คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : TEARS 1
Tear 1
KIMNAMJUN
ความรักสำหรับคุณคืออะไรกัน?
ภายนอกของผมที่ทุกคนมอง
อาจจะคิดว่าผมนั้น...ดูไม่จริงจังกับความรัก ไม่จริงจังกับชีวิต
ภายนอกอาจจะดูเหมือนชีวิตของผมมันไร้สาระ
ไม่สนใจอะไรสักอย่าง...
แต่จริงๆแล้ว
ผมเชื่อในความรักนะ...เชื่อมาเสมอ
อย่าไปล้อเล่นกับความรู้สึกใคร ซึ่งแต่ก่อนผมชอบทำแต่ในตอนนี้มันไม่ใช่แล้วเพราะผมเข้าใจดีแล้ว…
เมื่อเจอกับคนๆนั้น…คนที่บอกผมว่าอย่าได้ไปล้อเล่นกับความรู้สึกใคร
แม้จะเป็นคนเดียวกับ...คนที่ล้อเล่นความรู้สึกผมก็ตาม...
ผมเข้าใจคนที่ถูกล้อเล่นมันไม่สนุกด้วยหรอก...และตอนสุดท้ายไม่ว่าคนทำหรือคนถูกกระทำมันก็ต้องมีใครซักคนนึงที่เจ็บกับความรู้สึกนี้...ไม่ก็เจ็บทั้งสองคน...
จนแล้ววันนึง...ที่สุดท้ายเกมความรู้สึกมันก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง...
โดยที่ผมกลับเป็นคนเริ่มเกมนั้นเอง...
“นัมจุน เพื่อนรัก”
เสียงของเพื่อนสนิทที่ควบตำแหน่งลูกพี่ลูกน้องของผมไปด้วย...คิมแทฮยอง...หรือชื่อที่ผมเรียกบ่อยๆ...วีดังขึ้นพร้อมกลับควักมือเรียกผม
ขณะที่ผมกำลังเดินเข้ามาในร้าน
“ตกลงมีอะไรให้ช่วย
อะไรที่มึงบอกว่ากูต้องถูกใจ”
ผมตอบกลับไปเมื่อนั่งลงที่โต๊ะของมันพร้อมกับยกแก้วที่มีน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นมาจิบเล็กน้อยและมองมันด้วยความสงสัยเพราะเมื่อตอนเย็นมันโทรหาผมและบอกว่ามีเรื่องให้ผมช่วยแถมยังบอกว่าผมต้องถูกใจ
“ช่วยไปจีบคนๆนึงให้กูหน่อยดิ”
“ไม่เว้ย!
มึงก็รู้ว่ากูจะไม่ทำแบบนั้นกับใครอีกแล้ว”
ผมตอบกลับทันทีโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น
นี่หรอที่บอกว่าผมต้องถูกใจ
มันก็น่าจะรู้ผมอาจจะดูเหมือนคนไม่จริงจังกับอะไรแต่เรื่องแบบนี้ผมจริงจัง
ผมจะจีบใครซักคนก็ต่อเมื่อ คนนั้นมันใช่สำหรับผมเท่านั้น...
ความรู้สึกมันไม่ใช่เรื่องที่ควรไปล้อเล่น
“มึง
ก็แค่เข้าไปจีบไปขวางเขาให้กูหน่อย”
“หมายถึงยังไงวะ?
ช่วยอธิบายให้มันเคลียร์ๆหน่อย”
“ก็แม่งเอ้ย! มันจูบจีมิน! เข้าใจไหมวะ
กูอยากให้มันออกไปพ้นๆหน้ากู!”
มันตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวโกรธทันที
คำพูดของมันทำให้ผมแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
ความรักของมัน...ความรักข้างเดียว
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
และผมก็รู้ดีว่า มันไม่มีทางสมหวัง...คนเราถ้าบทจะชอบกัน
มันก็ควรจะชอบกันมานานแล้ว
ปาร์คจีมินไม่มีวันชอบคิมแทฮยอง
ไม่ว่าคิมแทฮยองจะทำดีแค่ไหน จะกีดกันคนที่เข้ามาเท่าไหร่
เมื่อมันไม่ใช่
มันก็คือไม่ใช่...ผมเชื่อแบบนั้นและมันก็ต้องเป็นแบบนั้น
“ต่อให้ไม่มีเขา จีมินก็ไม่รักมึงอยู่ดี”
ผมพูดตรงๆออกไปเพื่อให้มันตัดใจจากเพื่อนสนิทของมันสักที
ในเมื่อต่อให้ทำยังไงจีมินก็ไม่รักมันอยู่ดี
มันอาจจะเจ็บตอนนี้
ดีกว่าถลำไปลึกกว่านี้...
“ไม่! สักวันมันต้องเป็นวันของกูดิวะ
แค่นี้ช่วยกูไม่ได้หรือไง!”
มันตะโกนเสียงดัง ความเมามายจากน้ำสีเหลืองอำพัน
ทำให้ตอนนี้มันเริ่มไม่สติ
“เฮ้อ
มึงก็รู้ว่าทำไปมันก็ไม่ช่วยอะไร”
“กูขอร้องนะ เมื่อจีมินไม่มีใครอีกไม่นาน
จีมินก็ต้องรักกู”
“ไร้สาระ ถ้าเขาจะรักมึง
ก็คงรักไปนานแล้ว”
ผมพูดออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
เมื่อลูกพี่ลูกน้องของตัวเองมันไม่ยอมรับความจริงสักที
ความจริงที่ว่า ไม่ว่าเมื่อไหร่
ไม่ว่านานเท่าไหร่
จีมินก็ไม่มีทางรักมันมากกว่าเพื่อน
ไม่มีทาง…
“กู…รู้ แต่…กูก็แค่อยากให้มันมองกูเป็นแค่ผู้ชายคนนึงที่ไม่ใช่เพื่อนสนิท
สักครั้งก็ยังดี…”
มันพูดออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างเงียบๆ
ไร้เสียงสะอื้นที่แสดงความอ่อนแอออกมา กลับมีเพียงน้ำตาที่ไหลลงมา
แต่ผมกลับรู้สึกเจ็บปวดแทน…
ความรักมันมีอิทธิพลต่อคนเรามากขนาดนี้เลยหรอ…
ทำให้คนๆนึงยอมทำสิ่งเลวร้ายมากมาย
เพื่อความรักนะหรอ
“เฮ้ออออ แล้วคนนั้นละใครวะ”
ผมถอนหายใจและยอมใจอ่อนให้มัน เมื่อเห็นความเจ็บปวดผ่านทางดวงตาและน้ำตาที่ไหลลงมานั่น
เฮ้ออ แค่ๆทำไป
มันคงไม่ได้ทำให้ใครเจ็บปวดหรอกมั้ง
แกล้งทำเป็นว่าจะทำไปก่อนละกัน
“มึงจะช่วยกูแล้วใช่ไหมวะ!!
นัมจุน!! กูร้ากกกกมึง”
ผมยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
ความเศร้าและเจ็บปวดเมื่อกี้หายไปทันที จนบางที ผมก็คิดว่ามันเล่นละครตบตาผมแน่ๆ
แต่เรื่องความรักที่มีต่อจีมิน
คงจะไม่ใช่เรื่องโกหกหรอก
“เออๆ แล้วมันเป็นใคร”
ผมพูดออกมาอย่างปลงตก ช่วยไม่ได้
เพื่อมัน จะยอมทำตามใจมันสักครั้งละกัน
เพราะ…ผมรักมัน…
รัก…เหมือนคนในครอบครัวคนนึง
“มันชื่อ คิมซอกจิน…”
แทฮยองพูดออกมาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
ก่อนจะทำอะไรบางอย่างและส่งมันมาให้ผม สิ่งที่อยู่ในนั้น คือรูปของผู้ชายร่างโปร่ง
ความสูงของเขาพอๆกับผม ผมสีทองสว่าง ไหล่ที่ดูกว้างกว่าผม
กำลังหันข้างคุยอะไรสักอย่างอยู่กับร่างเล็กที่ผมคุ้นเคยดี ปาร์คจีมิน
“คนผมทองอะนะ”
ผมพูดออกมาพร้อมกับมองหน้าไอแทด้วยความงุนงง
คือดูจากสภาพแค่หันข้างก็รู้สึกแปลกๆ แบบจีบไม่ลง
ไอเหี้ย
ก็นึกว่าผู้ชายตัวเล็กๆร่างน้อยๆสะอีก
อาจจะไม่ต้องตัวเล็กเท่าจีมิน
แต่ช่วยตัวเล็กกว่ากูเถอะ
กูคิดสภาพตัวเองไม่ออก!
“เออ แต่มึงอาจจะเห็นไม่ชัดเท่าไหร่
มึงก็ลองให้คนของมึงสืบละกัน”
“เฮ้อ ปฏิเสธตอนนี้ทันไหมวะ”
“ไม่ทันเว้ย! ห้ามกลับคำเด็ดขาด!”
“เออๆ กูรู้แล้ว
ไปๆกลับบ้านกันเถอะ มึงดูไม่ไหวละ”
ผมพูดออกมาพร้อมกับมองร่างของแทฮยองที่เริ่มไหลกับไปเก้าอี้ด้วยความเมาอย่างปลงๆ
ก่อนจะพยุงร่างมันขึ้นมา
คิมซอกจิน…
“เฮ้อ คิดว่ากูจะจีบมันติดหรอวะ
ไอแท”
ผมพูดออกมาเบาๆก่อนจะส่ายหัวด้วยความเบื่อหน่าย
เฮ้อ ทำๆไปเถอะ
การตัดสินใจครั้งนี้ของผม
กลับเปลี่ยนผมไปตลอดกาล…
KIMSEOKJIN
ความรักของคุณคืออะไร?
สำหรับอาจจะคิดว่ามันสวยงามบ้าง
เจ็บปวดบ้าง
แต่สำหรับผม…ความรักคือเรื่องไร้สาระ
ความรักทำให้เราเจ็บปวด
ความรักแค่ความสุขจอมปลอม พอถึงวันนึงความจอมปลอมนั้นมันจะหายไป
มีแต่ความจริงที่โหดร้าย
ความรักที่เจ็บปวด สุดท้ายก็กลายเป็นฝังใจ
อยากจะลืมเท่าไหร่…มันก็ยิ่งตอกย้ำมากทุกที
เจ็บปวด…จนชินชา
“พี่ซอกจิน…พี่ซอกจิน…พี่ซอกจิน!!”
“ห้ะ!! เรียกเสียงดังทำไมใกล้กันแค่นี้เอง”
ผมหันไปดุคนที่ตะโกนเรียกชื่อของผมอย่างดังจนผมที่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่รีบหันไปค้อนมันทันที
“โอ้ย! พี่ซอกจิน
ผมเรียกพี่หลายรอบแล้ว พี่ไม่เห็นสนใจผมเลย มัวแต่เหม่ออยู่ได้”
เสียงของเด็กน้อยที่ผมเอ็นดูเหมือนน้องชายบ่นออกมาทันที
“เออๆ
โทษๆพอดีคิดอะไรเพลินอะไรเพลินไปหน่อย”
ผมลูบหัวมันราวกับปลอบใจ
ชีวิตนี้ผมก็มีแค่มันที่เป็นเหมือนครอบครัวของผม
แม้จะไม่ได้สายเลือดเดียวกันแต่เราก็ผูกพันมากกว่าสายเลือดเดียวกันสักอีก
“คิดอะไรอยู่ อย่าบอกนะว่า
คนที่ชื่อจีมินนั่นอะพี่ พี่ชอบเขาหรอ”
“ฮ่าๆ เอ็นดูมากกว่ามั้ง”
ผมหัวเราะทันทีที่ได้ยินคำถามของจินยองน้องชายของผม
เมื่อรู้ความคิดผมว่าผมกำลังเหม่อคิดถึงใคร
ปาร์คจีมิน…
ชื่อของเด็กที่เพิ่งเจอกันไม่นาน…
เด็กโชคร้ายคนนึงที่โดนความรักทำให้เจ็บปวด…
พอเห็นเด็กคนนั้น
มันทำให้นึกถึงตัวเองสมัยก่อน ตอนที่เราค่อยๆโดนสีของคนมากมายละเลงลงมาจนสีของเราเริ่มเปลี่ยนแปลง
ความคิดทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป พอเห็นเด็กคนนั้นก็รู้สึกได้เลยว่า
ไม่อยากให้เด็กคนนั้นเป็นแบบเขา
เขาอาจจะทนได้มาถึงทุกวันนี้
แต่เขาไม่รู้ว่า
เด็กนั่นจะทนได้ถึงเมื่อไหร่ เขาก็แค่หวังว่าจะเป็นแสงสว่างหนึ่งที่สามารถช่วยเด็กคนนั้นได้
ก็แค่นั้น…
“อ้าว
แล้ววันที่พี่ชนะพนันและได้เด็กคนนั้นมา พี่ไม่ได้ทำอะไรหรอ หึหึ”
“ก็เหี้ยละ คิดไปไกลเกินไปละๆ”
ผมเขกหัวจินยองทันทีที่มันยิ้มกรุ่มกริ่มออกมา
ผมส่ายหัวเบาๆกับความคิดขอมัน
“โถ่ ก็เห็นบอกไอจองกุกว่าถูกใจ
นึกว่าจะชอบจริงๆสะอีก”
“ก็แค่กวนตีนมันไปงั้น”
ผมพูดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว
ผมชื่นชอบเกี่ยวกับรถแข่งและเริ่มมีธุรกิจเกี่ยวกับการแข่งรถ ส่วนจองกุกก็แค่ศัตรูในการแข่งรถกันเท่านั้น
ผมกับมันไม่เคยตัดสินแพ้ชนะได้เลยสักครั้ง เราเสมอตลอด
จะบางทีมันก็แอบเจ็บใจบ้าง
แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดมันขนาดนั้น
จนวันที่มันหายไปวงการนี้และกลับมาพร้อมกับของพนัน
ซึ่งมันก็คือ เด็กที่ชื่อว่า
ปาร์คจีมิน
แต่แววตาของมันดูขัดแย้งกับสิ่งที่มันทำอย่างรุนแรง
แค่ดูผมก็รู้ว่า มันรักจีมินและจีมินก็รักมันแต่มันแบบนี้เพื่ออะไร ผมก็ไม่รู้หรอก
แต่ผมก็แกล้งมันไปเรื่อยๆเพื่ออยากให้มันรับรู้ว่า
มันกำลังเสียสิ่งสำคัญของตัวมันไปเท่านั้นเอง
“แล้วพี่ไม่คิดจะจีบหรอ
เขาก็น่ารักดีออก พี่จะได้มีคนที่อยากจริงจังด้วยซักที”
คำพูดของมันทำให้ผมทำแค่ยิ้มสมเพชแก่ตัวเองเล็กน้อย
ไม่เอาหรอก ความรัก
ไร้สาระบ้าบออะไรนั่น
‘อย่า…ปล่อยผม
อย่า!!’
‘ไม่! ไอเหี้ย!
ปล่อยกู! ฮึกก…’
‘เจ็บ…ฮืออออ’
ร่างเล็กที่น้ำตาหนองหน้าทำได้เพียงอ้อนวอนอีกคนอย่างไร้ทางสู้
อ่อนแอ…
น่าสมเพช…
“เฮือก!”
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาทันที ความฝันของเด็กน่าสมเพชคนนึง
น่าเบื่อ เมื่อไหร่มันจะเลิกฝันเลิกหลอกหลอนสักที
จะนอนแต่ละทีก็ไม่เคยนอนได้เต็มอิ่มสักที
เบื่อตัวเองชะมัด…
ผมสะบัดหัวตัวเองเบาๆก่อนจะลุกไปหยิบเสื้อฮู้ดสีชมพูอ่อนมาสวมใส่
เห็นผมดูมาดแมนแบบนี้แต่ผมก็ชอบสีชมพูนะ มันอาจจะดูแปลกๆเพราะผู้ชายคนใหญ่ชอบสีดำ
แต่ผมชอบสีนี้มันจะทำไมละ
ผมสวมฮู้ดลงบนผมสีทองสว่างที่กระเซอะกระเซิงชี้ฟูไม่เป็นทรงของตัวเอง
ก่อนจะเดินออกจากคอนโดไปเรื่อยๆจนถึงร้านสะดวกซื้อก่อนจะเดินเข้าไปหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก่อนจะกดน้ำร้อนและเดินไปหยิบนมเปรี้ยวขวดนึงแค่นี้ก็พอสำหรับอาหารเช้าในช่วงหน้าหนาวของผมแล้ว
ผมเดินไปนั่งก่อนจะเปิดถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่กำลังสุกได้ที่
น่ากินสุดๆ
ผมคีบเส้นขึ้นมาทันทีก่อนจะเป่าเบาๆก่อนจะยัดมันเข้าไปในปาก…
พรึ่บ!!
“เฮ้ย!”
ผมตะโกนร้องด้วยความตกใจเมื่อขณะที่ผมกำลังเอาเส้นเข้าปากก็มีมือของใครสักคนไม่รู้เดินเข้ามาจับตะเกียบและถ้วยบะหมี่ของผมก่อนจะกินเส้นที่ผมกำลังเอาเข้าปากเข้าไปในปากของตัวเอง
ผมมองค้อนไปที่คนที่กำลังกินบะหมี่ถ้วยของผมอย่างเอร็ดอร่อย
เสียอะไรเสียได้ แต่เรื่องของกิน
คิมซอกจินเสียไม่ได้!
“เฮ้ย! ลุงนี่มันบะหมี่ถ้วยของผมนะเว้ย!”
ผมตะโกนออกไปด้วยความโมโหทำให้คนที่กำลังกินของของผมชะงักทันทีและเหลือบตามามองที่ผมด้วยสายตาอาฆาต
อ้าวเฮ้ย! มันผิดนะเว้ย ไม่ใช่กูผิดอะ
ทำไมต้องมองเหมือนกูผิดด้วยวะ
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ”
“ลุงกำลังแดกบะหมี่ถ้วยผมอยู่ไง!
ไอเหี้ย!”
“นี่มึง กูอายุแค่ยี่สิบกว่า
ไม่ใช่ลุง!”
มันตะโกนใส่ผมกลับพร้อมกับเอาตะเกียบมาชี้ที่หน้าของผม
เฮ้ย! แต่นี่มันไม่ใช่ประเด็นหรือเปล่าวะ ประเด็นคือ มันแดกข้าวเช้าของกู!
“เฮ้ย! ลุงอย่าเปลี่ยนประเด็นนะเว้ย
ทำไมลุงหน้าด้านงี้วะ แดกของของคนอื่น!”
“เฮ้ย! ก็บอกแล้วไงว่ากูเพิ่งอายุยี่สิบกว่าเองเว้ย!!!”
“โอ๊ย!!! ก็มึงหน้าแก่อะ!!”
ผมพูดไปด้วยความหงุดหงิด
ก็มันหน้าแก่เองอะ ช่วยไม่ได้!!
และอีกอย่างตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องนี้ไงที่กูเดือด!!!
“เฮ้ย! หยาบคายวะ
กูออกจะหล่อ ช่วยดูดีๆ”
มันยื่นหน้าของตัวเองเข้ามาใกล้ผมขึ้นเรื่อยๆ
สีผมสีทองสว่างที่คล้ายคลึงกับสีผมของผม ผมที่ไม่ได้ถูกจัดทรง หน้าตาที่ดูยังไงก็ธรรมดากับแฟชั่นที่แปลกกว่าชาวบ้านเขาอีก
ไม่มีความหล่อเลยด้วยซ้ำไป!
“ไหนวะความหล่อ
ไม่เห็นจะมีบนตัวมึงเลยอะ”
ผมพูดออกไปพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันและแสร้งมองหาความหล่อบนใบหน้าของมัน
ก่อนจะแสยะยิ้มใส่มันไปทีนึง
หมั่นไส้!
“ทำเหมือนมึงหล่อตายละวะ เฮอะ!”
หลังจากมันพูดจบ
มันก็หันไปกินบะหมี่ถ้วยของผมต่อ ผมว่ายิ่งคุยแม่งยิ่งหลงประเด็น
“เฮ้ย! เดี๋ยว!
เนียนเนอะ แดกของคนอื่นเนียนเนอะ”
“เออหน่า
พอดีกูลืมกระเป๋าตังและก็พอดีกูหิวมากและก็พอดีเห็นมึงกำลังจะแดกบะหมี่แต่แบบเห็นหน้ามึงโคตรบวมอะเลยคิดว่า
มึงควรลดน้ำหนักเพราะฉะนั้นกูเลยช่วยกินไง”
มันพูดได้หน้าตายมากและแถมมีการฉีกยิ้มส่งท้ายให้ผม
ก่อนจะหันกลับไปกินของผมต่อ
สัส! มันหลอกด่าผมอะ!
“กูไม่ได้อ้วนเว้ย!!!!”
ผมตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิดก่อนจะกระชากบะหมี่ถ้วยของตัวเองมาทันที
ผมโคตรหมดความอดทนกับคนแบบนี้เลย นี่เราไม่รู้จักกันนะเว้ย
“เฮ้ย! ถ้าอยากกินก็ไปต้มอีกถ้วยดิ
มาแย่งทำไม”
“อะ…”
ฟรึ่บ! โป๊ก!
“โอ๊ย!! ใครวะ”
ไม่ทันที่ผมจะด่าอะไรมันกลับ กลับเห็นใครอีกคนเดินเข้ามาและเขกหัวมันทันที
โคตรสมน้ำหน้าอะ!
“ไอนัมจุนครับ มึงลืมกระเป๋าตัง!!”
“โอ๊ย!! ไอแทมาดีๆหน่อยสิวะ
เขกหัวทำไม”
“ก็มึงนี่นะ
มาหาอะไรแดกแต่ลืมกระเป๋าตังนี่นะ กากสัส กูต้องวนรถกลับเอามาให้เนี่ย!!”
“ที่จริงไม่ต้องมาก็ได้นะ
เดี๋ยวคนนี้เขาเลี้ยงกูเอง”
มันพูดออกมาก่อนชี้ที่ผมทันที
เดี๋ยวนะมึง ใครบอกจะเลี้ยงมึงวะ
สัส!!
“เดี๋ยวนะมึง
ได้ข่าวกูมาแดกของกูอยู่ดีๆมาแย่งของกูกินหน้าตาเฉย ไอลุง!!”
“เฮ้ย! ไอนัมจุนมึงแย่งเขากินหรอวะ
สัส!”
“เปล่านะมึง
กูแค่ไม่อยากให้เขาอ้วนมากกว่านี้”
โคตรเหี้ยเลยวะ ไม่รู้จักกันไม่พอ
เสือกมาด่ากูเอาๆอยู่ได้
โป๊ก!!
“ขอโทษเขาเลยนะมึง”
เสียงของอีกคนดังขึ้นก่อนจะเขกหัวมันอีกรอบ
เฮอะ! เมียเอากระเป๋าตังมาให้แล้ว มึงก็ควรคืนบะหมี่ถ้วยของกูได้แล้วนะเว้ย
ไม่สิ! มันต้องซื้อให้ใหม่เพราะมันจะแดกของผมหมดแล้ว
“ขอโทษทำไมวะ”
“กวนส้นตีน!”
ผมด่าไปด้วยความโมโห
ทำไมรู้สึกซวยตั้งแต่เช้าเลยวะเนี่ย
“ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ
เดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่”
เสียงของอีกคนนึงดังขึ้นทำให้ผมเริ่มอารมณ์เย็นขึ้น
เมียมันคุยรู้เรื่องกว่ามันเยอะ
“โอเคครับ
วันหลังก็ช่วยเตือนแฟนดีๆหน่อยนะครับ”
“…!!!!”
ผมพูดขึ้นมาก่อนจะหันไปฉีกยิ้มไปให้เมียมัน
กลับต้องตกใจเมื่อเมียมันเบิกตากว้างมองผมด้วยความตกใจ
คืออะไร…ผมหล่อสินะ…ผมรู้ตัวดี…
“คะ…คิม…ซอก…จะ…จิน”
ผมมองด้วยความแปลกใจทันทีที่มันพูดชื่อของผมด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
มันเบาแต่ผมกลับได้ยินเต็มสองหู
เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนรู้จักชื่อผมได้
ผมจำได้ว่าผมไม่เคยรู้จักกับใครในสองคนนี้เลยนะ
“ห้ะ?!!”
ไม่ทันที่ผมพูดอะไรออกไป
คนนั้นเหมือนเริ่มมีสติกลับคืนมา รีบคว้ามือไอลุงข้างๆผมก่อนจะวิ่งหนีออกไป
ส่วนผมก็ได้แต่มองอึ้งๆ คือแบบไม่ทันตั้งตัว พอรู้สึกตัวอีกที
พวกมันสองคนก็หายไปแล้ว
มันรู้จักชื่อผมได้ยังไงวะ…แต่เดี๋ยวนะ
เฮ้ย!! แล้วค่าบะหมี่กูละเฮ้ย!!!!
เหี้ย!!! วันนี้วันอะไรกันวะเนี่ย!!!
“แม่งเอ้ย! โคตรเซ็ง
วันนี้โคตรของโคตรซวยเลยวะจินยอง”
ผมบ่นกับไอจินยองทันทีที่มันมาหาผมถึงที่
หลังจากเช้าเฮงซวยนั่น ผมก็โทรไปโวยวายใส่ไอจินยองจนมันต้องมาหาผมถึงคอนโด
“เออหน่าพี่
ถือว่าฟาดเคราะห์ไปละกัน อยากจะเห็นจังวะว่าใครกวนตีนพี่ได้ขนาดนั้น”
“ก็แค่คนหน้าแก่แต่อายุยี่สิบกว่ากับแฟชั่นที่แปลกและห่วยแตกมาก”
แค่คิดถึงมันก็หงุดหงิดแล้วบอกตรงๆ
“ฮ่าๆๆ ขนาดนั้นเลยหรอวะพี่”
มันพูดหัวเราะออกมาก่อนจะวางถุงอาหารที่ผมฝากมันซื้อระบายความหิวและความหงุดหงิด
“ก็แม่งด่ากูว่าอ้วนด้วย
กูออกจะหุ่นดี อยากจะถอดเสื้อโชว์ให้แม่งดูไปเลย”
ผมบ่นมันไป
ก่อนจะเปิดถุงก็พบกับกล่องพิซซ่าอยู่ในนั้น
เฮ้อ แบบนี้สิ ถึงทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น
“แม่งมันก็แปลกวะมึง
เมียมันอะมาเอากระเป๋าตังให้มันแต่พอเห็นหน้ากูงี้ เรียกชื่อกูเฉยวะ
กูจำได้นะว่ากูก็ไม่ได้รู้จักอะไรพวกมันเลยนะเว้ย พอกูถามปุ๊ป
ก็จับมือไอลุงและหนีไปเลยวะ”
“จริงดิพี่
แปลกแหะหรือว่าเขาอาจจะเคยชอบพี่มาก่อนเปล่า แบบแอบปลื้มไรงี้แล้วเขินอะเลยรีบหนีไป
กลัวแฟนตัวเองจับได้”
“เออ ก็เป็นไปได้ กูก็หล่อพอตัว”
ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของน้องชายตัวเองก่อนะหยิบชิ้นพิซซ่าและกัดมันเข้าปากตัวเองด้วยความเอร็ดอร่อย
ช่างมันเหอะ! คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วมั้ง…
น่าจะนะ…
หลังจากวันนี้ไป…ทุกสิ่งกลับเปลี่ยนไปตลอดกาล
TALK:
หายไปนานมาก ยอมรับผิดอย่างแรงเลยค่ะ บอกเลยว่าตอนแรกของเรื่องนี้ เราเปลี่ยนหลายรอบมาก
แบบมันรู้สึกเริ่มต้นไม่ถูก 555555555555555555555
ช่วงนี้แบบหมดแรงในการแต่งฟิคมาก ไม่รู้ทำไม พยายามแต่งนะแต่มันเหมือนไม่ถูกใจสักที
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคอมเม้นต์ ทั้งในทวิตเตอร์และเด็กดี
สกรีมได้ #น้ำตาซอกจิน
ป.ล.1 นี่ไม่ใช่ฟิคตลกมั้ง? 55555555555555555555
ป.ล. 2 นี่ไม่ใช่ฟิคดราม่าด้วยมั้ง? 5555555555555555555
ความคิดเห็น