คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอน หมอนข้าง
หนัก
ความรู้สึกแรกที่ปรือตาตื่นขึ้นก็คือหนัก
หนักเพราะมีอะไรบางอย่างทาบทับอยู่บนตัว
แล้วนี่อะไร นี่มันแขนของใคร
อ้อนหรี่ตาขึ้น แล้วรับรู้ได้ถึงความปวดหนึบที่หัวเข่า และเหมือนมีเส้นเลือดเต้นตุบ ๆ อยู่ที่ฝ่ามือ
เมื่อยกมือขึ้นมอง ก็พบว่ามีผ้าพันแผลพันไว้แบบทุเรศทุรังเต็มที เหมือนคนทำแผล พันผ้าพันแผลไม่เป็น เห็นแล้วอ้อนกลับหัวเราะด้วยความขำ
อะไรวะเนี่ย พันเข้าไปได้ไงวะ
คิดได้ดังนั้น แล้วคิดไปถึงคนที่ทำแผลให้ อย่าบอกนะว่าเป็นไอ้ทาน ไอ้ทานเนี่ยนะ ตอนทำแผลให้ มันคงทำไปด่าไปแน่เลย ที่จริงปล่อยทิ้งไว้ก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องสนใจเลย
แล้วนี่อะไร มานอนอยู่บนเตียงได้ไง
แล้วนี่มันแขนของใครวะเนี่ย
อ้อนหันไปมองเจ้าของร่างที่กอดเอาไว้ และรับรู้ได้ถึงลมหายใจแผ่ว ๆ ที่เป่ารดอยู่ที่ข้างแก้ม
“ไอ้ทาน” อ้อนอุทานออกมาเสียงเบา และจ้องมองคนที่นิ่งเงียบอยู่ข้าง ๆ
มาไงอีกวะเนี่ย ไอ้ทานมาไงวะ สมองเริ่มลำดับความจำว่าก่อนหน้านั้นทำอะไรไปบ้าง .......แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น ตายห่า นี่มันจะคิดค่าทำข้าวของมันเสียหายเพิ่มมั้ยวะเนี่ย
ร่างกายเริ่มขยับ แล้วค่อย ๆ ยกแขนของคนที่กอดเอาไว้ออก
แต่แล้วทานตะวันก็ขยับกายแล้วปรือตาตื่นขึ้น งัวเงีย ๆ เหมือนกับว่าเริ่มรู้สึกตัว
แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไอ้คนตัวโตชอบแหกปากบ้าบอโวยวายมันตื่นแล้วจริง ๆ แล้วท่อนแขนที่ทับอยู่บนร่างของอ้อน ที่กำลังจะถูกยกออกก็ต้องถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น
ทานตะวันหรี่ตาขึ้นมองคนที่หันหน้ามาหา
ร่างในอ้อมแขนหันมาสบตากับคนตัวโตและนิ่งมองกันอยู่นาน
ดวงตากลมโตเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และหรุบสายตาลงมองที่แผ่นอกของคนที่กอดเอาไว้ เตรียมจะยกแขนที่พาดทับอยู่บนลำตัวออก แต่ทานตะวันกลับยึดร่างนั้นเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
“ทำไม” คำถามง่าย ๆ แต่ทำให้อ้อนนิ่งเงียบ และช้อนสายตาขึ้นจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนจะหยุดเคลื่อนไหวร่างกายและนอนนิ่งเงียบ
“เจ็บหัวเข่าหรือเจ็บมือ” น้ำเสียงเบาหวิวราบเรียบเอ่ยถาม และยังคงจ้องมองใบหน้าขาวซีดไม่กระพริบทำให้อ้อนต้องส่ายหน้าและก้มหน้าลงอีกครั้ง
“เปล่า” ถามคำก็ตอบคำ แต่คำตอบนั้นกลับทำให้คนตัวโตขมวดคิ้วและลุกขึ้นนั่ง ปล่อยร่างในอ้อมแขนเป็นอิสระ แล้วลุกขึ้นเดินไปค้นหาเม็ดยาในถุงที่ทางโรงพยาบาลจัดมาให้
ทานตะวันยืนอ่านวิธีการกินยา แล้วก็เลือกเม็ดยาหลากสีเทใส่มือยื่นให้กับคนตรงหน้า พร้อมกับน้ำในแก้วที่ถูกส่งให้
อ้อนนิ่งมองเม็ดยาในมือของทานตะวัน ก่อนจะแบมือรับเอาไว้ และเทเม็ดยาเข้าปาก ตามด้วยน้ำหนึ่งแก้ว จนหมด แล้วส่งแก้วคืน
แก้วน้ำถูกวางไว้ที่เดิม และทานตะวันแผ่นขึ้นมานอนอยู่บนเตียง จัดการปิดไฟที่หัวเตียงเรียบร้อย และกางแขนรอให้อีกฝ่ายนอนลงมาแต่อ้อนกำลังสงสัย และกำลังคิด ขยี้ตาซ้ำ ๆ เพราะไม่เข้าใจกับสถานการณ์ในตอนนี้
เอาน้ำให้
ส่งยาให้
มันหัวสมองได้รับความกระทบกระเทือนหรือไงวะ หรือไอ้ทานมันจะเป็นอะไร หรือว่าฝันอยู่กันแน่วะเนี่ย
“ง่วง กูต้องซ้อมเช้า มึงจะถ่างตานั่งอยู่อีกนานมั้ย หรือจะให้กูถีบลงไปนอนบนพื้น ให้อภิสิทธิ์มากไปหรือไง อย่าคิดนะว่าจะลดหนี้ให้ แล้วก็ไม่ต้องคิดเลยว่าจะเลื่อนลำดับจากคนใช้ให้มาเป็นเพื่อนน่ะ คิดอยู่ล่ะสิ นอนลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ กูคือประกาศิตจำได้มั้ย กฎข้อ 3 หรือมึงไม่เข้าใจ”
นั่นแหละ ทานตะวันตัวจริง ปากคอแบบนี้ อคติแบบนี้ และการไม่สนใจไยดีคนอื่นแบบนี้ นี่แหละทานตะวัน
อ้อนลงมานอนข้าง ๆ ร่างสูงใหญ่แล้ว
และนอนตัวเกร็งไม่กล้าขยับ
จนเมื่อท่อนแขนหนัก ๆ พาดทับบนร่างอีกครั้ง และร่างกายอุ่น ๆ ของคนที่นอนเคียงข้างเบียดกายเข้าหา ถึงได้ต้องหันไปมอง ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“หมอนข้าง.....กูจะให้มึงเป็นหมอนข้างวันนี้ มีปัญหามั้ย”
อ่อ หมอนข้างงั้นเหรอ นึกว่าอะไร เข้าใจแล้ว หึ ก็บอกมา ว่าท่านให้กระผมเป็นหมอนข้าง จะได้รู้เอาไว้
อ้อนหลับตาลงอย่างปลง ๆ และไม่นอนตัวแข็งทื่ออีกเมื่อเข้าใจความหมายของคนบ้า
ทานตะวันหรี่ตาลงแล้ว พร้อมกับที่อ้อนค่อย ๆ หลับใหลเพราะฤทธิ์ยา แต่คนที่ดูเหมือนว่าหลับ กลับปรือตาตื่นขึ้น และจ้องมองฝ่าความมืดเพื่อมองใบหน้าของร่างในอ้อมแขนให้ชัด ๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ไปตามแนวสันจมูก และลูบไล้ที่ข้างแก้มเนียนของคนที่นอนนิ่งเงียบ อยู่ข้าง ๆ และท้าวคางนอนมองใบหน้าของอ้อนเงียบๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปหาและแตะริมฝีปากเบา ๆ ที่ริมฝีปากสีซีดของคนหลับ แล้วก็ผละออกห่าง ก่อนจะมานอนท้าวคางจ้องมองใบหน้าของอ้อนอีกครั้ง และอมยิ้ม
“ไอ้เป๋ เอ้ย ไอ้ ไอ้อ้อน เอาใจนี่เขาทำยังไงวะ ถ้าเอาใจแล้วจะหายเร็วขึ้นป่าว ถ้าหายช้าไม่ดีนะเว้ย ไม่มีใครถูหลังให้ ไม่มีใครถือกระเป๋าให้ ไม่มีใครถือขวดน้ำให้ แล้วก็ไม่มีใครถือผ้าขนหนูรออยู่ข้างสนาม แค่คิดมันก็แปลก ๆ แล้ว”
ร่างสูงใหญ่ ทิ้งกายลงนอนและดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเอาไว้ และเผื่อแผ่ผ้าห่มให้กับคนที่นอนให้กอดด้วย
“โอ้ยยยยยยยย ง่วง ไอ้หมอนข้างนี่ก็นอนหลับดีจริง ๆ ฮ้าววววววว นอนดีกว่าเว้ย”
ทานตะวันนอนอมยิ้ม ยิ้มแล้วก็หลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม
ทั้งที่ไม่เข้าใจอะไรนัก แต่กลับรู้สึกว่า การมีคนมาอยู่ใกล้ ๆ ให้โมโห ให้โวยวายใส่ แล้วก็ให้กอด มันก็ดีเหมือนกัน
ทานตะวันลืมคิดว่าสิ่งที่ทำลงไป ผู้ชายด้วยกัน ไม่มีใครทำอะไรแบบนี้ แต่เพราะไม่เคยเข้าใจอะไรเลย จึงทำให้ทำบางสิ่งบางอย่างลงไปโดยไม่คิดอะไรให้วุ่นวายปวดหัว
โดยที่ไม่ทันรู้ตัว ทานตะวันเปิดรับคน ๆ หนึ่งเข้ามาในชีวิตแบบเงียบ ๆ โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าค่อย ๆ ยอมรับใครคนนั้นเข้ามาเป็นบางส่วนในชีวิตได้ยังไง
ความคิดเห็น