ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF GOT7] with me and you. - yugmark

    ลำดับตอนที่ #9 : love vegas (yugmark in LA)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 377
      6
      20 ม.ค. 58

    ชี้แจง ก่อนอ่าน : ตอนแรก ว่าจะอธิบาย ไว้นานแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาส กลัวคนอ่านจะสับสน

    คือด้วยฟิคของเราส่วนใหญ่จะแต่งแบบ inside story แต่เหตุการณ์แต่ละตอนไม่ต่อเนื่องกันนะคะ

    ถ้าตอนไหนมันต่อกัน เราจะกำกับไว้เลยว่าเป็นตอนต่อกัน
    แต่อย่างเรื่องที่กำลังจะอ่านต่อไปนี้

    เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อเมกา เหมือนตอนที่แล้ว แต่เนื้อเรื่องไม่ต่อกันนะคะ ตอนที่แล้วมาร์คคยอม

    เขาเป็นแฟนกันอยู่แล้วใช่ไหมคะ แต่ของตอนนี้ เราเล่าในส่วนที่ ทั้งคู่ยังไม่เป็นแฟนกัน จีบๆกันไรงี้

    เดี๋ยวกลัวคนอ่านจะสับสน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ตอนนั้นคบกันแล้ว ตอนนั้นเกลียดกัน เอ้า!ทำไมตอนนี้ยังไม่คบกันอ่ะ

    คือ เล่าไม่แต่งต่อเนื่องกันนะ 55555555 เอาเป็นว่าเข้าใจ งั้น ไปอ่าน ตอนล่าสุดเลย โน๊ะ!

















     ตั้งแต่ผมมาเที่ยววันหยุดปีใหมที่อเมริกา บรรดาพวกพ้องของผม ต่างก็มี

    แพลนเที่ยวเต็มไปหมด ผมที่ไม่ค่อยได้กลับบ้าน เลยต้องยอมเออออหอหมกไปกับเจ้าพวก

    นั่นด้วย มาร์คต้วนเป็นของประชาชน ใครชวนไปไหนก็คงต้องไป


    แต่เดี๋ยวนี้ไปไหน ก็เหมือนมีเงาตามตัว ที่เป็นมนุษย์มีชีวิต ตามติดผมไปทุกหนทุกแห่ง

    อย่าง คิมยูคยอม จากที่แต่ก่อนไปเที่ยวก็ไม่ต้องห่วงอะไร เที่ยวสนุกกันอย่างเดียว เดี๋ยวนี้กลับ

    มีหน้าที่เพิ่มมาให้ มาร์ค ต้วน อย่างขัดขื่นไม่ได้


    มันไม่ใช่การมานั่งดูแล คิม ยูคยอมหรอกนะ เพราะเจ้าเนี้ยก็โตพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว

    บางทีก็เขานั่นหละที่มานั่งดูแลผม ก็ด้วยลักษณะรูปร่างตัวแล้ว เขานะมักจะทำอะไรได้ดีกว่า

    ผมเยอะเสียอีก แต่หน้าที่ ที่ผมพูดถึงก็คือ ช่างภาพประจำตัวคิมยูคยอม นั่นเอง


    พอถามเจ้าตัวว่า จำเป็นไหม ที่จะต้องมานั่งถ่ายภาพให้ครบทุกสถานที่ทุกสถานการณ์

    แบบนี้ เจ้านั่นก็บอกว่า ปกติผมก็ไม่ค่อยติดถ่ายรูปเยอะแยะหรอกนะ แล้วก็ไม่ได้ติดใจ

    ความงามของสถานที่ต่างๆพวกนั่นสักเท่าไร แต่สิ่งที่อยากเก็บไว้คือ ความทรงจำที่ว่า

    ครั้งหนึ่ง ยูคยอมคนนี้ เคยอยู่ที่นี้กับมาร์คต้วนนะ พอได้ฟังอย่างนั่น ผมก็จำต้องยอมเขาเลยละ


























    “พี่มาร์ค ที่ป๊าเขาลงรูปแฟนๆเนี้ย ใช่ในทวิตเตอร์ปะ”รู้สึกว่าคนข้างตัวจะตายยากเสีย

    จริง เพราะเพียงแค่เมื่อกี้ เขาเข้ามาวิ่งอยู่ในความคิดผม จู่ๆไอ้คนในความคิดก็เอยปากพูด

    ขึ้นมาทันที



    “อืม ป๊าเล่นทวิตเตอร์ ทำไหมอ่ะ”ปากตอบคำถามของคิมยูคยอมไปแต่ตาของผมก็ยังให้ความ

    สนใจกับมือถือคู่ใจอยู่



    ตั้งแต่เข้าห้องพักในโรงแรมมา ทั้งผมและยูคยอมก็ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์กัน

    อย่างเดียวบทสนทนาระหว่างกันก็แทบจะไม่ค่อยมีเลยด้วยซ้ำ เราเจอหน้ากันทุกวัน

    ตัวติดกันตลอด พอหมดวันก็เลยไม่ค่อยมีเรื่องพูดคุยกันเป็นธรรมดา



    “อยากเล่นมั้ง”ยูคยอมที่ตอนแรก สายตาก็ไมได้ละจากโทรศัพท์มาเหมือนกัน แต่หางตา

    ของผมตอนนี้ ก็เห็นว่าเจ้าตัว ผลุดลุกขึ้นมานั่งตรงขอบเตียงพลางส่งสายตามุ่งมั่นมาทางผม



    “เล่นดิ เอาไว้ส่องแฟนๆ สนุกดีออก”ใช่ ผมว่ามันสนุกดีนะ ผมทราบมาจาก

    คิงออฟแฟนเซอวิสอย่างแบมแบมว่า แฟนคลับของเราส่วนใหญ่ก็เล่นทวิตเตอร์กันหมด

    การเล่นทวิตเตอร์จึงเป็นอีกสิ่งที่ทำให้ผมเอาไว้เช็คฟีดแบ็คจากแฟนๆได้



    “พี่แจ๊คสันบอกมันไม่ swag อ่ะ”ผมละนับถือไอ้สูงนี้จริงๆเลย ที่เอาแจ๊คสันเป็น

    ไอดอลเรื่องความ swag นะ แต่ช่วยมีเหตุผลด้วยได้ไหมเนี้ยยย



    “เอาที่พวกแกสบายใจเลย คยอม”ผมบอกปัดไปแค่นั้น เหนื่อยใจจะพูดเรื่องความ

    swagของพวกมันจริงๆ



    “โฮ้ว ไม่ค้านหน่อยหรอ”ผมเหล่ตามองยูคยอมที่กำลังใช้เสียงงุงงิง ออดอ้อนตามแบบ

    ฉบับของยูคยอมที่เจ้าตัวมั่นใจเหลือเกินว่ามันน่ารัก แต่ผมบอกไว้เลย ผมทำน่ารักกว่าเยอะ



    “ก็เดี๋ยวคิมยูคยอมไม่ swag   มาร์คต้วนเสียใจแย่”



    “ทำเป็นประชด มาสอนเลยถ้างั้น”พูดจบไอ้สูงก็ลุกจากเตียงตัวเองมาจับจองพื้นที่

    ข้างๆผม จนผมที่นอนอยู่กลางเตียง ต้องเขยิบไปอีกฝั่งให้อย่างอัติโนมัติและใช้หัวเตียงเป็น

    พนักพิงหลัง ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน



    “สรุปจะเล่น?”พอจัดแจงพื้นที่เสร็จเรียบร้อย ผมก็เงยหน้าหาเจ้าตัว ก่อนจะถาม

    คำถาม แต่ก็ต้องชงักเมื่อใบหน้าของเรา อยู่ใกล้กันเพียงห้าเซนเท่านั่น

    ผมเบลนหน้าหนียูคยอมทันทีด้วยความตกใจ ก่อนจะเหล่ตามองคนข้างๆที่ตอนนี้

    ยิ้มกว้างปากจะถึงหูอยู่แล้ว



    “เล่นดิ สอนเลย เร็ว”ไม่แน่ใจว่าที่มะกี้ มันยิ้มนี้เพราะ ตื่นเต้นที่จะได้เล่นทวิต

    หรือสะใจที่เห็นผมตกใจกันแน่ ยูคยอมยื่นมือถือของตัวเองมาให้ผมโดยทันที

    แต่ไหนแต่ไร ไอ้สูงนี้ไม่เคยหัดเล่นอะไรด้วยตัวเองสักที





    ตอนสมัครไอจี ก็ต้องให้ผมค่อยสอน ยันการตั้งชื่อ ไอจี เอาแต่ถามผมอยู่นั่นละว่า

    ใช้ชื่อไรดีอ่ะพี่ ชื่อนี้ดีไหม ชื่อนั่นดีไหม แต่สุดท้าย เจ้าตัวก็มาก็อปปี้ชื่อไอจีผม

    ที่ตั้งว่า mark_tuan มันเลยแยกชื่อของมันออกเป็น yu_gyeom มั้ง ขนาดตรงส่วนที่

    เขาเรียกกันว่าไบโอ ไอ้สูงมันก็ยังเอาชื่อที่ผมชอบใช้เรียกมันว่า K Y U M ไปตั้งเลย

    สรุป ชีวิต คิมยูคยอม จะคิดไรเองได้บ้างไหมเนี้ย







    ผมรับมือถือของเจ้าตัวที่ยูคยอมยื่นมา ก่อนจะเห็นว่าพื้นหลังหน้าจอเป็นรูปผม

    ถ่ายคู่ยูคยอมที่ป๊าเพิ่งถ่ายให้




    “ขี้เห่อเนาะ”ผมยื่นหน้าจอให้เจ้าของดู ก่อนจะทำปากหมุบหมิบล้อเลียนเจ้าของ

    โทรศัพท์แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา

     


     

     







     

    ผมใช้เวลาอยู่หลายนาทีในการเริ่มต้นสอน คนข้างๆให้รู้วิธีการเล่นทวิตเตอร์ แต่ด้วยเพราะผม

    ให้ความสนใจกับการสอนมากจนเกินไปละมั้ง ถึงไม่รู้ว่าตอนนี้ ตัวของผมกับยูคยอมอยู่ชิดกัน

    ขนาดไหน ผมเหล่ตามองไปที่มือหน้าที่พาดวางอยู่บนไหล่ข้างซ้ายของผม ก่อนจะหันหน้ามา

    มองเจ้าของที่กำลังทำหน้าตาเหลอหลา โดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรผิด







    “ใกล้ไปมั้ง”ผมขมวดคิ้วเป็นปม ตีหน้าครึ่มให้คนตรงหน้ารู้ว่า ไอ้ท่าแบบเนี้ย

    มันไม่เหมาะสมนะเว้ย แขนพาดอย่างเดียวไม่เท่าไร ไอ้ใบหน้าใกล้แค่ห้าเซนมันกลับมา

    อีกแล้ว





    “ไม่ใกล้นะ ก็ปกติ ทำไมอะ พี่เขินหรอ”



    “ไม่ได้เขินเว้ย ไม่เห็นจำเป็นต้องเขิน”



    “จริงอ่ะ ไม่เขินจริงอ่ะ”ยูคยอมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอีกจากที่ตอนแรกห้าเซน

    ตอนนี้ปลายจมูกเรากลับชนกันเสียแล้ว แต่ทำไงได้ผมยังต้องตีหน้านิ่ง ให้ไอ้สูงรู้ว่าผมนะ

    ไม่ได้เขินมันเลยนะ แต่หัวใจของผมตอนเนี้ย มันจะเต้นเร็วเกินไปแล้วนะ



    “ไม่ได้เขินเว้ย”ผมใช้มือทั้งสองข้างของผมที่ข้างหนึงยังจับโทรศัพท์ไว้ ดันหน้าอก

    ของยูคยอมออก ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เขิน ดังนั่นแกก็หน้าจะเอาตัวเองออกไปห่างๆได้แล้ว



    “แบบนี้ก็ไม่เขินใช่ป่ะ”ยูคยอมพลิกตัวเอง มาขึ้นคร่อมผมไว้ และใช้มือ ล๊อคแขน

    ของผมเอาไว้ข้างๆศีรษะ ด้วยความว่องไว จนผมตั้งตัวไม่ทัน มือที่เคยถือโทรศัพท์ไว้ก็พลันหลุด

    ออกจากมือไป

     
     

    “นี่! จะทำไรฮะ”ผมถามด้วยน้ำเสี่ยงสั่นๆ ไม่สู้ดีนัก



    “ก็ทำให้พี่เขินไง ที่พี่ยังชอบแกล้งผมแบบนี้บ่อยๆเลย”ใครบอกยูคยอมเป็นคริสตัล

    บริสุทธิ์ ณ ตอนนี้ ผมขอเถียงขาดใจเลย หน้าตาของเขาที่ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ๆมาให้

    ผมละหมันไส้ที่สุดเลย



    “มันไม่เหมือนกันเว้ย”ใช่ มันไม่เหมือนกัน ตอนผมแกล้งเขา ผมก็แค่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้

    เฉยๆ แต่นี้ เขากำลังค่อมผมอยู่นะ ท่าทางแบบนี้ มันส่อมากๆเลยนะ




    แต่เหมือนคำพูดผม จะไม่ได้เข้าหูเขาสักเท่าไร ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งยุ








    แอ๊ดดดดด!


    ไม่ทันที่ยูคยอมจะได้ทำอะไรมากกว่านี้ จู่ๆ ก็มีเสียงของผู้มาใหม่ ที่ผมไม่แน่ใจว่ามัน

    เป็นเสียงสววรรค์หรือเสียงหายนะกันแน่



    ทั้งผมและยูคยอมหันไปตามเสียง ทางประตู ในทันที ก่อนจะพบว่าเป็นแอนดรูวที่

    เดินเข้ามา




    “มาร์ค ไปดริ๊ง….กัน เอ๊อะ โทษทีเพื่อน เดี๋ยวล๊อคประตูให้นะ” แอนดรูวที่เหมือนจะชวน

    ผมลงไปดริ๊งข้างล่าง แต่เพราะผมกับยูคยอมอยู่ในท่าแบบนี้ เพื่อนผมก็เข้าใจผิดหมดสิ

    แล้วไอ้บ้านี่ก็ไม่ลุกจากตัวผมสักที


    ผมเรียกสติตัวเองให้หลุดจากความตกใจ ก่อนจะรีบผลักคิมยูคยอมออกเต็มแรง

    เพื่อจะวิ่งไปอธิบายแอนดรูวที่เดินออกจากห้องไปด้วยความเร็วแสงเข้าใจ




    “เฮ้ย แอนดรูว เดี๋ยวก่อน”แต่ผมคงประมาทยูคยอมเกินไป ทั้งที่คิดว่าผลักเขาหลุด

    ออกจากตัวแล้วแท้ๆ แต่แค่เท้าแตะลงพื้น มือปลาหมึกของยูคยอมก็อ้อมมาล็อค

    ช่วงลำตัวของผมไว้ก่อนจะออกแรงดึงตัวผมไปนั่งบนตัก





    “เฮ้ย ปล่อยก่อนดิ”ผมพยายามพูดเสียงแข็งใส่คนขี้แกล้งและพยายามแกะมือที่ล็อคเอว

    ผมไว้ออก จากตอนแรกที่ผมมั่นใจมากว่าจะไม่ขัดเขินไปกับการกระทำของยูคยอมแน่ๆ แต่

    ตอนนี้ผมกลับต้องพยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงท่าทีแบบนั้นออกไป

    หมอนี่ชักจะมีอิทธิพลกับหัวใจผมมากเกินไปแล้วนะ



    “ไม่ปล่อย! แล้วพี่คิดจะไปไหนละ”ยูคยอมยังคงไม่ยอมปล่อยผมไป หน่ำซ้ำยังกระชับ

    แขนที่ใช้กอดผมให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีก แถมยังมีการยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างๆหูของผม อีก

    ตอนนี้ผมยอมรับเลยว่า ตัวผมทั้งตัวสั่นจนตัวโยนไปหมด จากการกระทำของเขา

    ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้าไปต่อว่าเขาด้วยซ้ำ




    “นายไม่เห็นหรอ ว่าเพื่อนฉันกำลังเข้าใจผิดนะ”



    “พี่คิดว่า เขาจะเข้าใจว่าอะไรงั้นหรอ”



    “กะ ก็คิดว่านายกับพี่ เออ” จะให้พูดว่ากำลังมีกันนะหรอ ไม่เอาดีกว่า

    น่าเกลียดไป เดี๋ยวมันจะหาว่าผมคิดลึก




    “ว่าไงครับ ผมกับพี่ทำไม”




    “คิดว่านายกับพี่เป็นไรกันนะสิ”




    “แล้วเราเป็นอะไรกันละครับ ผมกับพี่ตอนนี้ เราเป็นอะไรกัน”



    “ก็เป็น”







    “ผม ชัดเจนกับพี่ขนาดนี้ จะใจร้าย บอกว่าเป็นแค่พี่น้องได้หรอฮะ”ไอ้เด็กนี้มันมีความ

    มั่นใจในการพูดเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉยได้ยังไงวะ ตอนนี้ใบหน้าของผมกลับเห่อร้อน

    ขึ้นมาทันที ผมเริ่มรู้สึกว่า หัวใจของผมกำลังทำงานหนัก และมันเข้าขั้นอันตรายเกินไปแล้ว




    “โอเค ฉันยอมนายแล้ว อยากเป็นอะไรก็เป็นสิ ปล่อยได้ยังละ หายใจไม่ออกแล้วเนี้ย”

    บางทีผมก็รู้สึกว่า เวลาอยู่กับยูคยอมทีไร ทำไมผมถึงได้ใจง่าย ยอมมันได้ขนาดนี้กัน





    “แน่ใจนะงั้น ตอนนี้”ยูคยอมที่หยุดคำพูดของตัวเองไว้แค่นั้น จนผมต้องเหลียวหน้า

    ไปมอง เพราะเห็นว่าเจ้าตัวเงียบไป แต่กลับเป็นการหลงกลหมอนี้ไปเสียเต็มๆ

    ไอ้เด็กบ้านี้มันยื่นปากเข้ามาหอมที่แก้มของผมเสียฟอดใหญ่ จนผมเกือบเสียหลักถ้าไม่ติดว่า

    มันกอดผมไว้ด้วย






    “เฮ้ย! ทำบ้าไรเนี้ย!






    “ก็พี่เป็นแฟนผมแล้ว ผมทำแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

     

     

     

     








    โอเค จบเนาะ 55555555 ความจริงตอนนี้ แต่งไว้ตั้งแต่วันที่นางทั้งสองไปเที่ยวที่
    ลาสเวกัสด้วยกันละ แต่หาจุดจบให้เรื่องไม่ได้เหมือนเคย อยากแต่งแค่ว่านางไปเที่ยว
    และต้องนอนห้องพักเดียวกันแน่ๆ สั้นๆนะคะตอนนี้ เรื่องเล่าเบาๆจากห้องพักงี้5555

    ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านเน้อ


     

    。SYDNEY♔
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×