ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] เพราะเรากัดกัน (ผูกพันธ์) by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #30 : ตอน เรื่องของคนเกลียดยา

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.72K
      19
      15 ก.พ. 54

     ตอน เรื่องของคนเกลียดยา









    ตัวมันก็ไม่ร้อนแล้วนะ หน้าตาก็ดูผ่องใสดี แต่ทำไมไอ้ทานมันถึงได้นอนซมอยู่ตลอดเวลา แน่ใจนะว่าป่วย ชักไม่ค่อยแน่ใจแล้ว นี่มันผ่านมาหกวันแล้วนะ ปกติมันก็น่าจะดีขึ้นบ้าง


    แล้วทำไม ทั้งที่ตัวก็ไม่ร้อนแล้ว ไอ้ทานก็ยังคงทำเหมือนมันป่วยซะขนาดนั้น ชักแปลก ๆ แล้วสิ

    อ้อนขมวดคิ้วมุ่น เมื่อวางกะละมังน้ำไว้ในห้องน้ำ และลงมือขยำผ้าขนหนูผืนเล็ก ที่ใช้เช็ดตัวให้กับคนป่วยทุกวัน

    แปลกแฮะ จะว่ามันแกล้งป่วย ก็ไม่น่าจะใช่ มันจะทำแบบนั้นไปทำไม ทำให้เอาใจมันเหรอ ก็ไม่น่าจะจริง ปกติแล้ว ถึงมันไม่ได้เป็นอะไรมันก็สั่งให้ทำนั่นทำนี่ได้

    แล้วทำไมมันจะต้องแกล้งไม่สบายด้วย หรือว่าจะคิดมากไปเอง

    อ้อนสะบัดหัวไล่ความคิดแปลก ๆ ออก แล้วเดินลากขาเข้าไปในห้องของทานตะวัน
    คนป่วยนอนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แล้วก็หรี่ตาขึ้นเมื่อรับรู้ว่ามีใครเข้ามาในห้อง

    เมื่อยชะมัดให้มานอนซมอยู่อย่างนี้ หายตั้งนานแล้ว แต่อยากป่วยต่ออีกสักสองสามวัน ไม่รู้สิ คิดเอาเองว่าเวลาไม่สบายไอ้อ้อนมันดูแลดีเป็นพิเศษ แล้วก็ชอบที่มันมาดูแลแบบนี้ด้วย ชอบมาก ๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

    "กินข้าวต้มได้หรือยัง จะได้กินยา" อ้อนเดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ คนที่แกล้งทำตาปรือ แล้วก็เห็นทานตะวันส่ายหน้า ไม่ยอมลุกขึ้นมากินข้าวต้มที่อ้อนเทใส่ชามวางไว้ให้ที่หัวเตียง

    "ทำไมไม่กิน จะหนีไม่ยอมกินยาอีกล่ะสิ" ผู้ดูแลคนป่วย ยกชามข้าวต้มขึ้นมาและเป่าเบา ๆ เพื่อให้ความร้อนคลายลงบ้าง

    "ลุกขึ้นมากินข้าวเลย อย่ามาหาเหตุไม่กินยา เร็วสิวะ"

    ทำไมต้องวะด้วย กูป่วยนะครับ ทำไมไม่พูดดี ๆ ทำไมต้องมีคำว่า วะ ด้วย พูดไม่เพราะเลย แบบนี้น้อยใจ ไม่อยากกินข้าวแล้ว

    เกิดน้อยใจด้วยเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ขึ้นมา คนตัวโตพลิกกายไปอีกทาง และเบะหน้า อยากจะบอกว่า งอน แต่ไม่ต้องให้พูด ท่าทางแบบนี้ก็ฟ้องให้เห็นโดยไม่ต้องใช้คำพูด

    "ไม่บังคับ ไม่กินก็ไม่กิน" ชามข้าวกำลังจะถูกวางไว้ที่หัวเตียง และทานตะวันก็รีบหันกลับมารีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

    "ไหนอ่ะ ป้อนหน่อยสิ ไม่สบายอยู่นะ จะให้กินเองหรือไง" ช่างเป็นการขอร้องที่น่ารักเหลือเกินในสายตาของอ้อน น่ารักษา น่ามาก น่ารักษาด้วยการเอาข้าวต้มคว่ำใส่หัว


    กินเองไม่เป็นหรือไง ไม่สบายไม่ใช่ว่าเป็นง่อยนี่หว่า แต่ก็ทำให้มันซะหน่อย เป็นคนใช้ส่วนตัวของท่านชายทานตะวันแล้วนี่ ใครมันก็ไปกล้าหือล่ะ กลัวจะแย่แล้ว กลัวตายเลย

    "อ้าาาาาาาาาาา" คนตัวโตอ้าปากกว้าง และอ้อนก็ถึงกับหัวเราะด้วยความขำ

    ไม่ได้น่ารักหรอก

    ทุเรศต่างหากล่ะ นับวันมันก็ยิ่งเพี้ยน ไอ้ทานหนอไอ้ทาน ถ้าพวกที่ชมรมมันมาเห็นท่าทางติงต๊อง ของมึงแบบนี้ มันยังจะศรัทธากันอยู่อีกมั้ย

    สงสัยคงไม่มีรุ่นน้องคนไหนให้ความเคารพยำเกรงหรอก

    อ้อนยกช้อนขึ้นตักข้าวต้มป้อนอุ่น ๆ ป้อนให้กับคนป่วย และก็เห็นว่าคนป่วยอ้าปากรับ ด้วยความยินดี ไม่มีอิดออด

    เวลากินยาให้มันง่าย ๆ แบบตอนกินข้าวเหอะ นี่กว่าจะกินได้แต่ละที เล่นเอาปวดหัว และทำให้เหนื่อยได้ไม่มีหยุดหย่อน

    "ยาชุดสุดท้ายแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องมาบังคับเด็กกินยาอีก รีบ ๆ หายซะทีเถอะ จับเด็กกรอกยาเรื่องใหญ่นะ เหนื่อยด้วย"

    ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดคุยกันได้อย่างสนิทใจขนาดนี้ เมื่อก่อนไม่ว่ายังไง ทานตะวันก็จะเอะอะโวยวายอยู่เสมอ ไม่เคยฟังใคร ไม่เคยง้อ ไม่เคยอ้อนใคร ไม่เคยขอโทษใคร แต่ไม่รู้ว่าทำไม ในเวลานี้ถึงได้ซึมซับเอาความรู้สึกบางอย่างมาจากคนที่ตัวเองเรียกว่า คนใช้ ได้มากถึงขนาดนี้ ซึมซับความรู้สึกดี ๆ เอาไว้โดยที่ตัวเองไม่เคยรู้ตัวเลย

    ไม่ต่างจากอ้อน ที่อยู่ใกล้ ๆ กับคนบ้าอย่างทานตะวันมานาน

     
    ก่อนหน้านี้ ทำได้แค่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่คุย ไม่แม้แต่อยากจะมองหน้าคนที่มักจะสั่งให้ทำตามคำสั่งอยู่เสมอ
    แต่ยิ่งนานวัน กลับรู้สึกว่า ตัวเองพูดคุยกับคนที่ใคร ๆ ต่างก็ไม่อยากมีเรื่องด้วยเพราะความโหด แบบไม่ปราณี ได้อย่างสนิทใจ

    จะมีใครรู้บ้าง ว่าเวลานี้คนที่ทุกคนไม่กล้ายุ่งด้วย กลับมานั่งทำตาใส่แป๋วอยู่ตรงหน้าและยอมให้ป้อนข้าวแต่โดยดี ผิดจากภาพลักษณ์ครั้งแรกที่ได้รู้จักกัน

     

    "ชุดสุดท้ายแล้วเหรอ ดี ไม่อยากกินยา ขม ไม่ชอบ ทำไมยาต้องมีขม ๆ ด้วยวะ ทำไมของในโลกนี้ต้องขมด้วย" เป็นคำถามง่าย ๆ ที่ทานตะวันรู้คำตอบดี แต่ก็พูดไปเรื่อย ๆ

    เรื่องราวต่าง ๆ ที่พูดคุยกัน ก่อนหน้านี้ ทานตะวันไม่ชอบฟังใครพูด เอาแต่คิดว่ารำคาญ อยากอยู่เงียบ ๆ และมีคนรับใช้ส่วนตัวก็พอ แต่ตอนนี้กลับพบว่าตัวเองอยากพูดคุยเรื่องง่าย ๆ ธรรมดากับใครสักคนที่จะพูดจาตอบโต้กันได้อย่างปกติ และพูดคุยกันได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมาขัดจังหวะการสนทนา

    "ก็กินจนเหลือชุดสุดท้ายแล้วนี่ อ่ะ อีกคำ จะหมดแล้ว พรุ่งนี้ก็กินข้าวสวยได้แล้วแหละ แล้วก็หายได้แล้วมั้ง รู้สึกว่าจะหายป่วยนานแล้วนี่ แต่มารยาเยอะเหลือเกิน รีบ ๆ หายป่วยได้แล้ว"

    อ้อนพูดคุยกับทานตะวันไปเรื่อยเปื่อย แต่คนที่ได้ฟังก็รีบเถียงทันที

    "อะไร ยังไงก็ยังต้องกินยาอยู่ จะเรียกว่าหายได้ยังไง เนี่ย ตัวยังร้อนอยู่เลยไม่เชื่อจับสิ ตัวร้อน ไอด้วย แค่ก แค่ก นี่ไง ปวดหัวอีกต่างหาก ไม่เชื่อหรือไง"

    เออ เชื่อตายเลย

    อ้อนวางชามข้าวต้มไว้บนหัวเตียง แต่ทานตะวันที่ยังสาละวนกับการดึงมือของอ้อนมาแตะที่หน้าผาก ก็ยังคงจะพยายามป่วยไม่เลิก

    "เนี่ย แตะที่หัวสิ ยังร้อน ๆ อยู่เลย เห็นมั้ย"

    เห็นแล้ว เห็นว่าไม่ได้ตัวร้อนเลย พอใจมั้ย หรือว่ายังไม่พอใจ จะได้พาไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นอะไรกันแน่

    "เออ รู้แล้ว อ่ะ กินยาเถอะ จะได้หายซะที" อ้อนพูดไปแล้ว ก็อมยิ้ม เมื่อเห็นคนที่รับยามาไว้ในมือนั่งมองเม็ดยานิ่งๆ อยู่อย่างนั้น


    กินก็กินไม่กินก็ตามใจ ไม่รู้จะบังคับไปทำไม เหนื่อย

    ทานตะวันนั่งเงียบ มืออีกข้างยังจับมือของอ้อนเอาไว้แน่น แล้วก็เขย่าเล่น

    "อีกเดี๋ยวค่อยกินก็ได้ เนอะ " เอาเถอะ จะกินตอนไหนก็กินตามใจแล้วกัน ขี้เกียจพูดมาก เข้าใจว่าต้องทำใจ คนไม่ชอบยังไงก็ไม่ชอบอยู่ดี จะเอาอะไรมากมาย

    ฝ่ามือของอ้อน ถูกปลายนิ้วเรียวของทานตะวันเกลี่ยเล่น คนตัวโตกำเม็ดยาไว้ในมือ แล้วก็เขย่ามือของอ้อน เหมือนไม่รู้ว่าจะทำอะไร

    แน่ล่ะ การจะกินของที่ไม่ชอบ ยังไงก็ทำใจให้ชอบไม่ได้อยู่ดี ยังไงก็ไม่อยากกิน

    นัยน์ตาคมจ้องมองเม็ดยาในมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนั่งเงียบ ๆ โดยมีคนดูแลคนป่วย นั่งมอง รอเวลาว่าเมื่อไหร่ทานตะวันจะกินยา ลีลามากเหลือเกิน ชุดสุดท้ายแล้ว ทำไมต้องเรื่องมากด้วย

    "ถ้าหายแล้ว .............." ทานตะวันเอ่ยคำพูดออกมาและชะงักนิ่ง นัยน์ตาคมหรุบต่ำลง นิ่งเงียบลงทันทีทั้งที่ยังพูดไม่จบประโยค

    ถ้าหายแล้ว...........
    ถ้าหายแล้ว..........
    ถ้าหายแล้ว...........

    ก็คงกลับไปเหมือนเดิมสินะ ไปเป็นคนเดิม ๆ ก่อนหน้านี้ ไอ้อ้อนมันจะกลับไปเป็นไอ้อ้อนคนเดิมที่เงียบ ๆ เฉย ๆ ไม่พูดไม่จา ไม่ห่วงใย เหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่านะ

    อ้อนนิ่งมองใบหน้าของทานตะวันที่ก้มต่ำลง ไม่เข้าใจว่าอยู่ดี ๆ คน ๆ นี้ก็เกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีก

    ถ้าหายแล้วทำไมล่ะ หายแล้ว ก็เป็นเหมือนเดิม เป็นเจ้านายกับคนใช้เหมือนเดิมไง ไอ้ทานมันคงไม่อยากป่วยนาน ๆ หรอก

    เห็นวันแรก ล็อคประตูไม่ให้เข้า แถมซ้ำยังไล่ออกห่างขนาดนั้น หายแล้วก็ดี มันก็คงกลับไปเหมือนเดิมแหละ แล้วไอ้ที่ทำมันไว้ มันคงจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก

    ก็ช่วยไม่ได้ เป็นคนใช้มัน แล้วก็เป็นลูกหนี้มัน จะไปทำอะไรได้ล่ะ

    คนที่นั่งอยู่บนเตียงและก้มมองเม็ดยาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับจ้องมองที่ฝ่ามือของอ้อน แถมยังเขย่าเล่นไปมาอยู่อย่างนั้น

    มืออุ่น ๆ ที่เช็ดตัวให้ตลอดทั้งคืน มืออุ่น ๆ ที่แตะที่หน้าผาก

    มือของไอ้อ้อน ขาเป๋ ที่ชอบทำหน้าเย็นชา แล้วก็ชอบทำให้หงุดหงิดโมโหอยู่เสมอ

    ทำไมนะ

    ทำไมถึงไม่อยากปล่อยมือของคน ๆนี้ให้หลุดลอยไปเหมือนใคร ๆ

    ทำไม

    แล้วมันเป็นเพราะอะไรกัน

    "ถ้าหายแล้ว ตอนที่กูไม่สบายเนี่ย ก็ถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน มึงไม่เห็นตอนที่กูตัวร้อน มึงไม่รู้ตอนที่กูปวดหัว เข้าใจมั้ย"

    ทานตะวันเงยหน้าขึ้น และเอ่ยบอกกับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เสียงเบา

    อย่างนั้นเองหรอกเหรอ จะพูดแค่นี้ใช่มั้ย ถึงไม่พูดก็จะทำให้อยู่แล้วล่ะ
    แล้วจะลืมให้หมด ว่ากังวลแค่ไหนตอนที่มันเพ้อ และนอนกระสับกระส่าย จนต้องจับมือมันเอาไว้แน่น ไม่กล้าปล่อยมือ ไม่กล้าไปไหน ได้แต่เอามือแตะหน้าผากมัน เพราะกลัวว่ามันจะตัวร้อนมากกว่านี้
    จะลืมด้วยว่า กลุ้มใจแทบตาย ที่เห็นว่าไข้ไม่ยอมลด

    จะไม่จำ ว่าห่วง จนไม่กล้าเผลอหลับ เพราะกลัวว่าไอ้ทานมันจะไข้ขึ้นสูง และกลัวว่ามันจะเป็นอะไรมากกว่าที่เห็น

    ก็ได้ ถ้าให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ได้ ไม่ลืมหรอกว่าตัวเองเป็นคนใช้
    ทำให้ได้ทุกอย่างแหละถ้าไอ้ทานมันจะให้ทำ

    อ้อนน้อยใจกับคำพูดไร้เยื่อใยของทานตะวัน แต่ก็ทำได้แค่นิ่งเงียบ และก้มหน้านิ่ง ๆ พยักหน้าทำความเข้าใจสิ่งที่คนตัวโตต้องการ

    มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เรื่องบุญคุณมันไม่มีอยู่แล้วล่ะ มันไม่อาละวาดที่ไปกรอกยามันก็บุญแค่ไหนแล้ว
    อ้อนเงยหน้าขึ้นและนิ่งมองทานตะวันอยู่อย่างนั้น ดวงตากลมโตสบนิ่งอยู่กับดวงตาคมที่จ้องกลับมา แล้วต่างฝ่ายต่างรีบก้มหน้าหลบสายตาของกันและกัน

     

    ทานตะวันปล่อยมืออ้อน และอ้อนก็ลุกขึ้นจัดการยกชามข้าวต้มเดินออกจากห้อง โดยมีสายตาของทานตะวันมองตามจนร่างนั้นเดินออกไปลับตา

    คนตัวโตหันมามองเม็ดยาในมืออีกครั้ง

    ทำไมถึงได้พูดอย่างนั้น
    ทำไมล่ะ

    ก็เพราะไม่อยากให้ใครมารับรู้เวลาที่ไม่สบายไง ไม่อยากให้ใครรับรู้เวลาที่เจ็บป่วย ไม่อยากให้ใครมาเห็นเวลาที่ตัวเองดูทุเรศ และน่าสมเพชที่สุด

    แต่ไอ้เป๋นั่น ก็ได้เห็นหมดแล้ว

    ไม่เห็นหรอก มันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น สั่งมันแล้วมันก็ต้องเข้าใจสิวะ

    แล้วทำไมต้องพูดเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ทั้งที่ตอนนี้อยากจะป่วยต่อไปอีกนาน ๆ เพื่อให้คนดูแล

    บ้า ใครอยากให้ไอ้เป๋นั่นมาป้อนข้าวป้อนน้ำให้ ไม่ได้อยากให้ใครมาทำอะไรให้หรอก อีกอย่างนั่นมันก็นอกเหนือคำสั่งด้วย มันคงจำใจทำให้นั่นแหละ อย่าไปคิดอะไรมาก

    ร่างสูงใหญ่เอนกายลงนอน และยังคงกำเม็ดยาเอาไว้ในมือแน่น

    ทำไมถึงได้มีความคิดพวกนี้เข้ามาในสมอง ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยอยากได้การดูแลเอาใจใส่จากใครอยู่แล้วแต่กับไอ้อ้อนทำไมถึงอยากให้มันคอยทำอะไรให้

    อยากให้มันดูแลด้วยความเต็มใจไม่ใช่ทำให้ตามคำสั่ง

    คนตัวโตลุกขึ้นอีกครั้ง และแอบยัดเม็ดยาไว้ใต้หมอน ไม่ยอมกินยาชุดสุดท้าย ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าไม่ใช่เพราะยาขมจนไม่อยากกิน


    แต่เป็นเพราะว่า ไม่ว่ายังไง แต่ไหนแต่ไร ก็เอาแต่หลอกตัวเองว่า ถ้าไม่กินยา แล้วจะทำให้ป่วยไปนาน ๆ ยิ่งป่วยนานเท่าไหร่ ก็จะมีคนมาโอ๋และเอาใจมากเท่านั้น มีแต่คนเป็นห่วงเป็นใย

    อันที่จริง ยาไม่ได้ขมเลย จะให้กินก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ตอนนี้ทานตะวันเพิ่งรู้ ว่าทำไมตัวเองถึงได้เกลียดการกินยานักหนา

    มันเป็นเพราะว่า

    อยากเป็นคนป่วยนาน ๆ เพื่อจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคนรอบข้าง
    และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้ง ที่คนตัวโตทำเหมือนสมัยเด็ก ๆ อีกครั้ง

    เหตุผลเพราะอยากให้ คนที่คอยดูแลเอาใจตลอดสองสามวันนี้ อยู่ข้าง ๆ และอยากให้คน ๆ นั้นเป็นห่วงและดูแลด้วยใจจริง

    สิ่งที่ทานตะวันอยากได้จากอ้อน ไม่ใช่การทำตามคำสั่ง

    แต่เป็นแค่การอยากได้รับการเอาใจใส่จากใครสักคนเท่านั้น เพียงแค่นั้นที่ทานตะวันอยากได้ เพียงแค่ความเอาใจใส่ แค่นั้นเอง แต่กลับลืมคิดว่าไม่ใช่ตัวเองที่มีหัวใจและความรู้สึก

    คนที่เดินออกไปจากห้อง ก็มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกัน จึงไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าอ้อนจะเสียใจกับคำพูดของทานตะวัน

     

    ******************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×