คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [SF]เนื่องในวันเกิดด๊องจ้า>>>Make A Wish
>>>Make A Wish<<<
“ฮัน วันที่15ที่จะถึงนี้ตรงกับวันอะไรรู้ป่ะ” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยเสียงตื่นเต้น
“ไม่รู้สิ เราไม่ได้นับวันเวลาเลย”ผู้ถูกถามตอบออกมาตรงๆ ไม่ได้แกล้งตีเบลอแต่อย่างใด
“วันพุธ(ของเวลาไทย)ไงล่ะ”ซองมินผู้ร่วมวงสนทนาอีกคนตอบแทนให้
“ขอบใจนะซองมิน แต่เราไม่ได้ถามนายจ๊ะ”เจ้าของคำถามหน้าหวานหันมายิ้มหวานแต่เจตนาร้ายให้กระต่ายน้อยเพื่อนรักอีกคน
“จ้า ดงแฮ ฉันแค่มีน้ำใจเท่านั้นแหละ”ซองมินส่งยิ้มหวานเจตนาร้ายกลับไปให้เพื่อนรักบ้าง
“แหมคู่นี้ แบบนี้ต้องเรียกว่าเพื่อนรักเพื่อนร้ายใช่ไหมเนี่ย”
ฮันเกิงแซว ดงแฮและซองมินเป็นเพื่อนรักกันมานาน พวกเขามักจะตอบโต้กันด้วยคำพูดเจ็บๆอยู่เสมอทว่าเป็นเพียงแค่คำพูดเท่านั้น ใจจริงของเพื่อนรักไม่ได้คิดร้ายต่อกันแต่อย่างใด ทั้งสองคบกันมาตั้งแต่ม.ต้นและมาเริ่มรู้จักกับฮันเกิงที่เป็นชาวจีนตอนม.ปลาย พวกเขาคอยช่วยฮันเกิงเรื่องภาษาเกาหลีอยู่ตลอดเวลา ทั้งสามจึงเป็นเพื่อนรักกันในที่สุด โดยซองมินกับฮันเกิงนั้น ทั้งสองคิดต่อกันแค่เพื่อนสนิทที่สุดเท่านั้น แต่สำหรับดงแฮ เขาไม่ได้คิดกับฮันเกิงแค่เพื่อน มันมากกว่านั้นมากมายเหลือเกิน
ซึ่งซองมินเองก็รู้เรื่องนี้ดีเพราะดงแฮมักจะมาปรึกษาปัญหาหัวใจกับเขาอยู่เสมอ
“โห่ ฮันอ่ะ เดาหน่อยไม่ได้หรือไง”
“วัน....วันปีใหม่ของเกาหลีหรอ ใช่หรือป่าว”
“ไม่ใช่ ยังไม่ใกล้เคียงอ่ะ”
“อืม....วันเกิดเราหรอ ไม่ใช่นี่นาเลยมาตั้งนานแล้ว”
“ไม่ๆๆคิดอีกนิดสิ มองหน้าเรา”ดงแฮยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าหล่อ หวังจะได้คำตอบที่ตรงใจตัวเอง
“555+เมื่อเช้านายล้างหน้ามารึเปล่าเนี่ย ขี้ตายังติดอยู่เลย”
ร่างสูงหัวเราะ พลางใช้ปลายนิ้วเช็ดขี้ตาออกจากหางตาของใบหน้าหวาน ดงแฮหน้าแดงเพราะการกระทำเมื่อครู่จึงหลบสายตาไป
“ฮันบ้า เราไม่คุยด้วยแล้ว”
พูดจบก็ลุกออกจากห้องเรียนทันที ไม่ใช่เพราะอายเรื่องที่ถูกแซวที่ล้างหน้าไม่สะอาด แต่เพราะน้อยใจที่เพื่อนที่ตนแอบรักจำวันเกิดตัวเองไม่ได้มากกว่า น้อยใจที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาฮันเกิงไม่เคยใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของเขาเลยว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร น้อยใจที่ฮันไม่เคยรู้ว่าเขารู้สึกเช่นไรกับเขา น้อยใจที่ฮันไม่เคยให้เขาได้มากกว่าเพื่อน แค่น้อยใจเท่านั้นเอง
“นี่ฮัน นายไมรู้จริงๆหรอ วันพุธที่จะถึงนี่วันเกิดดงแฮนะ”ซองมินเฉลยให้ในที่สุด
“เฮ้ยจริงดิ่ เขาไม่เคยบอกเราเลยนี่นา”
“เฮ้อ แล้วทำไมนายไม่รู้อะไรเองบ้างเลยนะ”กระต่ายน้อยทิ้งท้ายก่อนจะเดินตามเพื่อนรักที่ออกไปก่อนหน้านี้
สิ่งที่ซองมินบอกออกไปเมื่อครู่ไม่ได้หมายความแค่เรื่องวันเกิดของดงแฮเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเรื่องความในใจของดงแฮด้วย ทำไมเขาไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยรู้อะไรเองเลยจริงๆ
“ซองมิน เราไม่ไหวแล้วนะ เราชอบฮันมาก ชอบจนจะบ้าอยู่แล้ว”ดงแฮโวยวายให้กับเพื่อนรักฟังในห้องน้ำของตึกเรียนซึ่งมั่นใจแล้วว่าปลอดคน
“ใจเย็นๆน่า เรื่องแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไปสิ”กระต่ายน้อยว่าพลางลูบหลังเพื่อนเพื่อให้ใจเย็นลง
“แต่เราไม่ไหวแล้วนะ คิดดูดิ่ แค่วันเกิดเราเขายังไม่รู้เลย”
“ฮันก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าเราไม่บอกเขาก็ไม่รู้อะไรเองหรอก”
“ซองมิน นายว่าฮันเขาจะชอบเราบ้างมั๊ยอ่า”
“เอ่อ ตอนนี้เราว่าฮันคงยังคิดกับนายแค่เพื่อนอ่ะ แต่นายอย่าเพิ่งท้อสิ เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา”
“งั้นดีล่ะ วันพุธนี้วันเกิดเรา เราจะบอกรักเค้าให้ได้”
“สู้ๆ ดงแฮไฟท์ติ้ง”
ว่าแล้วเพื่อนรักทั้งสองก็กอดกันกลมอยู่ในห้องน้ำ ใบหน้าของดงแฮเปี่ยมไปด้วยความหวัง ร่างบางไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของตัวเองนั้นอยู่ในสายตาของใครคนนึงตลอดเวลา
-ท่านคิบอม ท่านแน่ใจแล้วใช่ไหม ใครคนนึงบนฟ้ากล่าว
-แน่นอน ข้าอยากลงไปช่วยคนที่ข้ารัก อีกเสียงตอบเรียบเฉย
-แต่ท่านรู้ใช่ไหม ว่าท่านจะมีความรู้สึกผูกพันแบบมนุษย์ไม่ได้เด็ดขาด ถึงท่านจะรักมนุษย์นั่นมากเพียงใด ท่านก็ไม่มีสิทธิ์จะบอกรักมนุษย์ผู้ต้อยต่ำนั่น มันผิดกฎสวรรค์ คยูฮยอนเตือนสหายรัก
-เมื่อครบกำหนดแล้วข้าจะกลับมาทันที แล้วร่างสูงก็หายหัวไปต่อหน้าคู่สนทนา เขาไม่ได้มีท่าทีตกใจเลยแม้แต่น้อยที่คู่สนทนาของเขาหายตัวได้เพราะเขาก็ทำแบบนั้นได้เช่นกัน ใช่แล้ว พวกเขาคือเทวดา
แสงแดดจากนอกหน้าต่างสาดแสงเข้ามายังห้องส่งผลให้ร่างเล็กใต้ผ้าห่มฟื้นตัวการห้วงนิทรา มือเล็กๆสองข้างขยี้ตาเล็กน้อยปรับเรตินาดวงตาให้รับกับแสงแดดยามเช้า และบิดขี้เกียจเนื่องจากความเมื่อยล้า ก่อนจะรู้สึกตัวว่ามีสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในห้องนี้ด้วย
ไม่สิ มันนั่งพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆเขาเลยต่างหาก
“อ๊ากกกกกกกกกกกก”
“เฮ๊ย! ”
ร่างสูงผู้มีใบหน้าหล่อเหลายกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างของตัวเองทันทีก่อนที่หูตัวเองจะหนวก เมื่อคนตัวเล็กบนเตียงร้องเสียงดัง
“ช่วยด้วยๆๆๆๆ ขโมยขึ้นบ้า........อุ๊บ”
ร่างสูงเอามือสองข้างที่เคยปิดหูของเขาย้ายมาปิดปากหน้าหวานทันทีก่อนจะมีใครเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นขโมยจริงๆ
“ชวู่....เงียบ ข้าไม่ใช่ขโมย”
ร่างหนานั้นกระซิบเบาๆข้างหูร่างเล็กที่ดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่ในวงแขนแกร่งของเขา
“ออกไอ แอเอ็นไอ อ้วยอ้วย”แม้จะถูกปิดปากไว้แต่คนร่างบางก็ยังไม่วายร้องให้คนช่วย
“ถ้าเจ้าไม่หยุดร้องเห็นทีข้าต้องใช้อย่างอื่นปิดปากเจ้าแทนมือข้าแล้วล่ะ”
ได้ผล คราวนี้คนตัวเล็กยอมหยุดนิ่งราวกับถูกสาบโดยทันที
เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนตัวเล็กสิ้นฤทธิ์แล้วจริงๆมือหนาก็เปิดปากบางพร้อมๆกับวงแขนแข็งแรงที่ค่อยๆคลายออกจากร่างเล็กช้าๆ
“ช่วยด้วย!!!!!..... อุ๊บ OxO!”
ริมฝีปากหนาตรงเข้าประกบริมฝีปากบางทันทีเมื่อเจ้าของปากนั้นร้องอีกครั้ง มันไม่ใช่แค่การประกบปากธรรมดา ริมฝีปากหนาค่อยๆดูดริมฝีปากบางนั้นทั้งบนและล่างกดจูบซ้ำไปมาพร้อมเลียไปรอบๆริมฝีปากเล็กจนคนตัวเล็กเริ่มคล้อยไปกับรสจูบนั้น จากนั้นจึงสอดลิ้นหนาเข้าไปทักทายลิ้นเล็กที่อยู่ในปากบางซึ่งร่างบางก็เปิดรับมันเข้ามาอย่างยินดี
จูบแรกของร่างเล็ก หลุดลอยไปกับคนแปลกหน้าผู้หล่อเหลานี่เสียแล้ว
ร่างเล็กหลับตาลงช้าๆ มือเล็กที่เคยกำเสื้อของร่างสูงแน่นกลับไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน แต่มันค่อยๆเลื่อนขั้นไปบนคอหลังของร่างสูง ร่างเล็กเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างบนหลังของร่างสูงจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง มันมีสีขาวขนของมันเรียงสวย ใหญ่ แข็ง ทว่านุ่มราวกับปีกหงส์
ปีก ปีกงั้นหรอ?....
ร่างเล็กเริ่มออกแรงดิ้นอีกครั้ง ทำให้ร่างสูงต้องละริมฝีปากของตัวเองออกจากปากบางนั้นอย่างเสียดาย ร่างเล็กเบิกตากลมโตมองเขาก่อนจะหอบหายใจถี่ๆเนื่องจากการจูบเป็นเวลายาวนาน
“นะ....นาย....มีปีก เหวอ”
“ใจเย็น แล้วฟังข้า ข้าไม่ใช่ขโมย”
ร่างสูงเริ่มอธิบายก่อนที่คนหน้าหวานนี่จะเข้าใจผิดเข้าไปใหญ่
“ไม่ใช่ขโมย แต่นายเป็นผี อ๊าก”
“ไม่ ข้าเป็นอะไรที่สูงส่งกว่าผีสางนั้นมาก ข้าคือเทวดา”
“ทะ...เทวดา กร๊ากกกก นายบ้าไปแล้วแน่ๆ”ดงแฮขำกลิ้งอยู่บนเตียง
“เจ้าไม่เชื่อข้าอย่างนั้นรึ”เทวดาหน้าหล่อเริ่มฉุน
“จะให้ฉันเชื่อจริงๆหรอ พ่อเทวดาตกมัน”
ดงแฮสำรวจคนที่เรียกตัวเองว่าเทวดาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาใส่ชุดสูทสีขาวทั้งตัวเหมือนเจ้าบ่าวในงานแต่งงานไม่มีผิด แต่มันผิดตรงที่ว่าเขามีปีกสีขาวสองข้างติดอยู่ที่หลังนี่แหละ แปลกชะมัด
“เจ้าบังอาจลบหลู่ข้ารึ เจ้ามนุษย์หน้าหวาน งั้นข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าดู”
ว่าแล้วเทวดาคิบอมก็ชี้นิ้วไปที่ตัวของดงแฮที่ยังนั่งขำอยู่บนเตียงแล้วสะบัดนิ้วสองสามทีต่อด้วยการดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ฉับพลันเสื้อผ้าที่เคยอยู่บนตัวร่างเล็กก็ขาดว่อนเป็นชิ้นเล็กๆไปต่อหน้าต่อตาเจ้าของร่างนั้น
พระเจ้า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเทวดา จริงๆหรอเนี่ย หรือว่าเขายังไม่ตื่นจากฝัน ใช่ เขาต้องฝันอยู่แน่ๆเลย
คิดได้ดังนั้นร่างบางจึงหยิกแก้มตัวเองแรงๆสองที และเขาก็พบว่ามันเจ็บ
“ไม่ได้ฝันนี่นา นี่นายเป็นเทวดาจริงๆหรอ”
“จะให้ข้าพิสูจน์อะไรในตัวเจ้าอีกก็ได้นะ”
คิบอมกดสายตามองร่างนั้นแล้วแสยะยิ้มอย่างหื่นกระหาย ส่วนร่างเล็กที่มัวแต่ตกใจ ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้อยู่ในสภาพเปลือยกายร้องลั่นแล้วคว้าผ้าห่มมาคลุมกายแทบไม่ทัน
“ไอ้บ้า ไอ้หื่นกาม”
“แล้วเจ้าเชื่อหรือยังล่ะ ว่าข้าคือเทวดาจริงๆ”คิบอมยังไม่วายมองร่างเล็กด้วยสายตากระหาย
“หยุดมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะ ไอ้เทวดาบ้า”
“พูดแบบนี้แสดงว่าเชื่อแล้วใช่ไหมว่าข้าคือเทวดา”
“เออ เชื่อก็ได้ แต่เทวดาจากสวรรค์ชั้นไหนเนี่ย หื่นชะมัด”
ดงแฮพึมพำเบาๆ เพราะหากให้คนร่างสูงได้ยินเขาอาจเสกอะไรแผลงๆแบบเมื่อกี๊นี้อีกก็เป็นได้
“แล้วเจ้าจะอยู่ในสภาพนี้อีกนานมั๊ย บอกไว้ก่อนนะถึงข้าจะเป็นเทวดาแต่ก็มีความรู้สึกเรื่องอย่างว่าเหมือนกัน หึหึ”
คิบอมบอกเพราะเขาเองก็เริ่มมีความรู้สึกต้องการเรื่องอย่างว่าขึ้นมาจริงๆ อยู่ในห้องสองต่อสองกับร่างเล็กบอบบางตัวขาวถามยังเปลือยกายอยู่บนที่นอนสีขาว ถึงจะมีผ้านวมปิดร่างอยู่บ้างก็เหอะ มันช่างยั่วกิเลสคนมองจริงๆ ต่อให้เป็นคน หรือเทวดานางฟ้าที่ไหนก็อดใจไม่อยู่เหมือนกัน
“บ้า หื่น ทุเรศจริงๆ”
ด่าจบคนตัวเล็กก็พาร่างเปลือยเปล่าของตัวเองวิ่งเข้าห้องน้ำทันทีโดยไม่ลืมที่จะเอาผ้านวมสีขาวผืนหนาห่อร่างไปด้วย
“โอ๊ยยยย นี่มันเรื่องบ้าไรวะเนี่ย”ดงแฮโวยวายอยู่ในห้องน้ำพลางถูหลังตัวเองไปด้วย เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเทวดาจะมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ
“บ่นอะไร จะให้ข้าช่วยถูหลังให้หรือไง”
“อ๊ากกกก นายเข้ามาได้ยังไง” ดงแฮร้องลั่นรีบโกยฟองสบู่มาปิดจุดซ่อนเร้นของตัวเอง ก่อนที่เอามือมาปิดหน้าอกของตัวเองไว้(เหมือนจะมีเลยเนอะนมน่ะ)
“ก็หายตัวเข้ามาน่ะสิถามได้ อย่าลืมสิว่าข้าเป็นเทวดา”คิบอมตอบหน้าตาเฉย
“บ้าเอ๊ย ออกไปนะไม่เห็นหรอว่าฉันอาบน้ำอยู่”
“เห็น.....เต็มสองตาเลย”ร่างสูงกวาดตามองทั่วร่างบาง
“ออกไป๊!!!!”ดงแฮว่าใช้ฝักบัวฉีดพ่อเทวดาหน้าหล่อจนเขาหายวับไปกับอากาศ
“เฮ้อ นี่ไปจริงๆแล้วใช่ไหม ไม่ใช่แอบมองฉันอยู่นะ คิบอม”ร่างเล็กกวาดตามองไปทั่วห้องน้ำอย่างหวาดระแวง
“ไปแล้วน่า”
“บ้า ถ้าไปแล้วจะมีเสียงนายได้ไงล่ะ”ตัวไปแต่ยังได้ยินเสียง ตกลงไปจริงหรือเปล่านะ
“ข้ากำลังจะไป แล้วเจ้าเรียกข้าทำไมล่ะ หรือว่าเปลี่ยนใจจะให้ข้าถูหลังให้จริงๆ”
“ไม่ใช่นะ งั้นนายก็ไปซะทีสิ”
“เจ้าก็เลิกเรียกข้าซะทีสิ”
“เออๆ ไม่เรียกแล้ว นายห้ามเข้ามาอีกนะได้ยินมั๊ย”
“
”ดงแฮต้องการความแน่ใจเพื่อเขาจะได้อาบน้ำได้อย่างสบายใจไม่ต้องคอนระแวงว่าจะมีพวกถ้ำมอง แต่เสียงนั่นก็เงียบไปแล้ว คิบอมคงไปแล้วจริงๆ
“หวัดดีฮัน กินข้าวเช้ามารึยัง”ร่างบางถามเพื่อน(รัก)ที่เจอกันหน้าประตูร.ร.
“เรียบร้อยแล้วล่ะ แล้วดงแฮล่ะกินมารึยัง”
“ก็บอกมันไปสิว่ายังไม่ได้กระเดือกอะไรลงคอเลยแม้แต่น้ำเพราะมัวแต่รอเจอมัน”คิบอมแทรกขึ้นมา ตอนนี้เขายืนอยู่ข้างๆดงแฮ
คิบอมพูดถูก ดงแฮจะไม่กินอาหารเช้าที่บ้านเพราะเขาจะมารอเจอฮันเกิงหน้าประตูร.ร.ทุกเช้าเพื่อเดินเข้าร.ร.พร้อมกัน
“นายอย่าพูดดังได้ไหม เดี๋ยวฮันได้ยิน”ดงแฮตวาดเบาๆ มันทำให้ฮันเกิงแปลกใจมากที่อยู่ดีๆดงแฮก็พูดกับธาตุอากาศข้างๆตัวเอง
แต่ถึงเขาจะพูดดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยินหรือเห็นร่างของคิบอมหรอกถ้าหากเทวดาหน้าหล่อผู้นี้ไม่อนุญาติ
“อะไรนะ ดงแฮพูดกับเรารึเปล่า”ฮันเกิงขมวดคิ้วถาม
“อะ...อ๋อเปล่า ฉันพูดกับเชื้อโรคที่ลอยอยู่แถวนี้อ่ะ แหะๆ”พูดจบก็ยิ้มแห้งๆให้ร่างสูง
“เจ้าบังอาจเปรียบข้ากับธาตุอากาศงั้นเรอะ!!!”คิบอมโวยแต่ดงแฮทำเป็นไม่สนใจแล้วชวนฮันเกิงไปโรงอาหารโดยอ้างว่าตัวเองหิวข้าว
“นั่งรอตรงนี้นะฮัน เดี๋ยวฉันไปซื้อข้าวแป๊ป”
สั่งเสร็จร่างเล็กก็เดินตัวปลิวไปทันทีโดยมีคิบอมเดินตามไปเหมือนเป็นเงาตามตัวไม่มีผิด
“เจ้าลงทุนมาร.ร.แต่เช้าข้าวปลาไม่กินเพื่อมาอ่อยมันแบบนี้ทุกวันเลยรึเปล่า”คิบอมถามสีหน้าเรียบเฉย
“เรื่องของฉัน แล้วนายก็ห้ามเรียกฮันว่ามันเด็ดขาด นี่มันโลกมนุษย์นะมาเรียกเจ้าๆข้าๆอะไรอย่างกับพวกลิเก
.ป้าฮะ บิบิมบับที่หนึ่ง”ดงแฮทำตาขวางใส่คิบอมแล้วหันไปสั่งอาหารกับแม่ค้าร้านข้าวยำ
“ ข้าไม่ใช่พวกมนุษย์ต้อยต่ำอย่างเจ้า ฉะนั้นข้าไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดแบบมนุษย์”
“จ้า...พ่อเทวดาสูงส่ง อยากพูดอะไรก็พูดไปนะแต่ถ้านายยังไม่เลิกใช้สรรพนามลิเกๆกับฉัน ฉันก็จะไม่พูดกับนายแล้ว”พูดจบเสียงหวานก็เงียบไป
“ดงแฮ”
“
”เจ้าของชื่อเชิดหน้าเงียบ
“ลีดงแฮ”
“...”เรียกเต็มยศแล้วลีดงแฮก็ยังเฉยเมยจนเทวดาผู้สูงส่งเริ่มหมดความอดทน
“โอเคๆๆ แล้วจะให้ฉันพูดยังไงล่ะ”
“หนูๆ ข้าวยำที่สั่งได้แล้วจ้ะ”แม่ค้าพูดแล้วยื่นชามข้าวยำมาให้ดงแฮที่ยืนเชิดไม่สนใจสิ่งรอบตัวทั้งสิ้น
“ถ้าไม่ตอบฉันจะเสกให้นายเป็นใบ้ไปตลอดชีวิต”คิบอมขู่
“ก็พูดดีๆกับฉันเหมือนที่คนธรรมดาเขาพูดกันเซ่!!!”ร่างบางตะคอกออกมาในที่สุด แต่นั่นทำให้แม่ค้าคิดว่าร่างเล็กกำลังตะคอกตัวเอง
“นี่หนู ป้าก็พูดดีๆแล้วนะ!”ป้าแม่ค้าหัวเสียทันที
“ขอโทษครับป้า ผมไม่ได้พูดกับป้านะครับ”ดงแฮขอโทษเป็นการใหญ่ส่วนคิบอมได้แต่ยืนขำ
“ถ้าหนูไม่ได้พูดกับป้าแล้วพูดกับใครล่ะ เพี๊ยนรึเปล่าน่ะเรา”
“ช่างเถอะฮะป้า นี่ฮะเงิน”
ดงแฮยื่นเงินค่าข้าวให้เป็นการตัดบทก่อนจะเดินชนร่างคิบอมไป เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย ก็ร่างกายเขาไม่ได้มีสถานะเป็นสสารนี่ จะรู้สึกอะไรได้ยังไง
เมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะฮันกยองก็หายไปแล้ว ดงแฮกวาดตามองไปทั่วโรงอาหาร พลันสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่คนสองคนที่กำลังยืนคุยกันอย่าสนิทสนม ร่างสูงกำลังจับมือขาวของร่างบางหน้าสวยคนหนึ่งอย่างเคอะเขิน
ดงแฮมองภาพนั้นอย่างปวดร้าว เพราะร่างสูงนั้นคือฮันกยอง ส่วนอีกร่างบางนั้นคือฮีชอล ดาวโรงเรียนแสนสวยราวกับผู้หญิงนั่นเอง
“บาดตาบาดใจมากสินะ หลงรักคนมีเจ้าของแล้วน่ะ”
“หุบปากไปเลยนะคิบอม ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับนาย”พูดจบร่างเล็กก็วิ่งออกจากโรงอาหาร
เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เขาอุตส่าทุ่มเทความรักให้ฮันเกิง มันไม่ได้มีค่าอะไรเลย ที่เขาคอยดักรอฮันเกิงทุกเช้าหน้าร.ร.เพื่อเดินเข้าร.ร.พร้อมกัน คอยจดแล๊คเชอร์ให้ทุกคาบที่ฮันมาเรียนสาย คอยไปเยี่ยมดูแลเวลาฮันไม่สบาย กลับบ้านด้วยกันทุกวัน โทรคุยกันทุกคืนและไหนจะอีกหลายๆอย่างที่เขาทำเพื่อฮัน
ทั้งหมดที่ทำไปมันไม่ได้มีความหมายเลย เขาน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ฮันมีคนที่รักอยู่แล้ว และคนๆนั้นไม่ใช่เขา
คิบอมหายตัวตามดงแฮมายังห้องน้ำหลังโรงอาหาร พบร่างเล็กนั่งชันเข่าตัวสั่นเล็กน้อยจากการ้องไห้ ร่างสูงนั่งยองๆลงข้างร่างเล็กเพื่อให้หน้าอยู่ในระดับเดียวกันก่อนจะดึงคนที่กำลังเสียใจเข้ามากอดซึ่งดงแฮเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“ฮึก...ฮือ...ฉันน่าจะรู้ตั้งแต่แรก....ว่าฮัน....ฮะ...ฮันเขาไม่ได้รักฉัน ฮือๆๆๆ”ดงแฮพร่ำเพ้อทั้งน้ำตา
“ฮึ่ย แค่มนุษย์คนเดียวเจ้า...เอ่อ...เธอจะไปเสียน้ำตาให้มันทำไม”
คิบอมเปลี่ยนสรรพนามให้ดูเหมือนคนทั่วไป มือหนายีหัวคนตัวเล็กแล้วทำหน้ามุ่ยเป็นหมาหน้าย่นก็ไม่ปาน เขารู้สึกไม่ดีเลยจริงๆที่คนที่ตัวเองรัก ต้องมาเสียน้ำตาให้ชายอื่น
“ฮึกๆ...ก็ชั้นเป็นคนธรรมดานิ่ ฮึก...ไม่ใช่เทวดาไร้หัวใจแบบนาย ถ้านายรักใครเป็นนายจะรู้เอง”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่มีหัวใจแล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เคยรักใคร”
คิบอมจ้องเข้ามาในดวงตาของหนุ่มหน้าหวาน สิ่งที่ดงแฮพูดมันจี้ใจดำคนเย็นชาคนนี้อย่างร้ายกาจ ใครว่าเขาไม่มีหัวใจ ใครว่าเขารักใครไม่เป็น ก็คนตรงหน้านี่ไง คนที่เทวดาคนนี้รักจนสุดหัวใจ
“เอ่อ...ฉัน...”
คนหน้าหวานได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะพูดอะไรดีเพราะตอนนี้ใบหน้าหล่อของเทวดาช่างจริงจังเหลือเกิน
“ช่างเถอะ...เธอคงไม่เข้าใจหรอก”
พูดเพียงเท่านั้นร่างของคิบอมก็ค่อยๆจางหายไป ใบหน้าของเขาดูเศร้าจนดงแฮรู้สึกได้
“คิ...คิบอม”
“อะไรนะ!! ฮันน่ะหรอชอบฮีชอล ไม่น่าเชื่อเลย”
“เชื่อเถอะซองมิน เขาไม่มีทางชอบเราได้ ไม่มีทาง”ดงแฮพูดน้ำตาคลอเบ้า ซองมินจึงเข้ามาปลอบเพื่อนรักด้วยการลูบหัวเบาๆ
“แล้วนายจะทำไงล่ะ จะสู้ต่อไปมั๊ย”
“มันยังจะมีอะไรให้เราหวังอีกหรอมิน เราคงต้องตัดใจแล้วล่ะ”
“อืม ตามใจนายนะ เราก็ว่ามันเป็นทางที่ดีที่สุดแล้วล่ะ ดีกว่าเสียเพื่อนไป”
ร่างอวบน่ารักเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเพื่อน เพราะความเป็นเพื่อนคือมิตรภาพที่ยืนยาวที่สุด ถ้าหากยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดงแฮอาจจะค่อยๆทำใจได้เองในซักวันหนึ่ง
“กลับมาแล้วฮะแม่”เสียงใสร้องบอกผู้เป็นแม่ที่ทำกับข้าวอยู่ในครัว
“ดงแฮ แม่ทำกับข้าวที่ลูกชอบทั้งนั้นเลยนะ ทานข้าวเลยมั๊ย”มารดาของคนหน้าหวานเอ่ยชวนลูกชาย
“ไม่หรอกฮะ ผมยังไม่หิวขอตัวนะฮะ”คนที่เพิ่งอกหักไม่มีอารมณ์จะกินอะไรทั้งนั้น
ทันทีที่เปิดประตูห้องเสียงเสียงหนึ่งก็ดังเข้ามาในโสตประสาททันที
“อกหักแค่นี้ไม่ตายหรอกน่า”เป็นคิบอมนั่นเอง เขานอนดูทีวีอยู่บนเตียงของดงแฮอย่างสบายใจเฉิบ
“นายเองหรอ ฉันหลงดีใจนึกว่ากลับสวรรค์ไปแล้วซะอีก”
“หึ อยากให้ฉันไปขนาดนั้นเลยหรอ”คิบอมที่เมื่อซักครู่นอนดูทีวีหน้าระรื่นอยู่ใบหน้าหมองลงไปตามเสียงพูด
“เอ่อ...ล้อเล่นน่า เทวดาอะไรเนี่ยขี้งอนซะมัดเลย”ว่าแล้วก็วิ่งเข้าไปวิ่งแก้มป่องๆของคนที่นอนอยู่บนเตียง จังหวะนี้เองที่ร่างเล็กเผลอหัวเราะสนุกสนานร่างสูงโน้มร่างทั้งร่างลงมานอนบนเตียงแล้วคร่อมไว้ ใบหน้าของคนทั้งคู่อยู่ใกล้จนปลายจมูกแทบจะชนกัน
ดงแฮทำอะไรไม่ถูกใบหน้าสีชมพูระเรื่อเปลี่ยนเป็นสีแดง เหมือนใบหน้าของทั้งสองมีแม่เหล็กเป็นขั้วบวกและขั้วลบที่ต้องดูดเข้าหากันเสมอ ใบหน้าหล่อเลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆร่างเล็กได้แต่หลับตาลงยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
“ตรู๊ดดดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่รู้กาลเทศะของดงแฮขัดจังหวะ คนทั้งคู่จึงพละออกจากกันโดยอัตโนมัติ ร่างสูงรุดไปนั่งที่ปลายเตียงแล้วกลอกตาไปมาแก้เขิน ส่วนร่างเล็กลุกขึ้นมาจัดเสื้อนักเรียนที่ยับยู่ยี่ของตัวเองก่อนจะกดรับโทรศัพท์
“ว่าไงแม่กระต่ายอ้วน”
“เราไม่ได้อ้วนซะหน่อย แค่อวบระยะสุดท้ายเท่านั้นนะ”คนอวบระยะสุดท้ายแก้ต่างให้ตัวเอง
“จ้า อวบก็อวบ แล้วนี่โทรมามีไรหรอ”
“เปล่าหรอก เราแค่โทรมาเช็คเฉยๆน่ะว่านายเป็นยังไงมั่ง ให้ฉันไปนอนเป็นเพื่อนมั๊ย”ที่แท้โทรมาเพราะห่วงเพื่อนรักที่เพิ่งอกหักมานี่เอง
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นายเทวดานี่ก็กวนใจจะแย่แล้ว”
ดงแฮเผลอหลุดปากไป คิบอมที่ได้ยินดงแฮเอ่ยถึงตัวเองก็เงยหน้ามองไปตามเสียงทันที
“หา นายว่าใครอยู่ด้วยนะ”
“อ๋อเปล่าหรอก เปล่า พอดีคนข้างบ้านซื้อลูกหมามาเลยเอามาให้เราเล่นเพราะเห็นว่าเราชอบ มันชื่อเทวดาน่ะ”ดงแฮเน้นคำว่าลูกหมาเพื่อหลอกด่าคิบอม คนถูกว่าว่าเป็นลูกหมาชูกำปั้นขู่กลับไปประมานว่า เดี๋ยวเหอะๆ
“ตายแล้วซองมิน หมาตัวนี้มันมีหมัดด้วยล่ะเดี๋ยวฉันต้องไปจัดการกับกมาแล้วล่ะ”หมัดที่ดงแฮหมายถึงคงเป็นกำปั้นของคิบอมแน่ๆ
“ไม่เปนไรแน่นะด๊อง เราเห็นช่วงนี้เพื่อนๆเค้าว่าด๊องชอบพูดคนเดียว เราว่า...”
“เราไม่ได้บ้านะมิน แล้วเราก็ไม่ได้พูดคนเดียวด้วย”
ปลาน้อยแก้ตัวก่อนที่เพื่อนรักจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาบ้า แต่เขาต้องถูกมองว่าบ้าเพราะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่พ่อเทวดาที่นั่งอยู่ตรงนี้
“อืมๆ ช่างเหอะงั้นพุ่งนี้เจอกันนะ”พูดจบกระต่ายน้อยก็วางสายไปโดยที่ดงแฮยังไม่ทันได้ลาเลยด้วยซ้ำ
“เมื่อกี๊นายว่าใครเป็นหมาฮะ”คิบอมเตรียมคิดบัญชีเต็มที่
“ประโยคบอกเล่า สอใส่เกือกเข้าหูหมา”
“ยังไม่เลิกใช่ไหม งั้นเรามาต่อเมื่อกี๊ให้จบกันเถอะ”
แล้วคนทั้งสองก็วิ่งไล่กันไปมารอบห้องนอนอย่างสนุกสนาน ถึงคิบอมจะเป็นเทวดาที่หื่นแค่ไหนแต่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยากจะทำเรื่องนั้นเลยซักนิด เพียงแต่อยากจะให้ร่างเล็กผู้เป็นที่รักลืมความเจ็บปวดที่ใจไปเท่านั้นเอง
“ฮ่าๆๆ แน่จริงก็มาจับให้ได้เซ่ แบร่!” ร่างเล็กแลบลิ้นยั่วให้ร่างสูงวิ่งตาม หากแม่ของเขาเปิดประตูเข้ามาเห็นลูกชายตัวเองหัวเราะแล้ววิ่งรอบห้องแบบนี้เธออาจจับลูกชายส่งโรงพยาบาลหลังคาแดงก็เป็นได้
“ดงแฮ อีกสามวันอยากได้อะไรล่ะ”ร่างสูงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทถามเพื่อนตัวเล็ก ก็อีกสามวันก็จะครบรอบวันเกิดดงแฮแล้วนิ่
ตั้งแต่วันนั้น วันที่ดงแฮรู้ว่าคนที่ตนแอบรักมีเจ้าของหัวใจแล้วเขาก็มีท่าทีแปลกไป จะว่าแปลกก็ไม่ใช่ซะทีเดียวเพียงแต่ร่างเล็กนี้ตีตัวออกห่างไปบ้าง ไม่ได้เดินเข้าร.ร.พร้อมกัน ไม่ได้โทรคุยกันทุกวันเหมือนก่อนเท่านั้นเอง
ดงแฮเองก็ไม่รู้จะทำยังไงกับหัวใจตัวเอง เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ตัดใจจากเพื่อนรักคนนี้ได้ นี่คงเป็นวิธีที่จะช่วยได้บ้าง
“ฮัน...ถ้าเราบอกฮันแล้วฮันจะให้เราได้จริงหรอ”
มากกว่าเพื่อนอ่ะนายให้เราให้ได้ป่ะล่ะฮัน
“ดงแฮอยากได้อะไรล่ะ เราจะได้ให้ถูก”
คนอย่างฮันเกิงก็ยังเป็นฮันเกิง ถ้าไม่บอกก็ไม่เคยรู้ด้วยตัวเอง
“ช่างเหอะ ฮันคงให้เราไม่ได้แน่ๆแหละ”
พูดจบก็เดินหนีไป นี่ก็ด้วยดงแฮเชื่อว่าการหลบหน้าอีกฝ่ายอาจทำให้เขาตัดใจได้บ้าง
“อยากได้อะไรทำไมไม่บอกเขาไปล่ะ ไอ้หน้าตี๋นั่นดูโง่จะตายไป”
คิบอมมักจะพูดแทรกขึ้นมาเวลาดงแฮต้องการความเงียบเสมอ -*-
“อย่าว่าฮันนะ”
“ชิ รักมันมากขนาดแตะต้องไม่ได้เลยรึไง”
“นายเงียบไปก่อนได้ไหม ฉันอยากอยู่เงียบๆคนเดียว”พูดพลางเช็ดน้ำตาที่ตอนนี้มันอ่อล้นขึ้นมาตรงขอบตาอีกแล้ว
“เฮ้อ ร้องไห้อีกแล้ว”ร่างสูงเอาแขนล่ำๆของตัวเองไปพาดกับไหล่เล็กของดงแฮ
“เรื่องของฉันสิ เงียบได้ไหมบอกว่าอยากอยู่เงียบๆคนเดียว”
“ถ้าเธอเงียบแล้วฉันจะคุยกับใครล่ะ อย่าลืมสิว่ามีเธอคนเดียวที่มองเห็นฉันได้”
อันที่จริงคิบอมจะปรากฏกายให้ใครเห็นก็ได้แต่เขาเลือกให้ดงแฮเห็นเพียงคนเดียวมากกว่า
“เฮ้อ ตั้งแต่มีนายมาอยู่ด้วยฉันรู้สึกเสียความเป็นส่วนตัวชะมัดเลย”
“ยังไงล่ะ”
“ก็นายมักจะตามฉันไปทุกๆที่ แม้แต่ในห้องน้ำแล้วยังจะแอบอ่านใจฉันอยู่บ่อยๆอีกล่ะ”
“การอ่านใจมนุษย์น่ะหรอ นั่นเป็นความสามารถของเทวดาทั่วไป “
“แต่คนทั่วไปเค้าไม่ชอบไงล่ะ เข้าใจรึยัง”
“เธอไม่ชอบฉันหรอ”คิบอมถามตรงๆ เขาอยากรู้ความจริงข้อนี้ใจจะขาด
“ใครว่าฉันไม่ชอบนายล่ะ”
“เธอชอบฉันจริงหรอ”ประโยคเมื่อครู่ทำเอาคิบอมตาโต
“คือฉันหมายถึงไม่ได้เกลียดนายหรอกนะ แต่นายน่ะมันนิสัยไม่ดีเท่านั้นเอง”
ดงแฮแถไปน้ำขุ่นๆ ก่อนนะเดินนำหน้าไป เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ารู้สึกยังไงกับเทวดาจอมกวนคนนี้ ทั้งๆที่คิบอมชอบแกล้งเขาเป็นประจำแถมกวนประสาทเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ทุกครั้งที่เขาเสียใจคิบอมก็จะคอยอยู่ข้างๆเขาเสมอทำให้อาการอกหักของดงแฮไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิดไว้นัก
การมีคิบอมอยู่ด้วยตลอดเวลามันก็อาจทำให้เขาหวั่นไหวไปบ้าง แต่เขาก็ยังพูดได้เต็มปากว่ารักฮันเกิง ดังนั้นเขาไม่มีทางที่จะไปรู้สึกอะไรกับเทวดาตนนี้แน่นอน
-ท่านคิบอมการใช้ชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์เป็นอย่างไรบ้างเสียง ของสหายรักอย่างคยูฮยอนดังก้องเข้ามาในโสตประสาทคิบอม
-อีกสามวันของโลกมนุษย์ ข้าไม่ลืมหรอกท่าน คิบอมตอบไป ทั้งสองกำลังคุยกันทางโทรจิต
-อย่าปล่อยให้ความรู้สึกผูกพันมันเกาะกุมหัวใจท่านมากเกินไป อย่าลืมว่าท่านไม่มีสิทธิ์จะบอกรักมนุษย์คนนั้น คยูฮยอนยังย้ำถึงกฎข้อนี้
-ขอบใจท่านมาก แต่ข้าไม่เคยลืม
-นี่ก็ใกล้ครบกำหนดหมดเวลาการใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ของท่านแล้วนะ
-ข้ารู้ ครบกำหนดแล้วข้าจะกลับไปแน่นอน
วันเวลาผ่านไปรวดเร็วเช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่พัฒนาไปรวดเร็วไม่แพ้วันเวลา เป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่คิบอมลงมาอยู่บนโลกมนุษย์และอาศัยอยู่กับมนุษย์หน้าหวานลีดงแฮ
แม้จะรู้จักกันไม่ก่วันแต่ดงแฮกลับไว้ใจคิบอมมาก ถึงคิบอมจะดูหื่นและกวนมากแค่ไหนแต่ใจจริงแล้วดงแฮก็สัมผัสได้ว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง หลายวันมานี้ทำให้ดงแฮรู้ว่าการมีคิบอมอยู่ด้วยทำให้เขาไม่เหงาอีกต่อไป
แม้บางครั้งเรื่องของฮันเกิงและฮีชอลจะรบกวนจิตใจของดงแฮอยู่บ้างแต่เมื่อได้พูดคุยเล่นกับเทวดาหน้าหล่อนี้แล้วเขาก็รู้สึกสบายใจอย่างประหลาด เวลาเขามีเรื่องอะไรไม่สบายใจดงแฮมักจะเอามาปรึกษาเล่าสู่กันฟังกับคิบอมเสมอ ซึ่งเทวดาตนนี้ก็มักจะรับฟังและให้คำปรึกษาที่ดีกับเขาตลอด
แม้การพูดคุยกับเทวดาตนนี้จะทำให้คนรอบข้างมองว่าเขาบ้าพูดคนเดียวแต่ร่างเล็กก็ไม่สนใจ บางครั้งดงแฮก็คิดว่าคิบอมเป็นครึ่งชีวิตของเขาไปแล้ว
แต่ความสุขมักไม่ยืนยาวเท่ากับความทุกข์ เวลาที่จะอยู่บนโลกมนุษย์ของเทวดาตนนี้ใกล้หมดแล้ว เขาเองรู้ดีแต่เขาจะบอกกับดงแฮอย่างไร เมื่อนานวันดงแฮก็ยิ่งจะดูเหมือนผูกพันกับเขามากเหลือเกิน เขาเองก็เช่นกัน
“คิดไรอยู่หรอคิบอม พักหลังนี่นายชักเหม่อๆนะ คิดถึงสวรรค์บ้านของนายแล้วหรอ” ตอนนี้คิบอมกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงห้องของดงแฮพลางแหงนมองท้องฟ้า ดงแฮจึงคิดว่าเขาคงจะคิดถึงที่ๆเขาจากมา
“ถ้าข้าจะบอกว่าข้าต้องไปแล้วล่ะ”ร่างสูงพูดเสียงเรียบสายตายังคงมองอยู่ที่ขอบฟ้าที่เดิม
“นายใช้สรรพนามลิเกๆนั่นอีกแล้วนะ แต่ช่างเหอะ ว่าแต่จะไปไหนหรอ อย่าบอกนะว่านายจะกลับไปอยู่บนฟ้าแล้ว เบื่อฉันแล้วใช่มะ”ร่างเล็กหน้ามุ่ย
“ข้าน่ะหรอเบื่อเจ้า ไม่เลยซักนิด รู้อะไรมั๊ยดงแฮเวลาที่ข้าอยู่กับเจ้าน่ะเป็นเวลาที่มีค่ามากนะ ข้ามีความสุขมาก มากที่สุดเท่าที่เทวดาตนหนึ่งจะเคยมี การที่ข้าได้ลงมาอยู่บนโลกนี้มันทำให้ขาเห็นอะไรหลายๆอย่าง ได้รู้จักอะไรหลายๆอย่างเพราะเจ้า เจ้าสอนให้ข้ารู้ค่าของความเป็นมนุษย์ ได้เรียนรู้ว่าความรักเป็นยังไง....”คิบอมจำต้องหยุดคำพูดไว้แค่นั้นก่อนที่เขาจะเผลอพูดคำสำคัญกับดงแฮไป การบอกรักเป็นกฎที่เทวดาไม่สามารถพูดได้ เพราะหากพูดไปแล้วมันต้องแลกกับการที่เขาจะไม่ได้พูดอะไรอีกเลยตลอดชีวิต เทวดาที่บังอาจบอกรักมนุษย์จะกลายเป็นใบ้ในทันที
“นายว่าอะไรนะ...ความรัก...อะไร”คนหน้าหวานเอียงหน้ามอง ร่างสูงขมวดคิ้วก้มหน้าลงกัดริมฝีปากล่างอย่างห้ามใจ
“ถ้าเจ้าขอพรได้สามข้อ เจ้าอยากจะขออะไร”คิบอมหันมาถามคนหน้าหวานที่ยืนอยู่ข้างๆ
เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดแก่คนตัวเล็กคนนี้ คิบอมจะให้...อะไรก็ตามที่ดงแฮขอ
“อืม....อะไรดีล่ะ ว่าแต่นายจะให้ฉันจริงๆหรือเปล่า”
“อืม ถ้าฉันให้ได้ฉันจะเสกให้เลย”ว่าแล้วหันมายิ้มตาหยีให้ให้ ดงแฮหน้าแดงเพราะความน่ารักของพ่อเทวดาคนนี้
“ฉันอยากให้พ่อฉันหายจากโรคมะเร็ง”
“ยากนะเนี่ย แต่ข้าก็ให้ได้”
“ฉันอยากให้ฉันสมหวังในความรัก.......กับฮัน”ดงแฮพูดอย่างมีความหวัง ส่วนคนร่างสูงที่ได้ฟังหน้าชา นี่ดงแฮยังไม่ลืมเขาอีกหรอ
“อืม ได้”สั้นๆ เพราะมันเจ็บ
“....”
“แล้วข้อสุดท้ายล่ะ”คิบอมท้วงเพราะเห็นว่าร่างเล็กเงียบไป
“ฉันยังคิดไม่ออกอ่ะ เอาไว้ฉันจะบอกวันหลังแล้วกันนะ”
“ไม่ได้ มันใกล้วันที่ข้าจะต้องไปแล้ว”
“งั้นฉันขอให้นายอยู่กับฉันตลอดไปนะ”
“
”
2008/10/15
“HBDจ้าเพื่อนเลิฟ”
“ขอบใจนะซองมิน”
“วันนี้ไปโนแรปังกันเหอะ ไปร้องเพลงกัน แล้วก็สั่งโซจูดื่มกันนะ ชวนฮันไปด้วยก็ได้”กระต่ายน้อยออกความเห็น ซึ่งปลาน้อยก็โอเคทันที
v
v
v
v
v
v
v
v
v
v
v
โนแรปัง
“~แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู๊ยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู๊ยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์
แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู๊ยู ~”
“อธิฐานสิดงแฮ”
ฮันเกิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม งานอวยพรวันเกิดถูกร้องขึ้นในห้องคาราโอเกะโดยดงแฮ ซองมินและฮันเกิง ส่วนคิบอมที่ร้องเพลงอวยพรวันเกิดไม่เป็นจึงได้แต่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆร่างเล็ก
มีความสุขมากๆนะดงแฮ
“ฟู่”
“เย้ๆๆๆขอให้มีความสุขนะด๊อง”ซองมินอวยพรก่อนจะกอดปลาน้อยไว้แน่นแล้วยื่นของขวัญไปให้ มันคือตุ๊กตากระต่ายสีชมพูใส่เสื้อที่เขียนว่าซองมินกับตุ๊กตาปลาสีส้มที่ใส่เสื้อที่เขียนว่าดงแฮ เป็นสัญลักษณ์ของเพื่อนรักทั้งสองนั่นเอง
“ขอบใจนะมิน”
“ส่วนที่ของเรานะ สุขสันต์วันเกิด”ฮันเกิงยื่นสร้อยข้อมือเงินยี่ห้อทิฟฟานี่ให้ ซึ่งดงแฮก็ใส่มันในทันที
“เอาล่ะๆ เรามาร้องเพลงกันดีกว่า”
แล้วเสียงเพลงก็ถูกขับร้องขึ้นเรื่อยๆโดยเพื่อนรักทั้งสาม เพลงที่ซองมินร้องส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเพลงสนุกสนานเนื้อหาน่ารักๆ ฮันเกิงขอร้องเพลงช้าๆซักเพลงสองเพลงแล้วก็ไปนั่งดื่มโซจูที่โซฟา ส่วนดงแฮร้องได้ทุกแนวแต่เพลงที่ร้องส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับแอบรักเพื่อนสนิททั้งนั้นเช่น
“~ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น~”
หรือ
“~เมื่อเพื่อนรักกลายเป็นว่ารักเพื่อนฟังแล้วดูเหมือนว่าใกล้กัน จิงๆแล้วคำนั้นมันห่างไกล”
และ
“ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล~”
“คิบอม ซักเพลงมั๊ย”
“บ้าน่า ข้าร้องไม่เป็น”
“เถอะน่านะ ถือว่าร้องเนื่องในวันเกิดฉันแล้วกัน”
“ไร้สาระ ข้าไม่ทำอะไรแบบพวกมนุษย์หรอกนะ”
“ร้องให้ฉันซักเพลงเหอะนะ น๊า”ร่างเล็กยังเซ้าซี้ไม่เลิก
“ก็ได้ๆ เพลงเดียวนะ”
“เย้”
“เป็นไรอ่ะด๊อง นายเมาแล้วพูดคนเดียวอีกแล้วหรอ”
“คิกๆ พวกนายเงียบนะ มีคนบางคนจะร้องเพลงล่ะ”
“นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”ซองมินพูดพลางเกาหัว เขาเองก็เริ่มจะเมาแล้วเหมือนกัน ส่วนฮันเกิงน่ะหรอ หลับไปตั้งแต่ขวดแรกแล้ว ก็เขาไม่เคยดื่มเลยนินา
เคยเป็นหนึ่งคนที่ไม่เคยแคร์อะไรเท่าไร
ใครคนไหนเข้ามาก็ไม่คิดมีใจ ยังไม่เคยคิดผูกพัน
จนมาเจอะเธอ ตั้งแต่เราเข้ามาใกล้กัน
หมดใจฉันทั้งใจก็ไม่เหมือนเมื่อวาน
มีแต่เธอคนเดียว
แต่ความสุขเรา ไม่ยืนไม่ยาวเท่าไร
คนบนฟ้าเค้าไม่เป็นใจ ให้มาเจอแล้วให้ต้องลา
นี่มันคงเป็นคำสาปฟ้าใช่ไหม
เจอคนที่ดีเมื่อไร ต้องเอา เอาไปจากฉัน
ให้เวลาไม่นานเท่าไร ที่ได้รักแค่สายลมผ่าน
และที่แสนนาน คือความช้ำที่ไม่อาจจะลืม
คิบอมยังคงร้องเพลงไปอย่างไพเราะ ดงแฮฟังมันอย่างตั้งใจ เพลงที่มีเพียงร่างเล็กเท่านั้นที่ได้ยิน เนื้อหาเพลงของมันช่างตรงกับชีวิตรักของเขาเหลือเกิน มันต้องเป็นคำสาปฟ้าแน่ๆที่ทำให้เขาต้องมารักมนุษย์ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยในความเป็นจริง
“กลับบ้านกันเถอะดงแฮ”คิบอมเอ่ยชวนหลังจากร้องเพลงจบ ทั้งฮันเกิงและซองมินก็หลับไปแล้วเพราะฤทธิ์สุรา
“แต่เพื่อนฉันยังนอนอยู่ตรงนี้”
“ข้าขอร้อง วันนี้วันเดียว”
ไม่รู้ว่าเพราะสายตาเว้าวอนของคิบอมหรือเพราะอะไรร่างเล็กถึงได้ใจอ่อนยอมทิ้งฮันเกิงและซองมินมา ตอนนี้ทั้งคู่ได้กลับบ้านที่บ้านแล้ว
“นายง่วงนอนหรือไง เทวดาง่วงได้ด้วยหรอ”
“เปล่าหรอก แต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ข้าจะได้อยู่กับเจ้า”
“ฮะ!!! ไม่จริงอ่ะ นายเบื่อฉันแล้วหรอ ไม่นะคิบอม ถ้านายไปแล้วฉันจะอยู่กับใครล่ะ ถ้านายไปแล้วฉันจะพูดจะคุยจะเล่นกับใคร อีกอย่าง พรข้อสุดท้ายฉันขอไว้แล้วนะ ว่าจะให้นาย....อยู่กับฉัน ฮึกๆ ตลอดไปอ่ะฮือๆๆๆ”พูดจบร่างเล็กก็ปล่อยโฮแล้วโผเข้ากอดร่างสูงแน่น
ทำไมเวลาแห่งความสุขมันสั้นอย่างนี้ ทำไมฟ้าต้องเอาคิบอมไปจากเขา ในเมื่อเขาขอพรไว้แล้ว คิบอมจะต้องอยู่กับดงแฮคนนี้ตลอดไปไม่ใช่หรือไง
“พรข้อนั้นข้าให้เจ้าไม่ได้หรอกดงแฮ ขออย่างอื่นเถอะ”
เขาให้ไม่ได้จริงๆ มันเกินความสามารถที่เทวดาอย่างเขาจะทำได้
“ไม่ ฉันไม่เอาอะไรทั้งสิ้นนอกจากนาย ฮึกๆฮือๆๆฉันรักนายนะคิบอม”
“อะไรนะ เจ้าพูดอีกทีได้มั๊ย ข้าอยากฟัง”คำที่หลุดออกมาจากปากของร่างเล็กในอ้อมกอดนี้ เขาอยากฟังอีกที ก่อนเขาจะไป
“ฉันรักนาย ฉันรู้แล้วว่าฉันรักนาย ฉันไม่ได้รักฮัน นายคือคนที่ฉันอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจมากที่สุด นายคือคนที่ฉันอยากอยู่ด้วยมากที่สุด ฉันต้องการนายมากที่สุด ไม่ใช่ฮัน ฉันไม่อยากให้นายไปจากฉัน ฉันรักนายนะ ดงแฮรักคิบอมได้ยินมั๊ย”
สิ้นคำว่ารักจากร่างเล็กร่างสูงก็จู่โจมจูบด้วยริมฝีปากอันร้อนแรงแล้วใช้ลิ้นหนาสอดเข้าไปหาลิ้นขงร่างเล็กเกี่ยวกันไปมาจนดงแฮระทวย จากนั้นจึงย้ายริมฝีปากลงมายังซอกคอขาวแล้วจูบแรงๆจนเกิดรอยรัก
“อ๊า คิบอม ทำอะไรน่ะ”
ร่างสูงไม่ตอบอะไรแต่ยกร่างเล็กไปที่เตียงนอนแล้วขึ้นคร่อมไว้ เพียงแค่ดีดนิ้วเบาๆเสื้อผ้าที่เคยปกคลุมร่างของทั้งคู่ก็อันตระธานหายไป
“ทะลึ่งอีกแล้วนะ คิบอม”
ร่างเล็กว่าแต่มือขาวก็ยังโน้มคอคนด้านบนลงมาจูบต่ออย่างต้องการ คิบอมเลียรอบๆปากบางเหมือนอย่างที่เคยทำให้ตอนแรกแล้วดูดริมฝีปากทั้งบนและล่างของคนหน้าหวานก่อนจะส่งลิ้นเขาไปอีกครั้ง
“ อื้ม จุ๊บ อ๊า”
เสียงริมฝีปากดูดดุดกันดังจ๊วบจ๊าบยิ่งเพิ่งพูนความต้องการของคนทั้งคู่ให้มากขึ้น มือหนาลูบไล้ไปตามร่างกายขาวเนียนก่อนจะไล้ขึ้นไปเคล้าคลึงยอดอกสีระเรื่อของร่างเล็ก การถูกเขี่ยไปมาเร็วๆที่ยอดอกทำให้น้ำในตัวของร่างเล็กหลั่งออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“อ๊า คิบอม ฉันรักนาย นายรักฉันอ๊า อึก มั๊ย”
คิบอมเลี่ยงคำถามโดยการใช้ลิ้นร้อนดูดแรงๆที่ยอดอกทั้งสองของร่างเล็กแล้วเลียไล่ลงไปเรื่อยๆจนถึงจุดซ่อนเร้นนั้นของร่างเล็ก
“ดงแฮ”
“อ๊า คิบอม”
ร่างเล็กเผลอปากแล้วครางเสียงหวานเมื่อร่างสูงจุมพิตที่ปลายส่วนอ่อนไหวนั้น มือเล็กๆนั้นไล้ไปยังแผ่นหลังที่มีปีกขาวสวยนุ่มของร่างสูง ส่วน คิบอมยังคงกอบกุมส่วนสำคัญนั้นอย่างไม่รู้หน่าย ซึ่งตอนนี้ส่วนปลายของมันแดงสดและตั้งชันรอความเป็นชายของอีกคนเพื่อการร่วมรักที่สมบูรณ์
“คิบอม อะอ๊าฉันต้องการนาย...อ๊า ตลอดไป”
ร่างเล็กพูดพร้อมกดศรีษะของเทวดาหน้าหล่อลงต่ำเพราะต้องการให้เขาปรนนิบัตส่วนนั้นมากกว่านี้ เขาอยากจะให้ร่างสูงอยู่กับเขาตลอดไป แต่มันจะเป็นไปได้หรือเปล่า
เมื่อเห็นว่าร่างเล็กพร้อมต่อการดำเนินขั้นต่อไปแล้วร่างสูงจึงใช้นิ้วยาวทั้งสามสอดเข้าไปในช่องทางนั้นแล้วค่อยๆขยับชักเข้าออกทำเอาร่างเล็กร้องเสียงหลง
“อ๊าคิ...บอม ฉันเจ็บอ๊าๆ”
“ฉันจะอยู่กับนาย อ่า.....แต่ได้แค่คืนนี้เท่านั้นนะ”
“ทำไมล่ะ...อ๊า”
ร่างเล็กต้องหยุดไว้แค่นั้นเพราะร่างสูงได้นำสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วสอดใส่เข้าไปแทน มันเจ็บมากแต่ก็ทำให้รู้สึกดีได้อย่างประหลาด
“ช้าๆนะ คิบอม ชั้น อึ๊...อ๊า”
“อ่อ เอาะอ่า”
จากนั้นจังหวะของการสอดใส่ก็เริ่มเร็วขึ้น ทั้งสองจูบกันร้อนแรงเพื่อคลายความเจ็บให้คนร่างเล็ก ร่างสูงจูบที่ยอดอกทั้งสองข้างของร่างเล็ก ส่วนคนถูกกระทำก็ไม่ยอมนอนอยู่เฉยๆใช้มือลูบไล้ไปตามแผ่นอกแกร่งของร่างสูงแล้วใช่นิ้วเล็กๆนั้นหยอกล้อกับยอดอกของคนด่านบนด้วยเช่นกัน
ไม่รู้ว่าการร่วมรักกับคนธรรมดาจะร้อนแรงเท่าการร่วมรักกับเทวดาหรือเปล่านะ จะมีใครสู้บทรักของเทวดานี้ได้อีกหรือเปล่า
“อ๊าๆๆเร็วคิบอม อ๊ะ ฉันไม่ไหวแล้วอ๊า”
“อ่า”
เสียงครางสูงต่ำสลับกันดังก้องในห้องนอนนี้เติมอารมณ์รักของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
ร่างเล็กแยกขาออกกว้างขึ้นตามแรงต้องการและไม่ช้าน้ำในตัวของคนหน้าหวานก็หลั่งออกมาอีกครั้งหนำซ้ำยังมากกว่าครั้งก่อน และไม่นานร่างสูงก็หลั่งน้ำรักของตนในตัวของร่างเล็ก
เทวดาหน้าหล่อจัดการเลียน้ำเหล่านั้นซึ่งแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใครตามเรียวขาของร่างเล็ก ก่อนจะเอ่ยคำรักต้องห้ามนั้นออกมา
“ดงแฮ ข้ารักเจ้า...”
กดจูบที่ริมฝีปากบางนั้นอีกครั้งทั้งสองจูบเป็นเวลายาวนานเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ดงแฮจะผลอยหลับไป
เช้าแห่งการเริ่มวันใหม่มาถึง ร่างเล็กลืมตาขึ้นช้าๆกวาดตามองรอบตัวพบเพียงความว่างเปล่าในห้องนอนเดิม ดงแฮค่อยๆยันกายขึ้นช้าๆแต่ขยับตัวเพียงนิดความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามาที่ช่วงล่างทันที
“อ๊ะ โอ๊ย”
เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นนะ จำได้ว่าเมื่อวานวันเกิดตัวเอง เขา ซองมิน และฮันเกิงไปโนแรปังด้วยกันไม่ใช่หรอ แล้วต่อจากนั้น.....ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่ห้องได้ล่ะ แล้วทำไมที่นอนถึงได้ยับยู่ยี่แบบนี้ เขากลายเป็นคนนอนดิ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
“เฮ๊ย!!! เลือด”
เลือดนี่มาจากไหน เลือดใครเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ทำไมร่างเขาถึงได้เปลือยเปล่า เสื้อผ้าไปไหน เหมือนมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายแต่เขากลับจำไม่ได้เลยจริงๆ
ร่างเล็กเอื้อมไปหยิบกระจกบนหัวเตียงมา สำรวจตัวเอง พบว่ามีรอยช้ำสีกุหลาบที่อกและคออยู่มากมาย คำถามประดังเข้ามาในหัว ใครเป็นคนทำ
“ขนนกนี่นาหรือขนเป็ด มาจากปีกของตัวอะไรเนี่ย”
ร่างเล็กค่อยๆพยุงร่างตัวเองไปอาบน้ำ จากนั้นไม่นานเสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น
“ฮัน มาได้ยังไง”
“ดงแฮเรารักนายเป็นแฟนกับเราฉันนะ”
“อะไรนะฮัน เมื่อกี๊ว่ารักเรางั้นหรอ”
คนหน้าหวานแทบไม่เชื่อหูตัวเอง คำที่เขารอจากปากคนๆนี้มาแสนนาน ในที่สุดก็ได้ฟังมันเสียที
“เรารักดงแฮ”พูดพร้อมจุมพิตที่ริมฝีปากบางเพื่อให้แน่ใจว่าคนตัวเล็กไม่ได้ฝันไป
กริ๊งงงงงงงงงง
“ฮัลโหล บ้านลีฮะ อะไรนะครับ อาการคุณพ่อดีขึ้นแล้วหรอครับ ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละฮะ ขอบคุนมากครับ”
“อะไรดงแฮร้องลั่นบ้านเชียว”
“คุณพ่อเราฮัน คุณพ่อเราหายป่วยจากโรคมะเร็งแล้ว”
ร่างเล็กกระโดดกอดร่างสูงด้วยความดีใจ ไม่นึกเลยว่าชีวิตหลังวันเกิดเขาจะมีเรื่องปาฏิหานต์เกิดขึ้นมากมายขนาดนี้
ทั้งเรื่องฮันเกิงทั้งเรื่องพ่อของเขา มันเกิดขึ้นได้ยังไง ต้องมีเทวดาตนไหนช่วยให้คำอธิฐานตอนเป่าเทียนวันเกิดของเขาเป็นจริงแน่ๆเลย
ไม่ว่าจะเป็นเทวดาตาไหน เขาก็ขอบคุณมาก ขอบคุณที่ทำให้คำขอของเขาเป็นจริง
ดงแฮข้าขอโทษจริงๆที่ต้องทำแบบนี้ ขอโทษที่ต้องลบตัวข้าเองออกจากความทรงจำของเจ้า เพราะถ้าข้าไม่ทำแบบนี้ เจ้าคงไม่ยอมให้ข้าไป
ส่วนพรที่เจ้าขอข้าก็ให้ตามสัญญาแล้วนะ พ่อเจ้าหายป่วย เจ้าได้สมหวังกับความรัก ต่อไปนี้เจ้าจะไม่ต้องเจ็บปวดเพราะความรักอีกต่อไป
ข้ารักเจ้า ข้าอยากพูดเหลือเกินว่าข้ารักเจ้าแต่ข้าคงพูดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะข้าพูดมันไปแล้วในคืนนั้นของเรา ถึงข้าจะพูดไม่ได้อีกตลอดกาลแต่เพื่อแลกกับคำรักคำนั้นเพื่อให้ข้าได้บอกรักเจ้า ข้าก็ยอม ขอบคุณที่ทำให้ข้ารู้จักความรัก ถึงแม้เราจะต้องจากกันแต่ขอให้รู้ไว้หัวใจข้าจะอยู่กับเจ้า ถึงเจ้าจะลืมข้าไปแล้วแต่ข้าไม่เคยเสียใจที่ได้รักเจ้าและเจ้าก็รักข้า แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว
สุขสันต์วันเกิดนะดงแฮ ถึงเจ้าจะลืมข้าแต่ข้าจะจำเจ้าไปตลอดชีวิตเทวดาของข้าเลย ข้าจะเฝ้ามองเจ้าอยู่บนนี้เหมือนอย่างที่ข้าเคยทำมาตลอด ข้ารักเจ้า
เศร้ารึป่าว ส่วนเอนซีนี่เปนเอนซีที่2ของเรา
อัพแบบไม่มีรมเลยแต่พยายามจะแถไปให้จบวันนี้ไง
เพราะกลัวนักอ่านเงาและคนอ่านคนเม้นทั้งหลายรอ
ขอบคุนอีกครั้งนะที่ติดตามฟิคเรา
ตอนนี้คอมเราไวรัสแดรกอ่ะ ต้องเอาไปล้าง
คงไม่ได้อัพไปซักพัก รอไปก่อนนะคะ
ขอบคุนค่า อันยองฮีคาเซโย
ความคิดเห็น