คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #52 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ภาคี-ต้นสน ตอน แล้วเราก็รักกัน (END จริงๆ)
ไม่รู้จะตั้งชื่อตอนว่าอะไร เพราะคนแต่งเค้าไม่ได้ตั้งมา รู้แต่ว่านี่ตอนจบของจริง เป็นตอนที่ต่อจากตอน พี่คีนะคะ เป็นเรื่องของเช้าวันต่อมา
"อืออออออออ...." ต้นสนพลิกร่างขยับตัวตื่นขึ้นในช่วงสายของอีกวัน
แล้วก็พบกับท่อนแขนที่พาดทับลำตัว
มิน่าล่ะ ทำไมมันรู้สึกหนัก ๆ จัง อึดอัดจะตาย ตอนแรกนึกว่าถูกผีอำซะอีก ที่แท้ก็แขนของคนที่นอนกอดเขาเอาไว้นี่เอง
"เฮ้ย...ตื่นเว้ย..." ทั้งที่รู้สึกว่าร่างกายมันร้าวไปหมด สะโพกก็เจ็บจนขยับตัวไม่ได้ เพราะไอ้ผู้ชายไม่ช่างพูดที่นอนข้าง ๆ เนี่ยแหละ
ไอ้บ้าภาคีเมื่อคืนจู่ ๆ ก็บังคับให้เรียกว่าพี่คี พี่คี
พูดแล้วแทนที่จะหยุด เลยเป็นการไปกระตุ้นเร่งเร้าไปกันใหญ่ ทำให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอน
แล้วดูสิ
ข้อมือ....เป็นรอยฟันของใครวะเนี่ย ไอ้บ้าภาคีกัดลงมาได้ ไม่นับรอยที่ทำไว้ตามตัวนะเนี่ย
แทบจะไม่มีตรงไหนไม่มีรอยเลย
แล้วแบบนี้จะทำยังไงล่ะเนี่ย จะไปทำงานได้ยังไง คอเป็นรอยแบบนี้ เมื่อคืนมันเป็นครั้งที่สองนะเว้ยที่มีอะไรกันน่ะ
แต่ภาคีบอกจะสั่งผัดกระเพราจานที่สอง
แล้วพอยอมแล้วเป็นไงล่ะ จานสาม จานสี่ จานที่ห้า
โอยยยยยยยยยยยย ใครไม่ตายก็บ้าแล้วแบบนี้
"อืออออออออ จานต่อไปเลยนะ" ท่อนแขนหนัก ๆ กอดรัดร่างโปร่งบางที่นอนอยู่ข้าง ๆ หลังจากรู้สึกตัวจากการถูกกรอกหูด้วยคำพูดที่ว่า
.................เฮ้ย...ตื่นเว้ย.............
ต้นสนนี่ยังไง เมื่อคืนยังเรียกพี่คีครับ พี่คีครับอยู่เลย แล้วตอนเช้า เรียกเขาว่า......เฮ้ย......อีกแล้ว
"ตื่นเว้ย...ไม่ไปเรียนหรือไงวะ..." ทั้งที่ร่างกายก็ระบมไปหมดทั้งตัว แต่เมื่อหันไปเห็นนาฬิกา บอกเวลา เกือบเที่ยง ต้นสนก็ต้องลากคนตัวสูงกว่าให้ตื่นขึ้น
"วันนี้วันเสาร์....อืออออ นอนต่อนะ..." ภาคีปรือตาตื่นขึ้นและกดให้คนตัวเล็กกว่านอนลงตามเดิม
ต้นสนอึดเกินไปแล้ว
ครั้งแรกที่โรงเก็บอุปกรณ์ก็ไม่ร้องสักแอะ แถมโดนลากให้เดินตาม ก็เดินตามออกมาได้ ไม่มีร้องไห้งอแงให้รำคาญใจ
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ทั้งที่เมื่อคืนโดนไปไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
ก็ยังมีแรงลุกขึ้นมาลากเขาให้ตื่นนอนเพื่อไปเรียนได้
อย่างนี้คงต้องต่อแล้วมั้ง
"อ้าว...ผัดกระเพรายังไม่หมดจานนี่น่ะ...เสียดายของ...ต้องกินต่อให้หมดกินไม่หมดต้นสนจะบอกว่ากินเหลือเดี๋ยวโดนบ่น"
ภาคีพูดเสียงเบาทั้งที่ยังหลับตา
แล้วก็กดร่างโปร่งบางให้นอนลงเบื้องล่าง
ขึ้นทาบทับอีกครั้ง
"โว้ยยยยยยยยยยยยยยย จะตายอยู่แล้วนะเว้ยย....กินอะไรนักหนาวะ.." ร่างโปร่งบางดิ้นรนไปมา
แล้วหน้าขาก็ไปประทะเข้ากับบางสิ่ง ที่มากระทบ ภายใต้โปงผ้าห่ม ไอ้นั่นน่ะมัน....มัน...ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอะไร
เฮ้ยยยยยยยย จริงดิ อีกแล้ว อีกแล้ว ตายแน่ ๆ แล้ววันนี้
แม้จะพยายามแล้ว
แต่เมื่อร่างสูงที่ทาบทับเริ่มปรือตาขึ้น ยิ่มยั่วท้าทาย
ก็ทำให้ต้นสนต้องรีบหลบสายตา หน้าร้อนวูบขึ้นมา
เมื่อคืนมันมืดมองไม่ค่อยเห็น แต่ตอนนี้มันสว่างจ้า อะไรอะไรก็เลยเห็นชัดเจนไปหมด
และก็ได้เห็นว่า หน้าผากทางด้านซ้ายที่มีผมปรกอยู่ของภาคีมีไฝเม็ดเล็ก ๆ ด้วย
มองได้เห็นในระยะ หน้าผากประชิดแบบนี้
แต่มันอายนะเว้ย เล่นจ้องเอาจ้องเอาแบบนี้
ใบหน้า เนียนขาวของร่างเบื้องล่าง ที่ไม่ยอมสบตาด้วย เอาแต่หลบตาไปทางอื่นทำให้ภาคีต้องแกล้งด้วยการฝังจมูกลงไปที่ข้างแก้มฝั่ง ที่หันหนี
พอต้นสนหันกลับมาก็สบตากับเขา
แล้วเจ้าตัวก็หันหนีอีก
ภาคีก็ฝังจมูกลงที่ข้างแก้มด้านที่คนตัวเล็กนอนหน้าแดงหันหนีนั้นอีก
วน ๆ เวียน ๆ อยู่อย่างนั้นเป็นนานจนต้นสนทนไม่ไหว
"โว้ยยยยยยยยยย จะหอมอีกนานมั้ยวะเนี่ย หนวดทิ่มหมดแล้ว...มันเจ็บนะเว้ย..." คนที่แสนจะขี้อายที่ชื่อต้นสนนี่ก็แปลกอายแทบตายแต่ชอบพูดประชดประชันนอกเรื่องไปเรื่อย
แล้วคนที่ทาบทับอยู่ด้านบนมีหรือจะไม่รู้
ยิ่งประชดยิ่งอยากแกล้ง ผิวแก้มขาว ๆ แดงเรื่อเพราะความเขินอาย
ไม่นับรอยจ้ำ ๆ ตามคอ
ไล่ไปที่หน้าอก ต้นแขน หน้าท้อง แผ่นหลัง
ข้อมือ
ก็หมดทั้งตัวนั่นแหละ
ชนิดที่ว่า ช่วงนี้ห้ามถอดเสื้อต่อหน้าใคร ไม่งั้นรู้แน่ ว่าไปทำอะไรมา
"รำคาญโว้ยลุกไปซะทีสิวะ...." ต้นสนพยายามที่จะดิ้นรนแต่ยิ่งดิ้นหน้าก็ยิ่งแดง
ยิ่งหน้าแดงก็ยิ่งอยากจะดิ้น ก็ไอ้อะไร อะไร ของคนเบื้องบน มันชักจะยังไง ยังไง อีกแล้วน่ะสิ
"พี่คี......." ภาคีกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูคนที่ดิ้นรนอยู่
และกระซิบซ้ำ ๆ อีกหลายคำ
"พี่คี....พี่คี....พี่คี...พี่คี...." ยิ่งบอกให้เรียกคนตัวเล็กกว่ายิ่งไม่เรียก เม้มปากแน่น แล้วก็เบือนหน้าหนีซะอย่างนั้น
จนเมื่อริมฝีปากของร่างสูงแตะประทับที่ริมฝีปากของคนที่เม้มปากไว้
ประคองใบหน้าเนียนขาวให้รับจุมพิตที่มอบให้
และพยายามสอดแทรกปลายลิ้นเข้าหา ไม่นานก็เปิดทางเข้าไปสัมผัสปลายลิ้นเล็ก ๆ ร้อนรุ่ม ตวัดเกี่ยวรัดพัวพันกันไว้ได้
"อือออออออออ ฮะ..อืออออ" เสียงหวานใสครางเครือ ความรู้สึกเริ่มเตลิดเปิดเปิงอีกครั้ง
และร่างสูงก็แกล้งผละริมฝีปากออก
ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับคนที่นอนตาปรืออยู่
อารมณ์ความรู้สึกถูกปลุกได้ง่ายชะมัด เจ้าต้นสน
"พี่คี...ครับ...." ภาคีพูดซ้ำอีกครั้ง หยอกเย้า กลั่นแกล้งร่างบาง ที่ร่างสูงสัมผัสได้
ว่าเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นมาอีกครั้งแน่นนอนล่ะจะไม่รู้ได้ยังไง
ในเมื่อเขาสัมผัสได้จากปฏิกิริยาของร่างกายของร่างเบื้องล่าง ที่เริ่มแข็งขืนขึ้นมา
"อือออออออ พี่....พี่คี....พี่คีครับ..." แม้ไม่อยากพูด ไม่อยากเรียก แต่ก็เรียกไปแล้ว
มือเล็ก ๆ ปิดที่ปากของตัวเอง
และเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
อายแสนอาย แต่ก็ไม่อยากให้ใครได้เห็น
"ครับ....ต้นสน...." ร่างสูงขานรับ ฝังปลายจมูกเข้าที่ซอกคอของร่างโปร่งบางอีกครั้ง
ไอ้สนเอ้ย ไอ้สน ไม่น่าเลยว่ะ ไม่น่าเลย
อยู่ดี ๆ ก็ดีอยู่แล้ว
เช้านี้กี่รอบวะเนี่ย กว่าจะได้ลุกไปหาข้าวกิน
โอยยยยยยยยยยยยยยย ตาย ตาย ไม่รอดแน่
งานนี้ไม่รอดอีกแล้วววววววววววววว โอยยยยยยยยยย อยากจะบ้าตาย
ต้นสนได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเอง ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
จะให้เอ่ยไอ้ยังไง ในเมื่อริมฝีปากถูกครอบครองอยู่
แล้วร่างกายก็ถูกแตะต้องสัมผัสจากฝ่ามือร้อนรุ่มของร่างสูงที่เริ่มต้นปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกให้ตื่นขึ้น
ต้อนรับการ.......กิน........อีกครั้ง
กว่าจะรู้ว่าทำผิดไป.....ก็ปาเข้าไปบ่ายกว่า ๆ แล้วล่ะ
ดีใจด้วยต้นสน
ท่าทางนายจะปรุงกระเพราปลาหมึกอร่อยมาก คนกินก็เลยติดอกติดใจ ไม่ยอมเลิกกินซะที
*****************************
ร่างบางหน้าแดงซ่านเมื่อลุกขึ้นจากเตียงแล้วเหมือนขามันอ่อนแรงจนยืนไม่ขึ้น
ต้องทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้ง
นั่นเลยทำให้คนตัวสูงกว่าต้องลุกขึ้นคว้าเอวบางเอาไว้
และหัวเราะเสียงเบา อย่างชอบอกชอบใจ
อื้อออออออออ ต้นสนเนี่ย ..... ไหนล่ะที่ทำเหมือนอึดนักหนา
แค่ไม่กี่สิบรอบเอง....ถึงกับยืนไม่ขึ้นเลยเหรอเนี่ย
“ฮื่ออออ” เสียงใสคำรามในลำคออย่างขัดใจ ผลักให้คนที่กอดเอวไว้ออกห่าง
ขืนอยู่ใกล้อีก เสร็จแน่ ปาเข้าไปบ่ายกว่าแล้ว
ยังไม่มีปัญญาลุกจากเตียงได้เลย หลับ ๆ ตื่น ๆ แล้วก็เอาอีกแล้ว
แล้วก็เข้าสู่อีหรอบเดิม ทำท่าจะเคลิ้มหลับได้หน่อย ก็...เหมือนเดิม
ใจคอมันจะให้ช้ำในตายไปเลยว่างั้นเถอะ
“นอนเนี่ยแหละ” ร่างสูงลุกพรวดพราดขึ้น
หยิบผ้าขนหนูที่ปลายเตียงมาพันไว้ลวก ๆ
ก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนตัวเล็กนอนมอง ตาขวางแต่แก้มแดงเรื่อ
ไอ้ภาคี
มันจะเป็นยอดคนเกินไป เล่นกับเขาแบบไม่มีพัก แต่ยังวิ่งได้สบาย ๆ
นอนกอดกันอยู่อย่างนั้น คนตัวสูงนั่นก็ไม่พูดสักคำ ลูบอย่างเดียวเลย มือ ไหล่ หลัง แขน ข้อมือ
ต้นขา ลูบมันเข้าไป กะจะลูบให้มันทะลุไปถึงเนื้อเลยว่างั้นเถอะ
ต้นสนคิดอย่างหมั่นไส้ อายก็อายอยู่หรอก แต่โดนทำไปขนาดนั้น หมดแล้ว เรื่องอาย
เพราะยิ่งเขาทำหน้าแดง ๆ กัดปากแน่น แบบว่าอายสุด ๆ ภาคีจะไม่เลิกเลย
ยิ่งอาย ยิ่งทำ ดีจริง ๆ เล้ย พ่อคุณ
ร่างบางทอดกายลงนอนหวังจะได้พัก แค่งีบหลับสักนิดก็ยังดี แต่พอจะเคลิ้ม ๆ หน่อย
ก็เห็นว่าใครชะโงกหน้าเข้ามาหา
เลยต้องรีบลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ด้วยความอ่อนเพลีย
“อือ....” ร่างสูงนั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับยกชามโจ๊กที่อุ่นร้อน ๆ
ยกป้อนให้กับคนที่ดูเหมือนหมดเรี่ยวหมดแรงนั้น
“เฮ้ย...ไม่ได้เป็นง่อย..” มือเล็ก ๆ ทำท่าจะหยิบช้อนมาตักใส่ปากเอง
แต่ก็พบกับสายตาดุ ๆ ที่ส่งมา
เลยต้องจำใจรับการปรนนิบัตินั้นแต่โดยดี
ร่างสูงเป่าให้ความร้อนนั้นจางหายไป
และส่งป้อนเข้าปากคนที่กลายเป็นมากกว่าคนรักของเขา
ที่ยอมอ้าปากรับมากินไว้อย่างง่าย ๆ
“ไม่กินมั่งเหรอ...” พอต้นสนพูดอย่างนั้น ภาคีก็ตักโจ๊กในชามที่เขาป้อนให้กับต้นสน
มาใส่ปากตัวเอง และส่งสายตาหวานซึ้งไปถึงคนตรงหน้า จนร่างบางต้องรีบหลบสายตาคม ๆ ที่ทอดมองมา
“อื้อ...” ช้อนที่ตักโจ๊กส่งป้อนเข้าปากต้นสนอีกรอบ แล้วก็สลับเข้าปากคนที่ป้อนด้วย
เออ อยากจะบ้าดีจริง ๆ ทำเหมือนแม่ป้อนข้าวเด็ก แม่กินคำลูกกินคำ ดีเหลือเกินนะแบบนี้เนี่ย
สลับกันกินอยู่แบบนั้นแหละ จนกระทั่งหมดชาม
และ......เมื่อชามโจ๊กถูกวางบนหัวเตียง ไม่ถึง ห้านาที
ร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน เอื้อมมือเข้ามาใกล้ ๆ กับร่างบาง
“เฮ้ยยยยยยยยยยยพอแล้วววววววว ไม่เอาแล้ววววววว”
มือเล็ก ๆ รีบกั้นตัวเองออกห่างจากร่างที่แกล้งทำท่าจะเอื้อมมือเข้าหา
หลับตาแน่น
แล้วก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ
และก็เห็นว่าคนเจ้าเล่ห์นั่นยืนอมยิ้ม มองมาอย่างนึกสนุก
ภาคี.....
ไอ้บ้าภาคี
มันแกล้งนี่หว่า หน้าแตกเลยแบบนี้ หน้าแตกไม่มีชิ้นดีแล้ว
คนที่ทำท่าจะเอื้อมมือเข้ามาหา เปลี่ยนทิศทางเป็นโต๊ะลิ้นชักเล็ก ๆ ที่หัวเตียงแทน
แล้วก็นั่งลงบนเตียง ค้นหากล่องอะไรเล็ก ๆ ที่แอบอยู่พักใหญ่
ก่อนจะนำมาเปิดออก
หันหน้าไปหาคนที่นอนหันหลังให้ด้วยอาการแง่งอน
เออ
แกล้งได้แกล้งไป อย่ามาคุยด้วยแล้วกัน โกรธเว้ย โกรธ
“ต้นสน...” ร่างสูงโน้มหน้าเข้าหาคนตัวเล็กร่างบาง ที่นอนหันหลังให้
แตะมือเข้ากับไหล่บางที่มีแต่ร่องรอยแดงช้ำชัดเจน
และร่างนั้นก็ทำเป็นนิ่งเฉย
ดีนะ
นาน ๆ ทีงอนมั่งก็ดีนะเนี่ย
หน้างอหงิกแบบนี้ ก็น่ารักไปอีกแบบเหมือนกัน
สายสร้อยทองเส้นเล็ก ๆ มีพระเลี่ยมทององค์ขนาดไม่ใหญ่นักเข้ากันกับขนาดของสร้อย
ถูกคล้องเข้าที่ลำคอเนียนขาว และกลัดตะขอให้อย่างบรรจงด้วยฝีมือของร่างสูงเบื้องหลัง
ใบหน้าสวยหวานรีบหันกลับไปมองทันที
และก้มมองที่คอของตัวเอง
ก่อนจะเอ่ยถาม
“อะไร...” ร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่น และก้มมองที่คอของตัวเอง แตะปลายนิ้วเข้าที่สายสร้อยเส้นนั้น
“ให้...” คำพูดสั้นกระชับเข้าใจง่ายนั้นยิ่งทำให้มือเล็ก ๆ ต้องรีบแกะสร้อยออกทันที
“เฮ้ยยยย ถอดออกทำไม...” ภาคีรีบยั้งมือเล็ก ๆ นั้นไว้ และดึงคนตัวเล็กกว่ามากอดเอาไว้แนบอก
“ไม่ได้ให้เพราะคิดอย่างอื่น....ให้พระไว้คุ้มครองต้นสนของพี่...ทำไว้ให้นานแล้วแต่ไม่กล้าจะให้
กลัวสนจะคิดเป็นอื่น....อย่าถอดออกนะสน...ใส่ติดตัวไว้..พี่ให้แหวนไม่ได้...แต่พี่ให้สร้อยได้สนเข้าใจพี่มั้ย”
คำพูดยืดยาวที่อธิบายอย่างร้อนรนนั้น ทำให้ร่างบางแหงนใบหน้าขึ้นมอง
ภาคีไม่ได้จะดูถูกเขาด้วยการให้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้
แต่เขาก็กลัวจะโดนดูถูก....ว่ามีแต่รับอย่างเดียว ไม่เคยให้เลยสักครั้ง
แต่คำพูดจริงจัง และการที่คนอย่างภาคีต้องมานั่งอธิบายให้เขาฟังเสียยืดยาวแบบนี้
ก็ยิ่งทำให้ร่างบางรู้สึกตื้นตันใจ จนพาลจะน้ำตาไหลเอาได้ง่าย ๆ
“สนเป็นของพี่คนเดียวนะ....เข้าใจใช่มั้ย”
สายสร้อยที่ให้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากแหวนที่ใช้หมั้น
ร่างบางเข้าใจ เข้าใจดีทีเดียวล่ะ เข้าใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว
“อื้อ...” ฝ่ามือแกร่งยื่นสายสร้อยเส้นเล็กที่มีรูปแบบเหมือนกันให้กับร่างในอ้อมแขน
และต้นสนก็รู้หน้าที่ของตัวเอง มือเล็ก ๆ บรรจง สวมใส่ที่ลำคอแกร่งของร่างสูงตรงหน้า
เอื้อมมือกลัดตะขอให้เสร็จสรรพเรียบร้อย
และดวงตาคมที่ทอดมองใบหน้าของคนรักก็มีแววพราวระยับ
หลังจากก้มมองที่ลำคอของตนเอง
และมองที่คอของร่างบางตรงหน้า
เหมือนกันเลยนะ .......
ร่างสูงยิ้มกว้าง จ้องมองใบหน้าน่ารักที่ก้มหลบสายตาคม ๆ ที่ทอดมอง
กดปลายนิ้วของตัวเองเข้าหากันไปมาอย่างนึกเขิน
“คนนี้ใคร....” ปลายนิ้วแกร่งชี้เข้าหาที่ตัวเอง และเอ่ยถามกับร่างบางที่นั่งก้มหน้าเอียงอาย
“พี่.....พี่...พี่คี..” คำตอบตะกุกตะกักจากเสียงหวานใสนั้น ทำให้ร่างสูงยิ้มกว้างอย่างถูกใจ
ก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาร่างบางและเอ่ยถาม
“นี่ล่ะ...” คำถามง่าย ๆ แต่ทำให้ร่างบางยิ่งอายหนัก ภาคีจะให้เขาเรียกแทนชื่อตัวเอง เวลาคุยกัน
มัน มันตลกจะตายแบบนั้นน่ะ ....... แค่นี้ก็อายจะแย่แล้ว ยังจะให้แทนชื่อตัวเวลาพูดกับภาคีอีก
“นี่....คนนี้ใครนะ” คำถามซ้ำ ๆ แกล้งล้อเลียน พร้อมกับร่างที่ยิ้มกริ่ม ทำให้ร่างบางต้องพูดออกมา
“สน...โอ้ยยยยยย พอแล้วจะนอนแล้ว...ถามคำถามอะไรบ้า ๆ”
ร่างบางรีบผลุนผลันหันหน้าหนีร่างสูง
ล้มตัวลงนอนหันหลังให้และรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้
“ใครน๊า....คนนี้เป็นใครน๊า...ไม่เห็นรู้จักเลย....บอกอีกครั้งสิ...ใครกันน๊า”
ภาคีกอดรัดร่างบางที่เอาแต่หันหน้าหนีด้วยความอาย
แกล้งถามซ้ำอยู่อย่างนั้น หัวเราะดังลั่นอย่างดีใจ ที่ได้หยอกล้อกับคนรักของเขาได้
และแกล้งดึงให้คนรักที่เอาแต่หันหน้าหนี มาเผชิญหน้าให้ได้
เมื่อเจ้าตัวแข็งขืนด้วยการพยายามหันหน้าหนีไม่ยอมเผชิญหน้าด้วย
ผิวแก้มขาวเนียน แดงเรื่อ ลามไปถึงคอ ถึงหู ใบหน้าร้อนผ่าวชาวาบ
ดิ้นรนหนีการกอดรัดของร่างสูง
“พี่คีปล่อยยยยยย ปล่อยสนน๊า...พี่คี...ปล่อยสนเดี๋ยวนี้เลย..โอ้ยยยยย”
ร่างบางหัวเราะสียงดังลั่น เมื่อถูกจี้เข้าที่เอวให้หัวเราะไปด้วย
ยิ่งหนียิ่งโดนแกล้ง ..... หัวเราะจนเหนื่อยแล้ว
ภาคีมันขี้แกล้งอย่างนี้นี่เอง หัวเราะจนจะทนไม่ไหวแล้ว โอยยยยยยยยยย
ร่างที่เคยดิ้นรนหันหนี ค่อยหยุดการดิ้นรน ยอมนิ่งสงบลง
และก็ได้สบกับดวงตาคมที่ทอดมองมาอย่างรักใคร่
ซุกซบร่างกายให้ร่างสูงได้กอดรัดตามใจ
“พี่เป็นของสนนะ.....” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอกกับร่างในอ้อมแขน
ที่กอดตอบรับอ้อมแขนของเขาซุกซบใบหน้าเข้าหาไออุ่นที่มอบให้
“สนก็เป็นของพี่คี..เหมือนกัน” เสียงใสบอกรับเสียงแผ่วเบา
ร่างสองร่าง ยิ้มรับคำพูดของอีกคนพร้อมกัน
แม้ไม่มีคำพูดบอกรักสักคำ
แต่หัวใจก็สัมผัสได้
ว่ามีความรู้สึกให้กันมากมายขนาดไหน
ทั้งความรัก ความห่วงใยที่จะมอบให้กัน
ความห่วงหา ความเอื้ออาทรที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้
จะคงอยู่อย่างนี้ตลอดไป
นานเท่านาน
**************************
(End)
ปล ทำไมตอนที่แล้วคนเม้นน้อยจัง น้อยใจนะเนี้ย ถ้าชอบก็ช่วยกันแสดงความคิดเห็นบ้างนะค่ะ
ความคิดเห็น