ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] เพราะเรากัดกัน (ผูกพันธ์) by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #46 : ตอน เรื่องที่ไม่เคยรู้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.35K
      12
      9 เม.ย. 54

     ตอน เรื่องที่ไม่เคยรู้












    อารมณ์ดี อารมณ์ดีเกินไปแล้ว จะอารมณ์ดีอะไรขนาดนั้นวะ แปลกนะเนี่ย

    ไอ้ทานมันเป็นอะไรของมัน แปลก ปกติก็แปลก ๆ แต่วันนี้แปลกหนักเข้าไปอีก ไม่รู้เป็นบ้าอะไร แต่...แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

    ตั้งแต่เช้า ตั้งแต่ตื่นนอน ไอ้บ้าทานก็ทำให้ตกใจด้วยการมานั่งจ้องหน้า แล้วก็ก้มลงมาเป่าแก้ม ไม่ตื่นก็ต้องตื่น ไม่สะดุ้งก็ต้องสะดุ้ง เล่นอะไรของมันแต่เช้าก็ไม่รู้ พอเห็นว่าตื่นแค่นั้นแหละ ทำหน้าตาดีใจนักหนาที่ได้แกล้ง หัวเราะร่าทั้งวัน

    ออกจากบ้านมาพร้อมกัน ไอ้คนบ้านั่นก็ทำหน้าตาสดชื่น สดใส เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็หัวเราะ เดี๋ยวก็ร้องเพลงนั้นเพลงนี้ไปเรื่อยเปื่อย

    ไม่นับอาการที่ชอบหันมาทำตาใสแป๋วแหววใส่ แล้วร้องเรียกทำเสียงออดอ้อน จนแทบจะอดใจไม่ไหว อยากจะโน้มหน้าคนที่ทำให้ใจสั่นคนนี้มาฟัดแก้มซะให้สะใจ

    อะไรมันจะดูน่ารักกันได้ขนาดนั้น ถ้าทานมันไปทำหน้าตาท่าทางแบบนี้ต่อหน้าใคร มีหวัง ......... ได้เป็นบ้าตายแน่ ๆ

    แค่คิด ยังเป็นแค่ความคิดอยู่ เพราะหันไปมองหน้าของทานตะวันทีไร ก็พาลจะคิดไปถึงเรื่องพิลึก พิลึกได้ทุกที แล้วก็ได้แต่อมยิ้มอยู่คนเดียว


    จนคนตัวโตนั่นทำหน้าบึ้ง แล้วก็โวยวายออกมา

    "อะไร คิดอะไรไม่ยอมบอก ขำอยู่คนเดียว บ้าป่าววะ" พูดได้แค่นั้น แล้วคนขับรถก็หันไปมองถนน ร้องเพลงงึมงำอารมณ์ดีมีความสุขต่อไป

    นั่นยิ่งเรียกรอยยิ้มจากคนที่นั่งอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ได้มากขึ้น

    อ่ะนะ เจ้าชายน้อยมีงอน งอนแบบนี้มันน่า.........อ้อนได้แค่คิด แล้วความคิดก็วนเวียนอยู่ภายในสมอง พอหันกลับไปมองหน้าของทานตะวันอีกครั้ง สายตากลับมองเรื่อยไปในที่ไม่ควรมอง

    ผิวคล้ำแดดสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าคม ดวงตาที่จ้องมองตรงไป มีแต่ความจริงจังและแฝงความอ่อนหวานเอาไว้ลึกๆ
    คนเรานะ ทำไมถึงได้เป็นคนที่น่ามองได้มากขนาดนี้ มีหลายอารมณ์มีหลายรูปแบบ

    เพอเฟ็คเว้ย มองยังไงก็ดูดี มิน่าล่ะ ถึงได้มีสาวมานั่งรอเช้าเย็น


    เมื่อก่อนไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่ แต่พอมามองแบบนี้ ไอ้ทานมัน...............มัน......นายแบบชัด ๆ หลุดมาจากแคทวอร์กไหนวะเนี่ย

    สาว ๆ คร้าบ โปรดรู้ไว้เถอะว่าไอ้คนหน้าหล่อคนนี้มันไม่ไปทำหน้าใสตาโตให้ใครเห็นหรอกนะ มันทำให้ผมเห็นคนเดียว แล้วมันก็อ้อนผมคนเดียวด้วย

    อดภูมิใจอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ แล้วอ้อนก็รีบหันเหสายตากลับไปมองที่นอกรถ เมื่อรู้สึกว่ามองคนหล่อนาน ๆ พาลจะหน้ามืดวิงเวียนซะให้ได้

    "ยิ้มอีกและ อะไร มองแล้วก็ยิ้ม คิดไรอยู่เนี่ย"

    อย่าทักได้มั้ย อย่าพูดเลยดีกว่า ขืนทานมันรู้ว่าคิดอะไร ได้เป็นเรื่องแน่ ๆ

    อ้อนก็เลยได้แต่นั่งยิ้มอยู่อย่างนั้น โดยมีสารถีหน้าหล่อ ทำหน้าตาโนะเนะให้ใจสั่นเล่นเป็นพัก ๆ เอาน่ะ คนเรา .... จะมีใครได้เห็นไอ้ทาน ทำหน้าแบบนี้

    ไม่มีหรอก ไม่มี

    หึ หึ หึ ภูมิใจเว้ย ภูมิใจ

    อยากจะบอกออกไปว่า "ทำหน้าแบบนี้ไม่ระวังตัวเลยนะ"

    แต่ก็หุบปากเงียบเอาไว้ กลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้ว ทานตะวันมันจะรู้ความคิด เลยต้องอุบเงียบเอาไว้คนเดียว
    คนขับรถยังคงร้องเพลงหงุงหงิง มีความสุข ส่วนอ้อนมีแต่ความคิดชั่วร้ายอยู่เต็มหัว

    ความคิดของอ้อนส่วนทางกับทานตะวัน อ้อนคิดอีกอย่าง ทานตะวันคิดอีกอย่าง

    ความคิดของอ้อนคงไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะตอนนี้ในหัวของทานตะวันก็บรรจุความคิดบางอย่างอัดแน่นไว้เต็มไปหมด

    ".ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ ....คิดจะปล้ำงั้นเหรอ ยังเร็วไปหมื่นปี คิดแบบนี้ดีนักใช่มั้ย มันต้องใช้ความคิดของไอ้คนไม่เจียมตัวคนนี้ให้เป็นประโยชน์หน่อยแล้ว"

    ความคิดของทานตะวันไม่มีใครรู้ แต่ถ้าอ้อนรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่คงไม่กล้าคิดสิ่งที่ตัวเองคิด

    ต่างฝ่ายต่างมีแนวทางของตัวเอง เพียงแต่จะมีใครกล้าใช้กลยุทธ์และวิธีการมากกว่ากัน

    และแนวโน้มความคิดของทานตะวันมีความเป็นไปได้มากกว่า อ้อนยังไม่มีโอกาสได้รู้ แต่ถ้ารู้ตอนนี้มีหวังเลือดคงไหลหมดตัวตายแน่ ๆ ถ้าความคิดของทานตะวันเป็นจริง

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    "อ้อน อ้อน มีอะไรจะบอก"

    บอกอย่างเดียวก็ได้ ทำไมต้องทำเสียงประหลาดแล้วก็ยิ้มระรื่นขนาดนั้นด้วย แล้วไอ้มือที่เลื้อยมาโอบบ่านี่มันอารายกันล่ะเว้ยยยย

    "จริงจริง มีอะไรจะบอกจริง ๆ ฟังนะ วันนี้นะ...." ทานตะวันยิ้มร่าอย่างแสนร่าเริง เตรียมจะบอกเรื่องสำคัญของตัวเองกับคนที่เดินอยู่เคียงข้าง


    วันนี้ฤกษ์ดีเลยพากันมาแวะหาข้าวกินก่อนกลับบ้าน ก็แค่อาหารธรรมดา ๆ แต่คนที่รู้สึกว่าวันนี้ไม่ธรรมดาคือทานตะวัน

    "อือ มีอะไร " ตอบไปแล้ว แล้วก็พยายามจะยกมือที่มาโอบไหล่ออกห่างให้ได้ แต่คนตัวโตก็ไม่ยอมปล่อย ยังดื้อดึงอยู่อย่างนั้น

    "ให้ทายวันนี้วันอะไร"

    วันพฤหัสไง ถามอะไรแปลก ๆ อยากจะตอบออกไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่กล้าตอบเพราะรู้ว่าโดยปกติคนเราคงไม่มาถามประโยคแบบนี้ถ้าไม่ใช่วันสำคัญของตัวเอง

    "วันเกิดเหรอ จริงอ่ะ ดีใจด้วย"

    นึกว่าทายถูกแล้ว แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น เพราะทานตะวันส่ายหน้าแล้วก็เอาแต่อมยิ้ม

    "แล้ววันอะไร วันสำคัญใช่ป่ะ "

    จากส่ายหน้ากลายเป็นพยักหน้าแล้วก็อมยิ้ม ทายถูกนี่หว่าแล้วมันวันอะไรล่ะ วันอะไรกันหนอ

    "จำไม่ได้จริงอ่ะ"

    เพราะเห็นว่าอ้อนทำหน้ายุ่งเหยิงแล้วก็ดูท่าคงต้องคิดอีกนาน คนตัวโตก็เลยต้องรีบเฉลยก่อนที่อ้อนจะทำหน้ายุ่งไปมากกว่านี้


    ใบหน้าที่ก้มลงมาหาแล้วกระซิบบอกที่ข้างหูเสียงแผ่ว แทบทำให้ใจคนฟังหลอมละลายอยู่ตรงนั้น

    "วันนี้ครบรอบสามเดือนที่เราจูบกันครั้งแรกไง"

    ไม่อึ้งก็ต้องอึ้ง ไม่อายก็ต้องอาย ไม่เขินก็ต้องเขิน ไม่หน้าแดงก็คงไม่ใช่อ้อน

    "ง่ะ งะ อะ อะ อะ อะไรน๊า ครบรอบอะไรนะ..."

    เอ่ยถามออกไปทั้งที่น้ำเสียงตะกุกตะกัก แต่ทานตะวันไม่รอฟังคำถามนั้นให้จบ กลับทั้งลากทั้งดึงแขนให้อ้อนเดินตามอย่างเร่งด่วนแล้วก็พูดประโยคต่อไปอย่างหน้าตาเฉย

    "เพราะฉะนั้น วันนี้เราก็มาจูบกันเถอะนะอ้อนนะ...ครบรอบทั้งทีใช่มั้ยเนอะ"

    พูดทำมายยยยยยยย พูดไปได้ยางงาย ไม่ ไม่ ไม่ อย่า อย่า อย่า

    ขืนมันทำจริง ๆ ได้ชักดิ้นตายแน่ ๆ ไม่เอานะเฟ้ย ฮือ ฮือ จะบ้าตายแล้ว เลือดจะพุ่งออกจนหมดตัวแล้ว อร๊ากกกกกกก อ้ายทานบร้าาาาาาาาา

    ทำท่าจะขืนตัวหนีจากการรั้งให้เดินตามแต่แล้วกลับต้องสะดุ้งสุดตัว รีบหันกลับไปหาเมื่อมีเสียงเรียกชื่อ

    เสียงที่ได้ยินอย่างไม่คาดฝัน

    "พี่......พี่....พี่อ้อน พี่อ้อนคะ"

    แค่เสียงไม่พอ ยังมีฝีเท้าหนัก ๆ วิ่งตามเข้ามาหา อ้อนเหลียวหลังหันกลับไปมอง แล้วก็ได้แต่ยืนตะลึงมองค้างอยู่อย่างนั้น


    เมื่อตั้งสติได้ก็รีบลากแขนให้ทานตะวันรีบเดินตามอย่างรวดเร็ว

    "อะไรอ้อน ทำไม รู้จักกันเหรอ"

    คนตัวโตหันมาถาม แล้วก็ได้แต่ทำหน้าสงสัย ถ้ารู้จักกันจริง ๆ ทำไมต้องรีบเดินหนีขนาดนี้ด้วย ไม่อยากเจอกันขนาดนี้เลยหรือไง

    "พี่อ้อนจะหนีอีกแล้วใช่มั้ย ถ้าพี่ยังหนีไหมอยู่อย่างนี้.....ไหมจะได้รู้ว่าพี่มันก็แค่คนขี้ขลาด...ที่หนีความจริง"

    ความจริง ความจริงอะไร มันเรื่องอะไรกันแน่ ทานตะวันก้าวเท้าตามคนที่ทั้งลากทั้งดึงให้เดินตาม แล้วก็ยิ่งเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้

    "อ้อน ไปคุยกับเขาสิ มันเรื่องอะไรกันแน่"

    ยิ่งร่างที่กำลังก้าวเท้าหนี อยากจะหนีมากเท่าไหร่ หญิงสาวคนนั้นยิ่งวิ่งตามเร็วขึ้น

    "พี่ไม่รักไหมแล้วใช่มั้ย....ถ้าพี่ไม่รักไหมแล้ว....แล้วพี่ยังจะส่งของขวัญส่งการ์ด ส่งดอกไม้ให้ไหมทำไม ถ้าพี่ไม่รักไหมแล้ว แล้วพี่ทำแบบนี้กับไหมทำไม ทำไมพี่ไม่ปล่อยไหมไปจริง ๆ ทำไมพี่ทำแบบนี้กับไหม ทำไมล่ะ พี่บอกไหมสิ ว่าพี่ทำแบบนี้กับไหมทำไม"

    ได้ผล เสียงที่ตะโกนถาม ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต้องหันกลับมามองด้วยความสนใจ

    หญิงสาวน่ารักคนนั้น หยุดยืนอยู่กับที่ แล้วก็ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมาอย่างไม่คิดจะอดกลั้น

    เพียงเท่านั้นหัวใจคนฟังก็กระตุกวูบ แล้วได้แต่ยืนนิ่งเงียบ ไม่คิดจะหนีไปไหนอีก

     

    ไม่ใช่แค่อ้อน ที่เงียบ แต่เป็นทานตะวันด้วย ที่ฟังประโยคนั้นแล้ว นิ่งอึ้งยิ่งกว่า

    "เรื่องอะไรเนี่ย....บอกหน่อยมันเรื่องอะไร"

    น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยถาม ใบหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังตื่นตะลึงกับเรื่องที่ได้ยิน ทำให้อ้อนยิ่งไม่กล้าเผชิญหน้ากับใครทั้งนั้น

    "บอกมาสินี่มันเรื่องอะไรอ้อน บอกสิ มันเรื่องอะไรกันเนี่ย"

    จากเสียงที่แผ่วเบา กลายเป็นน้ำเสียงห้าวห้วน

    ทานตะวันไม่รอฟังคำอธิบาย ไม่คิดจะสนใจอะไรทั้งนั้น คนตัวโตรีบเดินก้าวเท้าออกจากที่ ๆ ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว
    ส่วนหญิงสาวน่ารักได้แต่ยืนร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ห่างออกไป

    "มันเรื่องอะไร นี่มันเรื่องอะไร มันเรื่องอะไรกันวะ มันเรื่องอะไร"

    ความคิดสับสนวนเวียนกันในหัว อ้อนไม่ได้วิ่งตามมา มีเพียงทานตะวันที่วิ่งกลับมาที่รถและเปิดประตูเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ

    ไม่อยากแบ่งความรักกับใคร ไม่อยากรับรู้สิ่งที่ได้ยิน
    แต่สิ่งที่ได้ยินมันคืออะไร

    เสียใจ

    ตอนนี้รู้แต่ว่าตัวเองกำลังเสียใจและยังคงช็อคกับสิ่งที่ได้ยินและได้เห็น

    ไม่จริงใช่มั้ย

    ที่ผ่านมา ....มันคืออะไร

    ที่ผ่านมา มันคืออะไร

    อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมา อ้อนมันมีคนอื่นอยู่ในใจตลอดเวลา แล้วทำไมถึง.....ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ ทำไมวะ ทำไม

    ฝ่ามือกระหน่ำไปที่พวงมาลัยรถ อย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายก็ได้แต่นิ่งเงียบและหอบหายใจหนัก ๆ ก่อนจะเอนหลังลงพิงกับพนักเบาะรถ และยกมือขึ้นกุมแน่นที่หัวใจของตัวเอง

    เจ็บ......เจ็บตรงนี้ เจ็บจนร้าวไปหมด

    ทำไมถึงได้เหมือนกำลังจะหายใจไม่ออก ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้

    ไม่อยากคิดก็ต้องคิด ไม่อยากรับรู้แต่ก็ได้รู้

    ลำคอแห้งผาก ความพยายามอดทนไร้ผล

    ทานตะวันนั่งเงียบ ๆ และปล่อยให้หยดน้ำหลั่งรินรดลงอาบแก้มอย่างช้า ๆ

    ทั้งที่รักไปแล้ว ถึงตอนนี้จะให้ไปแบ่งความรักกับใครอีกคนได้ยังไง

    ไม่ได้.....ทำไม่ได้

    ถึงทำได้ก็ปวดไปหมดทั้งหัวใจ

    "อ้อน ทำไมทำแบบนี้...ทำไมทำแบบนี้กันได้ลงคอ....ทำแบบนี้ทำไม...ทำแบบนี้ทำไม...."

    ทานตะวันที่เคยเข้มแข็งทำได้แค่คร่ำครวญด้วยความปวดร้าวโดยที่ไม่มีใครรับรู้ ทำได้แค่คร่ำครวญร้องไห้ด้วยความเสียใจ

    ไม่เคยเสียใจมากขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่าจะต้องเสียใจเพราะรักใคร สุดท้ายกลับได้รู้จักคำว่าเสียใจจากความรักเป็นครั้งแรก

    แต่กลับทำอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว

     

    ******************************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×