ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1
“ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง”
ร้องเป็นเพลง คู่กรรมเลยซะเลย เพราะผมไม่รู้จริงๆว่าที่ผมได้มารู้จักกับมัน เป็นลิขิตจากฟ้า หรือยมบาลกลั่นแกล้งผมกันแน่ รู้แต่ว่าตั้งคบมันเป็นเพื่อนมา ไม่มีวันไหนที่ผมได้อยู่อย่างสงบ ตอนแรกที่ไม่สงบเพราะตัวมัน พอต่อมาที่ไม่สงบมันเกิดจากผม หัวใจของผมเอง เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะต้องมาตกหลุมรักผู้ชาย แถมเป็นผู้ชายเถือนๆอีกด้วย ท่าทีรักครั้งนี้ผมคงหมดหวัง ไม่มีปัญญาจับมันทำเมีย ถ้าผมทำแบบนั้นจริง ผมคงได้ไปรอมันที่ทางช้างเผือกแน่ๆครับ มันคงจะตามผมไปหรอก ทางสามแพร่งน่าจะเหมาะกับมันมากกว่า เอ๊ะ หรือจะห้าแพร่งดีให้มันอินเทรน
หลังจากเสร็จกิจกรรมพอน้องเฟรชชี่คณะวิศวะทุกคนไปไหว้ศาลเจ้าพ่อประมหาวิทยาลัยแล้ว ก็ปล่อยให้น้องๆไปทำธุระส่วนตัว กิน ขี้ ฉี่ เยี่ยว แล้วแต่น้องจะทำ แล้วจะให้แยกย้ายกันไปพบพี่ๆในภาคที่ตัวเองเรียนในตอนบ่ายโมง คณะวิศวะในมหาวิทยาลัยผม จะมีทั้งหมด 4 ภาค มีภาคเกษตรที่ผมเรียนอยู่ ภาคเครื่องกล ภาคโยธา และวิศวะทั่วไปอีก แล้ววิศวะทั่วไปก็จะแยกออกเป็นสี่ภาคในปีสองว่าจะเลือกไปเรียน วิศวะคอมพิวเตอร์ วิศวะไฟฟ้า วิศวะเคมี และวิศวะอุตสาหกรรม งงไหมครับ แล้วภาคเกษตรก็จะแบ่งออกเป็นสองสายตอนปีสองว่าจะเลือกเรื่อง ทางเครื่องกล หรือว่าสายดินและน้ำ ซึ่งเป็นสายโหด และถ้าเรียนต่ออีก 1 ปี ก็จะได้ใบกระกอบวิชาชีพของโยธา ตัวผมจึงเลือกเรียนสายนี้พร้อมกับไอ้อาร์ม อย่างที่บอกผมเรียงลำดับเลือกคณะผิด ความจริงผมเลือกวิศวะโยธาเป็นอันดับแรก ผมเลือกวิศวะเกษตรแค่เล่นๆ ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องจริง ส่วนไอ้อาร์มมันบอกว่าพ่อมันอยากให้เรียนโยธา แล้วมันให้เหตุผลง่ายๆเพราะภาคนี้คะแนนต่ำสุดในวิศวะ มีแววที่มันจะได้เรียนวิศวะก็ภาคนี้แหละ แต่เวลาเรียนทุกคนกลับให้ความเห็นว่าภาคเกษตรยากที่สุดเพราะต้องเรียนของทุกภาค แล้วไม่ใช่เรียนแค่ตื้นๆนะครับ ต้องเรียนเจาะลึกอีกต่างหาก ดั่งนั้นพอถึงปีสี่จึงเหลือคนรอดชีวิตจากภาคนี้แค่ครึ่งเดียวจากที่เข้ามาตอนปีหนึ่ง นอกนั้นโดนโหวตออกกันหมด
ตอนบ่ายนี้พวกผมก็ได้พบน้องเฟรชชี่ของภาคผมสักที อยากจะรู้ว่าปีนี้จะมีน้องผู้หญิงสวยๆหลุดรอดเข้ามาบ้างไหม นอกจากผู้หญิงจะน้อยแล้ว ยังหาผู้หญิงที่เหมือนผู้หญิงจริงๆได้น้อยกว่า ส่วนมากจะให้อารมย์ว่าผู้หญิงคนนี้สามารถปกป้องชีวิตเราได้ เอาไปรบแทนทหารที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้สบายๆ แถมยังเป็นรุ่นเหยียบระเบิดแล้วยังไม่ตายแถมยังลุกขึ้นมาวิ่งได้ต่ออีกต่างหาก คิดดูสิครับว่าภาคนี้มันน่าหดหู่ขนาดไหน ผมยังจำได้ดีวันแรกที่ผมเข้ามาเป็นปีหนึ่งแล้วเป็นวันแรกที่ผมได้เจอมัน
.
.
.
.
.
“นี่มันเลยเวลานัดมาสิบนาทีแล้วนะครับน้องๆ รีบนั่งให้เรียบร้อย แยกชายหญิงด้วยนะครับ” เสียงพี่โต้ง พี่ปี 2 ตะโกนสั่งเด็กปีหนึ่งภาคเกษตรอย่างพวกผม ผมก็ได้แต่เงียบแล้วนั่งฟังพวกเพื่อนๆคนอื่นเค้าคุยกัน ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง จะว่าไปภาษาอีสานนี่ก็มีหลายสำเนียงมากเลยนะ ถึงจังหวัดเดียวกันแต่คนล่ะอำเภอสำเนียงก็ไม่เหมือนกันซะแล้ว จังหวัดนี้ก็เจริญใช้ได้ ถึงจะไม่เท่ากรุงเทพ แต่อย่างน้อยก็เป็นจังหวัดที่เจริญเป็นอันดับต้นๆของภาคอีสาน แถมสาวแถบนี้ก็สวยใช่เล่น ภาพสาวอีสานดั้งหัก หน้าเหลี่ยม เห็นได้น้อยมากในมหาวิทลัยแห่งนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าผมเพิ่งมาก็เป็นได้ แต่ตอนนี้ผมว่าผมเห็นแล้วล่ะสาวพวกนั้น เพื่อนภาคเดียวกันกับผมเอง ได้แต่นึกอิจฉาภาคอื่นในใจ ทำไมที่รวมตัวกันตอนเช้าเห็นสาวสวยๆตั้งหลายคน ทำไมไม่หลุดมาที่ภาคผมบ้าง ไม่ยุติธรรมจริงๆ แล้วผมก็รู้สึกเหมือนมีเสียงคนคุยกันมาจากทางด้านหลังของผม
“กูว่าแม่ยิง” (กุว่าผู้หญิง) ผู้ชายเสียงห้าวๆ ใหญ่พูดขึ้น ผมจับใจความได้แต่คำว่าหญิง
“กูว่าผุซาย ลองถามเบิ่งดุ้”(กูว่าผู้ชาย ลองถามดูสิ) เสียงแหบๆ แย้งขึ้น จับใจความได้แต่คำว่าชาย กับคำว่า ลองถาม จนผมมีความรู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดที่ไหล่
“นี่ๆ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอ่ะ” ใครตาบอดมาทักว่ากูเป็นผู้หญิงว่ะ กูก็นั่งแถวผู้ชายนะยังกล้าถามกูอีก พอหันไปมองคนที่นั่งข้างเท่านั้นแหละ ความรู้สึก อึ้ง ทึ่ง เสียว อันหลังนี่ไม่น่าจะใช่นะ ก็บินเข้ามาเต็มหัว ก็ข้างๆผมเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ หน้าตาก็ ถือว่าหล่อ แต่สายตาที่มองผมนี่มันน่ากลัวชะมัด แต่นั้นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ชุดที่มันใส่ มันช่างดูเป็นตัวของตัวเองมาก เพราะเสื้อที่พวกผมต้องใส่มาวันนี้เป็นเสื้อม่อฮ่อม แต่มันดันใส่กางเกงฮิปฮอปหลุดตูดตัวใหญ่ โชว์บ็อกเซอร์ แถมรองเท้าผ้าใบก็เป็นรองเท้าคู่ใหญ่ๆ เหยียบควาย ควายอาจตายได้ นั้นยังไม่น่าทึ้งเท่ากับสร้อยที่มันใส่อยู่ในคอ นั้นมันสร้อยหรือโซ่คล้องช้างกันว่ะ ทั้งหมดที่พูดมามันอาจจะดูดี ถ้ามันไม่ใส่เสื้อม่อฮ่อมอยู่ในตอนนี้ เป็นการกำเนิดของฮิปฮอปสไตล์อีสานครั้งแรกของโลก เอากับมันสิว่ะ
“ผู้ชาย” ผมตอบอย่างไม่สบอารมย์ พอตอบไปแล้วไอ้คนที่สะกิดผมก็หันไปเถียงกันกับเพื่อนเสียงแหบมันทันที
“กูบอกแล้วว่าผู้ชาย ทำไมไม่เชื่อกู มึงใช้ตาไหนดู” โอ้ยไอ้ห่านี่ กูจำได้เมิงบอกว่ากูเป็นผู้หญิงไม่ใช่หรอ แถไปอย่างด้านๆเลยนะ เพื่อนมันอีกคนได้แต่นั่งเหว่อ แถมยังพูดเป็นภาษากลางอีกต่างหาก
“โต๋ มาจากที่ได๋” (นายมาจากไหน) ทำไมเปลี่ยนภาษาได้รวดเร็วขนาดนี้เนี้ย กูจะฟังรู้เรื่องไหม
“ห๊า” ผมได้แต่ทำหน้าเอ๋อ
“นายมาจากที่ไหน” พอมันดูหน้าเอ๋อของผมแล้วรีบเปลี่ยนภาษาทันที
“อ่อ มาจากกรุงเทพ”
“โอ้วว เด็กกรุงเทพ กูชื่ออาร์ม ส่วนไอ้หน้าลิงนี่ ชื่อหนึ่ง เป็นคนจังหวัดนี้ล่ะ” แหม่มันรีบเปลี่ยนเปลี่ยนภาษาแล้ว ใช้ระดับภาษาที่สนิทกันมากขึ้น ส่วนไอ้หน้าลิงนั้นก็ยันหลังไอ้อาร์มใหญ่
“ไผ๋หน้าลิง บักสันดาน” (ใครหน้าลิง ไอ้สันดาน) ไอ้คนโดนถีบก็ได้แต่หัวเราะ ผมก็ได้แต่นั่งยิ้มแบบเอ๋อๆไป เพราะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วพวกมันก็ชวนผมคุย
“ผู้หญิงภาคเรามีแค่ 14 คน ผู้ชายมี 90 คน แถมหน้าตาผู้หญิงแต่ล่ะคนแค่กูเห็นกูก็อยากเป็นหมันแล้วว่ะ” ไอ้อาร์มมันบ่นออกมา
“มึงยังไม่เห็นคนนั้นล่ะสิ” ไอ้หนึ่งมันชี้ไปที่ผู้หญิงคนที่นั่งเป็นคนที่สองของแถว
“อย่างน่ารักเลยมึง ชื่อฝ้าย กูชอบ” แล้วเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะได้ยินที่พวกเราพูด เลยหันมามองแว๊บหนึ่งก่อนหันไป ฝ้ายเป็นผู้หญิงตัวผอมๆ ผิมขาวอมเหลือง ตาโตๆ ปากก็เจ่อนิดหน่อยพอเซ็กซี่ แก้มป่องๆ ท่าทางนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด เพราะเห็นมีเพื่อนผู้หญิงหันไปพูดด้วยเป็นประเภทเค้าถามสิบคำตอบมาคำเดียว ดูหยิ่งๆ ว่าก็ว่าเถอะ ผู้หญิงคนนี้ดูดีที่สุดในภาคผมแล้วล่ะผมคิดว่านะ
“งั้นๆแหละ” ไอ้อาร์มมันพูดขัดทันที พูดก็ไม่ใช่เสียงค่อยๆ ฝ้ายจึงหันหน้ามามองอีกรอบ ไอ้อาร์มมันก็มองตอบแบบกวนประสาท ถ้าผมเป็นฝ้ายผมคงยกนิ้วกลางให้เป็นของขวัญแน่ๆครับถ้ามองกวนประสาทกันขนาดนี้
“ 3 คนนั้น เมื่อไหรจะหยุดพูด” สามคนที่ไหนว่ะ ผมหันซ้ายหันขวา
“พวกน้องสามคนนั้นแหละ ออกมาข้างหน้านี่สิ” เฮ้ย กูด้วยหรอ ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลยนะ ไม่เชื่อขึ้นไปอ่านข้างบนได้เลย มันสองคนพูดกันเอง แต่ผมต้องติดร่างแห่ ออกไปยืนต่อหน้าเพื่อนๆทุกคน ทันทีที่ออกไปข้างหน้า ไอ้อาร์มมันก็รีบชิ่งบอกกับพวกรุ่นพี่ก่อนเลย
“หนึ่งชวนผมคุยครับ ผมบอกแล้วว่าอย่าคุยกัน มันก็ไม่เชื่อผม” อ้าว ไอ้หนึ่งตาโตมองหน้าไอ้อาร์มอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าจะทำกันได้ แล้วมันบอกตอนไหนว่าอย่าคุยกัน ทำไมผมไม่ได้ยิน ผมว่ามันไม่ได้จะหาทางเอาตัวรอดหรอก แค่มันคิดจะแกล้งเพื่อนมันเท่านั้นแหละ
“หรอออออ” ไอ้หนึ่งพูดลากเสียงยาวออกแนวประชดประชัน
“ไม่ต้องมาเถียงกัน พวกน้องคุยอะไรก็เอาไว้ไปคุยกันทีหลัง ไม่เห็นหรอว่าเพื่อนเค้าพากันเงียบกันหมดแล้ว
“หนึ่งมันบอกกับผมว่าชอบฝ้ายครับ” เสียงเพื่อนพากันโห่ ชอบใจ ฝ้ายก้มหน้าหนีด้วยความอาย แต่ผมว่ามันคงโกรธด้วยล่ะ เพราะหน้าบึ้งซะขนาดนั้น ส่วนไอ้หนึ่ง มันยืดอกรับเต็มที่เลยล่ะครับ พวกพี่ๆจึงพากันถามหาว่าใครชื่อฝ้าย แล้วฝ้ายจึงโดนเรียกตัวออกมาอีกคน ผมล่ะสงสารฝ้ายจริงๆ พี่จึงทำโทษไอ้หนึ่งโดนการให้คุกเข่าบอกรักฝ้าย ผมมองหน้าฝ้ายตอนนี้ ผมล่ะกลัวว่าจะมีมวยจริงๆ เพราะฝ้ายมองหน้าไอ้อาร์มเหมือนจะอาฆาตแถมไอ้อาร์มมันยังไม่สะทกสะท้าน มีการยักคิ้วกวนกลับไปอีก เอากับมันสิ พอไอ้หนึ่งมันโดนลงโทษเสร็จ พี่เค้าก็ปล่อยให้มันเข้าไปนั่ง พร้อมกับฝ้ายที่เดินไปนั่งที่ของตัวเอง แถมยังนั่งหน้าบอกบุญไม่รับอีก ไอ้อาร์ม กวนเค้าจนได้เรื่องเชียว
“แล้วน้องคนนี้ทำไมไปนั่งที่แถวผู้ชาย ทอมก็ต้องไปนั่งที่ผู้หญิงเข้าใจไหม” อ้าว พี่พวกเอาตาไหนมองครับ พอผมจะอ้าปากบอก ไอ้อาร์มมันก็ชิ่งพูดขึ้นก่อนอีก
“เพื่อนผมมันผู้ชายครับพี่ พี่มองยังไงเป็นผู้หญิง” ไอ้อาร์มมันรีบบอกกับรุ่นพี่ เมื่อกี้มึงก็ว่ากูเป็นผู้หญิงไม่ใช่หรอ ไอ้ตอแหล
“ถ้าพี่ไม่เชื่อ ดูนี่” พูดจบมันก็เอามือลูบเสื้อผมลงไปให้เห็นนมอันแบนราบ โหยกูตั้งตัวแทบไม่ทันเลยไอ้อาร์ม เกิดมากูก็เพิ่งโดนผู้ชายลูบหน้าอกคนแรกก็มึงนี่แหละ มึงต้องชดใช้ เอาแม่มาสู่ขอกูเลยนะ
“ถ้าพี่ยังไม่เชื่อเดี๋ยวผมถอดเสื้อมันให้ดูเลยเอา” มันประกาศออกสื่อโดยไม่ถามความยินยอมจากผมสักคำ ผมได้แต่ยึดช่ายเสื้อตัวเองเอาไว้แน่น อย่านะโวยมึง กูฟ้องมูลนิธิปวีณาจริงๆด้วย
“เฮ้ยๆ ไม่ต้อง พอแล้ว หัดอายพวกผู้หญิงบ้างสิ พวกมึงอย่ากวนให้มากนัก” อย่าเอาผมไปรวมกับมันจะได้ไหม ต้องบอกว่ามันอย่ากวนให้มันมากสิถึงจะถูก ก่อนจะโดนปล่อยกลับไปนั่งที่
แล้วจากเหตุการณ์นี้แหละครับทำให้พวกผมสามคนโดนเล่นซะหนักจากการรับน้องของรุ่นพี่ เลยทำให้เราสนิทกัน แต่โดนมาหนักก็ทำให้รุ่นพี่รักและก็เอ็นดูพวกผม โดยเฉพาะไอ้อาร์ม ได้เป็นน้องรักของพี่โต้ง เฮดของสโมสรวิศวะและเป็นรุ่นพี่ในภาคอีกต่างหาก ส่วนไอ้อาร์มบอกว่าฝ้ายหน้าตางั้นๆ แต่หลังจากนั้นแค่อาทิตย์เดียว ก็มีข่าวออกมาว่ามันกับฝ้ายคบกันอยู่ แต่หลังจากนั้นสองอาทิตย์ทั้งสองก็เดินกันคนล่ะทางอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะมันทิ้งฝ้ายหรอกครับ ผมว่าพวกมันคงคิดว่าถ้าขืนฝืนอยู่กันต่อไป ไม่นานอาจจะมีข่าวขึ้นหน้าหนึ่ง นักศึกษามหาวิทยาลัยดังฆ่ากันตายเหตุเพราะนิสัยเหมือนกันจนเกินไป ไม่ใช่เพราะเข้ากันไม่ได้ แต่เพราะเราเข้ากันได้จนเหมือนจะเป็นอาร์มภาคผู้หญิงเลยต่างหาก เหมือนกันแทบจะทุกอย่าง แค่ไม่ร้ายแรงเท่าเพราะฝ้ายมันเป็นผู้หญิง ส่วนไอ้หนึ่งมันไม่มีท่าทีเสียใจเลยที่ฝ้ายโดนอาร์มเพื่อนสนิทคาบไปแดก เพราะหลังจากฝ้ายเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ไอ้หนึ่งพอมันเห็นนิสัยจริงๆของฝ้ายเท่านั้นแหละเหยียบเบรกแทบไม่ทัน ได้แต่วิ่งไปขอบคุณสิ่งศักดิ์ที่ทำให้ฝ้ายไม่ได้ชอบมันตอบ พอมันไม่มีท่าทีชอบฝ้ายแล้ว ผมก็เห็นฝ้ายกล้าเล่นกับมันมากขึ้น จนตอนนี้ไอ้หนึ่งมันกลายเป็นเพื่อนคนสนิท แต่ผมดูว่าเหมือนลูกน้องคนสนิทซะมากกว่า ไม่ว่าฝ้ายจะพูดอะไร หนึ่งจัดให้ตลอด ส่วนไอ้อาร์มกับไอ้ฝ้าย ผมก็เห็นมันกัดกันได้แทบจะทุกงานที่เจอกัน คงมีแต่ผมนี่แหละมั้งที่ฝ้ายพูดดีๆด้วย แล้วที่ผมเล่ามา ทุกคนเห็นความดีของไอ้อาร์มบ้างไหมครับ ผมยังคงสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าผมไปชอบคนนิสัยกวน บาทา แบบมันได้ยังไง
+++++++++++++++
กลับมาแก้คำผิดค่ะ
ว๊ากกก หายไปนานนนนนนน ไรเตอร์ยังบ่ตายเด้อ แค่ติดภารกิจนิดหน่อย จะรีบมาอัพให้เร็วที่สุดนะคะ เด๋วขอตัวกลับไปปั่นให้อ่านก่อน แต่ตอนนี้คิดบ่ออก ต้องเคาะสนิมใหม่
ไม่เข้าใจคำไหน ถามได้นะคะ
ไรเตอร์ก็ไม่ได้เข้าใจภาษาอีสานทุกพื้นที่หรอกนะคะ
ใครมีอะไรจะท้วงก็ท้วงได้เลยเด้อ
จิ้นท็อปเป็นเด็กอีสานไหวไหม ขอบอกว่าเด็กอีสานหล่อๆสวยๆเยอะนะคะ ไรเตอร์พูดจริงๆ
+++++++++++++++
กลับมาแก้คำผิดค่ะ
ว๊ากกก หายไปนานนนนนนน ไรเตอร์ยังบ่ตายเด้อ แค่ติดภารกิจนิดหน่อย จะรีบมาอัพให้เร็วที่สุดนะคะ เด๋วขอตัวกลับไปปั่นให้อ่านก่อน แต่ตอนนี้คิดบ่ออก ต้องเคาะสนิมใหม่
ไม่เข้าใจคำไหน ถามได้นะคะ
ไรเตอร์ก็ไม่ได้เข้าใจภาษาอีสานทุกพื้นที่หรอกนะคะ
ใครมีอะไรจะท้วงก็ท้วงได้เลยเด้อ
จิ้นท็อปเป็นเด็กอีสานไหวไหม ขอบอกว่าเด็กอีสานหล่อๆสวยๆเยอะนะคะ ไรเตอร์พูดจริงๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น