ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #52 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ภาคี-ต้นสน ตอน แล้วเราก็รักกัน (END จริงๆ)

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 53


    ไม่รู้จะตั้งชื่อตอนว่าอะไร เพราะคนแต่งเค้าไม่ได้ตั้งมา  รู้แต่ว่านี่ตอนจบของจริง  เป็นตอนที่ต่อจากตอน พี่คีนะคะ เป็นเรื่องของเช้าวันต่อมา








    "อืออออออออ...." ต้นสนพลิกร่างขยับตัวตื่นขึ้นในช่วงสายของอีกวัน

    แล้วก็พบกับท่อนแขนที่พาดทับลำตัว
    มิน่าล่ะ ทำไมมันรู้สึกหนัก ๆ จัง อึดอัดจะตาย ตอนแรกนึกว่าถูกผีอำซะอีก ที่แท้ก็แขนของคนที่นอนกอดเขาเอาไว้นี่เอง

    "เฮ้ย...ตื่นเว้ย..." ทั้งที่รู้สึกว่าร่างกายมันร้าวไปหมด สะโพกก็เจ็บจนขยับตัวไม่ได้ เพราะไอ้ผู้ชายไม่ช่างพูดที่นอนข้าง ๆ เนี่ยแหละ

    ไอ้บ้าภาคีเมื่อคืนจู่ ๆ ก็บังคับให้เรียกว่าพี่คี พี่คี
    พูดแล้วแทนที่จะหยุด เลยเป็นการไปกระตุ้นเร่งเร้าไปกันใหญ่ ทำให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอน

    แล้วดูสิ
    ข้อมือ....เป็นรอยฟันของใครวะเนี่ย ไอ้บ้าภาคีกัดลงมาได้ ไม่นับรอยที่ทำไว้ตามตัวนะเนี่ย
    แทบจะไม่มีตรงไหนไม่มีรอยเลย
    แล้วแบบนี้จะทำยังไงล่ะเนี่ย จะไปทำงานได้ยังไง คอเป็นรอยแบบนี้ เมื่อคืนมันเป็นครั้งที่สองนะเว้ยที่มีอะไรกันน่ะ
    แต่ภาคีบอกจะสั่งผัดกระเพราจานที่สอง
    แล้วพอยอมแล้วเป็นไงล่ะ จานสาม จานสี่ จานที่ห้า

    โอยยยยยยยยยยยย ใครไม่ตายก็บ้าแล้วแบบนี้

    "อืออออออออ จานต่อไปเลยนะ" ท่อนแขนหนัก ๆ กอดรัดร่างโปร่งบางที่นอนอยู่ข้าง ๆ หลังจากรู้สึกตัวจากการถูกกรอกหูด้วยคำพูดที่ว่า

    .................เฮ้ย...ตื่นเว้ย.............

    ต้นสนนี่ยังไง เมื่อคืนยังเรียกพี่คีครับ พี่คีครับอยู่เลย แล้วตอนเช้า เรียกเขาว่า......เฮ้ย......อีกแล้ว

    "ตื่นเว้ย...ไม่ไปเรียนหรือไงวะ..." ทั้งที่ร่างกายก็ระบมไปหมดทั้งตัว แต่เมื่อหันไปเห็นนาฬิกา บอกเวลา เกือบเที่ยง ต้นสนก็ต้องลากคนตัวสูงกว่าให้ตื่นขึ้น

    "วันนี้วันเสาร์....อืออออ นอนต่อนะ..." ภาคีปรือตาตื่นขึ้นและกดให้คนตัวเล็กกว่านอนลงตามเดิม

    ต้นสนอึดเกินไปแล้ว
    ครั้งแรกที่โรงเก็บอุปกรณ์ก็ไม่ร้องสักแอะ แถมโดนลากให้เดินตาม ก็เดินตามออกมาได้ ไม่มีร้องไห้งอแงให้รำคาญใจ

    ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ทั้งที่เมื่อคืนโดนไปไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
    ก็ยังมีแรงลุกขึ้นมาลากเขาให้ตื่นนอนเพื่อไปเรียนได้
    อย่างนี้คงต้องต่อแล้วมั้ง

    "อ้าว...ผัดกระเพรายังไม่หมดจานนี่น่ะ...เสียดายของ...ต้องกินต่อให้หมดกินไม่หมดต้นสนจะบอกว่ากินเหลือเดี๋ยวโดนบ่น"
    ภาคีพูดเสียงเบาทั้งที่ยังหลับตา
    แล้วก็กดร่างโปร่งบางให้นอนลงเบื้องล่าง

    ขึ้นทาบทับอีกครั้ง
    "โว้ยยยยยยยยยยยยยยย จะตายอยู่แล้วนะเว้ยย....กินอะไรนักหนาวะ.." ร่างโปร่งบางดิ้นรนไปมา

    แล้วหน้าขาก็ไปประทะเข้ากับบางสิ่ง ที่มากระทบ ภายใต้โปงผ้าห่ม ไอ้นั่นน่ะมัน....มัน...ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอะไร

    เฮ้ยยยยยยยย จริงดิ อีกแล้ว อีกแล้ว ตายแน่ ๆ แล้ววันนี้

    แม้จะพยายามแล้ว

    แต่เมื่อร่างสูงที่ทาบทับเริ่มปรือตาขึ้น ยิ่มยั่วท้าทาย
    ก็ทำให้ต้นสนต้องรีบหลบสายตา หน้าร้อนวูบขึ้นมา

    เมื่อคืนมันมืดมองไม่ค่อยเห็น แต่ตอนนี้มันสว่างจ้า อะไรอะไรก็เลยเห็นชัดเจนไปหมด

    และก็ได้เห็นว่า หน้าผากทางด้านซ้ายที่มีผมปรกอยู่ของภาคีมีไฝเม็ดเล็ก ๆ ด้วย
    มองได้เห็นในระยะ หน้าผากประชิดแบบนี้

    แต่มันอายนะเว้ย เล่นจ้องเอาจ้องเอาแบบนี้

     

    ใบหน้า เนียนขาวของร่างเบื้องล่าง ที่ไม่ยอมสบตาด้วย เอาแต่หลบตาไปทางอื่นทำให้ภาคีต้องแกล้งด้วยการฝังจมูกลงไปที่ข้างแก้มฝั่ง ที่หันหนี
    พอต้นสนหันกลับมาก็สบตากับเขา
    แล้วเจ้าตัวก็หันหนีอีก

    ภาคีก็ฝังจมูกลงที่ข้างแก้มด้านที่คนตัวเล็กนอนหน้าแดงหันหนีนั้นอีก
    วน ๆ เวียน ๆ อยู่อย่างนั้นเป็นนานจนต้นสนทนไม่ไหว

    "โว้ยยยยยยยยยย จะหอมอีกนานมั้ยวะเนี่ย หนวดทิ่มหมดแล้ว...มันเจ็บนะเว้ย..." คนที่แสนจะขี้อายที่ชื่อต้นสนนี่ก็แปลกอายแทบตายแต่ชอบพูดประชดประชันนอกเรื่องไปเรื่อย

    แล้วคนที่ทาบทับอยู่ด้านบนมีหรือจะไม่รู้

    ยิ่งประชดยิ่งอยากแกล้ง ผิวแก้มขาว ๆ แดงเรื่อเพราะความเขินอาย
    ไม่นับรอยจ้ำ ๆ ตามคอ
    ไล่ไปที่หน้าอก ต้นแขน หน้าท้อง แผ่นหลัง
    ข้อมือ

    ก็หมดทั้งตัวนั่นแหละ
    ชนิดที่ว่า ช่วงนี้ห้ามถอดเสื้อต่อหน้าใคร ไม่งั้นรู้แน่ ว่าไปทำอะไรมา

    "รำคาญโว้ยลุกไปซะทีสิวะ...." ต้นสนพยายามที่จะดิ้นรนแต่ยิ่งดิ้นหน้าก็ยิ่งแดง

    ยิ่งหน้าแดงก็ยิ่งอยากจะดิ้น ก็ไอ้อะไร อะไร ของคนเบื้องบน มันชักจะยังไง ยังไง อีกแล้วน่ะสิ
    "พี่คี......." ภาคีกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูคนที่ดิ้นรนอยู่

    และกระซิบซ้ำ ๆ อีกหลายคำ

    "พี่คี....พี่คี....พี่คี...พี่คี...." ยิ่งบอกให้เรียกคนตัวเล็กกว่ายิ่งไม่เรียก เม้มปากแน่น แล้วก็เบือนหน้าหนีซะอย่างนั้น

    จนเมื่อริมฝีปากของร่างสูงแตะประทับที่ริมฝีปากของคนที่เม้มปากไว้
    ประคองใบหน้าเนียนขาวให้รับจุมพิตที่มอบให้
    และพยายามสอดแทรกปลายลิ้นเข้าหา ไม่นานก็เปิดทางเข้าไปสัมผัสปลายลิ้นเล็ก ๆ ร้อนรุ่ม ตวัดเกี่ยวรัดพัวพันกันไว้ได้

    "อือออออออออ ฮะ..อืออออ" เสียงหวานใสครางเครือ ความรู้สึกเริ่มเตลิดเปิดเปิงอีกครั้ง

    และร่างสูงก็แกล้งผละริมฝีปากออก

    ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับคนที่นอนตาปรืออยู่
    อารมณ์ความรู้สึกถูกปลุกได้ง่ายชะมัด เจ้าต้นสน

    "พี่คี...ครับ...." ภาคีพูดซ้ำอีกครั้ง หยอกเย้า กลั่นแกล้งร่างบาง ที่ร่างสูงสัมผัสได้
    ว่าเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นมาอีกครั้งแน่นนอนล่ะจะไม่รู้ได้ยังไง
    ในเมื่อเขาสัมผัสได้จากปฏิกิริยาของร่างกายของร่างเบื้องล่าง ที่เริ่มแข็งขืนขึ้นมา

    "อือออออออ พี่....พี่คี....พี่คีครับ..." แม้ไม่อยากพูด ไม่อยากเรียก แต่ก็เรียกไปแล้ว
    มือเล็ก ๆ ปิดที่ปากของตัวเอง
    และเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

    อายแสนอาย แต่ก็ไม่อยากให้ใครได้เห็น

    "ครับ....ต้นสน...." ร่างสูงขานรับ ฝังปลายจมูกเข้าที่ซอกคอของร่างโปร่งบางอีกครั้ง

    ไอ้สนเอ้ย ไอ้สน ไม่น่าเลยว่ะ ไม่น่าเลย
    อยู่ดี ๆ ก็ดีอยู่แล้ว
    เช้านี้กี่รอบวะเนี่ย กว่าจะได้ลุกไปหาข้าวกิน
    โอยยยยยยยยยยยยยยย ตาย ตาย ไม่รอดแน่

    งานนี้ไม่รอดอีกแล้วววววววววววววว โอยยยยยยยยยย อยากจะบ้าตาย

    ต้นสนได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเอง ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
    จะให้เอ่ยไอ้ยังไง ในเมื่อริมฝีปากถูกครอบครองอยู่

    แล้วร่างกายก็ถูกแตะต้องสัมผัสจากฝ่ามือร้อนรุ่มของร่างสูงที่เริ่มต้นปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกให้ตื่นขึ้น
    ต้อนรับการ.......กิน........อีกครั้ง

    กว่าจะรู้ว่าทำผิดไป.....ก็ปาเข้าไปบ่ายกว่า ๆ แล้วล่ะ
    ดีใจด้วยต้นสน
    ท่าทางนายจะปรุงกระเพราปลาหมึกอร่อยมาก คนกินก็เลยติดอกติดใจ ไม่ยอมเลิกกินซะที

    *****************************

     

     

    ร่างบางหน้าแดงซ่านเมื่อลุกขึ้นจากเตียงแล้วเหมือนขามันอ่อนแรงจนยืนไม่ขึ้น
    ต้องทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้ง

    นั่นเลยทำให้คนตัวสูงกว่าต้องลุกขึ้นคว้าเอวบางเอาไว้
    และหัวเราะเสียงเบา อย่างชอบอกชอบใจ

    อื้อออออออออ ต้นสนเนี่ย ..... ไหนล่ะที่ทำเหมือนอึดนักหนา
    แค่ไม่กี่สิบรอบเอง....ถึงกับยืนไม่ขึ้นเลยเหรอเนี่ย

    ฮื่ออออเสียงใสคำรามในลำคออย่างขัดใจ ผลักให้คนที่กอดเอวไว้ออกห่าง
    ขืนอยู่ใกล้อีก เสร็จแน่ ปาเข้าไปบ่ายกว่าแล้ว
    ยังไม่มีปัญญาลุกจากเตียงได้เลย หลับ ๆ ตื่น ๆ แล้วก็เอาอีกแล้ว
    แล้วก็เข้าสู่อีหรอบเดิม ทำท่าจะเคลิ้มหลับได้หน่อย ก็...เหมือนเดิม

    ใจคอมันจะให้ช้ำในตายไปเลยว่างั้นเถอะ

    นอนเนี่ยแหละร่างสูงลุกพรวดพราดขึ้น
    หยิบผ้าขนหนูที่ปลายเตียงมาพันไว้ลวก ๆ
    ก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนตัวเล็กนอนมอง ตาขวางแต่แก้มแดงเรื่อ
    ไอ้ภาคี
    มันจะเป็นยอดคนเกินไป เล่นกับเขาแบบไม่มีพัก แต่ยังวิ่งได้สบาย ๆ
    นอนกอดกันอยู่อย่างนั้น คนตัวสูงนั่นก็ไม่พูดสักคำ ลูบอย่างเดียวเลย มือ ไหล่ หลัง แขน ข้อมือ
    ต้นขา ลูบมันเข้าไป กะจะลูบให้มันทะลุไปถึงเนื้อเลยว่างั้นเถอะ

    ต้นสนคิดอย่างหมั่นไส้ อายก็อายอยู่หรอก แต่โดนทำไปขนาดนั้น หมดแล้ว เรื่องอาย
    เพราะยิ่งเขาทำหน้าแดง ๆ กัดปากแน่น แบบว่าอายสุด ๆ ภาคีจะไม่เลิกเลย
    ยิ่งอาย ยิ่งทำ ดีจริง ๆ เล้ย พ่อคุณ

    ร่างบางทอดกายลงนอนหวังจะได้พัก แค่งีบหลับสักนิดก็ยังดี แต่พอจะเคลิ้ม ๆ หน่อย
    ก็เห็นว่าใครชะโงกหน้าเข้ามาหา

    เลยต้องรีบลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ด้วยความอ่อนเพลีย
    อือ....ร่างสูงนั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับยกชามโจ๊กที่อุ่นร้อน ๆ
    ยกป้อนให้กับคนที่ดูเหมือนหมดเรี่ยวหมดแรงนั้น

    เฮ้ย...ไม่ได้เป็นง่อย..มือเล็ก ๆ ทำท่าจะหยิบช้อนมาตักใส่ปากเอง
    แต่ก็พบกับสายตาดุ ๆ ที่ส่งมา
    เลยต้องจำใจรับการปรนนิบัตินั้นแต่โดยดี

    ร่างสูงเป่าให้ความร้อนนั้นจางหายไป
    และส่งป้อนเข้าปากคนที่กลายเป็นมากกว่าคนรักของเขา
    ที่ยอมอ้าปากรับมากินไว้อย่างง่าย ๆ

    ไม่กินมั่งเหรอ...พอต้นสนพูดอย่างนั้น ภาคีก็ตักโจ๊กในชามที่เขาป้อนให้กับต้นสน
    มาใส่ปากตัวเอง และส่งสายตาหวานซึ้งไปถึงคนตรงหน้า จนร่างบางต้องรีบหลบสายตาคม ๆ ที่ทอดมองมา

    อื้อ...ช้อนที่ตักโจ๊กส่งป้อนเข้าปากต้นสนอีกรอบ แล้วก็สลับเข้าปากคนที่ป้อนด้วย

    เออ อยากจะบ้าดีจริง ๆ ทำเหมือนแม่ป้อนข้าวเด็ก แม่กินคำลูกกินคำ ดีเหลือเกินนะแบบนี้เนี่ย
    สลับกันกินอยู่แบบนั้นแหละ จนกระทั่งหมดชาม

    และ......เมื่อชามโจ๊กถูกวางบนหัวเตียง ไม่ถึง ห้านาที

    ร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน เอื้อมมือเข้ามาใกล้ ๆ กับร่างบาง

    เฮ้ยยยยยยยยยยยพอแล้วววววววว ไม่เอาแล้ววววววว

    มือเล็ก ๆ รีบกั้นตัวเองออกห่างจากร่างที่แกล้งทำท่าจะเอื้อมมือเข้าหา
    หลับตาแน่น
    แล้วก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ
    และก็เห็นว่าคนเจ้าเล่ห์นั่นยืนอมยิ้ม มองมาอย่างนึกสนุก

    ภาคี.....
    ไอ้บ้าภาคี
    มันแกล้งนี่หว่า หน้าแตกเลยแบบนี้ หน้าแตกไม่มีชิ้นดีแล้ว

    คนที่ทำท่าจะเอื้อมมือเข้ามาหา เปลี่ยนทิศทางเป็นโต๊ะลิ้นชักเล็ก ๆ ที่หัวเตียงแทน
    แล้วก็นั่งลงบนเตียง ค้นหากล่องอะไรเล็ก ๆ ที่แอบอยู่พักใหญ่
    ก่อนจะนำมาเปิดออก
    หันหน้าไปหาคนที่นอนหันหลังให้ด้วยอาการแง่งอน
    เออ
    แกล้งได้แกล้งไป อย่ามาคุยด้วยแล้วกัน โกรธเว้ย โกรธ

    ต้นสน...ร่างสูงโน้มหน้าเข้าหาคนตัวเล็กร่างบาง ที่นอนหันหลังให้
    แตะมือเข้ากับไหล่บางที่มีแต่ร่องรอยแดงช้ำชัดเจน
    และร่างนั้นก็ทำเป็นนิ่งเฉย
    ดีนะ
    นาน ๆ ทีงอนมั่งก็ดีนะเนี่ย
    หน้างอหงิกแบบนี้ ก็น่ารักไปอีกแบบเหมือนกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    สายสร้อยทองเส้นเล็ก ๆ มีพระเลี่ยมทององค์ขนาดไม่ใหญ่นักเข้ากันกับขนาดของสร้อย
    ถูกคล้องเข้าที่ลำคอเนียนขาว และกลัดตะขอให้อย่างบรรจงด้วยฝีมือของร่างสูงเบื้องหลัง

    ใบหน้าสวยหวานรีบหันกลับไปมองทันที
    และก้มมองที่คอของตัวเอง
    ก่อนจะเอ่ยถาม

    อะไร...ร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่น และก้มมองที่คอของตัวเอง แตะปลายนิ้วเข้าที่สายสร้อยเส้นนั้น

    ให้...คำพูดสั้นกระชับเข้าใจง่ายนั้นยิ่งทำให้มือเล็ก ๆ ต้องรีบแกะสร้อยออกทันที

    เฮ้ยยยย ถอดออกทำไม...ภาคีรีบยั้งมือเล็ก ๆ นั้นไว้ และดึงคนตัวเล็กกว่ามากอดเอาไว้แนบอก

    ไม่ได้ให้เพราะคิดอย่างอื่น....ให้พระไว้คุ้มครองต้นสนของพี่...ทำไว้ให้นานแล้วแต่ไม่กล้าจะให้
    กลัวสนจะคิดเป็นอื่น....อย่าถอดออกนะสน...ใส่ติดตัวไว้..พี่ให้แหวนไม่ได้...แต่พี่ให้สร้อยได้สนเข้าใจพี่มั้ย

    คำพูดยืดยาวที่อธิบายอย่างร้อนรนนั้น ทำให้ร่างบางแหงนใบหน้าขึ้นมอง
    ภาคีไม่ได้จะดูถูกเขาด้วยการให้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้
    แต่เขาก็กลัวจะโดนดูถูก....ว่ามีแต่รับอย่างเดียว ไม่เคยให้เลยสักครั้ง
    แต่คำพูดจริงจัง และการที่คนอย่างภาคีต้องมานั่งอธิบายให้เขาฟังเสียยืดยาวแบบนี้
    ก็ยิ่งทำให้ร่างบางรู้สึกตื้นตันใจ จนพาลจะน้ำตาไหลเอาได้ง่าย ๆ
    สนเป็นของพี่คนเดียวนะ....เข้าใจใช่มั้ย

    สายสร้อยที่ให้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากแหวนที่ใช้หมั้น
    ร่างบางเข้าใจ เข้าใจดีทีเดียวล่ะ เข้าใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว

    อื้อ...ฝ่ามือแกร่งยื่นสายสร้อยเส้นเล็กที่มีรูปแบบเหมือนกันให้กับร่างในอ้อมแขน
    และต้นสนก็รู้หน้าที่ของตัวเอง มือเล็ก ๆ บรรจง สวมใส่ที่ลำคอแกร่งของร่างสูงตรงหน้า
    เอื้อมมือกลัดตะขอให้เสร็จสรรพเรียบร้อย

    และดวงตาคมที่ทอดมองใบหน้าของคนรักก็มีแววพราวระยับ
    หลังจากก้มมองที่ลำคอของตนเอง
    และมองที่คอของร่างบางตรงหน้า
    เหมือนกันเลยนะ .......
    ร่างสูงยิ้มกว้าง จ้องมองใบหน้าน่ารักที่ก้มหลบสายตาคม ๆ ที่ทอดมอง
    กดปลายนิ้วของตัวเองเข้าหากันไปมาอย่างนึกเขิน

    คนนี้ใคร....ปลายนิ้วแกร่งชี้เข้าหาที่ตัวเอง และเอ่ยถามกับร่างบางที่นั่งก้มหน้าเอียงอาย

    พี่.....พี่...พี่คี..คำตอบตะกุกตะกักจากเสียงหวานใสนั้น ทำให้ร่างสูงยิ้มกว้างอย่างถูกใจ

    ก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาร่างบางและเอ่ยถาม

    นี่ล่ะ...คำถามง่าย ๆ แต่ทำให้ร่างบางยิ่งอายหนัก ภาคีจะให้เขาเรียกแทนชื่อตัวเอง เวลาคุยกัน
    มัน มันตลกจะตายแบบนั้นน่ะ ....... แค่นี้ก็อายจะแย่แล้ว ยังจะให้แทนชื่อตัวเวลาพูดกับภาคีอีก

    นี่....คนนี้ใครนะคำถามซ้ำ ๆ แกล้งล้อเลียน พร้อมกับร่างที่ยิ้มกริ่ม ทำให้ร่างบางต้องพูดออกมา

    สน...โอ้ยยยยยย พอแล้วจะนอนแล้ว...ถามคำถามอะไรบ้า ๆ
    ร่างบางรีบผลุนผลันหันหน้าหนีร่างสูง
    ล้มตัวลงนอนหันหลังให้และรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้

    ใครน๊า....คนนี้เป็นใครน๊า...ไม่เห็นรู้จักเลย....บอกอีกครั้งสิ...ใครกันน๊า

    ภาคีกอดรัดร่างบางที่เอาแต่หันหน้าหนีด้วยความอาย
    แกล้งถามซ้ำอยู่อย่างนั้น หัวเราะดังลั่นอย่างดีใจ ที่ได้หยอกล้อกับคนรักของเขาได้
    และแกล้งดึงให้คนรักที่เอาแต่หันหน้าหนี มาเผชิญหน้าให้ได้
    เมื่อเจ้าตัวแข็งขืนด้วยการพยายามหันหน้าหนีไม่ยอมเผชิญหน้าด้วย
    ผิวแก้มขาวเนียน แดงเรื่อ ลามไปถึงคอ ถึงหู ใบหน้าร้อนผ่าวชาวาบ
    ดิ้นรนหนีการกอดรัดของร่างสูง

    พี่คีปล่อยยยยยย ปล่อยสนน๊า...พี่คี...ปล่อยสนเดี๋ยวนี้เลย..โอ้ยยยยย
    ร่างบางหัวเราะสียงดังลั่น เมื่อถูกจี้เข้าที่เอวให้หัวเราะไปด้วย
    ยิ่งหนียิ่งโดนแกล้ง ..... หัวเราะจนเหนื่อยแล้ว
    ภาคีมันขี้แกล้งอย่างนี้นี่เอง หัวเราะจนจะทนไม่ไหวแล้ว โอยยยยยยยยยย

    ร่างที่เคยดิ้นรนหันหนี ค่อยหยุดการดิ้นรน ยอมนิ่งสงบลง
    และก็ได้สบกับดวงตาคมที่ทอดมองมาอย่างรักใคร่
    ซุกซบร่างกายให้ร่างสูงได้กอดรัดตามใจ

    พี่เป็นของสนนะ.....น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอกกับร่างในอ้อมแขน
    ที่กอดตอบรับอ้อมแขนของเขาซุกซบใบหน้าเข้าหาไออุ่นที่มอบให้

    สนก็เป็นของพี่คี..เหมือนกันเสียงใสบอกรับเสียงแผ่วเบา

    ร่างสองร่าง ยิ้มรับคำพูดของอีกคนพร้อมกัน
    แม้ไม่มีคำพูดบอกรักสักคำ
    แต่หัวใจก็สัมผัสได้
    ว่ามีความรู้สึกให้กันมากมายขนาดไหน
    ทั้งความรัก ความห่วงใยที่จะมอบให้กัน
    ความห่วงหา ความเอื้ออาทรที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้
    จะคงอยู่อย่างนี้ตลอดไป
    นานเท่านาน

    **************************

    (End)


     

     จบแล้วจริงๆค่ะ   รอจบทุกคู่แล้วจะเอาตอนพิเศษลงให้นะค่ะ   คู่นี้เป็นคู่ที่ชอบมากคู่นึง อ่านแล้วรู้สึกอิ่มเอมกับคู่นี้ อยากมีคนแบบพี่คีบ้าง  ไม่พูดให้มากความ แต่แสดงความจริงใจให้เห็น เสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด  ยังดีกว่าคนที่ดีแต่ปาก พูดแล้วทำไม่ได้แบบนั้น  แต่ว่ามันสั้นใจหาย  ไม่ได้ครึ่งภาคอื่นเลย  มีคนรีเควสภาค ปู-น้ำฝนมา  คู่นี้ก็เป็นอีกคู่ที่ชอบเหมือนกัน  เตรียมใจเอาไว้ให้ดีนะคะกับคู่นี้  เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ

    ปล  ทำไมตอนที่แล้วคนเม้นน้อยจัง  น้อยใจนะเนี้ย  ถ้าชอบก็ช่วยกันแสดงความคิดเห็นบ้างนะค่ะ  

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×