ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] เพราะเรากัดกัน (ผูกพันธ์) by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอน ทานตะวันโฉมใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.15K
      21
      8 ม.ค. 54

     ตอน ทานตะวันโฉมใหม่









    เช้านี้อากาศเย็นชื้น จนอ้อนต้องเบียดกายแทรกเข้าหาแผ่นอกกว้าง แล้วซุกซบค้นหาไออุ่นของร่างที่กกกอดเอาไว้
    ก่อนจะหรี่ตาขึ้นและกระพริบตาปริบ ๆ หลายครั้ง ทบทวนว่าเวลานี้ตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน

    อ้าว ไอ้ ไอ้ ไอ้ทานนี่หว่า กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย ถ้าไม่ปลุกมันตื่นเดี๋ยวมันจะแหกปาก หรือไม่ก็หาเรื่องตบหัว หรือถีบตกเตียงอีกแน่ ๆ ยังไม่ทันสว่าง ก็ต้องหาทางเอาตัวรอดแต่เช้าอีกแล้ว


    อ้อนขยี้ตาซ้ำ ๆ อีกหลายครั้ง แล้วลุกขึ้นนั่ง

    เจ็บแปลบที่หัวเข่าจนต้องนิ่วหน้า แล้วก็ก้มมองที่มือตัวเอง ผ้าพันแผลหลุดลุ่ยจนแทบจะหลุดออกมาหมด แถมซ้ำยังมีเลือดซึมไหลออกมาเล็กน้อยจนเป็นจุดสีแดง ๆ เห็นได้ชัด

    ฝ่ามือเอื้อมเขย่าที่แขนของคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ และคนตัวโตก็ส่งเสียงฮืมฮัมในลำคอ ก่อนจะปรือตาขึ้นมองและหลับลงไปอีกครั้ง

    "โห่ ไอ้เหี้ยเอ้ย อื้ออออออออ" ร่างนั้นหันกายเข้าที่ฝาผนัง แล้วอ้อนก็ต้องเขย่าซ้ำ ๆ อีกหลายครั้ง

    "ทาน ตื่น ไอ้ทานตื่นเร็ว" เรียกอยู่เป็นนาน แล้วไม่นาน คนที่ไม่ยอมตื่น ก็ลุกขึ้นนั่ง ปิดปากหาวนอนและเริ่มบ่นแต่เช้า

    "ง่วงโว้ยยยยยยยย เพราะมึงอ่ะ ทำกูไม่ได้หลับไม่ได้นอน ไหนจะทำแผล ไหนจะต้องดูแล ป้อนยา ไหนจะเรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วมึงเห็นมั้ย เช้านี้กูก็เหมือนคนไม่ได้นอนเพราะมึง เซ็งเป็นบ้าเลยโว้ยยยยยยย"

    แต่เช้า หมาเข้าปากแต่เช้า ทานตะวันหันมามองคนที่นั่งหน้าจ๋อยอยู่ข้าง ๆ แล้วขมวดคิ้ว แถมยังโวยวายไม่เลิก แต่อ้อนก็ทำอะไรไม่ได้

    ไม่เถียง ไม่พูด ไม่รู้จะให้ทำยังไงดี ก็เป็นภาระจริง ๆ อึดอัดใจมาก ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องเงียบ แล้วจะให้ทำยังไง

    ที่นี่บ้านมัน ทุกอย่างของมัน เดี๋ยวไม่พอใจมันก็โวยวาย หาเรื่องถีบ ต่อย เตะ ไปตามเรื่อง หรือไม่อีกที ก็ด่าไม่เลิก ชินแล้ว มันเป็นเวรเป็นกรรม ทำอะไรไม่ได้

    ถึงจะบอกว่าชิน แต่สิ่งที่รู้สึกก็คือ แบบนี้ มัน............แย่...............แย่ มาก

    "ไม่เข้าห้องน้ำหรือไงวะ" คนที่ด่าจนหนำใจ หันมาถาม อ้อนเงยหน้าขึ้นเพื่อมองใบหน้าของอีกฝ่าย แล้วก็ส่ายหน้า


    แน่ละ ทำไมจะไม่อยากเข้าห้องน้ำ แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อมันเดินไปเข้าไม่ได้ เดี๋ยวถ้าไอ้ทานมันเข้าแล้ว ค่อยคลานไปก็ได้ คงไม่ตายหรอก

    "เออดี ขี้เกียจมีภาระ" พูดเพียงเท่านั้นแล้วคนใจร้ายใจดำแล้งน้ำใจ ก็ลุกขึ้นเดินไปคว้าผ้าขนหนูพาดบ่า แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้อ้อนนั่งก้มหน้าเงียบ ๆ อยู่บนเตียง

    ทานตะวันเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว ส่วนอ้อนนั่งนิ่ง ๆ อยู่และมองไปที่ห้องน้ำ สายตาหันไปมองที่ไม้ค้ำยัน แต่ก็ไม่พบ

    หายไปไหนวะ จำได้ว่าเมื่อคืน

    เมื่อคืนงั้นเหรอ

    เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำอะไรไปบ้าง ไอ้ทานพาไปหาหมอ แล้วมันก็รอจนหมอผ่าหัวเข่าเอาหนองออกแล้วก็ดามหัวเข่าให้ใหม่


    ระยะเวลาหลายชั่วโมง แต่ไอ้คนบ้านั่นก็นั่งรอ รอจนได้เปลี่ยนไปนอนพักที่ห้องผู้ป่วย แต่เพราะบอกว่าไม่มีเงินจ่ายค่ายา  ค่าหมอ ไอ้เวรนั่นถึงได้พากลับมาที่บ้านของมัน ทะเลาะกันเกือบตลอดทาง ทานตะวันโมโห และพูดอะไรร้าย ๆ ใส่หลายอย่าง

     

    แต่สุดท้ายถ้าจะทิ้งไว้ก็ได้ แต่ไอ้หมอนั่นกลับยอมพามาที่บ้าน และช่วยบอกแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ทำรายงานอยู่กับมัน

    จะบอกว่ามีน้ำใจ

    นั่นมันก็ดูฝืนเต็มทน เพราะดูเหมือนคนที่ควรมีนิยามของคำว่า มีน้ำใจ ออกอาการไม่พอใจและหงุดหงิดโมโหอยู่ตลอดเวลา


    ขาของอ้อนไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ และแถมซ้ำยังเอะอะบ้าบอโวยวายจนได้แผลที่มือเพิ่มมาด้วย
    คราวนี้เลยยิ่งทำอะไรไม่ได้เข้าไปใหญ่ แล้วแบบนี้ ไอ้หมอนั่น คงจะโมโหยิ่งกว่าเดิม เพราะนอกจากจะนวดขาให้ไม่ได้  ช่วยถูหลังไม่ได้ ช่วยหิ้วกระเป๋าอยู่ข้างสนามไม่ได้ ตอนนี้ก็ไม่มีค่าอะไรเลย แถมซ้ำยังกลายเป็นภาระให้อีก
    หนี้สินก็พอกพูนจนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว ทำไมถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้วะ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

    "เฮ่ออออออออ ชีวิตกูนี่มันอะไรนักหนาวะ" อ้อนบ่นเสียงเบา และพยายามจะขยับร่างกายอีกครั้ง พยายามที่จะกระเสือกกระสนลุกขึ้นจากเตียงให้ได้


    และสุดท้าย

    ....ตุบ.....

    เสียงหนัก ๆ ของร่างกายที่หล่นลงมากองกับพื้น คราวนี้เลยยิ่งเจ็บหนักเข้าไปใหญ่ เพราะใช้มือที่เป็นแผลยันร่างเอาไว้

    "โอ้ยยยยยยยย" ความเจ็บแล่นพล่าน และอ้อนก็นิ่วหน้า สะบัดมือไปมา ก่อนจะหดขาและก้มมองดูที่รอยเลือดที่หัวเข่า

    "โธ่โว้ย เหี้ยเอ้ย แม่ง ฮื่อ" เพราะความหงุดหงิดโมโห เพราะว่าร่างกายไม่ได้ดั่งใจ อ้อนเลยได้แต่นิ่วหน้าและมองขาและมือของตัวเองนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น


    อยากจะร้องไห้ ตอนนี้อยากจะร้องไห้ แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งเงียบและปลงกับร่างกายของตัวเอง

    ทำไมมันถึงได้เป็นอย่างนี้ ทำไมถึงได้ซวยซ้ำซวยซากอย่างนี้ เจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้ เจ็บใจ ได้แต่เจ็บใจ และยกมือขึ้นลูบที่หน้าของตัวเอง

    "ทำไมไม่ตายไปซะวะ แม่งเอ้ย" เสียงบ่นเสียงด่าตัวเอง และเสียงของหล่นหนัก ๆ ทำให้ทานตะวัน รีบออกจากห้องน้ำ เดินมาหยุดยืนตรงหน้าของคนที่นั่งเงียบ

    "คลานลงมาทำไม"

    น้ำเสียงเย็นชา ท่าทางเย็นชา ไม่ช่วยไม่ทำอะไรทั้งนั้น นอกจากเดินไปนั่งอยู่บนเตียง และใช้ผ้าขนหนูซับหยดน้ำที่ใบหน้าและนั่งมองคนที่ลงไปนั่งอยู่บนพื้นห้อง

    อ้อนหันไปมองไอ้คนบ้านั่น แล้วก็หันกลับมานั่งมองขาของตัวเอง ไม่รู้จะตอบอะไร รู้เพียงว่า เจ็บที่ขา ก็เท่านั้น

    "กูถามว่าจะหัดคลานไปทำไม บ้าเหรอ"

    บ้าเหรอ เออก็บ้าน่ะสิ ถ้าไม่บ้าคงไม่คลานเหมือนหมาอย่างนี้หรอก ใช่มั้ยล่ะ ถ้าไม่คลานเหมือนหมาอย่างนี้ก็ทำอะไรไม่ได้


    ได้แต่นอนเป็นง่อยอยู่บนเตียงอย่างเดียวน่ะสิ

     

    "หูตึงเหรอ ถามแล้วยังไม่ตอบ น่าเบื่อว่ะ"

    ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ ไม่แม้แต่จะมอง คนตัวโตลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากห้องเพียงไม่นาน และเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง

    "เออ มึงพอจะถือกระเป๋าไหวมั้ย" คำถามที่ถาม ทำให้อ้อนแทบอยากจะเอาหัวโขกเสาให้ตาย พยักหน้าดีมั้ย หรือจะบอกไปตรง ๆ ดี

    ทำไมมันเป็นได้ถึงขนาดนี้ กูจะตายห่าอยู่แล้ว มันมองไม่เห็นหรือไง ไอ้ทานมันใจดำมาก โคตรของความใจดำเลย
    ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ในโลก

    "ใบแค่นี้ ก็ถือไม่ได้เหรอวะ ทำไมถึงได้ยุ่งยากขนาดนี้เนี่ย" เสียงบ่นดังเข้าสู่โสตประสาท และอ้อนก็เข้าใจทุกประโยคดี

    ยังไม่ได้ตอบ ยังไม่ได้พูดอะไร แต่จู่ ๆ ร่างกายก็ลอยลิ่วขึ้น และถูกพาเข้าไปในห้องน้ำ

    "อะ อะไรวะ" อ้อนเอ่ยถามเสียงละล่ำละลัก เมื่อถูกวางลงประคองให้ยืนได้ในห้องน้ำ ยืนอยู่หน้าชักโคก

    "เยี่ยวเด่ะ หรือให้กูช่วยจับด้วย ไม่เซอวิสขนาดนั้นหรอกนะโว้ย แค่ช่วยประคอง แล้วก็ยืนดูมึงเยี่ยวเนี่ย กูก็ว่าเหลือเกินแล้วนะ"

    ห๊า พามาเข้าห้องน้ำ แล้วแถมซ้ำยังช่วยประคองให้ยืนอีก ผีเข้าไอ้ทานหรือไงเนี่ย

    "เร็วสิวะ รีบ ๆ เยี่ยวซะที จะให้รอนานแค่ไหนเนี่ย" ทานตะวันทำหน้าเซ็ง และหันหน้าหนีไปอีกทาง

    "เออก็ได้ รอแป๊บ" เพียงเท่านั้นปฏิบัติการปลดทุกข์ยามเช้าก็เริ่มขึ้น เสียงน้ำหยดลงในชักโคกยาวนาน ตามมาด้วยเสียงถอนใจยาว


    ทำให้ทานตะวันต้องหันกลับมามองและอมยิ้ม เอ่ยบอกเสียงเบา จนทำให้อ้อนต้องหันมาจ้องอีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิดโมโห

    "เฮ้ย ถึงพิการ แต่ของมึงใช้ได้นี่หว่า ไม่อายใครนะแบบนี้"

    คำพูดบ้า ๆ บอ ๆ ทำให้อ้อนแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายด้วยความโมโห แต่ทานตะวันเห็นเป็นเรื่องสนุก แถมยังหัวเราะเล็กน้อย เหมือนเห็นเป็นเรื่องตลกนักหนา


    อ้อนอยากจะกระโดดถีบให้อีกฝ่ายหายบ้า แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่โดนแซวแบบนี้เป็นใครก็เขินทั้งนั้น อายเหมือนกันนะโว้ย ดูอะไรของมันวะเนี่ย ไอ้ห่าทาน ตัวเองใหญ่นักเหรอ ถึงได้เที่ยววิจารณ์ของคนอื่น ไอ้บ้าเอ้ย


    อ้อนไม่ทันได้พูดอะไรมาก เพราะร่างกายถูกประคองมาที่อ่างล้างหน้าเพื่อจัดการล้างมือให้เรียบร้อย โดยมีทานตะวันคอยช่วยเหลือ

    "แป๊บ" คนตัวโตประคองคนที่ตัวเล็กกว่าและเอื้อมมือไปคว้ายาสีฟันมาบีบลงบนแปรง ยัดเยียดใส่มืออีกฝ่ายให้รับเอาไว้

    "อ่ะ เร็ว แปรง ๆ เข้า แม่มึงฝากดูแลมึง กูจะดูแลมึงตามที่คุณแม่บอก เอ้า ยังเสือกมองอีก เร็วสิวะ ยืนนาน ๆ กูเมื่อย"

    จะขอบใจดีมั้ย หรือว่าจะสมเพชตัวเองดี อ้อนได้แต่หันกลับมาใช้แปรงสีฟันแปรงฟันอย่างรวดเร็ว ล้างหน้าให้เสร็จเรียบร้อย ด้วยมือข้างเดียว


    เมื่อหันไปหาคนที่ชอบแกล้งอีกครั้ง ผ้าขนหนูที่พาดอยู่ที่บ่าของทานตะวันถูกส่งมาให้เพื่อใช้สำหรับเช็ดหน้า

    ยังไม่ทันจะเช็ดหน้า คนตัวโตกว่าก็ก้มลงและช้อนร่างของอ้อนไว้ในอ้อมแขน อุ้มขึ้นและพากลับมานั่งอยู่บนเตียงที่เดิม ท่ามกลางความประหลาดใจของอ้อน เพราะไม่คิดว่าคนอย่างทานตะวันจะทำให้ได้

    "อย่าคิดว่ากูจะใจดีนะ แต่เพราะมึงไม่สบายกูถึงต้องเอาใจ กูเอาใจได้แค่นี้แหละ หายเร็ว ๆ แล้วกัน กูขี้เกียจเอาใจมึงนาน"

    พูดเพียงเท่านั้น แล้วคนผีเข้าผีออกบ้าบอ ก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้อ้อนนั่งอยู่ในห้องเงียบ ๆ คนเดียวพร้อมกับที่สายตาไล่ตามคนบ้า ๆ บอ ๆ คนนั้นอย่างไม่รู้ตัว

    สิ่งที่อ้อนกำลังคิด คือ ผีคงเข้าสิงทานตะวัน คุ้มดีคุ้มร้าย เดี๋ยวดีจนน่าใจหาย เดี๋ยวก็ร้ายจนแทบจะทำให้เป็นบ้า

    อ้อนหันไปมองที่ประตูอีกครั้ง และมีรอยยิ้มจุดขึ้นน้อย ๆ ที่มุมปาก สิ่งที่ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ กลับได้เจออย่างไม่คาดฝัน

    อย่างน้อยเช้านี้ก็ยังไม่เจ็บตัว เพราะฝีมือของทานตะวันแล้ว

    เอาน่ะ ยังไงก็ถือว่าฤกษ์ดีแต่เช้า โดนด่าหน่อย ก็ยังดีกว่าเจ็บตัว


    ถือว่าวันนี้เป็นวันดีอีกวัน สาธุ ขอให้ผีคนดีเข้าสิงไอ้ทานนาน ๆ หลายวันด้วยเถอะ สิงมันไปจนกว่าจะพอเดินได้แค่นี้ก็นับว่าบุญแล้ว

     

    *******************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×