คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ภาคี-ต้นสน (ตอน แล้วเราก็รักกัน 5) END
“ต้นสน....พี่ว่าต้นสน...พักบ้างเถอะนะ” ภาคีซึ่งปัจจุบันเป็นนายช่างใหญ่รับหน้าที่ดูแลงานต่อจากพ่อของตัวเอง
เอ่ยกับอัษฎาที่เตรียมตัวจะไปเฝ้าร้านสะดวกซื้อที่ตัวเองเป็นเจ้าของสาขาที่สอง
ปีนี้เป็นปีที่ 7 ที่เขาและร่างโปร่งบางได้ใช้ชีวิตด้วยกัน
สมัยที่เรียน เขาใช้ความพยายามมากมายกว่าจะจีบต้นสนติด เพราะช่วงแรกมีข่าวลือแปลกๆ จนทำให้เขาและต้นสนต้องผิดใจกัน แต่ก็ขอบคุณเรื่องนั้นที่ทำให้เขากับต้นสนได้มาเจอกัน และก็ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป ตั้งแต่เรื่องใช้เงินทองฟุ่มเฟือย ไม่เคยสนใจผู้อื่น มีชีวิตอยู่แต่เพื่อตัวเอง แต่ต้นสนเป็นคนสอนให้รู้จักความพยายาม กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทต้องลงทุนลงแรงไปมากขนาดไหน
ตอนนี้น้องสา หลานสาวของต้นสนได้ทุนไปเรียนต่อไฮสคูลที่ต่างประเทศ น้องสาเป็นคนเรียนเก่งและก็มีความพยายามเป็นเลิศ ส่วนแม่ของสา น้องสาวของต้นสนนั้นได้แต่งงานกับชาวอังกฤษและก็รับสาไปเรียนต่อเลย เหลือก็แต่ต้นสนที่ง่วนอยู่แต่การดูแลร้านสะดวกซื้อสองสาขา ที่กว่าจะมีได้ขนาดนี้ ก็ต้องใช้ความพยายามและบากบั่นน่าดู
ก่อนหน้าที่ต้นสนจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองนั้น ก็นานจนเขาไม่ค่อยแน่ใจความรู้สึกของต้นสนเลย จนวันที่เขาถูกพวกต่างสถาบันแทง แล้วต้องไปนอนโรงพยาบาลอยู่เป็นอาทิตย์ ใจเขาอยากจะไปหาร่างบางที่เห็นหน้ากันทุกวัน แต่ร่างกายมันไปไม่ได้ ห่างหายกันไปเป็นอาทิตย์
แต่เมื่อเขาออกจากโรงพยาบาลมาหาต้นสน วันนั้นเขาถึงได้รู้ว่าต้นสนเองก็มีใจให้กับเขาบ้างแล้ว เพราะหลังจากที่กินข้าวด้วยกันโดยไม่คุยกันเลยเกือบเดือน ในวันนั้นต้นสนก็ถามเขาว่า หายไปไหนมา ทำท่าเหมือนจะทะเลาะกัน
เขายังจำประโยคบอกรักบ้า ๆ พวกนั้นได้ดี ถึงมันจะบ้าดีเดือดไปบ้าง แต่มันก็ทำให้เขาและต้นสน เริ่มเข้าใจกัน มากขึ้น และเริ่มเปิดใจให้กันและกัน
“ทำไมจะมาจะไปไม่รู้จักบอก...คิดอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไปงั้นเหรอ” ต้นสนนั่งหน้างอหงิก รอมาเกือบสัปดาห์ พยายามจะเจอที่สถาบันก็ไม่รู้ว่าเรียนห้องไหน และได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเองไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับภาคีเลย นอกจากเรียนแผนกโยธา ชื่อภาคีเท่านั้น
“เพิ่งออกจากโรงพยาบาล...โดนไอ้พวกเด็กไทยวิมันเล่น...แทงซะจมมีดเลย” คำบอกเล่าเรื่อย ๆ ทำให้อัษฎาสงบลง ไม่เคยรู้ว่าเขาเจ็บขนาดนั้น แล้วยังไปโวยวายใส่อีก
“ต้นสนเป็นห่วงพี่เหรอ....” ภาคีทำหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“ใครห่วงวะ...ไม่มาแหละดีมาแล้วเกะกะลูกกะตา” อัษฎาก้มหน้าก้มตาตักข้าว ภาคีเลยต้องใช้มารยาลองดูสักหน่อยอยากรู้ว่าจะใช้ได้หรือไม่
“แค่ก แค่ก แค่ก...” ภาคีแกล้งสำลักข้าวแล้วเอามือกุมท้องข้างที่ถูกแทงและซบหน้าลงกับโต๊ะ ทำท่าเหมือนเจ็บปวดทรมาน
“เฮ้ยยยยยยย เป็นไรวะ...เป็นอะไร” อัษฎาลุกขึ้นยืน จะประคองภาคีให้ลุกขึ้นนั่ง แต่ร่างสูงนั้นก็หายสำลักและทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป เล่นเอาอัษฎาหน้าเหวอ ทำอะไรเล่นอะไรของมันกันเนี่ย
“แกล้งทำไม...” อัษฎาตะคอกถาม อยากมีเรื่องเหมือนกัน
“ไม่ได้แกล้ง...”
“ก็เห็นอยู่ว่าแกล้งอ่ะ” ร่างโปร่งนั้นไม่ยอมเลิกลา
“ถึงแกล้ง...สนก็ไม่ได้สนใจพี่หรอก...ไม่ได้เป็นห่วงแล้วจะมาสนใจทำไมว่าแกล้งหรือไม่แกล้ง” นั่นคงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดแล้วของภาคี ตั้งแต่ได้คุยกับกันมา
“แล้วรู้ได้ไงว่าไม่ห่วง...ห๊า” ต้นสนตะคอกกลับโดยไม่ทันได้นึกถึงคำพูดของตัวเอง
“ก็รู้ว่าไม่ห่วงเพราะว่าสนไม่ได้ชอบพี่นี่” ร่างสูงนั้นเคี้ยวข้าวต่อ ท่าทางยียวนไม่สนใจ
“ก็แล้วรู้ได้ไงว่าไม่..ช...อ...อุ๊บ..” มือเล็กๆ รีบปิดปากตัวเองไว้ได้ทัน ก่อนจะหลุดพูดออกไป
ภาคีทำเป็นไม่ได้ยินไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตากินข้าวไปเรื่อยๆ และก็จ่ายตังค์เหมือนทุกวัน โบกแท็กซี่กลับบ้านโดยไม่พูดอะไร ถ้าหากวันนั้น ร่างโปร่งบางนั้นอ่านใจคนได้ คงจะได้รู้ความรู้สึกของภาคีว่ามันรู้สึกดีมากขนาดไหน เจ็บคราวนั้นไม่เสียเที่ยวเลยจริง ๆ
*************************
“จะไปแล้วสิ....เดี๋ยววันนี้พี่ไปไซด์งานอยุธยา กลับวันเสาร์นะ” ภาคีเอ่ยบอกกับร่างบางที่เตรียมตัวจะไปดูแลร้านแล้ว
ตั้งแต่วันนั้นที่เขาเริ่มรู้ว่าต้นสนมีใจให้ ก็หมั่นไปเทียวรับเทียวส่งอยู่แบบนั้นเป็นปี จนมาใจอ่อนกันตอนไหนไม่รู้
รู้ตัวอีกที ก็มาอยู่ด้วยกันเสียแล้ว
“อือ.......เดี๋ยวก็อยู่ที่ร้านแหละต้องเช็คของก่อนโทรมาแล้วกันกว่าจะได้กลับสงสัยดึกๆ” อัษฎาตอบกลับ เตรียมจะก้าวเดินออกจากบ้าน
อัษฎาถูกภาคีหาว่าบ้างานอยู่บ่อยๆ แต่เจ้าของร่างบาง ก็เอาแต่พูดว่า ต้องเก็บเงินเก็บทอง เวลาแต่ละนาทีมีค่า
มีค่าแน่ล่ะ อัษฎาเอาเวลาไปทำแต่งานหมดเลย เขาเองก็ต้องออกไซด์งานต่างจังหวัดบ่อยๆ นี่ถ้าไม่เข้าใจกันอย่างแรง ป่านนี้คงไม่อยู่กันมา 7 ปี ขึ้นปี ที่ 8 หรอก
ช่วงแรกกว่าจะปรับตัวอยู่ด้วยกันได้ก็ใช้เวลานาน ทะเลาะกันจะเลิกกันไปก็หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็กลับมาดีกัน
“วันเสาร์นี้สัญญาแล้วนะว่าจะอยู่ด้วยกัน” ร่างสูงโยนกล่องข้าวที่อัษฎาทำให้เข้าไปในรถและเรียกเจ้าของร่างโปร่งที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถอีกคัน
“รู้แล้วน่ะ..พี่คี...สนไม่ได้ความจำสั้นซะหน่อย”
วันเสาร์นี้ อัษฎาและภาคีตั้งใจจะไปรำลึกความหลังที่ร้านข้าวต้มร้านเดิมที่ทุกวันนี้ก็ยังเปิดขายอยู่ ร้านน่ะไม่ได้ไปไหนหรอก แต่คนนี่สิไม่มีเวลาไปกินเลย ไม่เคยกินข้าวพร้อมกันมานานแล้ว วันเสาร์นี้โดนบังคับจากภาคีให้ต้องไปกินข้าวด้วยกัน ก็รู้หรอกว่าวันเสาร์นี้วันเกิดของตัวต้นสนเองและภาคีก็คงจะมีอะไรมาทำให้ประหลาดใจอีกแน่
เขาและภาคีอยู่ด้วยกัน ไม่เคยสวีทกันหวานแหววเหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา ไม่เคยพูดกันหวานๆ ไม่เคยกอดเคยหอมกัน ทำท่าทางจี๋จ๋ากันเหมือนคนอื่นเขาหรอก ขนาดจะมีอะไรกัน ยังชวนกันดื้อๆ เลย ดูหนังก็ไปดูกันแต่หนังบู๊ล้างผลาญ ดอกไม้วาเลนไทน์ไร้สาระ ของขวัญปีใหม่น่ะเหรอ ไม่ว่าจะวันสำคัญขนาดไหน ลืมไปได้เลย ภาคีไม่เคยมีของขวัญให้ เขาก็ไม่เคยให้ภาคีเหมือนกัน ช่างเป็นคู่รักที่ดูจืดชืดสิ้นดี แต่ภาคีก็ไม่เคยนอกใจเขาแม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยทำให้ต้องปวดหัวกับเรื่องความเจ้าชู้หรือเรื่องที่ทำให้เขาอึดอัดใจเลย เป็นยังไงก็เป็นยังงั้น เขาเองก็ตอบแทนด้วยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครให้ภาคีต้องปวดหัวเช่นกัน
“ไปแล้วต้นสน...เดี๋ยววันเสาร์เจอกัน” ภาคีขับรถออกไปแล้ว และร่างโปร่งบางก็ตามออกไป
วันนี้ก็เหมือนทุกๆ วันที่การใช้ชีวิตประจำวันเพิ่งเริ่มต้น ทั้งสองคนไม่รู้หรอกว่าวันต่อไปจะเป็นยังไง รู้แค่เพียงวันนี้ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดก็พอ
.........................................................
ชอบภาคนี้ แต่มันสั้นจริงๆ
ความคิดเห็น