ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #39 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ภาคี-ต้นสน (ตอน แล้วเราก็รักกัน 4)

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ค. 53


     ปรัชญาช่างกล ยามศึกเรารบ ยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ตอน แล้วเราก็รักกัน












    วันนี้อัษฎารีบกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและกำลังจะไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อกะดึก หลังจากเด็กหญิงตัวน้อยหลับแล้ว โดยเขาบังคับให้น้องสาวห้ามออกไปไหนให้ดูแลลูกให้ดี น้องสาวเขาก็พยักหน้ารับ แต่ไม่รู้จะทำตามหรือเปล่า

    เขาเป็นลุงของเด็กหญิงแล้ว แต่เขาก็ให้หลานเรียกเขาว่าน้าต้นสน น้าต้นสน ก็ยังไม่อยากเป็นลุงนี่นา เขารู้สึกว่าตัวเองยังเด็กอยู่เลย

    เรื่องนั้นผ่านมาเกือบเดือนแล้ว อัษฎาก็ทำเป็นลืมๆ ไปบ้าง แต่ที่น่าแปลกก็คือ พักนี้ไม่มีใครมารุ่มร่ามวุ่นวายกับเขาอีก และดูเหมือนข่าวลือแปลกๆ ก็จะหายไปด้วย

    ร่างบางนั้นฝากให้เพื่อนนำของหลายอย่างที่ไอ้คนจากแผนกโยธาให้มาไปคืน โดยการไปชี้ตัวให้เพื่อนรู้ว่าไอ้หมอนั่นหน้าตาเป็นยังไง เพราะแม้แต่ชื่อเขาก็ยังไม่รู้จัก

    และเขาก็ได้รู้ว่าหมอนั่นชื่อภาคี อายุมากกว่าเขา ถึงจะเลวโคตรแต่ที่บ้านมีฐานะมาก พ่อแม่เลี้ยงด้วยเงิน พ่อเป็นนายช่างโยธา แม่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง มิน่าล่ะ ถึงมีเงินใช้จ่ายขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่ต้องการหรอก ไม่เคยคิดจะอยากได้เลย อยากจะรีบลืมๆ มันไปซะ

    ไอ้หมอนั่นมันทำหน้างง และพยายามที่จะให้เพื่อนพามาเจอเขาให้ได้ แต่เขาก็กำชับไว้แล้วว่าอย่าให้เจอได้เด็ดขาด

    หลังจากนั้นก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว เขายังใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไป โดยพอจะรู้บ้างว่า ไอ้คนจากแผนกโยธามันเที่ยวไล่ตามเขาให้ควั่ก แต่เขาก็หลบหลีกได้พ้นทุกที และได้เห็นมันโมโหด้วยความหงุดหงิดหลายครั้ง มันจะมาตามอะไรเขานักหนา หน้าอย่างมันคงหาสาวได้อีกเป็นโหล ๆ เขาไม่ได้พิศวาสผู้ชายด้วยกันสักนิดเลย

    ***********************

    รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มมั้ยครับอัษฎาง่วนอยู่กับการคิดเงินหน้าเคาเตอร์จนไม่ทันสังเกตว่ามีใครมายืนอยู่ตรงหน้า

    ไม่ครับ...ผมซื้อบุหรี่หนึ่งซองดวงตาคมจับจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา

     

    ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่เขาเอาแต่เวียนวน ตามหา แค่คิดว่าขอเจอหน้าสักแวบก็ยังดี แต่ก็พลาดโอกาสไปหลายครั้ง แถมอัษฎาเป็นเด็กภาคบ่ายอีก เลยสวนกันไปสวนกันมาตลอด ของที่ให้ไปก็ถูกส่งกลับมาจนหมด ยิ่งตอกย้ำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นอีก

    ได้แล้วครับบุหรี่...นี่ครับเงินทอน...อ๊ะร่างโปร่งบางแทบผงะ เมื่อเห็นร่างสูงตรงหน้า ทั้งที่พยายามจะลืมหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยลืมได้สักที

    ภาคียืนนิ่งแล้วก็ก้าวออกจากร้านสะดวกซื้อไปเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ

    ทั้งที่คิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่อัษฎาก็คาดผิดไปถนัด ชายหนุ่มไม่ได้รบกวนการทำงานเขา เพียงแต่มองหน้าเขาแวบเดียวแล้วก็เดินออกไปเงียบ ๆ

    คงจะจำเขาไม่ได้แล้วด้วยซ้ำไป แต่เขาน่ะ ไม่เคยลืมเลยทุกขณะจิต ไม่เคยลืมคนที่ทำเรื่องโหดร้ายขนาดนั้นกับเขาเลยสักนาทีเดียว


    **********************

    พี่...เดี๋ยวสนกลับก่อนนะพี่..หวัดดีครับอัษฎาไหว้ลาคนที่เข้ากะต่อจากเขาเมื่อเกือบรุ่งสาง เดินออกจากร้านสะดวกซื้อที่มาทำงานอยู่ แต่ก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็พบกับคนที่ยืนอยู่

    ต้นสนทำท่าจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่ภาคีมาดักหน้าไว้ และเอื้อมมาดึงมือเขาให้เดินตาม

    ปล่อยเว้ย....ไม่ใช่ผู้หญิงนะ..มาจับมือถือแขนทำไมมือเล็กๆ สะบัดหนีการเกาะกุม แต่คนตรงหน้าก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ จับมือไม่ได้ก็ดึงแขนให้เดินตาม เวลาตี 5 กว่าแบบนี้ไม่มีใครผ่านมาเสียด้วย เหนื่อยจากการทำงานแล้ว แล้วยังต้องมาเหนื่อยกับการรบกับไอ้บ้านี่อีก จะพาไปไหนของมันเนี่ย

     

    แล้วอัษฎากับภาคีก็มานั่งอยู่ที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่งร้านหนึ่ง ภาคีสั่งนั่นสั่งนี่มาหลายอย่างและบอกให้เขากิน ๆ เข้าไป จะได้รีบกลับบ้าน

    ออกจะงงอยู่บ้างแต่ก็กินข้าวไปจนหมดจาน หนุ่มจากแผนกโยธาไม่พูดอะไรอีก นั่งเงียบแล้วก็กินข้าวในจานของตัวเองต่อไปจนหมด แล้วก็ลากให้เขาลุกขึ้นตาม จ่ายเงินค่าอาหาร และเดินมาเป็นเพื่อนเขาที่ปากซอยบ้านโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นก็โบกแท็กซี่กลับบ้าน ปล่อยให้เขาเดินกลับเข้าบ้านอย่าง งง งง

    ที่น่าแปลกไอ้บ้านั่นรู้ได้ไงว่าบ้านเขาอยู่ห่างจากร้านสะดวกซื้อไม่ไกลและอยู่ซอยนี้

    **********************

    ถึงไม่ได้เจอกันที่โรงเรียน แต่แค่เจอกันแวบเดียวตอนที่มาซื้อบุหรี่และตอนกินข้าวก็ยังดี

    ภาคีนิ่งคิดเมื่อขึ้นมานั่งบนรถ เขาตัดสินใจอยู่นานว่าจะเข้าไปหาเลยดีมั้ย จะพูดอะไรดี

    เขาเริ่มยอมรับกับตัวเองได้แล้ว ว่าเขาชอบต้นสน แต่ไม่รู้จะจีบยังไงดี ตอนแรกก็แค่คิดว่าตัวเองแปลกไป ไม่แน่ใจว่าชอบหรือเปล่า แต่ที่เขาเอาแต่ตามหาร่างบางอย่างกับคนบ้านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดี เขาไม่เคยต้องตามใครมาก่อน

     

    ทั้งที่สุดท้ายก็ได้เจอหน้าแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ เขากลับไม่กล้าพูดอะไรซะได้


    วันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไป เขาต้องมาดักรอต้นสนอีก บางคืนเขาเอาเสื้อชอร์ปของต้นสนมาห่มนอนด้วย ไม่งั้นเขาคงจะนอนไม่หลับ ความรู้สึกแบบนี้ ถ้าไม่เรียกว่ารัก ไม่เรียกว่าชอบ จะเรียกว่าอะไร

    เรื่องที่ว่าผู้ชายปกติถ้าลองได้รู้จักร่างกายผู้ชายด้วยกัน จะติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น ท่าจะจริง แต่เขาเป็นกับเฉพาะต้นสนเท่านั้น กับคนอื่นในสถาบัน แค่คิดก็สยองขวัญแล้ว

    ***********************

    เฮ่ย...สน..ผู้ชายผิวเข้ม ๆ หน้าหล่อ ๆ อ่ะเพื่อนสนเหรอ...เห็นเข้ามาซื้อบุหรี่เวลานี้ทุกวันเลยหญิงสาวที่เข้ากะเดียวกันกับอัษฎาเอ่ยถาม ดวงตาพราวระยับ

    เปล่า....ร่างบางตอบเสียงเบา

    ไอ้ภาคีแผนกโยธาจะเข้ามาซื้อบุหรี่ตอนตี 2 ของทุกวัน และจะลากเขาไปกินข้าวด้วยตอนตี 5 ครึ่ง หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้านทางใครทางมัน เป็นอย่างนี้มาสามสี่เดือนแล้ว แต่แทบจะไม่ได้คุยกันเลย นอกจากคำพูดที่หลุดออกจากมันว่า

    สนกินอะไรดีวันนี้

    โดยที่ไม่รอคำตอบ มันก็สั่งนั่นสั่งนี่มาจนเต็มโต๊ะ แล้วก็กิน กิน กิน จนหมด แล้วก็จ่ายตังค์ พอเขาเอาเงินวางให้
    มันก็ทำหน้าตาหงุดหงิดใส่ แล้วก็เอาเงินมายัดคืนใส่มือ ขึ้นแท็กซี่กลับบ้านตอน 6 โมงเช้าทุกวัน เป็นแบบนี้มาตลอดโดยที่เขาก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ช่วงแรกๆ เขาเกลียดมันมาก ไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้า มันเองก็คงพอรู้ตัว ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่สั่งกับข้าวมานั่งกิน แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว

    จนวันนี้มันผิดสังเกต ทำไมยังไม่มาอีก นี่มันจะตี 3 แล้วนะ อัษฎารู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา ปกติป่านนี้ต้องโผล่หน้ามาแล้วก็พูดว่าซื้อบุหรี่หนึ่งซองแล้วก็จ่ายเงินแบงค์ร้อยหนึ่งใบ แล้วก็เดินออกไปรอเขาที่เก้าอี้
    ใต้ต้นไม้ด้านหน้าเพื่อจะไปกินข้าวพร้อมกันนี่นา

    แต่วันนี้หายไปไหน วันนี้หายไปไหนกัน
    หรือว่าเบื่อแล้ว
    เบื่อแล้วแน่ ๆ เลย
    ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ

    ยิ่งคิดต้นสนก็ยิ่งกระวนกระวายหนักขึ้น ตาคอยแต่จะเหลือมองที่หน้าประตูร้านอยู่บ่อยๆ แต่ไม่มีแม้แต่วี่แววของภาคีเลยสักนิดเดียว

    *******************

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×