คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : ตอน เพิ่งเข้าใจ
"คุณกนกพัฒน์ คุณยังเป็นลูกของฉันอยู่หรือเปล่า" เสียงของแม่ คำถามที่ทำให้อ้อนกลั้นเสียงสะอื้นไว้ในลำคอ
ผมขอโทษครับแม่ ผมขอโทษ ที่ไม่เคยกลับไปดูแลแม่เลย ผมขอโทษที่ไม่ยอมติดต่อกับแม่ ผมขอโทษที่ไม่ยอมกลับไปหา ไม่ยอมกลับไปเจอแม่หลายวัน
อ้อนนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถามของแม่ และค่อย ๆ กดวางโทรศัพท์อย่างช้า ๆ
ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงทำกับแม่แบบนี้ ทำไมไม่พูดกับแม่ แต่ถ้าให้เลือกได้ ถ้าผมไม่เกิดเป็นลูกของแม่คงดีกว่านี้
แม่คงไม่ต้องลำบากใจ ไม่ต้องใช้หนี้แทนผม แม่ต้องเป็นทุกข์เพราะผม แค่นี้มันก็มากเกินพอแล้ว
อ้อนค่อย ๆ ทิ้งกายลงนั่งบนพื้นในห้องครัวอย่างช้า ๆ หลังจากจัดการล้างแก้วน้ำ ล้างชามจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แม่โทรมาทุกวัน วันละหลาย ๆ รอบ เพียงแค่อยากจะถามว่า "เมื่อไหร่ลูกจะกลับบ้าน ทำไมทำรายงานนานเหลือเกิน แม่คิดถึง"
แต่ก็เหมือนเดิม คำตอบของอ้อนยังเหมือนเดิม คือนิ่งเงียบ และบอกว่ารำคาญ เดี๋ยวก็กลับไปหาเอง
รู้ทั้งรู้ว่าคำพูดนั้นจะทำให้แม่เสียใจ แต่ก็ยังทำ ยังคงทำแบบนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดอย่างนี้ทุกครั้ง
พูดทั้ง ๆ ที่ปวดใจ เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้ เมื่อก่อนเราสองคนแม่ลูกมีความสุขมากกว่านี้ พูดคุยกันได้อย่างมีความสุข
ผิดที่ผมเอง ผิดที่ผมดีแต่ทำให้เกิดปัญหา ผมขอโทษครับแม่ ผมขอโทษ ผมคิดถึงแม่ ผมจะกลับบ้าน....อีกสองสามวันนี้นะครับ
อ้อนนั่งมองโทรศัพท์เงียบ ๆ แล้วก็เอนศีรษะพิงอยู่กับผนัง
เหนื่อย อยากร้องไห้ อยากอยู่เงียบ ๆ เฉย ๆ ไม่อยากคิดอะไรอีก เรื่องเล็กน้อยที่กัดเซาะจิตใจมาตลอดสองปี
นับตั้งแต่รู้ว่าตัวเองจะวิ่งไม่ได้อีก นับตั้งแต่ที่รู้ว่าแม่ต้องมีภาระจากการหาเงินมาใช้หนี้ค่าซ่อมรถ
ไหนจะต้องเลี้ยงลูกที่เหมือนคนเป็นง่อย และยังภาระต่าง ๆ อีกมากมาย
ทั้งที่เป็นลูกชายแท้ ๆ กลับได้แต่แบมือขอเงินไปวัน ๆ แล้วแบบนี้จะไม่ให้สมเพชตัวเองได้ยังไง
ตอนนี้น้ำตารินไหลอยู่ในอก ร้องไห้ กับตัวเองเงียบ ๆ ร้องไห้โดยที่ไม่มีน้ำตาสักหยด
"เฮ่อ ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ตลอดเลยวะ ทำไมไม่ตายห่าไปตั้งแต่ตอนรถคว่ำก็ไม่รู้ ไอ้ขาเฮงซวยนี่ก็ จะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ยวะ"
อ้อนมองขาของตัวเองที่ไม่สามารถวิ่งได้อีก และไม่สามารถงอเข่าได้เหมือนคนปกติ มองแล้วก็ยิ่งสมเพชตัวเอง ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่นิ่งมองอยู่อย่างนั้น ก่อนจะค่อย ๆ พยุงร่างกายขึ้นอย่างช้า ๆ และเดินลากขาขึ้นไปบนห้องนอน
ดึกมากแล้ว อยากพักผ่อน หลายวันมานี้เหนื่อยเหลือเกินจากการที่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนมา ดูเหมือนอาการอ่อนเพลียทั้งทางกายและทางจิตใจจะเพิ่มขึ้นมากกว่าทุกวัน
ไหนจะเรื่องไอ้ทาน
ไหนจะเรื่องที่บ้าน
ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ ก็ทำให้เป็นทุกข์ได้ทั้งนั้น
"หายไปไหนมาตั้งนาน ง่วงนอนแล้ว ทำไมถึงมาช้า"
ทานตะวันลุกขึ้นจากเตียงและก้าวเดินเข้ามากอดเอวของอ้อนไว้แน่นจากด้านหลังแถมยังซบหน้าลงบนลาดไหล่บางของคนที่กำลังหันหลังไปปิดประตูห้อง
เพราะถูกกอดรัด ทำให้อ้อนไม่ทันได้ตั้งตัว รีบหันกลับมาหวังจะผลักให้อีกฝ่ายออกห่างทันทีด้วยความตกใจ
"เฮ้ย อะไรวะ อะไรของมึงอีกเนี่ย" ฝ่ามือยันแผ่นอกกว้างของคนที่นอนป่วยมาหลายวันให้ออกห่าง แต่ทานตะวันกลับใช้สองแขนกอดรัดร่างของอ้อนเอาไว้แน่น
ลืมตัวไปชั่วขณะไม่รู้ว่าอยู่ดี ๆ ทำไมถึงได้เดินมากอดอ้อนเอาไว้แบบนี้
"ไม่มีอะไร ไม่รู้จักเหรอ กอดไง ถามมาได้ ไม่น่าโง่" ทานตะวันเพิ่งรู้สึกตัว รีบปล่อยร่างในอ้อมแขนให้เป็นอิสระ และยังคงไม่เข้าใจตัวเอง ได้แต่ยืนเกาหัวแกรก ๆ ไม่รู้จะตอบคำถามของอ้อนยังไง
"ทำอะไรบ้า ๆ ไข้กลับหรือไงวะ" เสียงบ่นงึมงำ ทำให้ทานตะวันเงยหน้ามองใบหน้าของคนที่เดินไปนั่งบนโซฟา และยังคงหันไปมองหน้าของคนตัวโตที่ค่อย ๆ ก้าวมานั่งลงบนเตียง
ทานตะวันยังคงครุ่นคิดถึงคำตอบของตัวเอง ที่ตอบออกไป
ทำไมวะ
เออ ทำไมอยู่ดี ๆ เดินไปกอดไอ้อ้อนมันอย่างนั้นวะ แปลก เป็นอะไรของกูวะเนี่ย
"จะกลับไปบ้านแล้ว หายดีแล้วนี่ ถึงเป็นคนใช้ก็อยากกลับบ้านบ้าง ได้หรือเปล่า" คำถามของอ้อนทำให้ทานตะวันถึงกับหน้าซีด
กลับบ้านอีกแล้วเหรอ จะบ้าหรือไงวะ อยู่ด้วยกันตั้งหลายวันแบบนี้ อยู่ดี ๆ จะให้กลับไปนอนคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้เหรอ ไม่เอานะ นอนคนเดียวมันแปลก
อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่มาบอกว่าจะไม่อยู่ด้วยแบบนี้แล้วจะให้ทำยังไงวะ
"ได้มั้ย เป็นคำขอร้อง ได้หรือเปล่า" อ้อนถามย้ำอีกครั้ง ใบหน้าเครียดขรึม จนคนฟังถึงกับต้องก้มหน้านิ่ง ๆ และลุกขึ้นเดินไปนั่งข้าง ๆ อ้อนบนโซฟา
มาทำไมวะ เดินไปเดินมาอยู่นั่น กะอีแค่จะกลับไปอยู่บ้านเหมือนปกติ เหมือนเมื่อก่อน ไหนตอนแรกไอ้ทานมันไม่ค่อยชอบให้มานอนที่นี่ไง แล้วนี่เกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีก ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนี้ จะทำอะไรอีกล่ะ
"ทำไมต้องกลับด้วย" คำถามง่าย ๆ ทำให้อ้อนหันกลับไปมองหน้าของทานตะวันและยิ่งไม่เข้าใจคำถามของคนบ้ามากขึ้น
ก็ไม่ทำไม ก็จะกลับ จะทำไม อย่าบอกนะว่าจะมาพูดข่มขู่กันอีก ไม่ไหวแล้วนะถ้าจะทำแบบนั้นอีก มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ไปหลายวันเพราะต้องอยู่ดูแลไอ้ทาน
แล้วนี่อย่าบอกนะว่าแม้แต่บ้านก็จะไม่ให้กลับ จะให้ตัวติดกันตลอดเวลาเลยหรือไง
"แล้วทำไมถึงไม่ให้กลับ ก็กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนไง หายแล้ว กูก็กลับบ้านกู มึงก็อยู่บ้านมึง แค่วันหยุดเท่านั้นไม่ใช่เหรอที่กูต้องมาช่วยมึงทำนั่นทำนี่ แค่ถูหลังทำวันเสาร์อาทิตย์เหมือนปกติ แล้วเรื่องอื่น ๆ ก็ทำตามปกติไม่ใช่หรือไง แล้วก็.....ให้ลืมเรื่องที่มึงไม่สบายให้หมดด้วย ก็นี่ไง ทำให้อยู่นี่ไง"
แล้วทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย ไม่เห็นจำเป็นขนาดนี้เลย
"ปวดหัวอีกแล้วนะ ตัวร้อนด้วย" ทานตะวันรีบดึงมือของอ้อนให้มาแตะที่หน้าผาก และทำหน้าเศร้า หวังเรียกร้องความเห็นใจอีกครั้ง แต่อ้อนขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจท่าทางของคนตัวโต
ไอ้ทานมันทำอะไรของมันวะ หายแล้วชัด ๆ ยังจะมาทำเป็นไม่สบายอีกทำไม
"แล้วยังไง สรุปว่าที่บอกว่าไม่ต้องมายุ่งตั้งแต่แรกนี่มันยังไงกันแน่ไอ้ทาน ตกลงมึงจะเอายังไงของมึงกันแน่
เดี๋ยวมึงก็หาว่ากูยุ่งกับมึง ไล่ให้ไปไกล ๆ เดี๋ยวก็จะให้อยู่ด้วย ตกลงจะเอายังไง กูเหนื่อยแล้วนะ ถ้ามีเงินล่ะก็กูคงไม่ต้องมาเป็นหนี้มึง แล้วก็ไม่ต้องมาคอยรับใช้มึงแบบนี้ ไม่ต้องมานั่งเครียดเรื่องนั้นเรื่องนี้จนแทบจะบ้า ไม่ต้องกังวลไม่ต้องกลัวอะไรเลย ทำไมล่ะทาน ตกลงกูจะต้องทำตามใจมึงอีกนานแค่ไหน กูอยากตาย ๆ ไปให้พ้น ๆ มึงจะเอาอะไรกับกูนักหนาวะ แม่งเอ้ย"
ไม่เคยเป็นแบบนี้ อ้อนไม่เคยเครียดขนาดนี้ แต่หลายอย่างที่สะสมมากขึ้น และถูกกักเก็บไว้ในใจ อยู่ ๆ กลับถูกเปิดออกมา
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนนี้ อ้อนมาพูดแบบนี้ คงได้ลงไปกองกับพื้นตั้งแต่พูดได้ไม่ถึงประโยค และในอีกไม่กี่นาทีถัดมา ทานตะวันคงกดโทรศัพท์โทรหาแม่ของอ้อนและบอกทุกสิ่งทุกอย่างแบบไม่สนใจความรู้สึก ว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไง แต่วันนี้ สิ่งที่ควรจะเป็นเหมือนวันก่อน กลับเปลี่ยนไป
คนตัวโตได้แน่นั่งฟังคำพูดของอ้อนเงียบ ๆ ในใจไหวเอน และเอาแต่ก้มหน้านิ่ง ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับความรู้สึกน้อยใจที่พุ่งสูงขึ้นเพราะคำพูดของอ้อนได้ยังไง
"เอาเลยก็ได้ ไม่ได้เป็นอะไรแล้วนี่ จะเตะจะต่อย จะทำอะไรก็เชิญเลย เหนื่อยแล้ว มึงอยากจะทำอะไรกูก็เอาเลยเถอะ ยังไงซะ มึงก็ไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครอยู่แล้ว กูเหนื่อยไอ้ทาน กูเหนื่อย มึงเข้าใจมั้ย กูเหนื่อย มึงเข้าใจบ้างมั้ย ว่ากูเหนื่อย"
อ้อนยังคงพูดสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจมานาน พูดออกไปเรื่อย ๆ พูดมากขึ้น มากขึ้น และสุดท้ายก็หยุดนิ่งเงียบ เอนแผ่นหลังลงพิงกับพนักโซฟา และหลับตานิ่ง ๆ
ใช้ท่อนแขนพาดไว้ที่หน้าผาก ขบริมฝีปากแน่น เหมือนร่างกายกำลังสั่นสะท้านและควบคุมความรู้สึกไม่ได้ ฝ่ามือกำแน่น ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากสนใจเรื่องรอบตัว อยากจะมีสวิตไฟในตัว ที่สามารถเปิดปิด ไม่ต้องรับความรู้สึกอะไรอีก
เหนื่อยแล้ว
เหนื่อยเหลือเกิน
เหนื่อยทั้งใจเหนื่อยทั้งกาย
จนเกินขีดความสามารถที่ตัวเองจะรับได้อีก
ความรู้สึกอึดอัดกดดัน ถูกส่งผ่านไปถึงทานตะวัน ที่ได้แต่นั่งมองภาพใบหน้า และท่าทางที่อ่อนล้าของคนที่ยังใช้ท่อนแขนปิดบังใบหน้าของตัวเอง
เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะต้องมานั่งปลอบใจใคร ก็ได้ทำ
ไม่เคยเข้าใจใคร ก็ต้องพยายามเข้าใจในวันนี้
ฝ่ามือของทานตะวันเอื้อมคว้ามือที่ยังกำแน่นของอ้อน มาลูบไล้อย่างช้า ๆ และกุมเอา
ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง คนที่กำลังเครียดถึงจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง ไม่รู้ต้องทำยังไง ถึงจะทำให้อาการแบบนี้ของอ้อนหายไป
มือที่ยังกำแน่นเตรียมสะบัดหนีอย่างที่คิด แต่ทานตะวันก็ยังคงไม่ยอมปล่อย ยังรั้งเอาไว้ และสอดปลายนิ้วเข้าหาที่ข้อนิ้วแต่ละข้อของอ้อน และรั้งร่างของคนที่ยังหลับตาพิงศีรษะอยู่บนพนักโซฟา ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน
อ้อนปรือตาขึ้นอย่างช้า ๆ และจ้องมองใบหน้าของทานตะวันเหมือนไม่เข้าใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า ไม่ว่าจะหนี ไม่ว่าจะใช้แขนยันแผ่นอกกว้างให้ห่างกาย
แต่สุดท้าย เพราะสายตาดุ ๆ ที่จ้องมองมา ทำให้อ้อน ยอมให้ทานตะวันดึงเข้าไปกอด และยอมซบหน้าลงกับแผ่น อกกว้างของคนที่ไม่เอะอะโวยวายเหมือนทุกวัน
หัวคิ้วที่ขมวดมุ่นค่อยคลายลงแล้ว และนิ่งเงียบอยู่ภายในอ้อนแขนที่ให้ที่พักพิง
ดวงตากลมโตหรี่ปรือลงอย่างช้า ๆ
เอาเถอะ ไม่รู้ไอ้ทานมันจะเป็นคนดีไปได้นานแค่ไหน ไม่ใช่ว่าจะมันจะดีด้วยอย่างนี้ตลอดหรอก แค่วันนี้มันไม่ออกฤทธิ์ออกเดชก็นับว่าโชคดีแล้ว
เพราะฉะนั้นในเมื่อมันหยิบยื่น ความอบอุ่นมาให้แค่ชั่ววินาที ก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ ขออยู่เงียบ ๆ อย่างนี้สักวันเถอะ ขืนต้องทะเลาะกันอีกคงได้แย่ไปกว่านี้แน่ ๆ
"ไปสิ อยากกลับบ้านก็ได้ ไม่ได้เจอแม่มาหลายวันแล้วนี่ ป่านนี้แม่คงเป็นห่วงแย่แล้วเนอะ เห็นโทรมาหาทุกวันเลยแล้วบอกแม่ไปบ้างหรือเปล่าว่าคิดถึง เนี่ย แม่กูนะ ถ้าโทรมากูก็บอกไปว่าคิดถึงตลอดแหละ แต่แย่หน่อยที่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลา ถึงอยากโทรไปหา ถึงอยากคุยก็ทำไม่ได้หรอก เขาไม่ว่าง แม่เขาก็มีลูกใหม่แล้ว พ่อเขาก็ทำแต่งาน เขาสัญญาว่าจะมาดูกูแข่งบอลนัดชิง แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมาได้หรือเปล่านะ ต้องซ้อมหนัก ๆ ทุกวันเลย
ถ้าได้ถ้วยชนะเลิศ พ่อแม่เขาคงภูมิใจบ้าง พูดว่าคิดถึงแม่บ้างก็ได้นี่ แม่ของมึงเขาคงอยากฟัง แม่กูสิ ต่อให้บอกว่าคิดถึงแค่ไหน เขาก็ได้แต่บอกกลับมาว่า แม่ก็คิดถึงทาน แต่เขาไม่เคยว่างเลยทุกครั้งที่โทรหาเขา ขนาดไม่สบายหนัก ๆ เขายังไม่กลับมาดูเลย เขาโทรตามหมอมารักษาที่บ้านแทน แบบนี้น่าอิจฉามั้ย น่าอิจฉาพิลึกเลย ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเอง ไม่ต้องมีใครจับกรอกยา ถ้าเป็นหนัก ๆ ฉีดยาเข็มสองเข็มก็หายเองแหละ ดีมั้ย ดีเนอะ ไม่ต้องกินยา ใช่มั้ย"
อ้อนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าทานตะวัน ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เมื่อไม่กี่นาทีก่อน กำลังรู้สึกโกรธ และหวังเพียงแค่ให้ทานตะวันทำดีให้บ้างแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เวลานี้ ความทุกข์ใจของตัวเองเบาบางลงไปมากกว่าครึ่ง
มือที่กุมเอาไว้ยังคงให้ความอบอุ่นได้
แต่อ้อนกลับยกมือของทานตะวันขึ้นมาแนบไว้ที่อก
ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกสงสารจับใจ ไม่รู้ว่าทำไม ตัวเองถึงได้รับรู้เรื่องที่ไม่คิดว่าจะได้รู้
ทานตะวันเงียบเสียงลงแล้ว และยังคงกอดรัดร่างของคนในอ้อมแขนเอา
ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กล้าเล่าเรื่องของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง แต่รู้สึกไว้วางใจและสนิทใจที่จะเล่า
"คราวหน้าถ้าไปบ้านมึงอีก กูจะซื้อของไปฝากแม่มึงบ้างนะ แม่ใจดี อย่างน้อยแม่มึงก็รอมึงกลับบ้าน ไม่เหมือนกู กลับบ้านมาก็อยู่คนเดียว เหงาจะตาย ไม่ชอบเลย ไม่ชอบเลยว่ะ เวลาที่เหงา กลัว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน"
ทานตะวันไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้าง รู้แต่ว่าพูดออกไปตามความรู้สึกที่แท้จริงจากหัวใจ
และนั่นก็ทำให้อ้อนถึงกับต้องเป็นฝ่ายกุมมือของทานตะวันเอาไว้แน่น และนิ่งฟังคำพูดที่หลุดออกมาอย่างไม่ตั้งใจของทานตะวัน ที่ยังคงเล่าเรื่องที่อ้อนไม่รู้อีกมากมายให้ได้รับรู้
ใบหน้าของอ้อนแหงนเงยขึ้นจ้องมองคนพูด ที่ยังพูดต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
ทำไม....
ทั้ง ๆ ที่คิดว่า อิจฉาไอ้ทานยิ่งกว่าใคร ๆ
แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกถึงสิ่งนั้นอีกเลย
ทานมันเป็นแค่ เด็กตัวเล็ก ๆ ในร่างของผู้ใหญ่ที่อยากได้ความรักความห่วงใยจากใครสักคน
เพราะอย่างนี้หรือเปล่ามันถึงได้เอาแต่ทำตัวงี่เง่า เพื่อเรียกร้องความสนใจจากใคร ๆ
ทาน
ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก
กูคงจะพยายามทำความเข้าใจมึงให้มากกว่านี้ ที่เอาแต่เหม่อเวลาที่อาบน้ำ ที่เอาแต่เอะอะโวยวายเพราะมันเหงา มันไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ อย่างนั้นหรอกเหรอ
ทาน
กูขอโทษ ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก กูคง.......กูคงเข้าใจมึงมากกว่านี้ และคงไม่มีอคติกับมึงมากมายถึงขนาดนี้
กูขอโทษ กูขอโทษจริง ๆ ที่เข้าใจมึงผิดไป
กูขอโทษ สัญญาเลย ต่อไปนี้ กูจะพยายามเข้าใจมึงให้มากกว่านี้ กูสัญญา
*********************************************
ความคิดเห็น