ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #37 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ภาคี-ต้นสน (ตอน แล้วเราก็รักกัน 2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.53K
      23
      4 ก.ค. 53

     ปรัชญาช่างกล ยามศึกเรารบ ยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ตอน แล้วเราก็รักกัน











    โธ่เว้ย....หยุดขัดขืนซะที..ไม่อยากกลายเป็นว่าต้องข่มขืนนะเว้ยร่างสูงในชุดชอร์ปปกสีเขียวแผนกโยธาสบถเสียงดัง

    ไอ้กะเทยหน้าหวานทั้งดิ้นทั้งร้อง จะตื่นเต้นก็ตื่นเต้นไม่ออก ชักโมโหขึ้นมาจริง ๆ นี่มันเทคนิคการขายอะไรของมันกันวะ

    อยู่เฉย ๆ สักที...เสร็จแล้วเดี๋ยวให้ตังค์กินหนมด้วยน่ะ...ไม่ต้องกลัวหรอก

    เพราะไอ้คนตัวเล็กเอวบางมันร้องโวยวายเสียงดัง และเมื่อกี้ดูเหมือนมันจะลุกขึ้นมาชกเขาได้เลยเอาผ้ามัดปากมันไว้อีกชั้นหนึ่ง ให้มันร้องเบา ๆ หน่อย เดี๋ยวมันชอบสุด ๆ แล้วมาร้องเสียงดัง ใครผ่านไปผ่านมาจะมาได้ยินเข้าเดี๋ยวจะยุ่ง ยังไม่อยากให้ใครรู้หรอกว่าเขากำลังลองของอยู่กับผู้ชาย แต่ว่าท่าทางจะสนุกดีไปอีกแบบ

    ไอ้บ้านี่ก็ดิ้นจริง จะทำให้มีความสุขอยู่เนี่ย มันจะอะไรนักหนาวะ เดี๋ยวจะเอาให้ครางถึงสวรรค์เลยคอยดูสิ

    ร่างสูงจับให้ร่างเล็กบอบบางคว่ำหน้าลง เขาปลดเฉพาะซิปกางเกงออก เสื้อผ้ายังใส่อยู่ครบ แล้วล้วงมือเข้าไปเหนี่ยวรั้งร่างกายแข็งขืนเต็มที่ของตัวเองออกมาจ่อเข้ากับช่องทางอุ่นร้อนของอีกฝ่าย แต่มันก็เข้าไปไม่ได้เสียที

    อะไรวะ....เจนนักไม่ใช่เหรอ...ทำไมมันเข้ายากแบบนี้วะร่างสูงสบถเสียงดัง อะไรมันจะแน่นขนาดนี้ นี่มันเจนเรื่องแบบนี้แน่หรือวะเนี่ย แบบนี้มันไม่น่าจะใช่แล้วนะ

    อัษฎาที่ทั้งดิ้นทั้งร้องจนเหนื่อยหอบรู้แน่ว่าต้องถูกทำอะไรบางอย่าง และก็เป็นจริง เมื่อร่างกายของหนุ่มแผนกโยธากำลังพยายามจะสอดแทรกกายเข้ามาภายในตัวเขา จะดิ้นก็เจ็บ จะร้องก็ร้องไม่ออก ได้แต่ซุกหน้าลงกับฟูก ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมา ปลายนิ้วจิกลงบนมือของตัวเอง จนขึ้นห้อเลือด เจ็บยิ่งกว่าเจ็บ จนเกินความรู้สึกเจ็บ ปล่อยให้ร่างสูงกระชากสะโพกมนเข้าหาตัวและพยายามยัดเยียดกายเข้ามาให้ได้อย่างหมดทางสู้

    โอ้ย......เสียงทุ้มต่ำแตกพร่าเมื่อพยายามที่จะแทรกกายเข้าไป แต่ก็ได้แค่เพียงนิดเดียว ส่วนนั้นของร่างเล็กนิ่งเงียบนี้ก็บีบรัดรุนแรง ไม่ยินยอมรับบางอย่างของเขาจนชายหนุ่มประหลาดใจ ถึงยังไงเขาก็ไม่ใช่คนโง่ จนไม่รู้ ว่าคนที่นอนนิ่งเงียบให้เขากระทำหักหาญน้ำใจขนาดนี้ เคยผ่านอะไรหรือไม่เคยผ่านอะไรมาบ้าง ให้ตายเถอะ ถึงแม้จะรู้อย่างนั้นแต่ตอนนี้เขาก็หน้ามืดแล้ว ถ้าไม่ทำก็เหมือนกับมันอะไร ๆ จะต้องระเบิดออกมาจนหมดสิ้นแน่

    ร่างสูงพยายามยัดเยียดกายอีกครั้งและการกระแทกรุนแรงของเขาคราวนี้มันสำเร็จ เขาเข้าไปอยู่ในร่างบางนั้นทั้งหมด มันทั้งแน่น ทั้งคับแคบ ทั้งแสบไปหมด ขนาดเขายังรู้สึกถึงเพียงนี้ แล้วคนที่จิกนิ้วเข้ากับฝ่ามือที่นิ่งเงียบนี่หละ มันจะขนาดไหน

    นี่...อย่าเกร็งได้มั้ย...ปล่อยตัวตามสบายเถอะนะ...

    อัษฎาเองก็คงไม่มีทางทำอะไรได้แล้วตอนนี้ นอกจากต้องเชื่อฟังคำพูดของคนที่กำลังรุกรานเขา

    เสียงสะอื้นในลำคอที่ถึงแม้ถูกผ้าปิดปากไว้ แต่ร่างสูงที่กำลังเร่งเร้ากระแทกกระทั้นนั้นก็รับรู้ได้ ว่าร่างเล็กบางนั้น เจ็บปวดมากมายแค่ไหนขนาดผ้าปิดปากไว้ มันยังร้องได้ขนาดนี้ ทำไงดีวะ

    ร่างสูงอุ่นร้อนรีบเร่งการขยับกายให้เร็วขึ้น และเพียงชั่วเวลา ไม่ถึง 10 นาที เขาก็ปลดปล่อย เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่เขาทำอะไรได้รวดเร็วขนาดนี้

    เมื่อถอนกายออกเขาก็พบทั้งบางส่วนของร่างกายตัวเองที่ปะปนออกมากับหยดเลือดมากมายที่รินไหลไปตามเรียวขาเนียนขาวนั้น

     

    ชิบหายแล้ว..........ไม่เคยโดนนี่หว่าชายหนุ่มอุทานด้วยความตกใจ ข่าวมันมั่วนี่หว่า ตอนแรกที่ใส่เข้าไปก็ว่ามันแปลกทำไมมันแน่นขนาดนั้น แต่พอถอนกายออกแล้วก็แน่ใจเลย

    ร่างสูงรีบพลิกกายบอบบางเปลือยเปล่านั้นขึ้น ก็พบว่าร่างบางสิ้นสติไปเสียแล้ว หยาดน้ำตาเปรอะเปื้อนเต็มดวงหน้าหวาน และเมื่อเหลือบมองที่มือเล็ก ๆ ก็พบว่ามันถูกจิกจากปลายนิ้วจนเลือดซึม นี่ขนาดมัดมือไว้ยังจิกเล็บเข้าเนื้อได้ลึกขนาดนี้เลย

    ร่างสูงประคองร่างบางไร้สติให้ซบลงที่ไหล่ของตัวเอง เกลี่ยน้ำตาที่รินไหลออกจากใบหน้าสวยหวาน ปลดผ้าผูกปากออกให้ ข้อมือเล็ก ๆ ถูกปล่อยเป็นอิสระและปรากฏรอยช้ำจากการถูกมัดเป็นรอยสีเขียวเข้ม

    เวรแล้วกู....ข่มขืนผู้ชายด้วยกันไปแล้ว...ทำไงดีวะเนี่ย

    ความรู้สึกผิดเข้าครอบงำ ตอนแรกคิดแค่จะเล่นสนุกแก้เบื่อ แต่กลายเป็นการเหยียดหยามดูหมิ่นศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายไปเสียแล้ว

    ก็มันลือกันขนาดนั้น ลือจนคิดว่าเป็นเรื่องจริงไปแล้ว ใครมันจะไปรู้วะ

    ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าเนียนผ่อง ซูบซีดของร่างในอ้อมแขน ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นผู้ชายเหมือนกัน ก็จะขอชมว่ามันสวย หน้าหวานมาก ผิวก็ขาวจั๊วะ เนียนไปทั้งตัวอย่างกับกะเทยขนาดนี้ แล้วมันเสือกมาเรียนช่างทำไมกันวะ
    ใครเขาก็คิดว่าเป็นกะเทยช่างกลทั้งนั้นแหละ โง่หรือเปล่าเนี่ย

    ดวงตาคมทอดมองร่างเล็กแน่นิ่งในวงแขน ก่อนจะจรดริมฝีปากแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากเย็นชืดสีแดงสด และค่อยผละออกอย่างเชื่องช้า พิศมองใบหน้าซีดขาวนั้นอยู่นาน เริ่มครุ่นคิดถึงสิ่งเลวร้ายที่กระทำลงไป มันต้องมีผลกับร่างบางแน่ ๆ รอฟื้นก่อนแล้วค่อยคุยตกลงกันดีกว่า

    **************************

    อือ....ดวงตากลมโตกระพริบถี่ในความมืด เมื่อขยับกายก็พบกับความเจ็บร้าวไปหมดทั้งร่าง ดวงตากลมทอดมองไปที่ร่างที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ข้าง ๆ แล้วก็รู้แน่ ว่าเรื่องราวที่ผ่านพ้นไปไม่ใช่แค่ฝัน แต่มันเป็นเรื่องจริง

    ร่างนั้นพยายามหยัดกายขึ้น แต่มันก็เจ็บไปหมดจนต้องทรุดลงอีกครั้งและค่อยลุกขึ้นใหม่ เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
    หมอนี่คงจะจัดการให้สินะ

    ฟื้นแล้วเหรอ....ป่ะ...เดี๋ยวไปส่งบ้านร่างสูงลุกขึ้นยืนและดึงให้ร่างบางนั้นลุกขึ้นตาม ก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องเก็บอุปกรณ์นั้นเงียบ ๆ

    อัษฎาไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่ร่างสูงจากแผนกโยธานั้นก็เอาแต่นิ่งเงียบและเหลือบตาหันมามองร่างบางนั้นบ่อยครั้ง อยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็นิ่งเงียบไป

    ร่างบางกระชับเสื้อให้แนบเข้าหาตัวมากขึ้นเพราะรู้สึกหนาวไปทั้งร่าง ริมฝีปากแห้งผากเหมือนจะมีไข้ แต่ก็ต้องกลั้นใจก้าวเดินต่อไป ไม่อยากให้ต้องถูกหาว่าสำออย มีอะไรกันแค่นี้ถึงกับเดินไม่ไหว

    จนก้าวพ้นประตูสถาบัน ถึงป้ายรถเมล์ คนที่เขาคิดว่าอยู่แผนกโยธานั้น เรียกรถแท็กซี่ และดึงมือเขาให้ตามขึ้นมา

    บ้านอยู่ไหน.....เสียงทุ้มนุ่มต่ำ เอ่ยถามร่างเล็กที่นิ่งเงียบมาตลอดทาง

    ก็ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ไหนนี่นา จะให้พากลับบ้านเขาหรือไง

    ไม่เป็นไรเดี๋ยวจอดข้างหน้าก็ได้.....เดี๋ยวเดินเข้าซอยนิดเดียวก็ถึงแล้วน้ำเสียงแหบแห้งตอบกลับ ไม่รู้จะแสดงความโกรธ หรือ จะโมโหโวยวายอะไรดี ดังนั้นเมื่อร่างสูงนั้นถามก็ตอบกลับเสียงเบา

    เดี๋ยวเดินไปส่ง....ร่างอุ่นร้อนที่นั่งเคียงข้างตอบกลับ

    ไม่ใช่ผู้หญิง....ดวงตากลมโตนั้นมองมาอย่างเอาเรื่อง โดนทำเหมือนเป็นผู้หญิงแต่เขาก็ไม่ใช่ผู้หญิง ขอศักดิ์ศรีให้สักนิดเถอะ

    ก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้หญิง....งั้นส่งแค่นี้แล้วกัน...ฝ่ามือแกร่งเอื้อมเปิดประตูรถให้ร่างบางได้ก้าวออกจากรถ ไม่แม้แต่จะคิดเดินเข้าไปส่ง ก็ผู้ชายเหมือนกัน มันจะอะไรนักหนา แค่พากลับมาส่งก็ถือว่าใจดีสุด ๆ แล้ว

    ค่าแท็กซี่เดี๋ยวจะเอามาจ่ายให้พรุ่งนี้...ลืมกระเป๋าตังค์ไว้ไม่ได้เอามาเสียงที่ตอบกลับมาเบาหวิวเมื่อหันหลังกลับมาบอกเขา เล่นเอาหนุ่มแผนกโยธาถึงกับสะอึก

    โดนทำไปขนาดนั้น ยังมีหน้ามาพูดอย่างนี้อีก ไม่โวยวาย ไม่ด่า แถมยังทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก มันน่าโมโหนัก ดีเหมือนกัน ครั้งเดียวก็พอแล้ว สำหรับไอ้หน้ากะเทยนี่ อย่าเจอกันเลยดีกว่า

    ไปเลยครับพี่....ร่างสูงเอ่ยบอกกับคนขับรถแท็กซี่ ปิดประตูรถและรถก็เคลื่อนออกไป ไม่แม้แต่จะหันไปมองสักนิด ว่าร่างบางนั้น เดินเข้าไปในซอยด้วยสภาพแบบไหน


    ...........................................................



    สงสารสนอ่ะ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×