ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] เพราะเรากัดกัน (ผูกพันธ์) by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #35 : ตอน เล่น.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.53K
      15
      26 ก.พ. 54

     ตอน เล่น.

     









    ทานตะวันนอนตะแคงข้างและท้าวแขนไว้ที่ศีรษะ ถือวิสาสะใช้ปลายนิ้วสอดไปที่ระหว่างข้อนิ้วมือของอ้อนและเขย่าเล่นนอนคุยกันไปเรื่อยเปื่อย โดยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำทุกอย่างได้เหมือนปกติขนาดนี้

    "คุณแม่บอกว่าน่าจะไปทำบุญเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้ากัน วันเกิดหนูน้อยแก้มแดงทั้งที นาน ๆ ทีถึงจะมีโอกาสเอาขนมเอาอะไรไปแจกบ้าง ไปมั้ย เนี่ยไม่เคยไปเหมือนกัน วันหยุดนี้ไปกันเถอะแล้วจะทำอะไรเลี้ยงเด็กดีชอบกินอะไรอ่ะ ไม่เห็นเคยบอกเลย"

    อ้อนทำหน้าครุ่นคิดและเอ่ยบอกออกไป

    "เลี้ยงกับข้าวที่กินได้ง่าย ๆ แล้วก็ไม่เผ็ดดีกว่ามั้ง เดี๋ยวเด็กกินไม่ได้ ยุ่งเลย"

    การให้ข้อคิดเห็นทำให้ทานตะวันพยักหน้า แล้วก็เลยนอนคุยกันเรื่อยเปื่อย ทั้งที่ฝ่ามือของคนตัวโตยังเขย่ามือของอ้อนเล่นอยู่อย่างนั้น

    "เหรอ เอางั้นเหรอ คุณแม่บอกว่าให้ถามว่า....มึง...อ้อน...เอ่อ ไอ้อ้อน มึง...ทำไมไม่ยอมคุยกับคุณแม่วะท่านรักมึงจะตายแต่มึงชอบทำเป็นเฉย โกรธอะไรแม่ของตัวเองแท้ ๆ ทำไมถึงไม่ยอมคุยกันวะ บอกหน่อยได้มั้ย"

    เป็นเพราะคืนก่อนได้มีโอกาสนั่งคุยกับแม่ของอ้อนเลยทำให้ทานตะวันได้รู้อะไรหลาย ๆ เรื่อง

    แม้แต่เรื่องที่ไม่คิดว่าจะได้รู้ คงเป็นเพราะเรื่องแย่ ๆ สมัยก่อนของคนที่นอนจ้องหน้าทำตาแป๋วคนนี้แหละนะ
    ถึงทำให้เมื่อคืนนี้ทานตะวันใจอ่อน ไม่อยากส่งเสียงรบกวนให้อีกฝ่ายสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วก็อยากจะโอบกอดร่างที่หลับใหลเอาไว้ จะว่าสงสารก็ไม่ใช่ แต่มันรู้สึกแปลก ๆ


    อยากลองปกป้องใครสักคนดู คนที่น่าปกป้อง และน่าดูแลมากกว่าใคร คนที่ชอบทำหน้าเฉยชา แต่ในใจแฝงไปด้วยความรวดร้าวที่เจ้าตัวปกปิดเอาไว้ไม่ยอมให้ใครรับรู้

    ใบหน้าของอ้อนซีดเผือดลง และพยายามดึงมือของตัวเองออกจากมือของทานตะวัน เตรียมหยัดกายลุกขึ้นหนีทันที แต่ก็ถูกกดไหล่ให้นอนลงอีกครั้ง

    เรื่องเดียวไม่ได้หรือไง

    แค่เรื่องเดียวไม่รู้สักเรื่องได้มั้ย

    จะให้บอกเล่าถึงความงี่เง่าของตัวเองกับคนอื่นอย่างนั้นเหรอ ก็รู้ว่าไม่มีทางทำได้ แล้วจะอยากรู้ไปทำไม

    "ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่ยอมคุยกับแม่ของตัวเอง กู...เอ่อ...ทาน..ทีเรา..เอ่อทีกูยังอยากได้แม่น่ารัก ๆ แบบนี้มาเป็นแม่ของตัวเองเลยนะอ้อน"

    ยิ่งถามซ้ำซากจะเอาคำตอบให้ได้ อ้อนก็ยิ่งหุบปากเงียบ ไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกมาอีก

    เพราะการเงียบคือคำตอบ เพราะความรู้สึกกดดันเข้ามาแทนที่ ทานตะวันนอนเอนกายลงนอนเคียงข้างกับคนที่นิ่งเงียบและหลบสายตาไม่ยอมพูดจาอีก

    แล้วก็เลยพาลไม่เข้าใจยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้คาดคั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อน อยากรู้อะไรก็จะต้องรู้ให้ได้ไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายมาอมพะนำไม่พูดไม่จาแบบนี้

    แต่ถึงวันนี้แล้ว ก็กลับไม่อยากทำอย่างนั้น ถ้าจะต้องทำให้คนที่ไม่ยอมเล่าเรื่องของตัวเองคนนี้ยอมปริปากพูดอะไรออกมาบ้าง คงเป็นเรื่องยากเต็มที

    ก็หนูน้อยแก้มแดงมันดื้อเงียบ ไม่พอใจมันก็เงียบ เกลียด หรือโกรธมันก็ไม่ยอมพูด ไม่ยอมแสดงท่าทางอะไรออกมา แต่ชอบสร้างบรรยากาศกดดันให้เครียด

    มันคงไม่รู้ตัวหรอกมั้ง ว่าเป็นคนแบบนี้

    "ปวดหัวเข่าอีกมั้ย เออ เดี๋ยวนี้เห็นเดินได้ดีขึ้นนี่ ยังปวดหัวเข่าอยู่หรือเปล่า ไหนขอดูหน่อยสิ ไม่เคยเห็นแผลซะทีว่ะ แต่ดูแล้วหายเร็วเหมือนกันนะ"

    คนตัวโตลุกพรวดพราดขึ้น และเอื้อมคว้าผ้าห่มที่คลุมอยู่ที่ปลายเท้าของคนอ้อนขึ้นเพราะอยากจะเห็นให้ชัดอีกสักครั้ง

    "ไม่ต้องดูหรอกน่า" คนที่แกล้งนิ่งเงียบ หยัดกายลุกขึ้นนั่ง และพยายามดึงผ้าห่มลง ไม่ยอมให้ทานตะวันได้เห็นขาของตัวเอง

    แล้วคนที่หาเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจก็ยอมหยุดแต่โดยดี

    "อือ ไม่ดูก็ได้ กี่โมงแล้วอ่ะ นาฬิกาวางไว้ตรงไหน เช้า ๆ แบบนี้หนาวเหมือนกันนะ หนาวมั้ย"

     

    คงเป็นเพราะเป็นเช้าของวันหยุด เลยพาลทำให้ไม่อยากตื่นนอน คนที่บอกว่าหนาวทิ้งกายลงนอนอีกครั้งและดึงแขนให้อ้อนตามลงมานอนเคียงข้างกัน

    ที่นอนแสนคับแคบ หมอนใบใหญ่ของอ้อนทานตะวันก็ยึดไปเกือบหมด เหลือพื้นที่ไว้ให้นิดเดียว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

    "นาน ๆ เปิดพัดลมนอนก็ดีเหมือนกันนะ อยู่บ้านก็ห่มผ้าผืนหนาแต่เปิดแอร์ซะเย็น พอมานอนแบบนี้แล้วก็ดีไปอีกแบบเหมือนกัน  ไม่ได้ไปซ้อมหลายวันแล้ว ไอ้พวกที่ชมรม แม่งคงตีปีกดีใจกันแล้วป่านนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะฝึกโหด เอาให้มันตายกันเกลื่อนพื้นเลยคอยดู"

    เข้าสู่ช่วงโหดร้ายอีกครั้ง ดีได้ไม่กี่วัน ทานตะวันก็เข้าสู้ช่วงโหดร้าย อ้อนหัวเราะเสียงเบา รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกกับแผนการร้ายของทานตะวัน

    สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วพบว่านอนอยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้า โดนทานตะวันกอดรัดแน่นไม่ยอมปล่อยเพราะอารมณ์อยากแกล้งของคนบ้าตั้งแต่เมื่อคืน

    แต่พอตื่นขึ้นในตอนเช้ากลับไม่ได้รู้สึกแย่ แถมยังเผลอซุกกายเข้าหาแผ่นอกกว้างที่กอดเอาไว้ด้วยซ้ำ

    แล้วก็ไม่ยอมตื่น หลับไปทั้งอย่างนั้น จนเมื่อคนตัวโตขยับกาย ถึงค่อยปรือตาตื่นขึ้น หลังจากนั้นก็เลยนอนคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อย

    ทั้งที่ยังมืดอยู่แท้ ๆ แต่ทานตะวันก็ชวนคุย จนกระทั่งรุ่งสาง

    "หัวเราะทำไม ตัวเองก็เหมือนกัน ทำดีด้วยตั้งหลายวันแล้ว เบื่อ ไม่ทำดีด้วยแล้ว เมื่อคืนขาก็ไม่ยอมนวดให้ น้ำก็ไม่ช่วยอาบ แถมต้องเอาเสื้อไปซักแล้วก็ตากเองอีกต่างหากเป็นเจ้าบ้านประสาอะไร ไม่รู้จักดูแลเจ้าหนี้อย่างเรา"

    ช่างเป็นคำพูด ที่สมควรโมโห
    แต่อ้อนก็ขมวดคิ้วมุ่น และอมยิ้มอย่างสบายใจ

    "ก็ว่างั้น ถ้าเกิดวันไหนเป็นคนดีเต็มขั้นขึ้นมา กลัวว่ะ กลัวว่าจะคิดดอกเบี้ยเพิ่มด้วย แค่นี้ก็ไม่มีปัญญาจะใช้หนี้ให้อยู่แล้ว ขู่อยู่นั่นแหละ ขู่อยู่ได้ทุกวัน กลัวจะแย่"

    แล้วก็โดนประชดเข้าให้

    ใบหน้ายิ้ม ๆ ของคนตัวโตหุบยิ้มและทำหน้าบึ้งกะทันหัน อ้อนเองก็หุบยิ้มเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าคงพูดคำพูดที่ทำให้ทานตะวันโกรธขึ้นมาอีกแล้ว

    "เป็นคนดีไม่ชอบ อยากให้เล่นบทโหดหรือไง เดี๋ยวเล่นให้ดู มานี่เลยยยยยยยยยย หนูน้อยแก้มแดงจงกลายเป็นโรตีไปซะ เดี๋ยวนี้"

    ผ้าห่มผืนบางถูกทานตะวันตลบผ้าและผลักคนที่นอนอยู่บนฟูกให้กลิ้งไปกลิ้งมาจนตอนนี้ตัวของอ้อนถูกผ้าห่มห่อเอาไว้ จนไม่สามารถขยับร่างกายได้

    "ไอ้ทาน อ่ะ อื้อออ แกะไม่ออก อร๊ากกกกกกกกกกกก อย่าเล่นเซ่ ปล่อยโว้ยยยยยยยย ไอ้บ้าทาน"

    อ้อนทั้งอยากจะหัวเราะและอยากจะบ้าตายกับสิ่งที่คนบ้าหามาเล่น อะไรของมันโตป่านนี้ยังจะเล่นอะไรของมันวะเนี่ย

    "อะไรไม่พอใจ ไม่พอใจเหรอ ดี ไม่พอใจแหละดี มานี่เลยเมื่อยใช่มั้ย มาจะทำให้หายเมื่อย รับรองหายแน่นอน"

    ร่างกายของอ้อนถูกจับให้พลิกคว่ำลง ตามมาด้วยมือของทานตะวันที่จัดการยกขึ้นประสานกัน และสวมวิญญาณบ๋อยประจำคาเฟ่ ใช้มือที่พนมเข้าหากัน สับเข้าไปที่กลางหลังของอ้อนอย่างหมั่นเขี้ยว ส่วนคนที่โดนแกล้งเอาแต่หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง พยายามตะเกียกตะกายออกมาจากผ้าห่มให้ได้

    "อร๊ากกกกกกกกกกก ทาน ไอ้ทานพอแล้ว ฮ้า หายใจไม่ออก ช่วยด้วย แฮ่ก แฮ่ก"

    อ้อนพยายามดึงผ้าห่มออกจากตัวให้ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อมือกำลังจะเอื้อมไปดึงผ้าห่มได้ คนแกล้งก็จัดการดึงมือของอ้อนออกทันที และยังคงสวมวิญญาณบ๋อยคาเฟ่ไม่เลิก

    "เหนื่อยแล้ว ทาน หายใจไม่ออกแล้ว อั่ก เร็ว หายใจไม่ออกจริง ๆ ไม่เล่นแล้ว"

    ออกแรงกันเล็กน้อยตอนเช้า แล้วคนตัวโตก็ยอมให้อ้อนแกะผ้าห่มออกจากตัวได้ ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งเคียงข้างกัน
    ฝ่ามือเรียวปัดเส้นผมที่ปรกที่หน้าผากของตัวเองออก และยังมีอาการเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด ส่วนคนตัวโต ยังหัวเราะไม่เลิก เมื่อหันมามองแก้มขาว ๆ ที่แดงเรื่อของอีกฝ่าย แล้วก็หุบยิ้มไม่ได้

    "ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายสิเรา..เล่นแค่นี้ก็เหนื่อยแล้วนี่"

    คำถามที่เอ่ยถาม ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าช้า ๆ และรอยยิ้มจืดชืดของอ้อนก็ทำให้ทานตะวันอมยิ้มไม่เลิก

    "ก็จะไปทำอะไรได้ กระดูกเดาะตอนรถคว่ำ ออกกำลังกายอะไรไม่ได้ซักอย่าง ไม่งั้นจะเจ็บกระดูก ขาก็เป๋ แก่ตัวไปสงสัยลำบากแน่ ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน"

    เพียงแค่นิดเดียว
    เพียงเรื่องเล็กน้อยที่อ้อมยอมพูดออกมาบ้าง
    แต่ทานตะวันกลับตั้งใจฟังเป็นอย่างดี

    .........รถคว่ำ....เมื่อสองปีก่อน........งั้นเหรอ

     

    "ก็แก่ไปพร้อมกันไม่ใช่หรือไง ใครจะไปรู้เรื่องของพรุ่งนี้วะ คิดมาก"

    ฝ่ามืออุ่น ๆ ยกขึ้นแตะที่เส้นผมของอ้อนที่แทบผงะหนี กับท่าทางของคนตรงหน้า

    เฮ้ย อะไรของมันอีกล่ะเนี่ย ตามไม่ทันนะโว้ย

    ถึงแม้จะคิดอย่างนั้น แต่อ้อนก็นั่งนิ่ง ๆ ให้อีกฝ่ายแตะมือลงมาที่ศีรษะของตัวเองได้
    อบอุ่นใจเล็ก ๆ แต่ไม่อยากบอก แอบเหลือบสายตามองใบหน้าที่ยังหัวเราะไม่เลิกของทานตะวัน ก็ทำให้ต้องยิ้มตาม

    ไม่เคยรู้ว่าแท้จริงแล้ว คนที่ทำท่าทางร้ายกาจจนทำให้เกลียดยิ่งกว่าเกลียด จะดีด้วยขนาดนี้ ถึงไม่รู้จุดประสงค์ว่าทานตะวันทำอย่างนี้เพราะอะไร แต่ก็อดดีใจไม่ได้

    "ขอจูบทีสิ"

    และแล้วก็กลับสู่สภาวะไอ้บ้าโรคจิตเหมือนปกติ อ้อนอ้าปากค้าง และทำตาโตอีกรอบกับคำขอที่เอ่ยออกมาดื้อ ๆ ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของทานตะวัน

    อีกแล้ว

    มันเอาอีกแล้ว

    มันดีได้ไม่ถึงห้านาทีมันก็หาเรื่องแกล้งอีกแล้ว

    คราวนี้อะไรอีกล่ะ อะไรของมันอีก

    "ไม่เอาที่นี่แล้วนะ นี่ก็ไม่เอา ขอตรงนี้"

    ปลายนิ้วของคนที่เอ่ยปากขอสิ่งที่ทำให้อ้อนตาค้าง ชี้นิ้วไปที่ข้อมือและข้างแก้มของอ้อน ก่อนจะส่ายหน้า และแตะปลายนิ้วชี้อย่างแผ่วเบาไปที่ริมฝีปากแดงเรื่อของคนที่นั่งทำตาโตอยู่ตรงหน้า

    ไม่ทันได้ปฏิเสธ ไม่ทันได้บอกปัด แต่ดวงตาคมที่จ้องนิ่งมองมา ทำให้ลมหายใจของอ้อนติดขัด ใจเต้นระทึก ใบหน้าเนียนขาว แดงเรื่อ และเตรียมขยับออกห่าง

    แต่ก็ช้ากว่าฝ่ามือของทานตะวันที่คว้าร่างของอีกฝ่ายเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้หนี

    นัยน์ตาคมจ้องนิ่งสบตากับดวงตากลมโตที่มีแววไหวระริกและหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย
    อ้อนแทบหยุดหายใจเพราะรู้สึกถึงความจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ของทานตะวัน

    "นะ...."

    ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา แต่ในไม่ช้าเมื่อใบหน้าคมเคลื่อนเข้ามาใกล้ อ้อนกลับยอมปิดเปลือกตาลงอย่างช้า ๆ

    ไม่รู้ว่ายอมทำแบบนี้ได้ยังไง
    แต่เหมือนเป็นการยอมรับสัมผัสที่อีกฝ่ายกำลังจะมอบให้แบบกลาย ๆ โดยไม่ทันรู้ตัว

     

    *****************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×