คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
รุ่งอรุณของเช้าวันใหม่อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าปลอดโปร่ง สายลมพัดโชยเบาๆ นกตัวน้อยเกาะสายไฟส่งเสียงร้อยเจื้อยแจ่ว ขับขานบทเพลงอันไพเราะ อยู่หน้าบ้านจัดสรรค์หลังใหญ่โตของผู้มีอันจะกิน สาวใช้ในบ้านเปิดประตูบานเล็กเอาขยะออกไปทิ้ง เป็นกิจวัตรประจำวันของเธอ
ในขณะที่เธอกำลังเอาขยะที่ถือมาใส่ลงไปในถังขยะ เธอก็ได้ยินเสียงร้องจ้าของเด็กทารกดังออกมาจากบริเวณ ข้างๆถังขยะที่เธอยืนอยู่ เธอมองออกไปตามหาที่มาของเสียงที่ได้ยิน แล้วเธอก็ถึงกับตกใจกับสิ่งที่เห็น
เด็กทารกตัวน้อยหน้าตาหน้าเกลียดหน้าชัง ผิวขาวเนียน ผมดำขลับ ปากสีแดงๆกำลังงับนิ้วน้อยๆพลางส่งเสียงร้องเมื่อไม่มีน้ำนมไหลออกมาให้ประทังความหิว สาวใช้ถึงกับตะลึงงั้นไม่รู้จะทำอย่างไร เธอพยายามตั้งสติแล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปตามคนในบ้าน
“ป้านวย!ป้านวย!” ป้านวยคนเก่าคนแก่ของบ้านที่กำลังสาระวนกับการเตรียมอาหารเช้าให้กับเจ้านายหันมาตามเสียงเรียกของหญิงสาว แล้วเอ็ดคนที่วิ่งหน้าตาตื่นมา
“อะไรของเองวะ นังน้อย เสียงดังลั่นบ้านเชียว เดี๋ยวคุณท่านก็ตื่นกันพอดี มาอยู่บ้านผู้ดีก็ทำตัวให้มีมารยาทซะบ้างซิ บอกสอนอะไรไม่เคยจำเลยนะแก” ป้านวยบ่นยาว แต่สาวใช้นามว่า น้อย ก็ใช่ว่าจะสนใจ
“ป้านวย ฉันเห็น” น้อยพูดติดอ่างเหมือนเห็นผี
“เห็นอะไรก็พูดมาสิโว้ย ข้าก็กำลังฟังอยู่”
“ป้านวย ฉันเห็น” น้อยยังพูดไม่ออกเหมือนเดิม
“เออวะ... อีนี่ ติดอ่างอยู่ได้จะพูดหรือไม่พูด ไม่พูดใช่ไหมข้าจะได้ไม่ฟัง ข้าไปทำงานต่อดีกว่า” ป้านวยทำท่าจะเดินหนี
“พูด...พูดแล้วจ่ะป้า พูดแล้วป้าฟังฉันก่อน ฉันเห็นเด็กทารกอยู่หน้าบ้านนะป้าไม่รู้ว่าใครเอาเด็กมาทิ้งไว้ร้องลั่นเลยป้า หน้าตาหน้าเกลียดเชียวป้า ไม่รู้ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ฉันไม่กล้าดูคนเดียว ไปดูกับฉันหน่อยสิ”
“ไหน...ไหนวะเอ็งพาข้าไปดูหน่อยสิเด็กที่ไหนพ่อแม่เดี๋ยวนี้ก็ช่างกะไรมีปัญญาทำให้เกิดแต่ไม่มีปัญญาเลี้ยงรักเที่ยวรักสนุกกันไปวันๆพอมีปัญหาไม่มีทางออกก็เอาเด็กตาดำๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยมาทิ้งให้เป็นภาระของสังคม โอ๊ยเด็กสมัยนี้ไม่ไหวเลยจริงๆ” ป้านวยพูดไปบ่นไป แล้ววิ่งตามน้อยออกไปยังหน้าบ้าน พลางส่ายหัวให้กับความเสื่อมโทรมของสังคมในสมัยนี้ ที่รักสนุก รักเที่ยว ปล่อยเนื้อปล่อยตัว จนสุดท้ายก็พลาดพลั้งตั้งท้องขึ้นมา ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร บ้างก็ทำแท้ง บ้างก็คลอดแล้วนำไปทิ้งไว้ตามสถานที่ต่างๆทำสารพัดเพื่อให้พ้นภาระพ้นตัว เพราะความกลัวสารพัดที่พึ่งจะนีกได้เอาเมื่อสาย กลัวทางบ้านจะรู้ กลัวพ่อแม่จะว่า กลัวพ่อแม่จะอายชาวบ้าน กรรมเวรก็เลยมาตกอยู่ที่เด็กน้อยตาดำๆ ทั้งโดนทิ้ง ทั้งทำแท้งเพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เหมือนข่าวที่มีให้เห็นกันอยู่มากมายในปัจจุบัน
“ป้านวยนี้ไง” ป้านวยเดินเข้าไปดูไกลๆและก้มลงอุ้มเด็กทารกน้อยที่ส่งเสียง
“จะทำอย่างไรดีละน้อยเอ๋ยไม่รู้ว่าลูกเต้าของใคร ผู้หญิงซะด้วย หน้าตาน่าเกลียดน่าชัง น่าสงสารจริงๆ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันจะป้าว่าลูกของใคร”
“ข้าว่าเอาไปในบ้านก่อนดีกว่าดูสิ คงหิวร้องลั่นเลย” ป้านวยและน้อยอุ้มเด็กทารกเดินเข้าไปในบ้านหลังงามของตระกูล อิรวัชร์
ที่โต๊ะอาหารของบ้านอิรวัชร์ประมุกของบ้านพงศกร อิรวัชร์ และพราวรุ้ง อิรวัชร์ สามีภรรยาหนุ่มสาวกำลังทานอาหารเช้ากันอย่างมีความสุขพร้อมเด็กหญิงตัวน้อยวัยสี่ขวบนามว่า พลอยสวย อิรวัชร์
“วันนี้จะกลับค่ำหรือเปล่าคะ มีประชุมที่ไหนหรือเปล่าคะคุณพี่” พราวรุ้งภรรยาแสนสวยของพงศกรเอ่ยถามสามีที่กำลังนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่
“ไม่หรอกจ๊ะวันนี้กลับเร็วเพราะมีนัดพิเศษ”
“มีนัด นัดอะไรกันคะ กับใคร พราวไม่เห็นรู้เรื่องเลย” พรางรุ้งสงสัยในคำพูดของสามี
“นัดกับ” พงศกรหันหน้าไปมองเด็กหญิงพลอยสวย
“กับสาวน้อยของพ่อไงใช่ไหมลูก”
“ใช่ค่ะ คุณพ่อบอกพลอยสวยว่าจะรีบกลับบ้านจะมาสอนพลอยสวยว่ายน้ำ แล้วก็จะได้มาเล่นเป็นเพื่อนหนูไงคะคุณแม่” เด็กหญิงพลอยสวยช่วยคุณพ่อของเธอตอบ
“นี่ถ้าพลอยสวยมีน้องสักคนก็คงดีนะคะแกจะได้ไม่เหงาแต่ก็คงเป็นไปไม่ได้” พราวรุ้งพูดและรู้สึกเสียใจทุกครั้งที่คิดว่าตัวเองมีลูกอีกไม่ได้ทั้งๆที่อยากจะมีใจแทบขาดเพราะด้วยฐานะความเป็นอยู่แล้วจะมีสักสิบคนก็เลี้ยงได้สบาย แต่เพราะเมื่อสองปีก่อนพราวรุ้งประสบอุบัติเหตุจนต้องผ่าตัดมดลูกทิ้งจนทำให้ไม่สามารถมีลูกได้อีก
“ไม่เป็นไรนี้พราวรุ้งถึงเราจะไม่มีน้องให้พลอยสวยได้อีก แต่เราก็สามารถที่จะดูแลแกได้ ไม่ทำให้แกเหงาเราเป็นเพื่อนลูกได้นี่จ๊ะ ใช่ไหม แบ่งเวลาให้แกเยอะๆหน่อยเท่านี้เราก็เติมเต็มชีวิตครอบครัวของเราให้มีความสุขได้ไม่ใช่หรือ” พงศกรบอกพร้อมมองหน้าภรรยาอย่างเห็นใจ และปลอบใจด้วยคำพูดที่ให้กำลังใจซึ่งกันละกัน
“ค่ะเราจะเป็นทั้งพ่อและแม่เป็นทั้งเพื่อนให้ลูก พราวจะไม่คิดแบบนี้แล้วค่ะเรามีพลอยสวยคนเดียวก็พอคะ”
“ว่างัยคะคนเก่ง อิ่มหรือยังค่ะเราจะได้ไปส่งคุณพ่อขึ้นรถไปทำงานแล้วก็ไปส่งคุณลูกไปโรงเรียนงัยค่ะ”
“อิ่มแล้วค่ะแต่วันนี้คุณแม่ต้องไปส่งหนูนะคะ”
“ได้สิคะคนเก่งแต่ต้องสัญญาว่าจะไม่งอแง OK นะคะ”
“OK คะ” เด็กหญิงพลอยสวยยกนิ้วให้สัญญากับคุณแม่”
ขณะที่ทุกคนจะลุกออกจากห้องอาหารเพื่อไปทำงาน ไปโรงเรียนก็ได้ยินเสียงร้องจ้าของเด็กน้อย ทุกคนหยุดแล้วมองหน้ากัน
“เสียงเด็กที่ไหนกัน” พงศกรถาม
“นั้นสิคะเสียงเด็กที่ไหนกัน” พราวรุ้งเอ่ยขึ้นมาอีกคน
“น้อยตอบมาสิ” พงศกรถามน้อยอย่างจับพิรุธ
“เอ่อ เอ่อ น้อย เอ่อ เอ่อ”
“เอ่อ อยู่นั้นแหละแล้วเมื่อไหร่จะตอบเสียทีละน้อย” พราวรุ้งพูด
“คือเมื่อเช้าน้อยเอาขยะไปทิ้งที่หน้าบ้าน น้อยเห็นเด็กถูกเอามาทิ้งไว้หน้าบ้านน้อยก็เลย เข้ามาตามป้านวยไปดู พอป้านวยไปดูน้อยกับป้านวยไม่รู้จะทำอย่างไร ป้านวยก็เลยอุ้มเด็กเข้ามาในบ้านค่ะ ครั้นจะไม่เอามาก็สงสารค่ะ” น้อยสารภาพหน้าสลดกลัวความผิดฐานนำเด็กเข้ามาในบ้านโดยไม่บอกกล่าวกับเจ้าของบ้านก่อน
“ไหนไปตามป้านวยมาทีสิ” พงศกรพูดสั่งน้อย น้อยรีบวิ่งไปหาป้านวยซึ่งกำลังสาระวนกับเด็กน้อยที่ร้องจ๊ากดังลั่นไปทั่วบ้าน
“ป้านวย ป้านวยคุณผู้ชายเรียกให้ไปหาป้าอุ้มเด็กไปด้วย คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงรู้หมดแล้วว่าป้าเอาเด็กเข้ามาในบ้าน” ป้านวยทำหน้าสงสัย
“คุณผู้ชายคุณผู้หญิงรู้ได้อย่างไรวะ เองปากโป้งบอกละสิอีน้อย” ป้านวยว่าน้อย
“โธ่! ป้าก็ร้องสะดังลั่นบ้านสะขนาดเนี้ยนะไม่ได้ยินก็แปลกแล้ว”
“เอ่อ ก็จริงของเอง”
“ไปเถอะป้าเดี๋ยวท่านจะคอยนาน” ป้านวยและน้อยอุ้มเด็กทารกน้อยเดินไปหาเจ้าของบ้าน
“ไหนอุ้มมาดูใกล้ๆสิป้านวย” พราวรุ้งดูจะตื่นเต้นเมื่อได้เห็นทารกน้อยหน้าตาหน้าเกลียดหน้าชัง ที่ป้านวยส่งให้เธอมาอุ้ม
“แล้วนี่จะทำอย่างไรลูกใครก็ไม่รู้” พงศกรพูดขึ้น
“บอกตำรวจไหมคะคุณผู้ชาย” น้อยเอ่ยขึ้นแสดงความคิด
“ก็ดีเหมือนกันเพราะเราไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ถูกขโมยมาหรือเปล่า หรือพ่อแม่ตั้งใจนำมาทิ้ง” พงศกรเห็นดีด้วย
“แต่คุณพี่คะพราวว่าอย่าแจ้งตำรวจเลยนะคะ พราวว่าเด็กคนนี้หน้าตาหน้าเกลียดอย่างนี้ พราวอยากจะเลี้ยงแกเอง พราวขอได้ไหมคะ เป็นเด็กผู้หญิงด้วยไหนๆเราก็ต้องการที่จะมีน้องให้พลอยสวยไม่ใช่หรือคะ ในเมื่อพราวมีไม่ได้ พราวขอเด็กคนนี้ได้ไหมคะคุณพี่” พราวรุ้งร้องขอต่อสามี เพราะรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้เหลือเกิน
“พราวคิดแบบนั้นหรือ” พงศกรถามภรรยาเพื่อความแน่ใจ
“ค่ะ พราวแน่ใจเราจะเลี้ยงแกให้เหมือนแกเป็นลูกแท้ๆของเรา เลี้ยงเค้าให้ดี ส่งแกเรียนหนังสือ ให้แกเป็นน้องของพลอยสวย เราจะรักแก จะให้ความอบอุ่นเหมือนที่เราให้กับพลอยสวยนะคะ”
“ถ้าพราวต้องการแบบนั้นพี่ก็คงไม่ขัดแต่เราก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย คงต้องรีบไปแจ้งเกิดเด็กคนนี้ให้เป็นลูกของเราก็แล้วกัน” พงศกรบอกกับภรรยา
“ค่ะคุณพี่”
“งัยคะหนูมีน้องแล้วนะลูก” พราวรุ้งพูดกับลูก
“น้องน่ารักจังค่ะคุณแม่ คุณแม่คะน้องจะชื่ออะไรดีค่ะ”
“นั้นสิคะน้องจะชื่ออะไรดีน้า ชื่ออะไรดีค่ะคุณพี่” พราวรุ้งหันไปถามความคิดเห็นจากสามี
“แม่ชื่อพราวรุ้ง พี่สาวชื่อพลอยสวย น้องสาวชื่ออะไรดีนะ” พงศกรทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ชื่อฟ้าใสเป็นอย่างไงเพราะดีพี่ว่า”
“ค่ะเพราะดีงั้นเอาชื่อนี้นะคะ ฟ้าใส หนูชื่อฟ้าใสนะคะลูก ฟ้าใสเป็นน้องสาวของพี่พลอยสวยนะค่ะ”
“พลอยสวยมีน้องแล้วต้องรักน้องให้มากๆนะคะรู้มั้ยลูก” พราวรุ้งบอกพลอยสวยให้รักน้อง
“ค่ะ คุณแม่ น้องพลอยจะรักน้องฟ้าใสให้มากๆเลยค่ะ จะไม่ให้ใครมารังแกน้องเด็ดขาด”
“ขนาดนั้นเลยหรือคะ” พราวรุ้งถามลูกสาวด้วยความเอ็นดู
“น้อยกับป้านวยรู้แล้วนะว่าต่อไปนี้ บ้านนี้จะมีคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกคน ฉันฝากป้านวยบอกกับทุกๆคนด้วยก็แล้วกันนะ” พงศกรเอ่ยสั่งขึ้น
“ค่ะคุณผู้ชาย” ป้านวยและน้อยเอ่ยรับทราบ
18 ปีผ่านอย่างรวดเร็ว เช้าวันนี้เป็นวันที่สดใสและเป็นวันที่ทุกๆคนในบ้านรอคอย เป็นวันที่ทุกคนตื่นเต้นดีใจแต่ดูเหมือนคนที่ตื่นเต้นและดีใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นพลอยสวย ซึ่งวันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งก็ว่าได้ วันนี้พลอยสวยแต่งตัวใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศเรียบร้อยของมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งสวมทับด้วยชุดครุยประจำคณะ ที่พลอยสวยตั้งใจเล่าเรียนและจบมาจนมีวันนี้ได้
“เรียบร้อยกันหรือยังจ๊ะสาวสวย” ผู้เป็นประมุกของบ้านเอ่ยถามลูกสาวและภรรยา
“เสร็จแล้วค่ะคุณพ่อ” พลอยสวยตอบพร้อมส่งยิ้มให้พ่อและแม่
“งั้นก็ไปกันเลยเดี๋ยวจะสาย กว่าจะถึงอีกวันนี้รถคงติดน่าดู เพื่อเวลาไว้หน่อยก็ดี” พงศกรเอ่ยพร้อมเดินไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง
“แต่คงไม่ต้องรีบเท่าไรมั้งคะคุณพ่อเพราะพลอยรับรอบบ่าย”
“แต่แม่ว่าเพื่อเวลาหน่อยก็ดีนะคะถึงก่อนเวลาดีกว่า”
“ค่ะแม่” รถยี่ห้อดังคันหรูเคลื่อนออกจากหน้าบ้านมุ่งหน้าไปยัง มหามาวิยาลัยชื่อดังซึ่งมีผู้คนมากมายที่มาร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความสุขของผู้ที่ได้รับใบประกาศปริญญาบัตรและความสุขของพ่อแม่ญาติพี่น้องที่มาร่วมแสดงความยินดี ต่างถ่ายรูปกับบัณฑิตใหม่เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกพลอยสวยเองก็เช่นกันแต่ก็ไม่วายบ่นกับพ่อและแม่ว่าทำไมน้องสาวคนเก่งถึงยังไม่มาถึงสักทีทั้งๆที่วันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดของพี่สาวสุดที่รัก
ด้านฟ้าใส่สาวน้อยน่ารักสมชื่อในวัย 18 ปี กำลังเดินทางจากวิทยาลัยพยาบาลเพื่อมาให้ทันร่วมแสดงความยินดีกับพี่สาวคนสวย ฟ้าใสเคยชินกับการขึ้นรถประจำทางเสียแล้ว ฟ้าใสปฏิเสธการที่ต้องมีคนรถมาคอยรับคอยส่ง ฟ้าใสเห็นว่าขึ้นรถประจำทางสะดวกกว่าเป็นไหนๆ แต่วันนี้ดูรถจะติดเป็นพิเศษ ไม่ใช่วันนี้สิแต่เป็นมาหลายวันแล้วตั้งแต่มหาวิทยาลัยจัดพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรให้กับบัณฑิตที่จบการศึกษาใหม่
‘โอ๊ย...อะไรกันนักนะทำมัยรถถึงได้ติดอย่างนี้ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีเรียนนะเราไม่ต้องมานั่งอยู่บนรถแบบนี้แน่นอนอย่างน้อยเราก็ต้องได้ไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่และก็พี่พลอยแน่นอน ป่านนี้พี่พลอยคงบ่นแย่แล้วแน่เลย’ ฟ้าใสบ่นกับตัวเองในใจทันใดเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นฟ้าใสไม่แปลกใจเลยเพราะคนที่โทรมาคือคนที่เธอกำลังนึกถึง
“ถึงไหนแล้วจ๊ะ พี่รออยู่นะเดี๋ยวก็มาไม่ทันกันพอดี”
“ขอโทษค่ะพี่พลอยรถติดมากเลย”
“ใกล้จะถึงหรือยังจ๊ะ”
“ใกล้แล้วจ๊ะพี่พลอย ฟ้าว่าจะลงป้ายหน้าแล้วเดินไปค่ะคิดว่าน่าจะเร็วกว่านี้”
“แล้วแต่จ๊ะ แต่เร็วๆ หน่อยนะพี่รออยู่”
“ค่ะพี่พลอย”
“ว่างัยลูก น้องว่ายังไงบ้างใกล้ถึงหรือยัง” พราวรุ้ง ถามบุตรสาวที่หน้างอเพราะงอนน้องสาวที่มาช้า
“ใกล้จะถึงแล้วมั้งคะเห็นบอกว่าจะลงป้ายข้างหน้าแล้วเดินมาหา ฟ้านะ ฟ้าทำมัยถึงไม่เผื่อเวลาบ้างก็ไม่รู้ ปล่อยให้เราคอยตั้งนานคอยดูนะมาถึงเมื่อไรพลอยจะงอนยัยฟ้าให้ดู”
“อะไรกันจ๊ะก็น้องเค้าติดเรียนนี่จ๊ะ จะขาดไม่ได้มาช้ายังดีกว่าไม่มาจริงมัยคะคุณ”
“ใช่ พ่อว่าจริงอย่างที่แม่เค้าพูดนะ”
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว มาแล้ว วิ่งเหนื่อยแทบตาย นี่ค่ะพี่พลอย ฟ้าขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ” พูดพร้อมยื่นกล่องของขวัญขนาดไม่ใหญ่นักให้พี่สาว ทั้งๆที่ตัวเอง ยังกระหืดกระหอบไม่หายเพราะความรีบ เหงื่อเม็ดโต พุดขึ้นเต็มใบหน้าที่บัดนี้แก้มทั้งสองข้างเปลี่ยนจากสีชมพูเรื่อเป็นสีแดงเพราะอากาศที่ค่อนข้างร้อนจัดของเมืองไทย
“อย่าโกรธฟ้านะคะ อย่างอนฟ้านะค่ะ พี่สาวคนสวย นะคะฟ้ารีบมาแทบตายแต่รถมันติด จริงๆนะคะ คุณพ่อ คุณแม่ รู้ว่าฟ้ารีบแล้วแท้ๆแต่กลับติดอยู่ได้” พูดไปมองหน้าพ่อกับแม่เพื่อขอความเห็นใจผู้ใหญ่ทั้งสองมองอย่างเอ็นดู
“จ้า คนเก่งไม่มีใครงอนฟ้าหรอกจ๊ะ จริงไหมพลอย” พราวรุ้งถามพลอยสวยพร้อมขอความเห็นใจให้
“ค่ะไม่งอนก็ได้” พร้อมยื่นมือไปรับกล่องของขวัญของน้องสาวที่มอบให้
“แต่พี่ว่ากล่องเล็กไปหน่อยนะ อะไรหรือบอกได้ไหม” พลอยสวยพูดหยอกน้องสาว
“ไม่บอกค่ะถ้าอยากรู้ต้องเปิดดูเอง ก็ฟ้ามีเงินแค่นี้ ก็เลยซื้อได้กล่องแค่นี้ มันอาจจะไม่มากด้วยราคา แต่มากค่าที่ความจริงใจและเต็มใจจะมอบให้พี่พลอยเลยนะคะ”
“จ้า แม่คนเก่งเอาเป็นว่าพี่ยังไม่แกะดีกว่า ว่าแต่ตอนนี้มาถ่ายรูปกับพี่ก่อน เร็วเดี๋ยวพี่ต้องเข้าห้องประชุมแล้ว” แล้วทุกคนก็ได้ถ่ายภาพร่วมกันทั้งครอบครัว คู่พี่น้องบ้าง ครอบครัวบ้าง กับเพื่อนบ้าง รวมๆกันไป
หลังจากที่พลอยสวยเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็พากันขึ้นรถกลับบ้าน ด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่ก็มีความสุข พงศกรที่นั่งมาเงียบๆด้วยความเหนื่อย พึ่งจะนึกบางอย่างออกจึงเอ่ยถามลูกสาวคนเล็กออกไป
“อีกสองวันว่างหรือเปล่าลูกมีเรียนมัย”
“ทำไมคะคุณพ่อ” ฟ้าใสถามแปลกใจ
“อีกสองวันจะมีนิตยสารธุรกิจจะมาขอสัมภาษณ์ครอบครัวของเราพ่ออยากให้ลูกๆอยู่กันให้ครบ แล้วอีกอย่างเค้าบอกว่าจะขอถ่ายภาพครอบครัวเราด้วย”
“อีกสองวันไม่มีเรียนพอดีค่ะฟ้าว่างค่ะ”
“งั้นก็เป็นอันว่าว่างกันทุกคนเพราะว่าพี่พลอยก็ว่าง แม่ก็ว่าง ฟ้าก็ว่าง อยู่กันครบพ่อจะได้โทรบอกเค้า” พงศกรสรุป แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรในทันที
สองวันต่อมาทีมงานนิตยสารธุรกิจก็มาจริงๆมาขอสัมภาษณ์พร้อมขอถ่ายภาพทุกคน วันนี้ฟ้าใส พลอยสวย ลูกสาวทั้งสองคนแต่งตัวสวยเป็นพิเศษพร้อมให้ช่างภาพถ่ายภาพ
“ท่านวางแผนชีวิตการงานและอนาคฅไว้ไห้ลูกสาวทั้งสองคนอย่างไรบ้างคะ” ทีมงานสัมภาษณ์พงศกรเป็นคำถามสุดท้าย
“ผมไม่เคยงานแผนอนาคตอะไรไว้ให้เค้า เพราะผมรู้ว่าเค้ามีความคิด ความอ่าน ผมไม่จำเป็นต้องวางอนาคตของเค้าว่าต้องเป็นอย่างไร ขอเพียงเค้าคิดดี ทำดีเค้าก็จะก้าวต่อไปในวันข้างหน้าได้อย่างสง่างาม เราเป็นพ่อเป็นแม่ก็คอยดูอยู่ห่างๆ คอยพยุงเวลาที่เค้าล้ม คอยให้คำปรึกษาเวลาที่เค้าหาทางออกไม่เจอ เท่านี้ก็พอครับ”เป็นคำถามสุดท้ายที่พงศกรตอบได้ดีและประทับใจ
“เอ่อ คุณพงศกรคะขอถ่ายภาพครอบครัวหน่อยนะคะ”
“ยินดีครับ”
ความคิดเห็น