คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
เวลาเช้าอากาศกำลังดีของหน้าหนาว ณ รีสอร์ทบนภูเขาสวยของเขาค้อ อำเภอหนึ่งของจังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดเล็กๆของภาคเหนือซึ่งจะเรียกได้ว่าเหนือก็ไม่เชิงกลางก็ไม่เชิง เพราะอยู่ระหว่างกึ่งกลางภาคเหนือกับภาคกลางพอดี แต่อากาศที่เขาค้อถ้าหนาวก็หนาวจับใจเลยทีเดียวอากาศที่เขาค้อว่าไปแล้วก็ไม่แพ้จังหวัดทางภาคเหนือสุดเลย ภูเขา ต้นไม้
ลำธาร ธรรมชาติสร้างสรรค์มาให้ทั้งสิ้น ณ อิงดอยรีสอร์ทสถานที่ที่มีแขกมาพักมากมาย เพราะดีด้วยอากาศ บรรยากาศแล้วยังสวยด้วยธรรมชาติที่โลกสร้างสรรค์มาให้ ที่อิงดอยรีสอร์ทไม่ได้เป็นรีสอร์ทอย่างเดียว ภายในพื้นที่เป็นพันไร่ของ
รีสอร์ทได้มีสวนผลไม้ แปลงดอกไม้เมืองหนาว มีมะขามหวาน ซึ่งเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีส้ม มีสละ มีดอกไม้นานาพันธุ์ ว่ากันแล้วเจ้าของที่นี่ทำธุรกิจครบวงจร นักท่องเที่ยวที่มาพักที่อิงดอยรีสอร์ทจะได้สัมผัสกับชีวิตของชาวสวนได้ดูได้ชิมได้ชมไปพร้อมๆกัน ถ้ามาพักที่อิงดอยรีสอร์ท แขกที่มาต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่าถ้ามีโอกาสมาเพชรบูรณ์จะกลับมาพักที่อิงดอยรีสอร์ทอีกแน่นอน ชายหนุ่มเจ้าของอิงดอยรีสอร์ท หน้าตาคมคาย จมูกโด่งในตาสวย รูปร่างสมชายชาตรี ผิวไม่ขาวมากนักแต่ก็ไม่ถึงกับดำ รูปร่างสูงโปร่งมากทีเดียว เจ้าของอิงดอยรีสอร์ทเดินเข้าบ้านหลังจาก ที่ได้เข้าไปดูงานทั้งรีสอร์ทอีกทั้งงานในไร่ คอกม้าที่ไร่สำหรับบริการนักท่องเที่ยว
“เหนื่อยไหมคะคุณภู” แม่บ้านวัย 60 เศษเอ่ยถามพร้อมส่งแก้วน้ำเย็นเฉียบให้กับเจ้านายหนุ่ม
“ไม่ครับป้าเนียร” ภูบดินทร์บอกแม่บ้านนามว่า เนียร ด้วยถ้อยคำและน้ำเสียงที่ไพรเราะอย่างน้อยๆ เนียรก็ดูแล
ภูบดินทร์มาตั้งแต่เล็กๆ ภูบดินทร์จึงให้ความเคารพเนียรเสมอเนียรเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ภูบดินทร์ตอบพร้อมหยิบนิตยสารธุรกิจขึ้นมาดูพร้อมๆกับแปลกใจที่เห็น รูปสาวสวยสองคนพร้อมแม่และพ่อบนปกนิตยสาร ภาพของสาวสวยบนปกนิตยสารไม่อาจทำให้ภูบดินทร์ละสายตาจากภาพได้เลย
“นิตยสารเล่มใหม่ค่ะเพิ่งส่งมาวันนี่เอง น่ารักดีนะคะป้าว่า คุณหนูสองคนสวยคนละแบบคนหนึ่งสวยคม” เนียรหมายถึง พลอยสวย
“ส่วนอีกคนสวยแบบหวานๆ ยิ่งมองยิ่งสวย ไม่สวยสะดุดตาเหมือนคนพี่ แต่ดูนานๆแล้วไม่เบื่อตาดี” ป้าเนียรเอ่ยเพราะดูท่าทางเจ้านายหนุ่มจะสนใจสาวสวยที่อยู่บนปกนิตยสารเจ้านายหนุ่มยิ้ม พร้อมเอ่ยบอกกับป้าเนียรว่า “ช่างมองเก่งจังขนาดแค่เห็นในภาพ ถ้าเห็นตัวจริงคงจะยิ่งกว่านี้” เจ้านายหนุ่มแซวแม่บ้านผู้สูงวัยอย่างรู้ใจ
“แหมก็สายตาคนแก่นี้คะแค่มองแค่นี้ก็รู้แล้วว่า คนไหนสวยแบบไหน แต่ก็น่าอยู่หรอกนะคะพ่อกับแม่ทั้งหล่อทั้งสวยขนานนั้นลูกสาวไม่สวยได้อย่างไง ถึงจะมีอายุก็เหอะแต่ความหล่อความสวยคงเหลืออยู่ให้เห็นคุณภูว่าจริงไหมล่ะคะ”
“ครับ” ชายหนุ่มตอบเพราะเห็นด้วย มองแล้วทำให้นึกอยากอ่านคอลัมน์ข้างในจังว่าจะเป็นอย่างไร ว่าแล้วก็เปิดอ่านข้างใน และก็ได้รู้ว่าสองสาว นามว่าอะไร คนโตพลอยสวย คนเล็กฟ้าใส แต่ดูแล้วภูบดินทร์จะสนใจคนโตมากกว่า เพราะมองแล้วสวยสะดุดตา ส่วนคนเล็กเหมือนอย่างที่เนียรบอกไม่มีผิด แต่คนเล็กดูจะยังเด็กกว่าคนพี่ ซึ่งก็จริงอย่างที่
ภูบดินทร์คิดเพราะฟ้าใสอายุ 18 ปี พลอยสวยอายุ 22 ปี เราเป็นอะไรไปนะ ตกหลุมรักสาวงามนามว่า พลอยสวย เพียงแค่ได้เห็นเพียงรูปถ่ายเท่านั้นเองหรือ ชายหนุ่มนึกยิ้มกับตัวเอง
จากการถ่ายปกนิตยสารธุรกิจร่วมกับครอบครัวดูเหมือนสองสาวจะเนื้อหอมโมเดลลิ่งต่างๆโทรจองตัวอยากได้ไปเป็นนางแบบในสังกัดพร้อมมีงาน ถ่ายแบบเดินแบบ ถ่ายโฆษณาติดต่อเข้ามามากมาย แต่ดูเหมือนสองสาวจะมีความชอบไม่เหมือนกันพลอยสวยดูเหมือนจะชอบงานที่มีคนติดต่อเข้ามา ฟ้าใสเฉยๆไม่ใส่ใจไม่สนใจที่จะรับงานพวกนั้น บอกเพียงอย่างเดียวว่าไม่ชอบ ตรงข้ามกันพลอยสวยบอกว่า เป็นงานที่สนุกได้แต่งตัวสวยๆ ไม่จำเจ ได้ไปถ่ายแบบที่โน่นที่นี่ได้เที่ยวไปในตัว ถึงจะเหนื่อยนั่งรถไปที่ไกลๆแต่ก็ยอมเพื่อความสนุกและอิสระ
มีหนุ่มๆมากมายดูเหมือนจะพอใจและตามจีบตามตื้อพลอยสวย แต่พลอยสวยเองชอบชีวิตที่อิสระไม่ต้องคอยเอาใจใครไม่ต้องคอยตามใจใครไม่ต้องคอยเช็คว่าอยู่ที่ไหนทำอะไร รักฉันหรือเปล่า พลอยสวยไม่อยากมีแฟนไม่อยากมีพันธะกับใคร ชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆโดยไม่คิดที่จะมีใคร
ส่วนสาวน้อยฟ้าใสเห็นความโด่งดังของพี่สาวแล้วก็อดยินดีด้วยไม่ได้ ทั้งที่ตัวฟ้าใสเองก็มีโอกาสที่จะก้าวเข้ามาบนเส้นทางสายนี้ แต่ฟ้าใสก็ไม่อยากเพราะเป็นคนไม่ชอบแต่งตัว ชอบทำตัวตามสบายๆ คอยเป็นห่วงคอยดูแลทุกคนในครอบครัวดีกว่า เป็นอะไรที่เธอถนัดกว่า งานเดินแบบเป็นไหนๆ
เวลาปีกว่าแล้วหลังจากที่นิตยสารชื่อดังมาของสัมภาษณ์พร้อมถ่ายภาพครอบครัว พลอยสวยดูเหมือนจะดังเป็นพรุแตก แต่สำหรับฟ้าใสแล้วไม่เลย ฟ้าใสชอบอะไรที่เรียบง่ายไม่หวือหวา ไม่เที่ยว เช้าไปทำงาน เย็นก็กลับบ้านคอยดูแลพ่อแม่และทุกคนในบ้าน ฟ้าใสเป็นคนที่ชอบดูแลคนอื่นและอีกอย่างมันอยู่ในอาชีพของฟ้าใสด้วย ฟ้าใสเรียนจบพยาบาล ทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งฟ้าใสเป็นที่รักของเพื่อนๆในที่ทำงาน ไม่มีใครเลยที่จะไม่รักฟ้าใส เหนื่อยไม่บ่น หนักไม่เคยว่า ชอบช่วยเหลือเพื่อนๆ ที่ทำงาน ทุกๆคนจึงรักฟ้าใส ไม่ใช่เฉพาะเพื่อนรวมงานเท่านั้น คนป่วยที่มารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็รักฟ้าใสกันทั้งนั้น อัธยาศัยดี นิสัยดี น่ารัก ยิ้มแย้ม เป็นมิตรกับทุกคนนี่แหละคือฟ้าใส
“ฟ้าออกเวรแล้วไปไหนต่อจ๊ะ” อายเพื่อนรวมงานคนสนิทถาม
“คงจะกลับบ้านเลยไม่คิดว่าจะไปไหน” ฟ้าใสตอบอายเพื่อนรวมงานที่สนิทที่สุด และยังเป็นเพื่อนรักอีกด้วย
“ไปเดินซื้อของกันไหม”
“ไม่ล่ะจ่ะ อายไปเถอะ”
“ไปเป็นเพื่อนเราหน่อยสิรับรองไปไม่นานหรอกซื้อของเสร็จก็กลับ นะไปเป็นเพื่อนเราหน่อย” ฟ้าใสครุ่นคิดและบอกกับอายว่า ไปก็ได้แต่ต้องโทรไปบอกพ่อกับแม่ก่อนเพราะบอกทางบ้านไว้ว่าออกเวรแล้วจะกลับบ้านเลยไม่ไปไหนเดี๋ยวทางบ้านจะคอย
สองสาวสวยในชุดพยาบาลเดินเข้าห้างดังเพื่อซื้อของกัน แวะเลือกซื้อของในจุดต่างๆที่จำเป็นและตั้งใจจะซื้อพอได้ของครบ อายเอ่ยชวนฟ้าใสไปนั่งดื่มน้ำแก้กระหายและพักเหนื่อยฟ้าใสเองก็เห็นด้วย สองสาวสั่งน้ำผลไม้มาดื่มแก้กระหายพลันสายตาของอายมองไปเห็นทีมงานชุดใหญ่หลายคนกำลังขะมักเขม้นทำงานกันแบบกลัวว่าเวลาจะหายไปไหน
“ฟ้า อายว่าเค้ามีเดินแฟชั่นโชว์แน่เลยไปดูกันนะ”
“ไม่ละคนเยอะความจริงถ้าอายอยากดูเราว่าดูตรงนี้ก็เห็น ไม่เห็นจะต้องไปนั่งเบียดกับเค้าเลย”
“แต่มันไกลนี้เรามองไม่ถนัดหรอก”
“ฟ้าๆ มีพี่สาวของฟ้าด้วยนั่นไงเดินออกมาแล้วนั่นไงสวยเชียว” อายบอกอย่างตื่นเต้น เพราะใจจดใจจ่อว่าเมื่อไหร่บรรดานางแบบจะเดินออกมาให้เห็นสักที ฟ้ามองตามคำบอกของอาย ฟ้าใสไม่แปลกใจเลยที่บนแคทวอคจะมีพี่สาวของเธอรวมอยู่ด้วยเพราะพี่สาวของเธอออกจะสวยและเก่งสะขนาดนั้น
ฟ้าใสกลับถึงบ้านไม่ค่ำนัก ได้เวลาอาหารเย็นพอดี มีพ่อพงศกรและแม่พราวรุ้งนั่งคอยอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“ฟ้ามาพอดีมาทานข้าวเป็นเพื่อนพ่อกับแม่หน่อยสิลูก พี่พลอยของเราเค้ายังไม่กลับเห็นบอกติดงานเดินแฟชั่นโชว์” พราวรุ้งเอ่ยบอก
“ค่ะ เมื่อกี้นี้ฟ้าเห็นพี่พลอยเดินแฟชั่นโชว์อยู่พอดีค่ะคุณแม่พี่พลอยสวย สวยมากค่ะคุณแม่” ฟ้าใสเอ่ยพร้อมเดินไปที่โต๊ะอาหารนั่งลงตรงข้ามกับแม่
“ว่าแต่สวยๆน่ะไม่เห็นมีแฟนกันสักทีไม่ว่าพี่ว่าน้อง ยัยพลอย สวยออกอย่างนั้นก็ยังไม่มีแฟน ฟ้าเองก็ทั้งสวยทั้งน่ารักขนาดนี้เมื่อไหร่จะมีแฟนกับเค้าสักทีล่ะลูก” พงศกรพูดแกมหยอกลูกสาว
“ผู้หญิงแบบฟ้านี่หรือคะ เชยก็เชย ไม่สวยก็เท่านั้น ใครที่ไหนจะมาชอบคะ”
“แบบคุณหนูฟ้าไม่สวยแล้วยังจะมีคนสวยกว่านี้อีกหรือคะ น้อยว่าคุณหนูฟ้าสวยสุดๆแล้วนะคะ” น้อยพูดขึ้นร่วมวงสนทนากับเจ้านาย
“นั้นสิแม่ก็ว่าอย่างที่น้อยพูด” พราวรุ้งเสริม
“เอ่อ...ฟ้าจ๊ะ คือที่สมาคมการกุศลติดต่อมาทางคุณพ่อน่ะลูก ทางสมาคมอยากได้ลูกสาวของแม่ทั้งสองคนไปเดินแฟชั่นให้กับทางสมาคมนะจ่ะงานนี้เป็นงานการกุศลรายได้ทั้งหมดยกให้การกุศลหมดเลยฟ้าจะว่าอย่างไรบ้างลูก”
“แล้วพี่พลอยว่าอย่างไรบ้างคะ”
“พี่พลอยเค้าก็ตกลงนะเพราะว่าดูคิวงานแล้วว่างพอดีว่าแต่ฟ้าเถอะคิดอย่างไรจ๊ะ”
“ฟ้าก็ว่าดีนะค่ะ แต่ฟ้าขอดูก่อนว่าฟ้าติดเข้าเวรหรือเปล่าแต่ก็คงไม่มีปัญหาอะไรว่าแต่งานมีเมื่อไรคะคุณแม่” ฟ้าใสยินดีเพราะเป็นงานการกุศลได้ช่วยเหลือคนอื่นในสิ่งที่ตัวเองสามารถจะทำได้ถึงจะไม่ถนัดก็ตาม
“อีกประมาณอาทิตย์กว่าๆเพราะเค้าเตรียมงานกันเรียบร้อยจะมีก็แต่ติดต่อนางแบบนายแบบที่จะไปเดินแฟชั่นโชว์แต่ก็คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะเป็นงานการกุศล นางแบบนายแบบส่วนใหญ่เป็นลูกคุณหญิงคุณนายไฮโซทั้งนั้น”
หน้าบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าหล่อเหลาเอาการเดินเข้ามา ในบริษัททำเอาพนังงานสาวๆหัวใจพองโตไปตามๆกัน
“คนอะไรหล่อเหลือเกิน” พนักงานสาวคนหนึ่งเอ่ยกับเพื่อน ซึ่งชายหนุ่มเดินขึ้นลิฟต์ กดไปยังชั้นที่ต้องการ พร้อมเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะของเลขาหน้าห้องซึ่งมีป้ายเขียนไว้ว่า ผู้จัดการ
“ขอโทษครับผู้จัดการอยู่ไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเลขาหน้าห้องเธอเงยหน้าขึ้นมองเบิกตากว้างตกใจดีใจไปพร้อมๆกัน
“แหมคุณภูบดินทร์นึกว่าใคร มาได้อย่างไรคะมาเมื่อไรไม่ได้เจอตั้งนานคุณภูสบายดีไหมคะ” เลขาผู้สูงวัยถามด้วยความดีใจและเป็นกันเองกับภูบดินทร์ เพราะรู้จักกับภูบดินทร์มานานตั้งแต่ภูบดินทร์ยังเป็นนิสิตนักศึกษาอยู่เพราะว่า
ภูบดินทร์เป็นเพื่อนกับลูกชายของเจ้าของบริษัทแห่งนี้
“สบายดีครับคุณนก แล้วคุณนกล่ะครับสบายดีหรือเปล่า”
“สบายดีค่ะตามประสาคนแก่”
“ใครบอกครับ ไม่แก่เลยคุณนกยังคงเหมือนเดิม”
“แหมอย่าชมคนแก่เลยค่ะดิฉันรู้ตัวเองดี”
“ว่าแต่คุณภูมาหาคุณรุจหรือคะคุณรุจอยู่ในห้องค่ะ ไม่มีแขกเชิญคุณภูข้างในได้เลยค่ะ”
ภูบดินทร์เปิดประตูเข้าไปข้างในโดยไม่เคาะประตูผู้จัดการหนุ่มก้มหน้าก้มตาเซ็นต์หนังสืออยู่ที่โต๊ะทำงานอย่าง
ขมักเขม้นโดยไม่รู้ว่ามีใครเข้ามาในห้องทำงาน
“ต้องการกาแฟไหมครับคุณผู้จัดการใหญ่” ภูบดินทร์ถาม ผู้จัดการหนุ่มเงยหน้าแปลกใจใครมาล้อเล่นในเวลาทำงาน
“เฮ้ย...ไอ้ภูมาได้ไงวะ ทำไมเสือถึงได้ยอมออกจากป่าได้วะ” ทักทายตามประสาเพื่อนสนิทที่ครบกันมานานเป็นสิบปี ตั้งแต่เรียนมัธยมต้นจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยจนจบต่างคนต่างแยกย้ายกันไปภูบดินทร์กลับไปต่างจังหวัดดำเนินกิจการสวน ฟาร์มและรีสอร์ทพร้อมๆกับเรียนต่อปริญญาโทไปพร้อมๆกันส่วนรุจไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศจบกลับมาทำงานช่วยทางบ้านบริหารงานธุรกิจของครอบครัว
“อยากเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างอยู่แต่ในป่านานๆก็อยากเข้าเมืองเปิดหูเปิดตาดูอะไรสวยๆงามๆบ้างสิวะ”
“คิดแบบนี้เป็นเหมือนกันหรือ ฉันนึกว่าในหัวของนายมีแต่งาน แล้วก็งานเท่านั้น”
“ทำไงได้ฉันเป็นหลักของครอบครัวนี่หว่าไม่เหมือนนายนี่หว่า”
การที่ภูบดินทร์พูดแบบนั้นหมายถึงภูบดินทร์ต้องรับภาระดูแลคนเป็นร้อยที่ทำงานในสวนและที่รีสอร์ทและอีกอย่างน้องสาวคนเดียวของภูบดินทร์เองซึ่งตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ต่างประเทศเรียนปริญญาโท ภูบดินทร์ต้องรับภาระดูแลส่งเสียค่าใช้จ่ายต่างๆเพื่อให้น้องสาวได้เรียนตามที่น้องตั้งใจ ส่วนพ่อกับแม่ของภูบดินทร์ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อห้าปีก่อน ภาระทุกอย่างจึงตกเป็นของภูบดินทร์เพียงผู้เดียวไม่ว่าจะเป็นงานสวน รีสอร์ท ฟาร์ม และอีกหลายอย่างในเครือ เพราะภาระหลายอย่าง เหตุนี้เองที่ทำไห้ภูบดินทร์ต้องเข้มแข็งอดทนทำทุกอย่างเพื่อน้องจนถึงตอนนี้ภูบดินทร์อายุสามสิบปีแล้วยังไม่คิดที่จะมีครอบครัวไม่ใช่ไม่มีคนมาชอบภูบดินทร์นะ มีสาวๆมากมายมาชอบเขา แต่ภูบดินทร์ไม่คิดที่จะสนใจใครเพราะในใจของภูบดินทร์มีคนจับจองอยู่ในห้องหัวใจเต็มหมดแล้ว สาวน้อยคนนั้นคงไม่รู้ตัวว่าได้เข้าไปนั่งอยู่ในห้องหัวใจของภูบดินทร์ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว ภูบดินทร์หลงรักสาวน้อยเพียงแค่ได้เห็นเพียงในภาพบนนิตยสารเท่านั้นภูบดินทร์ได้ติดตามข่าวสารเก็บรูปภาพของเธอและนิตยสารหลายต่อหลายเล่มที่มีเธอขึ้นปก จนมาถึงวันนี้วันที่เขามากรุงเทพเพราะทนคำเรียกร้องของหัวใจไม่ไหวอยากจะมาเห็นหน้าสาวน้อย อยากจะเห็นตัวจริงสักครั้งอยากรู้จักแต่ไม่รู้ว่าเธออยากจะรู้จักเค้าหรือเปล่า
“เอ่อ...ว่าแต่มากรุงเทพคราวนี้นายจะอยู่นานกี่วันวะ”
“เฮ้ย ฉันพึ่งมาถึงนายมา ถามถึงวันกลับของฉันแล้วหรือวะ”
“เปล่าฉันอยากรู้ จะได้จัดสรรเวลาพานายเที่ยวถูกไงวะ”
“เอ่อ...ขอบใจฉันว่าจะอยู่นานหน่อยคงเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ อยากอยู่นานๆหน่อย”
“ว่าแต่งานทางโน้นใครดูแลวะถึงมาได้หลายวัน”
“อ๋อ...ไม่มีปัญหาหรอกมีคนดูแลอยู่ไว้ใจได้” ภูบดินทร์บอกรุจ ภูบดินทร์หมายถึงผู้ช่วยของเขาซึ่งอยู่ด้วยกันมาหลายปีและไว้ใจได้ เค้าเป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งพี่เป็นทั้งคนงาน ช่วยดูแลหลายๆอย่างและยังมีป้าเนียร แม่บ้านเป็นคนที่ไว้ใจได้อีกคนคอยดูแลเป็นหูเป็นตาให้ภูบดินทร์จึงมากรุงเทพได้หลายวันโดยไม่ต้องห่วงอะไร
“ก๊อก ก๊อก”
“เชิญ”
“มีอะไรคุณนก” รุจเอ่ยถามเลขาส่วนตัว
“บัตรเชิญค่ะ” รุจกล่าวขอบคุณแล้วหยิบบัตรเชิญแล้วเปิดออกดู
“งานแฟชั่นโชว์การกุศลไปด้วยกันไหมไอ้ภู”
“เค้าไม่ได้เชิญฉันนี้หว่า”
“ไม่เชิญก็ไปได้บริจาคสักแสนสองแสนขนหน้าแข้งของนายคงไม่ร่วงหรอกมั้ง”
“จะดีหรือ”
“ดีสิ ไม่แน่นะเนื้อคู่ของนายอาจจะอยู่ในงานนี้ก็ได้”
ณ สถานที่ ที่จัดงาน วันนี้เป็นวันซ้อมใหญ่ก่อนถึงวันจริง
“สวยค่ะ สวย”
“เริดค่ะ...เริดมากค่ะคุณน้องเจ๊ขอบอก” สาวประเภทสองนามว่าลิซ่าผู้ดูแลนางแบบ หรือพี่เลี้ยงคอยสอนการเดินแบบให้กับลูกคุณหญิงคุณนายไฮโซทั้งหลายอย่างประจบประแจง แต่คนที่เดินดีที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นพลอยสวยเพราะเป็นทั้งไฮโซและเป็นทั้งนางแบบมืออาชีพซึ่งไม่อยากเลยสำหรับพลอยสวย ผิดกับฟ้าใสที่ดูไม่ถนัดและไม่เป็นเอาเสียเลยแต่พลอยสวยก็พยายามสอนน้อง คอยบอกว่าควรทำท่าทางอย่างไรเดินแบบไหนและไม่ต้องเกร็งทำตัวตามสบายทำให้เป็นธรรมชาติที่สุดจนทำให้ฟ้าใสไม่มีความกดดันสามารถทำได้และทำได้ดีทีเดียว
“โอ้โฮ...คุณพลอยเก่งจังสอนคุณฟ้าจนเก่งนี่ถ้าใครไม่รู้คงคิดว่าคุณฟ้าเป็นนางแบบมืออาชีพอีกคนเป็นแน่เลยทีเดียวเชียว” ลิซ่าเอ่ยชมพลอยสวยและฟ้าใส
“โอ๊ย...คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้งคะพี่ลิซ่า” พลอยสวยกล่าว
“ไม่จริงหรอกค่ะพี่ลิซ่าฟ้าว่าเป็นพยาบาลน่ะดีอยู่แล้วค่ะ ฟ้าไม่เก่งอย่างพี่พลอยหรอกค่ะ จับเข็มฉีดยาดูแลคนป่วยง่ายกว่ากันเยอะเลย”
“แหมดูฟังพูดเข้าถ่อมตัวสะงั้นกะว่าจะชวนไปเป็นนางแบบในสังกัดสักหน่อยคุณน้องพูดแบบนี้เจ๊เลยพูดไม่ออกเลย” เจ๊ลิซ่าพูดหยอกล้อพลอยสวยและฟ้าใสอย่างเป็นกันเองและถูกคอ
“เหนื่อยไหมจ๊ะฟ้า” พลอยสวยถามน้องสาวขณะขับรถกับบ้านหลังจากเสร็จจากการซ้อมเดินแฟชั่นโชว์
“ไม่เหนื่อยหลอกค่ะสนุกดีแต่พรุ่งนี้สิค่ะไม่รู้ว่าฟ้าจะทำได้ดีแค่ไหนกัน”
“ฟ้าต้องทำให้ดีแน่นอนพี่เชื่อว่าน้องพี่ต้องทำได้พี่จะเป็นกำลังใจให้”
“ขอบคุณค่ะพี่พลอย”ฟ้าใสขอบคุณยิ้มๆเพื่อให้กำลังใจตัวเอง
“จะไปแล้วหรือลูก” พราวรุ้งถามลูกสาวที่กำลังจะออกจากบ้าน ไปยังสถานที่จัดงานเดินแบบการกุศลในคืนนี้
“ค่ะ คุณแม่ พลอยว่าจะแวะไปรับน้องแล้วก็จะเลยไปที่งานเลย ต้องไปเร็วหน่อย” พลอยสวยบอกแม่แล้วขับรถออกไป
“ฟ้า อายอยากไปดูฟ้า เดินแฟชั่นจังถ้าไม่ติดเข้าเวรละก็ อายจะไปดูฟ้าให้ติดขอบเวทีเลย”
“เค้าเรียกแคทวอคจ่ะ”
“นั่นแหละก็เหมือนกันไม่เห็นต้องเรียกให้ยากเลยจะเวทีหรือแคทวอคอายว่าก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“จะเหมือนก็เหมือน ฟ้าไปก่อนนะเมื่อกี้พี่พลอยโทรมาบอกว่าจะถึงหน้าโรงพยาบาลแล้วฟ้าจะลงไปคอยพี่พลอยอยู่ข้างล่าง”
“โชคดีนะฟ้า อายจะส่งกำลังใจไปให้อย่าลืมเก็บภาพสวยๆ มาฝากอายด้วยนะ”
“จ๊ะ...ฟ้าไปนะ...ไปล่ะจ๊ะ” ฟ้าใสบอกอายยิ้มๆให้เพื่อน แล้วเดินมายืนรอลิฟต์เพื่อลงมาข้างล่าง
“ฟ้าลงมาหรือยังจ๊ะ พี่จะถึงแล้วนะจ๊ะ พลอยสวยโทรบอกย้ำน้องสาวขณะที่กำลังนั่งคอยฟ้าใสอยู่ในรถ
“ก๊อก ก๊อกๆ” พลอยสวยแปลกใจทำมัยจู่ๆก็มีชายหนุ่มรูปงามมาเคาะกระจกรถของเธอพลอยสวยกดปุ่มเปิดกระจกลงถามชายหนุ่มว่ามีอะไรหรือถึงได้มาเคาะกระจกรถ
“คุณจอดรถขวางทางเข้าที่จอดรถสำหรับคุณหมอประจำโรงพยาบาลแห่งนี้” หมอหนุ่มบอกพร้อมชี้มือบอกหญิงสาวพลอยสวยหันไปมองพร้อมอ่านป้าย
“ขอโทษค่ะ...ไม่ทราบจริงๆ” พลอยสวยตอบพร้อมขับรถถอยออกเพื่อหลีกทางให้ชายหนุ่ม
“ก็ไม่รู้นี้ว่าที่จอดรถคุณหมอ” พลอยนึกว่าตัวเองอยู่ในใจที่ทำเปิ่นไปจอดรถตรงนั้น หมอกานต์มองตามรถคันสวยแล้วมองเลยไปยังเจ้าของรถคนสวย หมอหนุ่มโค้งศีรษะให้เล็กน้อย แล้วเดินไปขึ้นรถของตัวเองเพื่อขับเข้าไปจอดในที่
จอดรถ ประจำตำแหน่งของโรงพยาบาล หมอกานต์ลงจากรถแล้วหันไปมองเจ้าของรถคันสวยอีกครั้งที่ยังนั่งอยู่บนรถแต่เจ้าตัวกลับทำมองไม่เห็น หมอหนุ่มยิ้มให้อีกครั้งและเดินเข้าไปยังโรงพยาบาลในขณะที่ฟ้าใสก็เดินผ่านมาเหมือนกันแต่ทั้งสองไม่ได้ทักทายกันเพียงแค่ส่งยิ้มให้กันเท่านั้น
“บ้า” พลอยสวยบอกออกมาโดยไม่ทันรู้ตัวว่าฟ้าใสเข้ามานั่งอยู่ข้างในรถเรียบร้อยแล้ว
“อะไรกันคะพี่พลอยใครบ้าคะ” ฟ้าใสถามพี่สาว พลอยสวยเองก็ตกใจที่จู่ๆก็มีเสียงหวานๆของน้องสาวเอ่ยถามออกมา
“ฟ้ามาตั่งแต่เมื่อไร ทำไมพี่ถึงไม่เห็น”
“ก็ตั้งแต่ที่พี่พลอยพูดว่าบ้านั่นแหละ สรุปใครบ้าคะ” ฟ้าใสถามเพราะสงสัย
“เปล่าจ๊ะไม่มีอะไร” พลอยสวยกลอบเกลื่อนไม่รู้เป็นอะไรหัวใจถึงได้สั่นไหวอย่างไรก็ไม่รู้
ณ สถานที่จัดงานเดินแฟชั่นโชว์ผู้คนมากหน้าหลายตาส่งเสียงเจี้ยวจ้าวทีมงาน หลายคนทำงานแข่งกับเวลาที่ไกลเขามาทุกขณะ
“สวัสดีค่ะคุณหญิงมาส่งคุณน้องด้วยตัวเองเลยเหรอคะ”
“ไม่ได้สิค่ะมาส่งแล้วก็มาดูด้วยค่ะลูกสาวคุณพี่เดินแบบทั้งทีพี่จะพลาดได้อย่างไรคะคุณน้อง” คุณหญิงพูดพร้อมส่งลูกสาวให้ลิซ่า
“ฝากด้วยนะคะต้องสวยที่สุดนะคะคุณลิซ่า”
“ค่ะคุณหญิง คุณหญิงไม่ต้องห่วงนะคะเชิญคุณหญิงตามสบาย” ลิซ่าประจบประแจงเอาใจคุณหญิงคุณนายด้วยวาจาจริตจะก้าน
“เชิญค่ะคุณน้อง”
“นี่หล่อน มาแต่งหน้าให้คุณน้องด้วยย่ะ” ลิซ่าส่งเสียงเรียกช่างแต่งหน้าทำผม
“รอแป็บเดียวนะคะคุณน้อง”
สองพี่น้องเปิดประตูเข้ามาในห้องแต่งตัว ได้ยินเสียงของลิซ่าสั่งโน้นสั่งนี่ คนนั้นทำอย่างนี้คนนี้ทำอย่างนั้น เห็นแล้วปวดหัวแทนจริงๆ
“สวัสดีค่ะพี่ลิซ่า” พลอยสวยและฟ้ายกมือไหว้ลิซ่า
“มาแล้วหรือคะ น้องพลอยน้องฟ้า”
“ขอโทษนะคะมาช้าไปหน่อย” ฟ้าใสบอกเอ่ยลิซ่า
“ไม่ช้าหรอกค่ะเพิ่งจะเริ่มทยอยมากันทั้งนั้น ลิซ่าพูดจากใจจริง”
“ไปค่ะ แต่งหน้าทำผมกันดีกว่านะคะ รู้มั้ยคะคุณพลอยคุณฟ้าเป็นนางเอกของงานเลยนะโดยเฉพาะคุณพลอยคุณพลอยจะได้ใสชุดฟินนาเล่ย์ด้วย”
“พี่ลิซ่าคะพลอยไม่ใส่ได้มั้ยคะ”
“ทำมัยคะชุดนี้มันเหมาะกับคุณพลอยมากที่สุดนะคะถ้าคุณพลอยไม่ใส่แล้วใครจะใส่ละคะ”
“ให้ฟ้าใส่แทนนะคะพี่ลิซ่าพลอยขอให้ฟ้าใส่แทนนะคะ” พลอยสวยอ้อนวอนเพราะว่าอยากให้น้องเป็นนางเอกของงานจริงๆ
“อะไรกันคะพี่พลอยจะให้ฟ้าใส่ชุดฟินนาเล่ย์
“พี่เชื่อและพี่ก็มั่นใจว่าน้องสาวของพี่ต้องทำได้”
“ก็ได้ค่ะฟ้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะฟ้าจะไม่ทำให้พี่พลอยและพี่ลิซ่าผิดหวัง” ฟ้าใสบอกอย่างเชื่อมันในตัวเอง เพราะวันนี้มีกำลังใจจากหลายๆคนไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่พลอยพี่ลิซ่าหรือแม้แต่เพื่อนสาวที่ทำงานอยู่ที่อยู่โรงพยาบาลก็ยังส่งกำลังใจมาให้
ความคิดเห็น