ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] เพราะเรากัดกัน (ผูกพันธ์) by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอน ชื่อ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.19K
      18
      3 ม.ค. 54

     ตอน ชื่อ








    เฮ้ยนี่มันเป็นภาระอะไรของกูวะเนี่ย ต้องคอยอุ้มไอ้เป๋เนี่ย แล้วดูซิกระเป๋าก็ต้องแบกเอง น้ำก็ต้องอาบเอง แล้วนี่มันห่าอะไรวะเนี่ย

    ทานตะวันช้อนร่างของคนที่เดินไม่ได้อุ้มไว้ในวงแขน แล้วเดินลิ่ว ๆ เข้าบ้านด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมาทำอย่างนี้ด้วย

    ทำไมต้องอุ้ม ทำไมต้องทำนั่นทำนี่ให้คนใช้ด้วย ไม่เข้าใจ

    อ้อนโอบแขนรัดรอบคอของทานตะวันเอาไว้แน่น เพราะกลัวตก แล้วก็เงยหน้ามองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ


    คราวนี้เลยยิ่งใจหายเข้าไปใหญ่ ไม่รู้ว่าคราวนี้ทานตะวันจะออกฤทธิ์ออกเดชอะไรอีก แค่เห็นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังไม่โวยวายออกมาเท่านั้น นอกจากเสียงบ่นที่เริ่มพูดออกมาอย่างไม่ขาดสายแล้วในตอนนี้

    ทำไมมึงต้องมาเป็นภาระกูด้วยวะแม่ง แทนที่จะได้อยู่อย่างสบาย ๆ แล้วต้องมาอุ้มมึงอีก มึงนี่ โว้ยกูเบื่อจริง ๆ เลยโว้ย เบื่อชิบหายแม่งโว้ย ให้อยู่บ้านกูนี่ก็เกะกะพอแล้ว กูเบื่อโว้ย เบื่อ เบื่อ เบื่อ

    ก็ใช่สิ เบื่อ ไม่มีเหตุผลที่ต้องมาทำอะไรให้นี่หว่า อ้อนก้มหน้าลงแล้วมองที่ขาของตัวเองที่ยังมีผ้าพันแผลพันอยู่ คราวนี้แหละวะได้ตายของจริงแน่ ๆ เจ็บขาไม่พอยังเจ็บใจอีกต่างหาก

    ปล่อยกูลงเดินเองก็ได้ ถ้าเดินไม่ได้เดี๋ยวกูคลานเข้าบ้านไปเองแหละ แค่นี้กูก็เป็นภาระของมึงมากมายแล้วนี่ ปล่อยกูลงหน้าประตูนี่แหละ

    ปากพูดไปแล้ว และใจก็คิดอย่างนั้น คลานไปก็ได้ ไม่ตายหรอก มากกว่านี้ยังเคย แค่นี้จะเป็นอะไรไปวะ

    อ้อนขบริมฝีปากตัวเอง แล้วพยายามจะออกจากอ้อมแขนของทานตะวันให้ได้ ถ้าหากคนบ้า บ้าเลือดกว่านี้ คงโยนร่างของอ้อนทิ้งลงพื้นแบบไม่สนใจ แต่คงเป็นโชคช่วยที่ตอนนี้ คนบ้าอย่างทานตะวัน ยังมีความเป็นคนอยู่บ้าง ไม่ปล่อยคนเจ็บทิ้งลงบนพื้นแค่นี้ก็นับว่าเป็นโชคดีของอ้อนแล้ว

    ทานตะวันเดินเข้าบ้าน แล้วปล่อยร่างในอ้อมแขนลงบนโซฟาวางไม้ค้ำไว้ให้ข้างกายคนเจ็บ

    อ้อนหยิบไม้ค้ำมาไว้ใกล้ตัวแล้วเงยหน้ามองทานตะวันที่เดินไปรินน้ำมาดื่มด้วยความกระหาย แล้วก็เลยกลืนน้ำลายลงคอ


    หิวน้ำเหมือนกัน แต่ไม่กล้าบอกว่าหิวน้ำ ได้แต่นั่งมองเงียบ ๆ แล้วก็ก้มหน้ามองขาของตัวเองอยู่อย่างนั้น

    เหี้ยเอ้ย แล้วกูจะอาบน้ำยังไงวะเนี่ย คนถูหลังก็ไม่มี คนนวดขาก็ไม่มี เซ็งชิบหายเลย เมื่อไหร่มึงจะหายซะทีวะ เสียเวลากูจริง ๆ

    คนตัวโตบ่นเสียงดังอย่างไม่คิดจะสนใจความรู้สึกของคนฟังเลยสักนิด เพียงเท่านั้นอ้อนก็แทบอยากจะร้องไห้แล้ว แต่ก็ไม่กล้าร้อง ตอนนี้เหมือนตัวเองเป็นตัวอะไรสักอย่างที่แย่จนไม่รู้จะเปรียบเทียบตัวเองเป็นอะไร ไม่มีขา ไม่มีแรง ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ไม่มีแม้แต่ศักดิ์ศรีที่จะเงยหน้าบอกใครๆ ว่า ถึงเป็นคนพิการ แต่ก็ไม่เป็นภาระใคร คนตาบอด คนขาด้วน ยังมีประโยชน์ทำนั่นทำนี่ได้ แต่อ้อนไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากเป็นภาระให้ใครต่อใคร

    อ้อนนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนโซฟา ส่วนทานตะวัน เดินจากไปแล้ว ทิ้งให้คนเจ็บนั่งกลืนน้ำลายและมองแก้วน้ำที่อยู่ห่างออกไป ด้วยความกระหาย แต่ก็ทำได้แค่นั่งมอง และลองใช้ไม้ค้ำช่วยในการยืน

    แต่ก็เจ็บแปลบที่ขา จนไม่สามารถจะพยุงร่างขึ้นยืนได้

    แม้แต่น้ำ แม้แต่จะดื่มน้ำ ก็ยังไปไม่ได้

    ทำไมวะ ทำไมไม่ตายไปเลยวะ โธ่โว้ยยยยยยยยยยย

    ปลายเล็บที่จิกเข้าที่ฝ่ามือ แนวฟันที่ทั้งขบทั้งกัดริมฝีปากจนขึ้นห้อเลือด
    น้ำตาที่ยังหลั่งรินอยู่ภายในใจ ยังไม่หยดออกมาที่หน่วยตา

    ทั้งที่ตอนนี้ ควรจะร้องไห้หนัก ๆ ร้องไห้ให้พอ แต่มันรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า และไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ไม่รู้ว่าต้องจัดการกับความรู้สึกเลวร้ายนี้ยังไง ไม่รู้ว่าต้องร้องไห้ หรือร้องโวยวาย เรียกหาใคร

    ไม่รู้อะไรเลย

    ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    ร้อนชิบหายเลยวันนี้ เหงื่อออกมาก แต่คงจะนอนหลับฝันดีเหมือนวันก่อนแน่ ๆ วันที่ฝันว่ามีแม่มากอด ครอบครัวมีความสุข อยากฝันอย่างวันนั้นอีก อยากจะฝันว่ามีความสุขแบบนั้นอีก

    ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยและใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดที่เส้นผมที่ยังเปียกชื้น พร้อมกับที่คนบ้าพลังเดินร้องเพลงหงุงหงิง หงุงหงิง มีความสุข หลังจากได้อาบน้ำจนร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่าแล้ว ดูเหมือนว่า อารมณ์หงุดหงิดโมโหที่ครุกรุ่นเมื่อช่วงเย็นของทานตะวัน เจือจางลงไปบ้างแล้ว

    ร่างสูงใหญ่เดินลิ่ว ๆ ออกจากห้องน้ำเตรียมไปเปิดรายการโทรทัศน์ดู แล้วก็ได้เห็นคนที่ตัวเองเรียกว่าคนใช้ กำลังพยายามลุกขึ้นยืนและใช้ไม้ค้ำยันร่างเพื่อจะเดินให้ได้

    อ้าว แล้วไอ้โง่นั่นทำอะไรวะ ก็หมอบอกว่า ห้ามขยับร่างกายไม่ใช่เหรอ แล้วมันจะขยับทำไม เดี๋ยวแผลก็อักเสบหรอกนี่มันทำห่าอะไรของมันวะเนี่ย เห็นแล้วรำคาญลูกกะตาจริง ๆ

    ร่างที่ยืนยิ่งมองอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ เดินมาหาคนที่พยายามจะใช้ไม้ค้ำพยุงกายขึ้น แล้วผลักให้อ้อนนั่งลงบนโซฟา ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ แล้วก็ตวาดเสียงดัง

    เฮ้ย จะไปไหนวะ จะหนีหนี้หรือไง รู้หรอกนะคิดอะไร

    ร่างกายกระแทกลงบนโซฟาจนอ้อนต้องนิ่วหน้า เพราะแผลที่หัวเข่ากระทบกระเทือน แถมซ้ำคำพูดบ้าบอไร้สาระของทานตะวันยิ่งทำให้ปวดใจมากขึ้น

    หนีหนี้เหรอ ไอ้เวรเอ้ย กูเกลียดมึงจริงๆ เลยไอ้ทาน กูเกลียดมึงโว้ย

    กูแค่จะไปกินน้ำ ไม่ได้หรือไง ถ้าไม่ได้กูก็จะได้ไม่ต้องกิน มึงจะคิดค่าน้ำกูเท่าไหร่อีกล่ะไอ้ทาน เอาเลยสิ กูมันคนใช้มึงนี่ ไม่เคยหวังให้มึงมาดูแลกูอยู่แล้ว

    ไม่ได้หวังให้ดูแล
    อะไรของมัน

    แม่ของไอ้อ้อนบอกว่า ฝากดูแลไอ้อ้อนด้วย อ้าว แล้วทำไมมันบอกว่าไม่ต้องดูแล กูทำไม่เป็นนี่ แล้วจะให้กูทำยังไงวะ ไอ้ดูแลนี่เขาทำกันยังไงละโว้ย กูไม่รู้นี่

    เออ จะกินน้ำใช่มั้ย ก็บอกสิวะ ว่าจะกิน จะคลานไปหรือไง ไอ้ง่อย ง่อยแล้วยังปากเก่ง

    ไอ้ง่อย คำพูดนี้มันกระทบกระเทือนใจของอ้อนอย่างแรง

    กูเป็นง่อยเหรอ

    กูเป็นไอ้ง่อยเหรอ เป็นง่อยเหรอเนี่ย ทำอะไรไม่ได้หรอกเหรอเนี่ย
    ขนาดจะกินน้ำยังไม่มีปัญญาเดินเลย กูเป็นง่อย กูเป็นไอ้ง่อย

    น้ำในแก้วเย็น ๆ ถูกรินส่งให้ แต่อ้อนกลับนิ่งมองเงียบ ๆ

    เอ้ากิน ๆ ซะ หิวน้ำไม่ใช่เหรอ

     

    อ้อนนั่งมองแก้วน้ำอยู่อย่างนั้น หิวน้ำ ต้องมีคนเอาน้ำมาส่งให้ ทำไมไปเองไม่ได้
    ทำไมล่ะ
    ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

    ความรู้สึกเจ็บปวดวิ่งแล่นไปทั่วร่าง ฝ่ามือเย็นชื้นสั่นระริก ดวงตากลมโตนิ่งมองใบหน้าของทานตะวันนิ่งงันอยู่อย่างนั้น

    อ้อนไม่รู้สึกตัวอีกแล้ว ว่าทำอะไรออกไปบ้าง ฝ่ามือปัดป่ายจนแก้วน้ำในมือร่วงหล่นแตกกระจายเต็มพื้น มาพร้อมเสียงเอะอะโวยวายของอ้อนที่กรีดร้องเหมือนกำลังคลุ้มคลั่งไม่ได้สติ

     

    ไอ้ทาน ไอ้ทานกูเกลียดมึง ไอ้เลว กูเป็นง่อยเหรอ ไม่เอา ไม่เป็น
    อ๊ากกกกกกกกกกก จะเดิน จะเดิน ไม่เอา กูไม่ได้เป็นง่อย ไม่ได้เป็น ฮือ ฮือ อ๊ะ จะเดินให้ดู จะเดินเดี๋ยวนี้แหละ อ๊ากกกกก ไม่ได้เป็นง่อยนะ ไม่ได้เป็น ปล่อยกูปล่อย ปล่อย ปล่อย

    เสียงกรีดร้องโวยวายดังขึ้น ร่างตรงหน้ากำลังไม่ได้สติ ตะเกียกตะกายอ้อนพยายามลุกขึ้นยืน ด้วยขาของตัวเอง แต่ยังไงก็ทำไม่ได้ สุดท้ายร่างกายที่พยายามฝืนก็ทิ้งกายลงบนพื้นและพยายามตะเกียกตะกายคลานออกห่างจากคนที่ดูถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรงคนนั้น

    ทานตะวันเองยิ่งตกใจ ไม่เคยเห็นสิ่งที่ได้เห็น ไม่เคยรู้จักกับสิ่งที่ได้รู้ ยืนนิ่งด้วยความตกใจ มองเศษแก้วที่กระจัดกระจาย และตอนนี้มือของอ้อนที่พยายามเอื้อมคว้าไม้ค้ำยัน กำลังแดงฉานไปด้วยเลือด เพราะเศษแก้วบาดที่ฝ่ามือ

    เฮ้ย ไอ้เป๋ เฮ้ย มึงเป็นอะไรวะ แก้วบาดมือแล้ว เฮ้ยเลือดออกเต็มเลย ไอ้เป๋ เฮ้ย เฮ้ย

    เหมือนคนที่กำลังตะเกียกตะกายไม่รับรู้สิ่งใดอีก นอกจากร้องโวยวายและร้องไห้อย่างบ้าคลั่งแล้ว ยังสะบัดมือหนีคนที่พยายามจะฉุดรั้งเอาไว้ให้ออกไปให้พ้นตัว หยดน้ำตามากมายหลังรินอาบแก้ม

    เจ็บที่ขา

    เจ็บที่มือ

    เจ็บไปหมด

    เจ็บไปทั้งร่าง

    เจ็บ แต่ไม่รู้จะร้องเรียกให้ใครช่วย เจ็บจนแทบขาดใจตาย

    ปล่อยกูไอ้ทาน ปล่อย ปล่อย กูไม่ได้เป็นง่อยนะ ไม่ได้เป็น ไม่ได้เป็นจริงๆ นะ กูไม่ได้เป็น ฮือ ฮือ

    ทานตะวันทิ้งกายลงและกอดรัดรั้งร่างของคนที่ไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยเอาไว้แน่น เป็นนานที่อ้อนไม่ยอมหยุดนิ่ง เป็นนานที่ดิ้นรนขัดขืน เป็นนานที่เอาแต่กรีดร้องโวยวาย ไม่ยอมหยุด แต่เพราะเรี่ยวแรงที่เหนือกว่าทำให้ร่างที่อ้อนล้า ค่อย ๆ นิ่งเงียบลง และซบใบหน้าลงที่ไหล่ของทานตะวัน พร้อมทั้งกำปั้นยังคงทุบรัวที่แผ่นหลังของคนกอดเอาไว้ไม่ยอมหยุด ปากยังคงพร่ำพูดแต่สิ่งที่ทานตะวันไม่เข้าใจ

    ไม่เป็น ไม่เป็น กูไม่ได้เป็นง่อย กูไม่ได้เป็น ปล่อยกู ปล่อยกูฮึกฮือ"

    เสียงร้องค่อย ๆ เงียบลงแล้ว พร้อมกับร่างที่กำลังดิ้นรน นิ่งสงบลงเรื่อยๆ หลังจากออกแรงจนเหนื่อย

    ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป แต่คนกอดก็ช้อนร่างของคนที่หลับตานิ่ง ๆ ขึ้นแล้วพาเดินเข้าไปในห้องนอน ผ่อนร่างนั้นให้เอนลงบนเตียงอย่างช้า ๆ

    ดวงตาคมจับจ้องไปที่ฝ่ามือที่ยังแดงฉาน และมองลงไปที่หัวเข่าที่มีรอยเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผล

    ใบหน้าซีดขาว ยังมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนอยู่ แต่ทานตะวันกลับไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป ได้แต่ยืนมองนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น ก่อนจะวิ่งไปคว้าโทรศัพท์แล้วกดหมายเลขโทรหาแม่ของตัวเองด้วยมือที่สั่นระริก

    แม่ แม่ ถ้าคนร้องไห้แล้วเขาก็โวยวายใหญ่เลย แล้วมือก็เป็นเลือด แล้วขาก็เลือดออกด้วยแล้วเขาก็หิวน้ำ แล้ว แล้ว แล้ว แล้วเขาก็หลับไปแล้ว ต้องทำยังไงบ้างแม่

    น้ำเสียงที่สั่นระรัวทำให้คนที่รับสายแทบจะฟังไม่ทันจนต้องให้ทานตะวันอธิบายอย่างช้า ๆ

    หลับแล้วครับ เลือดออกที่มือ แล้วขาก็เป็นแผล ร้องไห้ด้วยนะแม่ ใช่ ใช่ ต้องทำแผลก่อนเหรอ ทำแผลก่อน แล้ว แล้ว เช็ดน้ำตาให้ด้วยใช่มั้ย ครับ ครับ ถ้าเขาตื่นมาก็เอายาแก้ปวดกับแก้อักเสบแล้วก็เอาน้ำให้กินด้วยเหรอ ต้องเอาใจมาก ๆ เหรอ เอาใจทำยังไงเหรอแม่ เอาใจ คืออย่าทำให้ร้องไห้เหรอ ครับ ครับ แล้ว แล้ว

    แม่จะมาดูทานแข่งมั้ย

    คำถามที่ถูกเรียบเรียงเป็นประโยคเพื่อรอคำตอบ และในประโยคสุดท้ายของคำถามทำให้ทานตะวันหน้าเศร้า

    เหรอครับ ทานจะรอแม่นะ แม่ต้องมาให้ได้นะครับ ทานจะรอ

    ปลายสายถูกวางไปแล้ว พร้อมกับที่คน ๆ หนึ่งนั่งมองโทรศัพท์ในมือด้วยใบหน้าหมองเศร้า ถอนหายใจยาว และลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ

    เตรียมค้นหาอุปกรณ์สำหรับทำแผล ด้วยความรีบร้อน

    กล่องปฐมพยาบาลถูกเปิดออก พร้อมกับที่อุปกรณ์ทำแผลมากมายถูกนำมาใช้ สำลีและยาล้างแผล ถูกเช็ดเบา ๆ ที่แผลที่ยังมีเลือดไหลซึม ทั้งที่หัวเข่าและที่ฝ่ามือ และปิดทับด้วยผ้าพันแผล

    กล่องปฐมพยาบาลถูกนำไปเก็บแล้ว พร้อมกับที่คนตัวโตลงมานั่งข้าง ๆ คนที่ยังไม่ลืมตา หยดน้ำตาถูกปลายนิ้วแกร่งเกลี่ยไล้จนไม่เหลือคราบน้ำตาอีก

    แต่มากกว่านั้น คือสายตาของทานตะวันที่จับจ้องมองใบหน้าขาวซีด และไล้ปลายนิ้วลงมาที่ดวงตาที่ยังปิดสนิท เกลี่ยไล้ไปมาที่ข้างแก้มเนียน แตะนิ้วลงที่ริมฝีปากสีซีด และค่อยวางมือไว้บนหน้าผากของอ้อนอย่างแผ่วเบา เพื่อลูบไล้ที่หน้าผากของอีกฝ่ายเล่น

    หลับ.........

    ถ้าตื่นแล้วต้องเอาน้ำแล้วก็ยาให้กิน

    แล้วก็ต้องเอาใจด้วย เอาใจคืออย่าทำให้ร้องไห้ อย่าทำให้ร้องไห้เหมือนเมื่อกี้นี้เหรอ

    ดวงตาคมจับจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายเงียบ ๆ แล้วเอียงคอมองด้วยความสงสัย ทำไมต้องอาละวาดด้วย ทำไมต้องโกรธ ไม่เข้าใจ

    ไม่เป๋เหรอ ไม่เป๋ก็ไม่เป๋ แล้วก็ไม่ง่อยด้วย ไม่ง่อยก็ได้ ชื่ออะไรนะ มึงชื่ออะไร ไอ้คนใช้มึงชื่ออะไรนะ ชื่ออ้อม ชื่ออ้อมเหรอ ไม่ใช่นี่หว่า มันชื่อไอ้อ้อน ชื่อไอ้อ้อน เออกูจำได้แล้วว่ามึงชื่ออ้อน ต่อไปกูเรียกมึงว่าไอ้อ้อนแล้วกันนะ ไม่เรียกมึงว่าไอ้เป๋แล้ว ไอ้อ้อน ไอ้อ้อน เออ มึงชื่ออ้อนนี่เอง

     

    *******************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×