เป็นอย่างนี้ตลอดไปนะ - เป็นอย่างนี้ตลอดไปนะ นิยาย เป็นอย่างนี้ตลอดไปนะ : Dek-D.com - Writer

    เป็นอย่างนี้ตลอดไปนะ

    นี่!ๆ.....แบม เราจะเป็นอย่างนี้กันตลอดไปนะ เฮสกล่าวกับคนรักของเขาด้วยรอยยิ้ม จ้ะ!......เราจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป แบมกล่าวกับเฮสพลางทำท่าเขินอาย จนเฮสหมั่นไส้เลยหอมแก้มแบมไปหนึ่งที!

    ผู้เข้าชมรวม

    176

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    176

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ก.ย. 49 / 23:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เรื่อง : เป็นอย่างนี้ตลอดไปนะ

       

                      วันนี้เป็นวันเริ่มต้นการเรียนในชั้นใหม่ของนักเรียนทุกๆคน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่โรงเรียนที่ดูสงบสุขในทุกๆวันของฉันกลับดูวุ่นวายได้น่าปวดหัวขนาดนี้ เฮ้อ!ฉันก็ไม่เห็นว่าการเปิดเรียนวันแรกนั้นมันจะดูน่าตื่นเต้นตรงไหนเลย มันก็แค่วันธรรมดาๆทั่วไป แต่คนเราชอบทำอะไรให้มันวุ่นวาย คิดแล้วก็เซ็ง! เพราะฉันไม่เคยมีเพื่อนสนิท จึงคิดว่าการมาโรงเรียนก็แค่เป็นการมาหาความรู้ใส่หัว แล้วก็กลับบ้าน นั่นแหละคือความคิดของฉัน แต่ในสายตาคนอื่นๆนั้น ฉันก็รู้ว่า คนอื่นๆมองฉันเหมือนเป็นตัวประหลาด คล้ายกับแกะดำในฝูงแกะขาวนั่นแหละแต่ฉันก็ไม่สนใจนะ เพราะถึงสนใจไปคนพวกนั้นคงไม่ทำให้ฉันได้เกรด 4 ขึ้นมาหรอก

       

                      อ่อ! ลืมแนะนำตัวค่ะ ดิฉันก็คือ แบม สาว(เหลือ)น้อยสุดน่ารัก นางเอกของเรื่องนี้ยังไงคะ อ่านมาตรงนี้ผู้อ่านหลายๆคนคงอยากอ้วกแล้วล่ะสิ แต่...อย่าพึ่งอ้วกค่ะ เก็บแรงไว้อ้วกตอนจบน่าจะดีกว่านะ อิอิ! เพราะมันยังมีอะไรที่น่าอ้วกกว่านี้อีกเยอะ จากในพล็อตเรื่องที่ได้อ่านไปแล้วนั้น บอกว่าแบมเป็นคนเงียบๆ ใช่เลยค่ะ! แบมเป็นคนเงียบๆ ในสายตาคนอื่น แต่จริงๆแล้ว แบมบ้ามากๆ เลยล่ะ บ้าจนที่บ้านยังตกใจว่าทำไมลูกสาวฉันถึงเป็นได้มากขนาดนี้ ฮ่าๆ!

                     

                      อย่างที่แบมบอกไว้ว่าเงียบในสายตาคนอื่น ที่แบมไม่มีเพื่อน หรืออะไรต่างๆนาๆ นั้นก็เกิดจากความที่แบมเป็นคนขี้อาย พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ.....(เสี่ยวมั้ย??) เวลาที่มีใครเข้ามาทำความรู้จักแบมก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะตอบเขาว่ายังไง (ก็ตอบไปว่าสวัสดีไงยะ!! ยายฉลาดน้อยเอ๊ย!) เลยทำให้ถูกมองว่าหยิ่งบ้างแหละ เห็นแก่ตัวบ้างแหละ โดนว่าสารพัด จนแบมปลงแล้วค่ะ! ไม่คิดอะไรมาก เพราะชีวิตยังมีอะไรให้แบมทำอีกตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจกับปัญหาไร้สาระพวกนี้หรอก

       

                     แต่แล้ว.......ในวันเปิดการศึกษาใหม่ได้มีผู้ชายคนหนึ่ง เดินเข้ามาเปลี่ยนชีวิตแบม เปลี่ยนไปทุกอย่าง จากเมื่อวันวาน จากที่แบมเคยเป็นคนขี้อาย ไม่มีเพื่อน ตอนนี้แบมกลายเป็น แบมด้าน! ไปแล้วค่ะ จากที่ไม่เคยมีเพื่อน ตอนนี้ก็มีเยอะจนนับไม่ไหวเลยก็ว่าได้ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่แบมนับได้ และจะไม่มีวันลืมคนๆนี้ได้เลย คนๆนั้นก็คือ.....

               

                เฮส ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาขวัญใจสาวๆทั้งโรงเรียน แต่ดันมาเป็นขวัญในหัวใจแบมได้ไงก็ไม่รู้ ฮ่าๆ!

       

       

                       เรื่องราวทุกอย่างเกิดขึ้นในวันเปิดการศึกษาใหม่ วันนี้แหละจะเป็นวันที่แบมประกาศให้โลกได้รับรู้ถึงความรักระหว่างแบมกับเฮส ว่ามันสุด.....อะไรขนาดไหน ก็ต้องอ่านดูเอาเองละกัน แต่ที่แน่ๆ เตรียมกระโถนไว้บ้างก็ดี ไม่งั้นบ้านคุณๆทั้งหลายอาจจะเต็มไปด้วยอ้วก! ก็ได้นะคะ แบมเตือนแล้วนะ! ถ้าบ้านเลอะ อย่ามาโทษกันด้วย แบมไม่รับผิดชอบ อิอิ!

       

                ในวันนี้ทุกคนต่างวิ่งวุ่นหาว่าตัวเองอยู่ห้องอะไรกัน แต่คนอย่างแบมมีหรือที่จะไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ห้องอะไร ไม่ต้องถาม!!! ห้องคิงอยู่แล้ว (มั่นใจในตัวเองเหลือเกินนะ หึหึ!) เฮ้อ! แต่คิดๆ ไปแล้วอยู่ห้องคิงใช่ว่าจะดี เพราะมันมีแต่คนเก่งๆ แล้วแบมก็ต้องเหนื่อยขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัวเพื่อที่จะได้สู้คนอื่นเขาได้ แต่คิดในแง่ดีก็คือ...ตอนนี้หนัก ต่อไปก็จะสบาย แบมมักจะคิดอย่างนี้เสมอ ตอนนี้แบมกำลังเดินไปที่ห้องของตัวเองอยู่ ระหว่างทางก็แบมก็สังเกตสิ่งรอบๆตัวไปเรื่อย ว่าเปิดเรียนใหม่โรงเรียน คน และสิ่งต่างๆรอบตัวมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยไม่ทันสังเกต!!!

       

                      โอ๊ย!” เสียงแบมเองแหละ ก็นะ เล่นเดินไม่ได้ดูทางก็ต้องชนแบบนี้แหละ โง่จริงๆเลยเรา เฮ้อ! (รู้ตัวเองด้วยเหรอเนี่ย?)

       

                      ขอโทษครับ! คือ...ผมเห็นคุณเดินเหม่ออยู่ตั้งนาน เลยาต้องเดินมาชนคุณก่อนที่คุณจะไปเดินชนเสาน่ะครับ แหะๆ เขากล่าวอย่างเขินๆ กับวิธีแก้ปัญหาการชนเสาของตัวเอง แถมยังส่งยิ้มหวานกระชากใจสาวมาให้แบมอีก แล้วแบมจะทำไงล่ะ ก็ต้องเดินหนีสิ อยู่ไปต้องเผลอทำให้เขารู้แน่ๆว่าเราก็เขินเขาเหมือนกัน ตอนที่แบมเดินออกมาดูหน้าเขาซีดๆด้วยล่ะ คงไม่เคยโดนผู้หญิงเดินหนีใส่ล่ะสิ เชอะ! แต่...เอ๊ะ! แล้วนี่แบมจะไปงอนเขาทำไมล่ะ หรือว่า......ว่า......แบมจะปลื้มเขาให้ซะแล้ว ก็คุณๆลองคิดดูสิคะ จะมีผู้ชายสุดหล่อมีดีกรีเป็นถึงขวัญใจสาวๆของโรงเรียน เข้ามาช่วยเธอไม่ให้เดินชนเสา แถมยังส่งยิ้มหวานกระชากใจขนาดนั้นมาให้ แบมจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไรกัน เฮ้อ! แล้วทีนี้แบมจะทำไงดีล่ะ ก็เล่นเดินหนีเขาต่อหน้าบรรดาแฟนคลับของเขาทั้งหลาย มีหวังเธอต้องโดนกระทืบ!!! แน่ๆเลยง่า ฮือๆ เธอยิ่งไม่มีเพื่อนอยู่ด้วย ตายแน่ๆคราวนี้ยัยแบมเอ๊ย!

       

                      พอถึงห้องแบมก็ต้องเจอเรื่องไม่ขาดฝันถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน เรื่องที่ไม่คาดฝันนั้นก็คือ....แบมได้อยู่ห้องเดียวกับพ่อหนุ่มคนนั้นไง ตายๆแน่!! คราวนี้จะทำยังไงล่ะ เมื่อกี๊พึ่งจะเดินหนีเขาออกมาแล้วนี่ยังดันมาอยู่ห้องเดียวกันอีก แล้วนี่แบมจะทำตัวยังไงล่ะ? เฮ้อ! อ๊าก!!! เขาเดินมาทางนี้ด้วย จะทำยังไงๆดี เอาวะ!.....มุดใต้โต๊ะก่อนละกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ว่าแล้วแบมก็กระโจนตัวเองลงไปมุดอยู่ใต้โต๊ะตัวที่ใกล้ที่สุด คือ...ถ้าให้เจอกันตอนนี้แบมคงทำตัวไม่ถูกอ่านะ

       

                     

       

                      จะหลบอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ยครับ? เสียงหลอนตามสายของพ่อหนุ่มคนนั้นดังมาแล้ว เล่นเอาซะแบมตกใจเลยง่า ก็นะโผล่มาทางข้างหลังเงียบๆ เป็นใครก็ตกใจกันทั้งนั้นแหละ แล้วดูเขาสิ! มาแกล้งแบมพอแบมตกใจก็มานั่งขำอีก น่าเกลียดมากๆ ผู้ชายอะไรไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลยเลย เชอะ! ว่าแล้วแบมก็สะบัดก้นอัน(ไม่)งอนงามของตัวเองไปที่นั่งของตัวเอง

       

                      ที่นั่งตรงนี้จะเป็นที่ของเธอเสมอ โต๊ะสุดท้ายตั้งอยู่ติดริมหน้าต่าง ไม่เคยมีใครกล้ามาแตะต้องโต๊ะของแบม แบมจึงได้นั่งอยู่ตรงนี้ทุกๆปี นี่คือข้อดีของการเป็นแกะดำอย่างหนึ่ง ไม่มีใครกล้าแตะต้องของๆ แบม คุณๆทั้งหลายอาจจะคิดว่า การเป็นแกะดำนั้นมันไม่ได้มีความสุขเลย หรือไม่ก็อยากจะหนีออกไปจากสถานการณ์แบบนี้ แต่สำหรับแบมแล้ว นี่ถือเป็นประสบการณ์ในชีวิตอย่างหนึ่งเลยแหละ ถ้าเราผ่านมันไปได้ ไม่ว่าอุปสรรคข้างหน้าจะยากเย็นแค่ไหน แบมก็จะสามารถฝ่ามันไปได้โดยง่าย แบมคิดอย่างนี้มาเสมอจึงทำให้อยู่ในสังคมที่ไม่มีใครสนใจแบบนี้ได้

       

                      ระหว่างทางที่แบมกำลังเดินไปที่โต๊ะนั้น ก็ได้ยินเสียงซุบซิบต่างๆนาๆจากเพื่อนร่วมห้องมากมาย ว่า ทำไมยัยนั่นถึงทำกับเฮสอย่างนี่ได้ล่ะ นิสัยไม่ดีเลยเนอะเธอ และต่างๆอีกมากมาย

       

                      อ่อ! ที่แท้ พ่อหนุ่มคนนั้นก็ชื่อ เฮส นี่เอง แค่ชื่อก็กระแทกใจสาวๆแล้ว แถมยังมีใบหน้าสุดหล่อเหลาอีก คิ้วคมเข้ม ดวงตายาวรีดูอบอุ่นสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบ ดูแล้วช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก! แต่ฝันไปเหอะว่าคนอย่างเธอจะยอมหลงใหลเขาได้ง่ายๆ เชอะ! (แต่วันนี้แกเชอะบ่อยไปแล้วนะ ไม่ปวดคอบ้างเหรอ?)

       

                      ในที่สุดก็ถึงที่นั่งแล้ว กว่าจะมาถึงนี่แบมต้องผ่านการนินทาจากเพื่อนอย่างหนักเล่นเอาปวดหัวเลยเหมือนกัน จังหวะที่แบมกำลังหย่อนก้นของตัวเองลงนั้น ก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้น เล่นเอาแบมตกใจเลยทีเดียว

       

                      อย่าไปว่าแบมอย่างนั้นสิครับ แบมเขาแค่เป็นคนขี้อายเอง ไม่ได้หยิ่งสักหน่อยครับ เรามาดีกันดีกว่านะๆๆ ประโยคสุดท้ายมีหยอดลูกอ้อนให้เพื่อนๆร่วมห้องของแบมด้วยแหละ เล่าเอาสาวๆทั้งหลายแทบละลายคาพื้นห้องเลยง่ะ แต่ยังดีนะที่มันยังไม่ละลายอ่ะ ไม่งั้นถูห้องกันมือด้านแน่ๆ 

       

                      แต่....เขารู้ได้อย่างไรล่ะว่าแบมเป็นคนขี้อาย ง่า...อย่าทำให้คิดเข้าข้างตัวเองสิ ว่าตัวเองก็แอบมองเขาอยู่เหมือนกัน อิอิ นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจนะคะ ส่วนหน้าแบมตอนนี้นี่เก๊กขรึมสุดยอด จะให้ใครๆรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าแบมเป็นคนขี้อายขนาดหนักถึงไม่ยอมมีเพื่อนง่ะ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นแน่ๆ เลย

       

                      เฮสรู้แล้วกันนะครับ เชื่อเฮสนะ จริงๆแล้วแบมไม่หยิ่งเลย ใช่มั้ยแบม? ง่ะ ทำไมโยนมาให้เธอแบบนี้ แล้วนี่เธอจะทำไงดีล่ะ ตอบเขาไปดีมั้ย? ถ้าไม่ตอบแล้วเราจะทำให้เขาเดือดร้อนหรือเปล่า? คงไม่หรอก คนอย่างเขามีหรือที่จะเดือดร้อน เพราะฉะนั้นไม่ตอบคงจะดีกว่า อยู่คนเดียวแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว เฮ้อ! ขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้

       

                      แบมครับ บอกเพื่อนๆ ไปสิว่าแบมเป็นคนขี้อายอ่ะ เขากล่าวด้วยท่าทางอันยิ้มแย้ม หรือยิ้มกระชากใจสาวนั่นเอง เชอะ! คิดว่าแค่นี้จะทำให้คนอย่างแบมคนนี้หวั่นไหวเรอะ! คำตอบมันคือ.....ใช่เลย!! แต่...เธอจะไม่ยอมบอกออกไปหรอก บอกไปเธอก็เสียฟอร์มพอดี เพราะฉะนั้นคำตอบของเธอที่ตอบให้กับเขาก็คือ

       

                      .........................

       

                      เห็นมั้ยล่ะเฮส พวกเราบอกแล้วก็ไม่เชื่อ ว่ายัยนี่มันหยิ่ง ไม่มีใครเขาอยากจะคบนักหรอก พวกเพื่อนๆในห้องของแบมกล่าวอย่างหงุดหงิด แต่เป็นแบมก็หงุดหงิดนะ คุยด้วยแล้วแต่ไม่คุยตอบ เป็นใครๆก็โกรธ แต่จะให้ทำไงล่ะในเมื่อแบมเป็นแบบนี้นี่นา จะให้เปลี่ยนมันก็ยาก (หรือว่าเธอไม่คิดจะเปลี่ยนกันแน่ยะ)

       

                      หลังจากนั้นอาจารย์ก็เข้าห้องมาพอดี ทุกคนต่างแยกย้ายไปนั่งตามที่ของตัวเอง และแบมก็พึ่งจะสังเกตว่า....ที่นั่งของเฮสมันติดกับแบมนี่สิ เฮ้อ! ชีวิตนี้จะหนีกันไม่พ้นเลยใช่มั้ยเนี่ย? และแบมก็เริ่มรู้สึกถึงรังสีอัมหิตที่แผ่ออกมาจากแฟนคลับของคุณชายแกทั้งหลาย แต่คุณชายท่านก็ทำเป็นไม่รู้ ตั้งหน้าตั้งตาฟังอาจารย์หรือบางทีก็จะหันมาส่งยิ้มหวานให้แบม ทำให้แบมรู้สึกว่า...รังสีอัมหิตจากที่ตอนแรกมันแรงอยู่แล้ว ยิ่งแผดแสงแรงกล้ายิ่งกว่าเดิมอีก  เปิดเรียนวันนี้เป็นวันสุดซวยสำหรับแบมจริงๆ เฮ้อ!

       

                เนื่องจากวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกจึงไม่ได้เรียนอะไร แค่พบปะครูประจำชั้นแล้วก็รับตารางสอน ส่วนช่วงบ่ายก็ให้ไปเลือกลงชุมนุมตามความสนใจของแต่ละคน ปีนี้แบมอยู่ ม.5 แล้วค่ะ เป็นพี่เกือบโตสุดของโรงเรียนเลย แก่เนอะ! แค่อายุนะคะ เพราะหน้ายังเด็กอยู่

       

                      ตอนนี้เป็นเวลา 11.30 น. แต่....เพื่อนๆในห้องแบมนั้นหลับกันสนิทคาโต๊ะเลย ก็จะไม่ให้หลับได้ยังไงล่ะ ต้องมานั่งฟังอาจารย์อบรมตั้งแต่ 8.30 น. จนถึงตอนนี้เป็นเวลา 11.30 น. แล้ว อาจารย์ถึงยอมปล่อยไปกินข้าว แต่ก็แปลกนะคนเรา พอรู้ว่าถึงเวลากินข้าวทีไร ไม่ว่าจะหลับลึกสักแค่ไหนก็จะสะดุ้งตื่นขึ้นตามอัตโนมัติ เหมือนอย่างเช่นเพื่อนร่วมห้องของแบมทั้งหลาย เล่นเอาแบบแอบขำกับท่าทีต๊องๆ ของเพื่อนเลยง่ะ ฮ่า!

                       
                       ระหว่างทางเดินไปโรงอาหารในวันนี้แบมรู้สึกแปลกๆล่ะ รู้สึกเหมือนกับคนทั้งโรงอาหารกำลังจ้องมาที่แบม ไม่ได้จ้องแบบธรรมดานะจ้องแบบจะกินเลือดกินเนื้อซะด้วย แต่พอมองดีๆ สายตาของคนพวกนั้นรู้สึกจะมองสลับมาที่แบมและทางด้านหลังของแบม สายตาที่มองแบมนะเหมือนกับโกรธเคืองกันมาสัก10 ชาติได้ แต่สายตาที่พวกนั้นมองไปทางข้างหลังแบมนี่สิ เต็มไปด้วยความรัก อ่อนหวาน ส่งประกายตากันปิ๊งๆ
      ! ว่าแล้วก็ลองหันไปดูหน่อยสิ ว่าใครเป็นสาเหตุที่ทำให้แบมต้องโดนจ้องแบบนี้

       

                เฮือก!!! รู้แล้วล่ะว่าใครก็พ่อหนุ่มเฮสไง มิน่าสาวๆในโรงอาหารถึงจ้องแบมอย่างอาฆาตแค้นขนาดนั้น ไม่ได้และๆ อย่างนี้ต้องหนี แบมยังไม่อยากถูกถีบออกนอกโรงเรียนก่อนจบม. ปลายหรอกนะ ว่าแล้วก็วิ่งปรู๊ด!! ไปที่ร้านขายข้าว พอซื้อเสร็จก็วิ่งไปที่สวนหลังโรงเรียน ที่นี่เป็นที่ทานข้าวในทุกพักเที่ยงของแบมเอง มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นเต็มไปหมด ก็แน่ล่ะ ไม่งั้นเขาจะเรียกกันว่าสวนได้อย่างไรล่ะเนอะ อ่อ! และที่สำคัญมันไม่มีใครมารบกวนนั่นเอง มีแค่แบมคนเดียว ท่ามกลางดอกไม้นาๆพันธุ์ และฝูงแมลงน้อยๆ ที่คอยบินไต่ตอมดมกลิ่นหอมของดอกไม้ โรแมนติกใช่มั้ยล่ะ! แบมเคยคิดนะ ว่าสักวันถ้าแบมมีคนรักแบมจะพาเขามาที่นี่ แต่คงจะไม่มีวันนั้นหรอกมั้ง แม้กระทั่งเพื่อนแบมยังไม่มีเลย แล้วนับประสาอะไรกับแฟนกัน ชาตินี้เธอคงต้องอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตแน่ๆ หากเธอยังไม่เลิกขี้อายแบบนี้

       

                      ที่นี่ดูโรแมนติกดีนะ แบมมาที่นี่บ่อยเหรอ? คงไม่ต้องบอกก็จะรู้กันว่า ผู้ชายหน้าด้านที่กล้าคุยกับเธอ มันก็มีอยู่แค่คนเดียวนั่นล่ะ เฮสไง นี่เขาตามแบมมาเหรอ? ไม่อยากจะเชื่อ ว่าทำไมเขาจะต้องมาตามผู้หญิงที่ทำท่าทางไม่ดีกับเขาขนาดนั้นกัน แบมจึงหันไปมองเขาอย่างงงๆ ว่าจะมามุขไหนกันแน่เนี่ย

       

                      อย่ามองเฮสแบบนั้นสิ เฮสแค่เห็นว่าแบมอยู่คนเดียว ไม่คุยกับใครเลย เฮสก็เลยอยากจะเป็นคนแรกที่ได้เป็นเพื่อนแบม จะได้มั้ยครับ? เขากล่าวพลางยิ้มหว่านเสน่ห์ให้สาว (เหลือ) น้อยอย่างแบม เล่นเอาแบมตั้งตัวแทบไม่ทัน ก็ได้แต่ส่งค้อนวงงามๆ ให้เขาไปหนึ่งวง

       

                      เขาอยากเป็นเพื่อนกับแบมจริงๆเหรอ? เธอจะเชื่อใจเขาได้แค่ไหนกัน ก็นะเธอเห็นออกบ่อยไป พวกที่มาทำดีตีซี้กับเรา พอลับหลังก็เอาเราไปนินทา แล้วก็หักหลังเราไปซะงั้น แบมจึงกลัวการที่จะมีเพื่อน กลัวการถูกหักหลัง เพราะ แบมรู้ว่าตัวเองไม่ได้เข้มแข็งพอที่จะต้องมารับสภาพการถูกทรยศแบบนี้

                      นะๆๆ ครับ แบม เฮสสาบานเลยก็ได้ เฮสบริสุทธิ์ใจจริงๆนะ ไม่ได้คิดอะไรไม่ดี แค่อยากเป็นเพื่อนแบมเฉยๆ เฮสอยากขอให้แบมลองเปิดใจรับเพื่อนดูบ้าง ชีวิตแบมจะได้มีสีสันมากกว่านี้ไง

                เขาเป็นใครกัน ถึงได้มารู้ว่าทำยังไงชีวิตแบมถึงจะมีสีสัน แต่...เขาก็พูดถูก เธอน่าจะลองเปิดใจรับใครดูบ้าง เริ่มจากเขาก่อนเลยละกัน ในเมื่อเขาตื๊อแบมขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่คุยกับเขาเลยก็คงจะน่าเกลียดเกินไปแล้ว

       

                      อืม.... แบมตอบเขาไปแค่นี้ แต่แค่นี้ก็ถึงกับทำให้เขากระโดดตัวลอยเลยทีเดียว ทำเอาแบมขำกับท่าทีของเขาเลยทีเดียว

       

                      ฮ่าๆ อุ๊ย! ลืมตัวไปหน่อย เลยเผลอหัวเราะเสียงดังเลย เขาจะแอบหัวเราะแบมมั้ยอ่ะ แบมได้แต่ถามตัวเองแบบนี้ ก็กลัวทำอะไรเปิ่นๆให้เขาเห็นนี่นา มีเพื่อนคนแรกก็จะทำอะไรไม่ดีซะแล้วมั้งเนี่ยแบม เฮ้อ!

       

                      แบมอยากขำก็ขำมาเหอะ เฮสไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ออกจะดีด้วยซ้ำไป เขามองแบม อย่างขำๆอะ มันตลกมากเลยใช่มั้ยเนี่ย เชอะ! งอนแล้ว

       

                      อ้าว! งอนเหรอๆ ง้อนะๆ เฮสกล่างพร้อมกับทำท่ากระโดดเหมือนเด็กๆรอบตัวแบม เล่นเอาแบมเขินไปเลยทีเดียว ก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาทำแบบนี้ใส่นี่นา ก็เลยทำตัวไม่ถูกอ่ะ

       

                      อื้ม หายแล้ว เลิกทำได้แล้วล่ะไม่สมกับเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนเลย พอแบมพูดประโยคนี้จบ เฮสถึงกับตาโตเลยอ่ะ คงไม่เคยได้ยินแบมพูดยาวๆแบบนี้ล่ะสิ

       

                      แบม!”

       

                      หืม? มีอะไรเหรอ? แบมถามอย่างงงๆ กับท่าทีของเฮสมากๆ ว่าทำไมต้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดนั้นด้วยกัน

       

                      ก็....เสียงแบมเพราะดีเนอะ กรี๊ด!!!!!! นี่เฮสจะรู้มั้ยเนี่ย ว่าคำพูดประโยคเดียวของเขา ทำให้เธอเขินมากๆๆ แล้วเขาจะรู้อีกมั้ยเนี่ย ว่าตอนนี้หน้าเขาแดงยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศสุกอีก น่ารักมากมายเลย อ๊าก!!!!!!!!!!!!!! (สำรวมหน่อยแบมเอ๊ย!) แบมสำลักความเขินเลย ฮ่าๆ

       

                      เหรอ? เพิ่งจะรู้วันนี้ล่ะ แบมกล่าวกลับไปด้วยท่าทีเขินอายเหมือนกัน

                      ใครผ่านมาแถวนี้คงจะต้องรู้สึกสงสารสนามหญ้า ณ สวนแห่งนี้เป็นแน่ ก็เพราะทั้งแบมและเฮส ต่างช่วยกันถอนหญ้าแก้เขินกันจนจะได้กองเท่าภูเขาแล้วเนี่ย ฮ่าๆ

       

                      หลังจากวันนั้นแบมและเฮสก็สนิทสนมกันมากขึ้นๆ ทุกวัน จากที่แบมไม่เคยมีเพื่อน เฮสก็เริ่มแนะนำให้แบมรู้จักกับคำๆนั้น สอนให้แบมหน้าด้าน! และตอนนี้แบมกลายเป็นคนที่พูดมากที่สุดในห้องไปแล้ว ต้องขอบคุณเฮสจริงๆที่ทำให้เธอได้มีวันนี้

       

                      อ๊ะ! นั่นไง พูดปุ๊บก็มาปั๊บเลย ขอตัวไปหาสุดที่รักก่อนนะคะทุกๆคน

       

                      แบมๆ เฮสตะโกนเรียกแบมเสียงดังลั่นตึกเลย อายเขามั้ยเนี่ยแฟนแบม!!

       

                      จ้า ไม่ต้องตะโกนก็ได้ แค่กระซิบในใจก็พอแล้วเฮส

       

                      อ้วก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” นี่คือเสียงจากเพื่อนร่วมห้องของแบมเอง ฮ่าๆ พอพูดจบก็พากันนั่งขำกันทั้งห้อง ก็เล่นพูดพร้อมกันทั้งห้องแบบนี้ เลยยิ่งฮากันใหญ่ โดยไม่ได้สนใจท่าทีของแบมและเฮสเล้ย!! ว่าตอนนี้เรา 2 คนกำลังคุยอะไรกันอยู่  อยากรู้ล่ะสิ อ่ะๆ บอกก็ได้....

       

      ในระหว่างที่ทั้งห้องนั่งหัวเราะกับคำว่า อ้วก

       

                      แบม!”

       

                      อื้ม! อะไร  รู้แล้วว่าชื่อแบมอย่าเรียกบ่อยนักดิ

       แหะๆ ขอแกล้งนิดนึงๆ คงไม่โกรธกันนะที่รัก แต่คงโกรธแหละ เพราะเฮสทำหน้าตาน่ากลัวมากๆเลย เอิ๊กๆ (เป็นใครๆก็โกรธยัยโง่เอ๊ยย!)

       

                      อืม...ไม่มีอะไรและ ขอโทษทีลืมไปว่าเรามีแฟนชื่อแบม

       

                      งอนเหรอตัวเอง? ดีกันนะๆ ง้อๆๆ โห่! ง้อแค่นี้ถึงกับยิ้มแก้มปริเลยอ่ะ แฟนแบมเว่อร์มั้ยล่ะคะ

       

                      หายแล้ว....เฮสแค่อยากจะบอกว่า เป็นอย่างนี้ตลอดไปนะจ๊ะ

       

      กรี๊ด!!!!! เขินนะเนี่ยมาพูดอะไรก็ไม่รู้ แต่แบมรู้สึกมีความสุขที่สุดในโลกเลย ถ้าไม่มีเฮส แบมก็คงไม่มีวันที่สดใสเช่นนี้ ขอบคุณสวรรค์และพรหมลิขิต ที่ได้ลิขิตให้แบมและเฮสได้เจอกัน ขอบคุณจริงๆค่ะ และแบมก็พร้อมแล้วที่จะบอกกับเฮสว่า.....แบมรู้สึกเช่นไรกับเขา

                     

                  อื้ม! เราจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป

                       

       

                       

                     

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×