ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สมมุติให้ความรักคงที่

    ลำดับตอนที่ #1 : ฝนก่อตัว

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 49


                                                  ตอนที่ 1

                                                  ฝนก่อตัว

              " ยังมีหลายสิ่งในโลกนี้ที่น่าค้นหา  หากใจเธอไม่ยอมเปิดดวงตา แล้วเธอจะหาสิ่งนั้นเจอได้เช่นใด "

               สายลมพัด....ผ่านมาวูบหนึ่ง ผมนั่งลงริมหน้าต่าง คิดถึงคืนวันเก่าๆที่หวนคืนมา ท้องฟ้าตอนนี้    
    เปลี่ยนเป็นสีเทาอมดำ ฝนคงจะตกลงมาในไม่ช้า เหตุการณ์ต่างๆพรั่งพรูเข้ามาในหัวสมองของผมราวกับว่ามันเพิ่งจะ       เกิดขึ้นและจบลงไปเมื่อไม่นานมานี้  

              

               เธอ...หลับใหลอยู่ในภวังค์แห่งฝันหาได้รับรู้เรื่องราวใดๆ  แม้สายฝนจะโปรยปรายลงมาหนักสักเพียงใดก็มิอาจปลุกสาวน้อยให้ตื่นขึ้นมาจากห้วงแห่งนิทราได้

               

               กรกฎาคม 2546 ....ช่วงนี้ฝนตกบ่อย

                           

              ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบพกร่มเพราะรู้สึกรำคาญที่ต้องคอยถือมันไปไหนต่อไหน ดังนั้นในยามที่จะต้องเดินทาง   ออกนอกบ้านผมจึงมักแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าและกระแสลมก่อนทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าท้องฟ้าปลอดโปร่งดีแต่ดูท่าว่าผมจะคาดการณ์ผิดอยู่บ่อยๆเพราะช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน ทำให้หลายวันที่ผ่านมาผมต้องเดินกลับบ้านพร้อมร่างกายที่อาบชุ่มไปด้วยน้ำฝนถึงกระนั้นผมก็ไม่เคยเป็นหวัดมานานหลายปีแล้ว

             

             หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็จัดแจงหยิบเสื้อเก่าๆตัวหนึ่งออกมาใส่ พลางดูตัวเองในกระจก ชายรูปร่าง ผอมบาง ผิวสีคล้ำกับทรงผมกระเซิงคือลักษณเฉพาะตัวของผม สายตาต่อสายตาจ้องมองกันอยู่ ภาพเสมือนกับตัวตนจริงสะท้อนผ่านแผ่นบางๆและแสงที่ตกกระทบดวงตาคมเข้มคู่หนึ่งที่อยู่เบื้องหน้า มันทำให้อดสงสัยไม่ได้เลยว่าเพราะตาคู่นี้หรือเปล่าที่ทำให้ผมหาแฟนไม่ได้ซักที

           

            " มึงน่ะ !เรื่องมากช่างเลือกอย่างนี้ถึงยังหาแฟนไม่ได้ไงล่ะ" คำพูดที่เพื่อนมักจะพูดต่อว่าผมเสียดแทงขึ้นมาในความคิด ช่างมันปะไรอยากบ่นจะด่าอะไรก็เชิญ นี่มันชีวิตของผม ผมต้องเชื่อมั่นในแนวทางของตัวเองไม่มีวันซะล่ะที่ผมจะมีแฟนเพียงเพราะว่าเหงา  บนโลกนี้คงต้องมีซักคนที่กำลังรอคอยผมอยู่และผมจะอดทนรอเธอ รอคอยเธอคนนั้น....

                      

             เมื่อแต่งตัวเสร็จผมเอื้อมมือไปหยิบเป้ขึ้นสะพายหลังก้าวออกจากบ้านมาอย่างรวดเร็ว พลางภาวนาอย่าให้ฝนตกลงมาเลย

           

            ทุกวันผมเดินทางไปยังสถานที่ที่ใครๆเรียกว่า "มหาวิทยาลัย" สำหรับผมที่นี่คือบ้านหลังที่สอง  มันตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ ซึ่งขวัญ เรียมคู่หนุ่มสาวในนิยายน้ำเน่านัดพบกัน หลังผ่านกาลเวลามายาวนาน ทุกวันนี้ภาพของลำคลองใสสะอาดเปลี่ยนเป็นขุ่นข้น เต็มไปด้วยความสกปรก ผมก้าวขึ้นบันไดตามทางเดินทีละขั้นด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ละอองฝนตกมาระยะหนึ่งแล้วทำให้ความเย็นวาบแผ่มาปกคลุมทั่วศรีษะ แล้วเสียงของใครบางคนก็ลอยผ่านมาจากทางด้านหลัง

                         

             " พี่ตั้ม" ใครซักคนหนึ่งตะโกนขึ้น

      

            เมื่อหันหลังกลับไป ผมเห็นร่างบอบบางของผู้หญิงคนหนึ่ง ในตาฉายแววแห่งความสดใส แก้มชมพูระเรื่อปรากฏเด่นบนใบหน้าของเธอ ผมที่ยาวลงมาปกบ่ารับกันกับใบหน้ากลมเรียวยิ่งทำให้เธอดูน่ารัก ในมือน้อยๆของเธอมีร่มที่กางเรียบร้อยแล้วคอยกำบังฝน 

                       

              "มาด้วยกันไหมคะ ? " เธอกล่าวขึ้นพร้อมพยักหน้าเชื้อเชิญ

                       

              "อืม...." ผมตอบรับพร้อมเดินเข้าไปในร่มกับเธอ ทันใดนั้นความรู้สึกอุ่นๆก็เกิดขึ้นที่ใบหน้า ความขวยเขินเกิดขึ้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินคู่คนน่ารักเช่นเธอคนนี้



              ไม่มีเสียงใดๆเกิดขึ้น รอบข้างห้อมล้อมไปด้วยความเงียบผมไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นเร็วและรัวอย่างชัดเจน ความตื่นเต้นทำให้ผมเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีกจนระยะก้าวระหว่างผมกับเธอไม่สัมพันธ์กัน ผมจึงตัดสินใจบอกกับเธอว่า

                      

              "พี่ไปดีกว่า พี่ไม่ชอบเดินในร่ม อยู่ในร่มมันเดินช้าไม่ทันใจ"ว่าแล้วผมก็เดินแยกมาจากเธอ แม้ห่างกันเป็นวาแล้วแต่ความรู้สึก ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นดูเหมือนจะยังไม่หายไป

                      

              ผมได้แต่เหลือบสายตาไปมองเธอบ้างแต่ก็ไม่มากนักเพราะกลัวเธอรู้ตัว เมื่อหันมามองทางอีกครั้งผมก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาดี ใส่เสื้อเชิ๊ตปล่อยแขนยาวมาถึงข้อมือ กระดุมทุกเม็ดบนเสื้อของเขาถูกติดไว้อย่างประณีต จากท่าทางยิ้มเยาะที่ผมเห็นคาดว่าเขาคงจ้องดูผมมาเป็นเวลานาน สิ่งที่เห็นได้อย่างเด่นชัดบนใบหน้าของเขาคือริมฝีปากที่แดงเด่นชัดจากลิปติก  น่าแปลกมาก ?   ผู้ชายที่ไหนจะทาปากด้วย ลิปติกสีแดงไม่มีใครรู้เหตุผลที่เขาทำอย่างนั้น บางคนว่าเขาเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน บางคนว่าเขาเป็นโรคประสาท แต่เท่าที่ผมรู้จักเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้น ชายหนุ่มผู้นี้ยืนรอผมอยู่

    เมื่อเดินไปหยุดตรงหน้าเขา ผมเริ่มทักทายก่อน

                   

             " สวัสดี แบงค์" ผมกล่าวพร้อมส่งยิ้มให้

                   

             " เออ...สวัสดี น้องที่เดินมากับตั้มเมื่อกี้ใครวะ" แบงค์ถามแทรกขึ้นมาทันที

                   

              " อ๋อ น้องปีหนึ่ง มีอะไรวะ ?" ผมตอบ

                   

              " น่ารักดีหวะ ตั้มชอบละสิ"แบงค์ถามต่อ

                    

              "ไม่มีอะไรแค่เดินมาเจอกันเฉยๆ พอดีฝนมันตกน้องเขาเลยชวนเดินมาด้วยกัน"ผมพูดด้วยสีหน้าปกติแต่เหมือนมันยังไม่เชื่อ 

                  

               " เราดูออกน่า...." แบงค์พูดพร้อมอมยิ้มเล็กน้อย

                  

               " ก็น่ารักดีนะ...แต่เราไม่จีบหรอกไม่ใช่สเป็คหว่ะ"ผมพูดขณะเหลือบดูนาฬิกาที่ข้อมือแบงค์ 

               "เฮ้ย!สายแล้วรีบไปเรียนเถอะ" พูดเสร็จเราสองคนก็วิ่งไปยังห้องเรียนโดยที่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย 

                  

               เย็นวันนั้นในห้องสมุด หลังเดินหาหนังสือมาได้กองใหญ่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมนั่งที่ริมหน้าต่าง เมื่อมองลงมาผมเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินอยู่ พวกเขาพูดอะไรกันซักอย่างแต่คงเป็นเรื่องที่สนุกน่าดูเพราะผมเห็นทุกคนหัวเราะกันเป็นการใหญ่

                  

               ผมกวาดตามองไปเรื่อยๆทันใดนั้นก็ไปหยุดชะงักอยู่ที่ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ว่ามองจากมุมไหนเธอก็ดูน่ารัก อยากรู้จังว่าเธอกำลัง    เดินไปไหน?ในไม่ช้าผมก็ได้คำตอบ ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่กำลังเดินไปทางนั้นแต่น้องปีหนี่งคนอื่นๆก็คงมีจุดหมายเดียวกัน ผมมั่นใจว่าพวกเขากำลังเดินไปประชุมเชียร์ที่โรงยิมพละ ไม่น่าลืมเลยว่าวันนี้มีการประชุมเชียร์ ได้ข่าวว่าปีนี้โหดซะด้วย ...จริงสินับตั้งแต่เริ่มประชุมเชียร์ผมไม่ได้เข้าไปดูเลยสักครั้งเดียว นี่คงใกล้วันสุดท้ายของการประชุมเชียร์แล้ว 



                จริงสิ!หลังประชุมเชียร์จะมีจับสายเทคคณะนี่  ถ้าโชคดีผมกับเธออาจได้อยู่สายเทคเดียวกัน แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นได้เป็นพี่เทคบุญธรรมของเธอก็ยังดีวะ การจับสายเทคคณะปีนี้ทำให้ผมตื่นเต้นแล้วล่ะสิ......



               ไม่แน่ใจว่าผมนั่งอ่านหนังสือนานแค่ไหน?แต่คิดว่าคงนานพอสมควร เพราะเมื่อผละตัวเองจากโลกที่มีแต่ตัวหนังสือผมก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงฝาผนังห้องบอกเวลาหนึ่งทุ่มห้าสิบ ห้องสมุดใกล้จะปิดแล้วผมจึงรีบเก็บสัมภาระแล้วเดินลงมาอย่างรวดเร็ว

                  

                  เมื่อมาถึงด้านล่าง ผมรู้สึกได้ถึงความอับที่เข้าครอบครองบรรยากาศตอนนี้ ดูท่าว่าฝนคงใกล้จะตกแล้ว ผมตัดสินใจนั่งที่โต๊ะหน้าห้องสมุดพลางดูสายฝนที่เริ่มโปรยปราย น่าแปลกที่เวลานี้ผมคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่ไม่ได้คุ้นเคยกันซักเท่าใด และคนที่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค        

                  

                 ความน่ารักของเธอเริ่มทรมานจิตใจผม ผมรู้ดีถึงพิษสงที่ซ่อนอยู่ในความน่ารักนั้นจึงพยายามห้ามใจตัวเองไว้ไม่ให้คิดถึงเธอมาก  ไปกว่านี้….ตอนนี้เธอคงกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว?

    ..........................................................................................................................................................



                  ฝนยังคงตกลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เสียงของรถยนต์ดังแข่งกันกับเสียงหยดน้ำตกกระทบพื้นถนน ภายในรถประจำทางเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังคุยกับเพื่อนของเธออย่างสนุกสนาน วันนี้สำหรับเธอไม่ได้มีความหมายพิเศษใดๆเลย แต่สำหรับใครบางคนมันเป็นวันที่พิเศษมาก

    ............................................................................................................................................................



                  แล้ววันนั้นก็ผ่านไป ผมได้แต่รอวันจับสายเทคคณะอย่างใจจดใจจ่อ

                                                                                                



                                                                                                           ติดตามตอนต่อไปอีกไม่นานเกินรอครับ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×