทบมองไม่เห็นแต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพตรงหน้าคือป่าสน
ขณะที่เขากำลังพิจารณาบริเวณโดยรอบอย่างงงงันทันใดนั้นเองจู่ ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นตรงหน้าของเด็กหนุ่ม และแสงนั้นก็พุ่งทะลุร่างของเขาอย่างรวดเร็วโดยที่เขาทำได้แค่เบิกตากว้างยืนนิ่งไม่ไหวติงให้แสงนั้นผ่านร่างของตนออกไปด้านหลังเท่านั้น
ตูม !!!
เกิดเสียงดังตูมที่สะหนั่นหวั่นไหวราวกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้นในการทำเหมืองหินที่มักดังเป็นระยะ ๆ ตลอดเวลาในเมืองดัลเนร์ตั้งแต่ดราโกจำความได้
เสียงนั้นดึงสติของดราโกที่ตกตะลึงกลับมา ทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบหรือความเจ็บปวดใด ๆ จากการพุ่งทะลุผ่านร่างตัวเองไปของแสงปริศนา คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็ค่อย ๆ หมุนตัวกลับหลังเพื่อมองหาต้นเหตุของเสียงกัมปนาทเมื่อครู่
และแล้ว... บางสิ่งบางอย่างที่เกิดจากการระเบิดเมื่อครู่ซึ่งอยู่ห่างจากเขาไปประมาณห้าสิบฟุตเป็นอย่างต่ำก็เริ่มเคลื่อนไหว มันค่อย ๆ เปล่งแสงในความมืดจนทั้งบริเวณที่ล้อมรอบตัวค่อยมืดมิดลงกว่าเดิม
ใช่! ชายหนุ่มคิดว่าเขามองไม่ผิดแน่ บริเวณรอบ ๆ เจ้าสิ่งนั้นมืดขึ้นจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่เจ้าตัวตรงหน้าปล่อยออกมา สิ่งนั้นดูเหมือนจะเป็นสีดำ สีดำที่ดูมืดมิดยิ่งกว่ารัตติกาลใด ๆ ที่ไร้แสงและมันก็ร้อนด้วย! เขาคิด
เขาสัมผัสได้ว่าความร้อนนั้นค่อย ๆ แผ่ขยายออกกว้างอย่างช้า ๆ จนน้ำแข็งที่อยู่รอบตัวเขาเริ่มละลาย ความร้อนนั้นลามเลียไปทั่วบริเวณจนแม้กระทั่งหิมะหนาหลายนิ้วที่เกาะอยู่ตามลำต้นกิ่งก้านของต้นสนก็พลอยละลายกลายเป็นน้ำไหลหยดร่วงลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงไปด้วย
ตอนนี้ร่างของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อที่เกิดจากความร้อนดังกล่าวนั้น อา...นี่ฉันฝันอยู่รึไง ถ้าฝันก็ช่วยรีบ ๆ ตื่นทีเถอะ บ้าเอ๊ย ! นี่มันร้อนจนจะทนไม่ไหวแล้วนะ
แต่ทันใดนั้นเองขณะที่เจ้าตัวคิดว่าเขาคงจะไม่ได้อยู่ในความฝันและเหตุการณ์ตรงหน้าคือความจริง ความคิดที่ว่าตัวเองคงจะต้องตายเพราะความร้อนบ้า ๆ นี้เริ่มเกาะกุมจิตใจของดราโกอยู่นั้นเอง สีดำที่แผ่ขยายออกมาพร้อมกับความร้อนบัดซบที่มันแผ่ออกมาด้วยนั้นก็ตะหวัดม้วนตัวของมันเขาสู่ใจกลางจุดกำเนิดในตอนแรก และทันทีมันรวมตัวจนดูหนาแน่นมาก... มากจนคาดว่าจะไม่สามารถหนาแน่นไปกว่าที่เป็นอยู่ได้นั่นเอง ความร้อนที่เกิดขึ้นพร้อมกับแสงสีดำก็หมดไปราวกับมันไม่เคยร้อนมาก่อน และน้ำแข็งที่ละลายกลายเป็นน้ำเพราะความร้อนของมันก็กลับกลายไปเป็นดังเดิมเหมือนกับมันไม่เคยละลายมาก่อนอย่างน่าแปลก
ภาพของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มชัดเจนขึ้นเมื่อความมืดที่แผ่ขยายเมื่อครู่ค่อย ๆ หมดไป มันทำให้ดราโกรู้ว่าเจ้าสิ่งที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาในขณะนี้เป็นบางสิ่งที่เขาคิดว่ามันควรจะอยู่แต่ในหน้าสมุดภาพนิทานสำหรับเด็กเท่านั้น ซึ่งของพวกนั้นเขาเลิกอ่านมันไปตั้งแต่ที่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นโดยใครซักคนเมื่อนานมาแล้วเท่านั้น!
และทันทีที่มันพ่นลมหายใจอันแสนจะอบอุ่นออกมา เขาก็ได้รับรู้รสชาติของความร้อนจนซาบซ่าอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และแน่นอนว่า เจ้านั้นมันไม่ควรมาพ่นลมหายใจร้อนออกมาจากจมูกเพ่นพ่านแบบนี้ จนเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ยังรู้สึกได้ถึงความร้อนท่ามกลางความหนาวเหน็บ
มังกร! เจ้าตัวตรงหน้ามันคือมังกรนั้นเอง เกล็ดสีดำวาววับ นัยน์ตาสีทองเปล่งประกายวาวโรจน์ กลางหลังมีปีกเล็กคู่หนึ่งประดับอยู่อย่างงดงาม มันมีขนาดไม่ใหญ่นักราวกับว่ามันเพิ่งฟักออกมาจากไข่เมื่อไม่นานมานี้ ว่าแต่มันเป็นพันธุ์ไหนกันหว่า? ไอ้เราก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องพวกนี้ ถ้าเป็นพันธุ์ที่โง่แล้วก็ไม่สนใจชีวิตของเขาก็ดีซิ เฮ้อ...แต่ดูจากท่าทางมันแล้วเด็กหนุ่มผู้ที่รู้สึกโชคร้ายสุดๆ ก็คงจะต้องผิดหวังเสียแล้ว เพราะท่าแสยะยิ้มยิงฟันของมังกร แม้จะเป็นแค่ลูกมังกรตัวน้อยก็ตาม แต่รอยยิ้มนั้นคงจะบอกไม่ได้ว่าเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นแน่ ๆ
ให้ตายใครช่วยปลุกให้ฉันตื่น หรือถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริงก็ขอให้ใครก็ได้ ช่วยฉันที! ก่อนที่จะถูกมังกรที่อยู่ตรงหน้านี้เขมือบไปซะก่อนทีเถอะ แต่ไม่แน่ว่าเขาอาจไม่ถูกเขมือบก็ได้ แต่อาจจะถูกลมหายใจมังกรย่างจนสุกซะก่อนที่เจ้าตัวตรงหน้าจะทันได้สังเกตเห็นเขาซะอีก
หึ แต่ก่อนจะคิดให้ใครมาช่วยก็คงจะต้องช่วยตัวเองเท่าที่ทำได้ก่อนละนะ! และหากจะว่าด้วยหลักการและกฎแห่งการเอาตัวรอดแล้วละก็ สิ่งที่ควรจะทำในตอนนี้ก็คือหนีเท่านั้นแหละ
เขาคิดว่าเขาควรจะรีบวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุดก่อนที่เจ้ามังกรตัวสีดำสนิทราวกับรัตติกาลแต่กลับเปล่งแสงเรือง ๆ ที่ไม่อาจระบุสีได้ออกมาจาง ๆ ตัวนี้จะทันสังเกตการณ์มีตัวตนของเขาเข้าซะก่อน
และแล้วสิ่งที่เขาอ้อนวอนในใจไม่ให้เกิดขึ้นก็เกิดจนได้เพราะหลังจากที่เจ้ามังกรก้มลงสำรวจตัวมันเองเรียบร้อยแล้ว มันก็เงยหน้าขึ้นมา มองมายังเขา นัยน์ตาสีทองของมันจ้องประสานกับนัยน์ตาสีเทาซีดจางของดราโก ราวกันโดนอาคมลึกลับสะกดไว้ เพราะทันทีที่ดวงตาของทั้งสองสบกันดราโกก็รู้สึกว่าเขาไม่อาจที่จะละสายตาจากเจ้าสิ่งมีชีวิตตรงหน้าได้เลย
หลังจากตาจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่ามันเพิ่งจะนึกถึงพฤติกรรมสัตว์ร้ายที่มันควรมีได้ในที่สุด เสียงคำรามต่ำๆ ดังออกมาจากปากและโพรงจมูกที่พ่นไอร้อนระอุออกมาตลอดเวลา สายตาของมันที่มองดราโกดูกร้าวขึ้นมันกระพือปีกสีดำที่อยู่กลางหลังจนทำให้เกิดเสียงลมหวีดหวิวและจากตอนแรกที่อยู่ในท่าสบาย ๆ มันก็ย่อขาหลังลงราวกับนักวิ่งที่กำลังจะพุ่งตัวออกจากจุดสตาร์ท
ท่าทางของมันดูลุกลี้ลุกลนราวกับไม่พอใจในบางอย่าง ซึ่งดราโกค่อนข้างเชื่อว่าสิ่งที่มันไม่พอใจจะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน
ทั่ง ๆ ที่สมองของเขาบอกให้หนีไปแต่ทว่าร่างกายได้ปฏิบัติในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เมื่อเด็กหนุ่มพบว่าเท้าของเขาได้มีชีวิตของมันเองและไม่ได้เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าของมันเลยเมื่อมันก้าวช้าๆ ตรงเข้าไปหามังกรท่าทางดุร้ายนั่นที่มันก็กำลังพุ่งเข้ามาหาเขาเช่นกัน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ใครก็ได้ช่วยตอบฉันทีเถอะ!!!
ความคิดเห็น