คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : ตอน ความรู้สึก
กินข้าวเสร็จแล้ว ดีใจมั้ย ดีใจมากเลยเนอะ ฮ่า ฮ่า กินข้าวเสร็จก็ดูหนังไง ตามฟอร์ม ไปดูหนัง หนังเรื่องอะไรดี ดูเรื่องอะไรดีนะ
ทำหน้าให้ร่าเริงเข้าไว้
ทำใจซะ ทำใจ ไม่มีอะไรเลย ดูหนังกินข้าว ปกติธรรมดา แค่มากับไอ้อ้อนแค่นั้นเอง นี่ไง ไอ้อ้อน ตัวเล็กเดินลากขาเป๋ ๆ มาด้วยแล้ว
ทานตะวัน อยากจะหัวเราะให้ดัง ๆ อยากจะหัวเราะให้คนทั้งโลกได้รับรู้ด้วย
รับรู้ว่าหลังจากเหตุการณ์ในร้านอาหารเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนผ่านไป ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เป็นปกติทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ทานตะวันยังคงเป็นทานตะวัน
อ้อนก็ยังคงเป็นอ้อน
แต่มีบางอย่างที่ต่างออกไปเล็กน้อย
นั่นคือ ทานตะวันร่าเริงเกินเหตุ พูดมากเกินเหตุ หัวเราะเกินเหตุ เห็นอะไรขำไปหมด ขนาดเลือกหนังผี มองภาพผียังตลก
ส่วนอ้อน ทำได้แค่ทำหน้าเรียบเฉย และไม่ได้ออกความคิดเห็น แม้จะถูกถามกี่ครั้ง คำตอบก็ยังคือความเงียบเหมือนเดิม
ไม่นานความอดทนของคนที่มองเห็นอะไรเป็นเรื่องตลกไปหมด ก็มีอันสิ้นสุดลง
เมื่อสายตาหันมาหาคนที่ยืนหน้าเครียดอยู่ข้าง ๆ
"ไม่อยากดูแล้ว ไม่มีอะไรน่าดู เกลียดการดูหนัง เกลียดทุกอย่าง เกลียด จะกลับบ้านเดี๋ยวนี้แล้ว"
พูดแค่นั้น แล้วใบหน้าที่พยายามจะฝืนยิ้มฝืนหัวเราะมานานครึ่งชั่วโมงก็บูดบึ้งทันที พร้อมกับทีคนตัวโตรีบก้าวเดินอย่างรวดเร็ว ลงมาที่บันไดเลื่อน โดยมีอ้อนพยายามเดินตามให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
เกิดอะไรขึ้นเมื่อครึ่งชั่วโมงในร้านอาหารงั้นเหรอ
"รักทานเถอะ...ขอร้องล่ะ"
เวลาพูด นึกถึงใจคนฟังบ้างมั้ย ว่าจะรู้สึกยังไงคงไม่รู้สึกอะไรเลยสินะ ถึงได้พูดออกมาแบบนี้
อ้อนนั่งจ้องหน้าของทานตะวันนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น
ส่วนทานตะวันก็จ้องหน้าของอ้อนจนแทบไม่กระพริบตา
เงียบ บรรยากาศเงียบซะจนเหมือนโลกนี้มีกันอยู่สองคน ไม่สนใจนรอบข้าง หรือใคร ๆ อีกเลย
"กูล้อเล่นน่ะ....รักอะร้ายยยยยยยยย มันเป็นวิธีการจีบเล่น ๆ สนุก ๆ แค่นั้นเอง คนเรามันต้องมีเล่ห์เหลี่ยมบ้างสิ จะให้มารักจริงอยู่คนเดียว ชีวิตนี้จะไปหาความสุขได้ยังไง"
เสียงของคนที่อยู่ที่โต๊ะห่างออกไป ปลุกความคิดของอ้อนให้ตื่นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ
ไม่ได้ตั้งใจฟัง ไม่ได้อยากฟัง ไม่ได้แอบฟังแต่ก็ได้ยิน และยังได้ยินเสียงหัวเราะตามมาเหมือนอยากจะเยาะเย้ย
เชื่อความรู้สึกของตัวเองในครั้งแรก หัวใจเต้นระรัว สั่นระทึก
แต่ในนาทีต่อมา แค่เพียงข้อความสะกิดใจ กลับทำให้ความเชื่อมั่น ถูกขยำทิ้งและขว้างลงพื้น
เหมือนกำลังถูกเหยียบย่ำเยาะเย้ยด้วยเสียงหัวเราะของใครคนหนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน
ทานตะวันลุกพรวดพราดขึ้น หันไปมองไอ้ตัวต้นเหตุให้เต็มตา แล้วก็ตะโกนด่าออกไปเสียงดังลั่น
"มึงอยากมีเรื่องนักใช่มั้ยวะ"
เพียงแค่นั้น ทั้งพนักงานรักษาความปลอดภัย ทั้งคนทั้งร้าน แทบลุกขึ้นหนี เพราะหวุดหวิดจะมีการวางมวย
โชคดีที่เพื่อนของคู่กรณีลากเพื่อนปากหมาออกไปได้
พอ ๆ กับที่เมื่อทานตะวันหันมามองคนที่วิ่งตามและเรียกชื่อให้หยุด ให้พอ ถึงได้สติ
ไม่ใช่กลัวตัวเองจะเป็นอะไร
แต่กลัวคนที่มาห้ามจะเป็นอะไรไปด้วย
เดินออกมาจากร้านด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ไม่มีคำตอบ ไม่มีกล้าทวงคำตอบ ไม่รู้ว่าจะถามย้ำอีกครั้งดีมั้ย หรือต้องทำยังไง
ในเมื่อคนที่เดินลากขาตามมาเรื่อย ๆ คนนี้ ไม่ยอมพูดอะไรให้รับรู้เลยแม้แต่อย่างเดียว
จะพูดให้โลกถล่มทลายไปเลยก็ได้
หรือจะทำให้โลกทั้งใบเป็นสีชมพู
แต่อ้อนก็ไม่ยอมพูด ไม่ยอมโวยวาย ไม่ถาม และไม่พูดถึง เรื่องที่ทานตะวันขอร้อง
แล้วใครจะทนไหว อดทนแล้ว ทั้งที่เป็นคนไม่มีความอดทนกับสิ่งใดเลย ทนมาได้ถึงนาทีนี้ทั้งที่แทบอยากจะกระชากคอมาถามว่า
"ตกลงจะเอายังไงวะ....จะรักหรือไม่รัก"
แต่ก็ไม่กล้าทำ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมถึงไม่กล้าแม้แต่จะสัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายแม้แต่ปลายนิ้ว
กลัว...
กลัวไปหมด
ปลอบใจตัวเองให้หัวเราะ ให้ยิ้ม แต่ทำไม่ได้ เหมือนกับว่าตอนนี้ไม่ใช่คนเดิม
คนที่ไม่เคยกลัวอะไรเลยอย่างทานตะวัน กลับมีสิ่งที่กลัวที่สุดที่ไม่มีใครเคยรู้
กลัวที่สุด คือการถูกปฏิเสธความรัก....ถ้าไม่ถูกรัก...แล้วจะทำยังไง
จะยืนอยู่ได้ยังไง จะให้ทำยังไง ทำอะไรไม่ได้ แล้วถ้าเกิดแสดงความรู้สึกเสียใจออกมา ใคร ๆ จะเข้าใจหรือเปล่า
อ้อนเปิดประตูรถตามเข้ามาแล้ว โดยมีทานตะวันเป็นคนขับ
ที่เดิม แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
รถเคลื่อนออกจากลานจอดรถอย่างช้า ๆ พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างกำลังจะหล่นหาย
ไม่รู้ว่าร้องไห้ได้ยังไง แต่ก็ร้องออกไปแล้ว
หยดน้ำที่กลั้นเอาไว้ ความรู้สึกที่ไม่เคยอยากยอมรับ กำลังถล่มทลายลงอย่างช้า ๆ
อ้อนนิ่งมองค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อหันมามองใบหน้าของคนที่ยังนิ่งเฉย แต่กลับได้ยินเสียงสะอื้นไห้เบา ๆ ที่เจ้าตัวคงพยายามเก็บกักเอาไว้
ไอ้ทานมันเป็นอะไร
ร้องไห้เหรอ
ร้องทำไม
ทำไมถึงร้อง
เสียใจอะไร มีเรื่องเสียใจอะไร ทั้งที่ไม่น่าจะมีเรื่องเสียใจ ทำไมถึงได้ร้องไห้
แม้ไม่เห็นชัดนัก แต่ในความเงียบงัน และความมืด อ้อนกลับมองเห็นได้ชัดถึงหยดน้ำใส ๆ ที่หลั่งรินออกมาจากดวงตาของคนที่ยังคงมองออกไปนอกถนน
น้ำตาที่ไหลอย่างช้า ๆ
ไม่มีการปาดทิ้ง แต่หลั่งรินอยู่อย่างนั้น
ท่ามกลางความรู้สึกอึดอัดใจ อ้อนกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง
อะไรบางอย่างที่กำลังแผ่กระจายอย่างรุนแรง
ความเหงา
ที่เผื่อแผ่ความรู้สึกมาให้จากคน ๆ นี้ คนที่อยู่ใกล้กันแค่นี้
"ทาน.....เรา.."
อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เหมือนมีบางอย่างตีตื้นขึ้นมา จนทำให้พูดไม่ออก
"เรา..."
อ้อนพยายามแล้วที่จะพูด พยายามแล้วที่จะปลอบใจ แต่กลับไม่แน่ใจอะไรเลย ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็น กับคำพูดของคน ๆ นี้มันคืออะไรกันแน่
หมายความว่ายังไง ที่พูดออกมา แล้วบางอย่างที่แสดงออกมา ตกลงจะเอายังไง
"ไอ้บ้าทาน คนที่อยากจะร้องไห้มันคือกูนะโว้ยยยยยยยยย ฮืออออออออ แม่ง บ้าเอ้ย เกลียดแล้ว ไอ้ทาน ไอ้บ้ากูเกลียดมึงโว้ยยยยย"
เสียงโวยวายลั่น ตามมาด้วยการที่อ้อน ใช้กำปั้นชกมาที่ไหล่ของคนขับรถอย่างรุนแรง และปล่อยโฮออกมา อย่างไม่คิดจะสะกดกลั้นเอาไว้อีก
แล้วใครกันที่จะต้องเกิดอาการ งง....
รถถูกเลี้ยวเข้าข้างทาง พร้อมกับที่ทานตะวันต้องรับมือกับอาการแปลก ๆ ของอ้อนอีกครั้ง กำปั้นที่รัวทุบลงมาอย่างแรง ทำได้แค่ใช้ฝ่ามือรับเอาไว้ และพยายามยื้อยุดให้อ้อนหยุดการอาละวาดนี้ให้เร็วที่สุด
แล้วก็ไม่นาน เพียงไม่นานจริง ๆ ที่ร่างในอ้อมแขนหอบหายใจหนัก และหยุดโวยวาย แต่ยังมีเสียงสะอื้นในลำคอให้ได้ยินเป็นพัก ๆ
"เกลียด ไอ้เลว เจ้าหนี้อะไรวะ ทวงหนี้เช้าเย็น ทำไมถึงทำอย่างนี้ เกลียดมึงโว้ยยยยยย"
ใช่มันเป็นเสียงพูดไปร้องไห้ของอ้อน ที่ทานตะวันไม่เข้าใจ แต่ก็คว้าร่างนั้นเข้ามากอดรัดเอาไว้แน่น
ศึกระหว่างทานตะวันกับอ้อนจบลงแล้ว
เหลือเพียงความเงียบงัน กับลมหายใจที่ถ่ายทอดให้กันอีกครั้ง
ไม่รู้ว่า...ใกล้ชิดกันมากแค่ไหน
แต่ใกล้กันจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวไม่เป็นส่ำ
ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาอีก นอกจากสัมผัสอบอุ่นที่ถ่ายทอดให้กันเงียบ ๆ
อ้อนเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
ค่อย ๆ เคลื่อนร่างกายเข้าหาคนที่ที่กอดรัดเอาไว้แน่น และแตะปลายจมูกที่ข้างแก้มของทานตะวันอย่างช้า ๆ
แค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ความรู้สึกบางอย่างกำลังถูกเปิดออก
โดยที่ไม่ทันคาดคิด โดยที่ไม่ทันรู้ตัว สิ่งที่ทำลงไป มาจากหัวใจและความรู้สึกภายในทั้งหมด
"ทำให้เรารับรู้ว่าทานรักเราบ้างเถอะ....ขอร้องละได้มั้ยทาน..ทำให้เรารู้สึกบ้างว่าทานรักเรา"
ความคิดเห็น